Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
วิถีการเรียนแบบอังกฤษ

.


....................

ก่อนถึงช่วงสอบประจำภาค 2 สัปดาห์ .. โรงเรียนจะให้เด็กนักเรียนหยุดเรียนเพื่ออ่านหนังสืออยู่ในที่พักของตนเอง .. แต่ครูประจำวิชาจะอยู่ประจำในห้องเรียนตลอดเวลานั้น .. เพื่อรอคอยการเข้ามาถามสิ่งที่อ่านแล้วไม่เข้าใจของเด็ก ..

ครูทุกคนพร้อมอยู่ในที่ตั้งตลอดคาบยามแห่งการสอบประจำภาคเสมอไป อย่างที่พูดได้ว่า available 100%

......................


นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียน Launceston Church Grammar School ที่ Tasmania ในออสเตรเลีย

ที่พูดว่าเป็นวิถีการเรียนรู้แบบอังกฤษ .. เพราะออสเตรเลียก็คืออังกฤษย้ายมาอยู่ มาครอบครอง .. จึงเหมือนกับเป็นชาติเดียวกัน

เอาเรื่องนี้มาเขียนเพราะได้รับรู้การจะมีการปฏิรูประบบการเรียนของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน กันอีกคำรบแล้ว !

ซึ่งที่ถูกต้องและที่ควรเป็นคือ การปฏิรูประบบการเรียนรู้ การถ่ายทอดความรู้ ของเด็กทั้งระบบตั้งแต่ประถมจนถึงระดับก่อนมหาวิทยาลัย !

เมื่อเด็กอายุครบ 18 พ่อแม่ของสังคมฝรั่งพยายามผลักดันให้เด็กออกไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง ช่วยตัวเอง และหยุดการสนับสนุนด้านปัจจัยเลี้ยงชีพ เพื่อสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองในเด็ก ..

หากเทียบกับสัตว์ก็คือเป็นวัยที่หย่านมแล้วต้องหากินเอง !

วัย 18 คือ วัยทีผ่านการศึกษาขั้นพื้นฐาน และขั้นมัธยม ที่เพียงพอจะมีวุฒิภาวะดูแลชีวิตตนเองได้แล้ว .. จึงยอมรับให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีศักดิ์และสิทธิ์เต็มพร้อมของความเป็นมนุษย์ในสังคม

จะเรียนต่อหรือไม่
จะทำงานอะไร
จะไปทดลองอยู่กับที่รักคนไหน

เลือกเอง ตัดสินใจเอาเอง พ่อแม่ไม่เกี่ยว หรือบังคับไม่ได้

เพียงแต่ .. ไม่ว่างานอาชีพอะไร .. รายได้ไม่แตกต่างกันมากแบบฟ้ากับดินเหมือนเมืองไทย ..

ดังนั้นอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงแกะ ปลูกองุ่น หรือ กีวี จึงสามารถมีรายได้พอจะครอบครองรถเบนซ์ เฟอร์รารี ได้เหมือนอาชีพ หมอ หรือ วิศวกร !

ไม่มีชนชั้นต่ำถึงขนาดต้องอยู่อาศัยบนน้ำครำดำเหม็นที่เรียกว่าสลัมแบบเมืองไทย ที่ภาคภูมิใจกันหนักหนาว่าไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร ยกเว้นพม่า !

สังคมที่มีแต่ชนชั้นกลาง 95%
และมีชนชั้นร่ำรวยมาก 5%

ย่อมเป็นสังคมในอุดมคติ ที่มองได้ว่าประสบความสำเร็จในการกระจายรายได้ไปทั่วถึงทั้งสังคม ..

(ไม่ต้องฟังพวก .. งี่เง่าพล่ามเพ้อสรรเสริญ เลนิน เหมา หรือ จิตร ภูมิศักดิ์ กันแบบหลับหูหลับตา ! ของชาติพันธุ์เชื่องเชื่อที่ดัดจริตทำเป็นซ้ายจัด .. เกี่ยวกับรูปแบบการปกครองแบบต่างๆ .. เพราะสังคมซ้ายจัดไม่เคยได้เรื่องได้ราวแม้แต่พื้นที่เดียวในโลกนี้แต่อดีตจนปัจจุบัน ! ! )

รวมทั้ง คนในสังคมย่อมมีการศึกษาในระดับที่ใช้วิจารณญาณในการเลือกรับ หรือไม่รับสิ่งต่างๆที่ผ่านมาสู่ชีวิตได้ด้วยตนเอง

ระบบการเรียนรู้ในโรงเรียนประถม มัธยม จึงสำคัญมาก !
.
.
.
เพียงแต่มันยากมากสำหรับสังคมไทยที่จะไปถึงจุดนั้น !

เพราะอะไร ?

ประการหนึ่ง .. นกแก้วนกขุนทอง
ลักษณะนิสัยใจคอแห่งชาติพันธุ์ หมายถึงลักษณะร่วมโดยรวม ที่ไม่ชอบเรียนรู้อะไรให้ถึงที่สุด คือรู้เพียงผิวเผิน .. งงๆ .. เบลอๆ .. รู้มาเป็นส่วนๆและไปต่อได้ไม่ไกล .. ลักษณาการแบบนี้จึงย่อมไม่อาจสร้างนักคิดในระดับ Noble Prize ได้เลย

ประการหนึ่ง .. เกรงใจ
คนพูดผิดๆ ก็ไม่กล้าแย้ง แก้ให้ถูก หรือแสดงความเห็นต่าง .. กลัวจะผิดใจกัน .. ซึ่งที่จริงแล้วการรักษาน้ำใจในเรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวันนี้ไม่ได้สร้างประโยชน์โภชผลอะไรเลยแก่จิตวิญญาณตนที่จะพัฒนาขึ้น

ประการหนึ่ง .. ใจแคบ
ลักษณาการขัดแย้ง เห็นต่าง มักกลายเป็นเรื่องของ ความดี กับ ความชั่ว ไปได้อย่างน่าหัวร่อ .. การตัดสินผู้อื่นด้วยทัศนะคติส่วนตนนั้นมีอยู่อย่างแพร่หลาย ในทุกระดับชนชั้นทั้งสังคม และโดยไม่มีการยกเว้นจากระดับของการศึกษาของคน .. ที่มีตัวตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล

ประการหนึ่ง .. อารมณ์เหนือเหตุผล
เพียงแค่ความชอบจากความสอดคล้องของจริตตน .. จึงสามารถยอมรับสิ่งที่ชอบ คนที่ชอบ ในทุกการแสดงออก แม้จะขาดเหตุผลก็ตาม .. ลักษณาการเด่นชัดคือกรณี เสื้อแดง เสื้อเหลือง .. ที่ฝ่ายตรงข้ามเลวหมด ทำอะไรไม่มีดีแม้แต่เรื่องเดียว .. และฝ่ายเดียวกันทำอะไรดีหมดไม่มีข้อควรต้องตำหนิเลย แม้ว่ามันจะไม่เข้าท่าเลยก็ตาม อาจช่วยปกป้องอีกด้วย !

ประการหนึ่ง .. ความรับผิดชอบเชิงสาระต่ำ
เด็กลอกคำตอบเพื่อน หรือ คอยขอคำตอบสำเร็จรูปเพื่อส่งครูให้เสร็จเรื่องไป โดยไม่สนใจในเนื้อหานั้นๆ .. ไม่สนใจจะเรียนรู้ด้วยตนเอง .. การมาถามหาคำตอบสำเร็จรูปแบบนี้เป็นลักษณาเด่นชัดของการขาดจิตวิญญาณเรียนรู้ ขาดความรับผิดชอบต่อ"งาน-การบ้าน" ที่ครูให้มา .. เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานก็จะยังโทร.ไปถามเพื่อนที่เรียนเก่งกว่าเพื่อ"ขอคำตอบ-solution สำเร็จรูป" เพื่อใช้ในงานของตน

ประการหนึ่ง .. ความคิดริเริ่มไม่มี
คนที่ไม่ชอบการเปลียนแปลง .. คือคนในกลุ่มอนุรักษ์นิยม ..เป็นคนถ่วงความเจริญของโลก .. เพราะโลกย่อมเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้าตลอดเวลาตามหลัก อนิจจัง แต่จิตที่ไม่ยอมเปลี่ยนหรือจิตที่เฝ้า"พอใจในสิ่งที่มีอยู่" ย่อมไม่อาจสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้ .. เกวียนจะยังเป็นเกวียนอยู่ตลอดกาลหากไม่มีคนคิดเอาเครื่องยนต์มาขับเคลื่อนแทนแรงงานวัวควาย .. และ"คนคิด" นั้นไม่อาจมาจากจิตวิญญาณที่ "พอใจในสิ่งที่มีอยู่ได้" โลกจึงมีเฟอร์รารีรุ่นล่าสุดให้เห็น .. ที่มิใช่เกวียน !

ประการหนึ่ง .. ระเบียบวินัย การเคารพกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้มีต่ำมาก
ดูได้ง่ายที่สุดบนท้องถนน .. ระดับความเร็ว .. เส้นทึบเส้นประ .. แถบสีห้ามจอด .. การขับแซงปาดหน้า .. การขับรถสวนเลน .. การไม่หยุดเมื่อไฟเหลืองแต่เร่งซ้ำเพราะกลัวติด ทั้งๆที่เวลาของทั้งไฟเหลืองและไฟแดงรวมกันไม่เกิน 2-3 นาทีเท่านั้น .. ย่อมไม่มีธุรกรรม 1000 ล้านรอให้เซ็นต์ชื่ออนุมัติให้ตรงเวลารออยู่แน่นอน ! - จริงไหม ? .. แล้วจะรีบไปตายที่ไหน ?

ประการหนึ่ง .. ความไม่ซื่อสัตย์ สุจริต
อันนี้รวมทั้งการวิ่งเต้น เส้นสาย ด้วยทั้งสิ้น เพราะนั่นคือการทุจริตในระเบียบและวิธีการที่วางไว้ .. ranking ในระดับโลกจึงสูงยิ่งในเรื่องทุจริตคอรัปชั่น .. ให้คนเขาดูแคลนไปทั้งโลก

ฯลฯ


ทั้งหมดนั้น .. สามารถแปลงกลับไปคิด เชิงป้องกัน ตั้งแต่วัยเด็กได้ .. โดยไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนเนื้อหาเชิง"วิชาการ"เลยแม้แต่น้อย .. แค่ "วิธีการ" ก็เพียงพอจะพาประเทศนี้ไปสู่ความเป็นประเทศพัฒนาแล้วอย่าง เกาหลีใต้ได้ไม่ยาก

แต่สิ่งเหล่านี้ต้องชัดเจน ชัดแจ้งก่อนเท่านั้น !

.. วิธีการให้ได้มาซึ่งครูที่มีคุณภาพพร้อมจิตวิญญาณความเป็นครู
.. วิธีการให้ได้มาซึ่งเด็กที่พร้อมสำหรับการพึ่งพาตนเองโดยไม่มี พ่อแม่ โง่เขลาหลงลูกคอยสปอย ป้อนข้าวป้อนน้ำจนอยู่ประถมปลายแล้วยังไม่เลิก !
.. วิธีการให้ได้มาซึ่งระบบการทดสอบ ตรวจสอบทั้งการเรียนของเด็ก และการสอนของครู เพื่อขจัดสิ่งปลอมปนที่แทรกเข้าในระบบเพราะ"ไม่รู้จะเรียนอะไรดี"
.. วิธีการให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนผู้สอนในระดบที่จะเรียกคนหัวดีมาเรียน ! ไม่ใช่พวกขี้เท่อ ชอบนั่งหลังห้องที่ต่างกับพวกเรียนหมอ วิศวะแบบฟ้ากับดิน !
.. วิธีการให้ได้มาซึ่งระบบการจัดการการศึกษาที่รู้จริง เป็นมืออาชีพโดยตรงที่มิใช่เอาผู้พิพากษามาดูแลการศึกษา ! ของระบบการเมืองแบบด้อยพัฒนาในปัจจุบัน (นายทุนพรรคกำหนดตัวรัฐมนตรี หรือโควตาภาค เป็น สส มานาน เลยต้องหาตำแหน่งให้ลง ทั้งๆที่ในกะโหลกเหมือนกะลามะพร้าว ! .. หรือบุพการีเป็นเจ้าพ่ออิทธิพลถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก ! - มันเก่งกาจเยี่ยงไร ถึงเอามาบริหารประเทศ ? ?)
.. วิธีการที่ครูคือ advisor ไม่ใช่ teacher, commander แบบการสื่อทางเดียว .. แต่นักเรียนต้องสามารถโต้แย้งได้เหมือนเถียงกับเพื่อน !


แล้ว การปฏิรูประบบการเรียนรู้ของเด็กไทย อาจพอมีหวัง !



Create Date : 28 มกราคม 2556
Last Update : 30 มกราคม 2556 19:22:43 น. 0 comments
Counter : 2539 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.