Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
22 กุมภาพันธ์ 2560
 
All Blogs
 

O ตำนาน"ลาโง่" แห่ง คลองหลวง ! .. O





สร้างทำไม ?
.
.
นี่คือคำถามง่ายๆ ..
.
แนวคิดนี้เริ่มจากการคิด เชื่อ ว่ามีตัวตนล่องลอยข้ามภพข้ามชาติ โดยมีแรงผลักจาก "วิบากกรรม" (1 ในอจินไตย 4 ซึ่งพุทธะบอกว่าไม่ควรคิด ในอจินติตสูตร .. เพราะสามัญบุคคลไม่สามารถรู้ได้ ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ คิดไปก็ฟุ้งซ่าน หาความจริงไม่ได้เลย)
.
เมื่อมีแรงผลัก (อันเปรียบเสมือนแรงที่ผลักดันให้ดวงดาวโคจรในอวกาศ) จากวิบากกรรม หรือ กรรมเก่า ซึ่งมาจากอดีตชาติ ก็ต้องมี อนาคตชาติ รองรับแนวคิดนี้อีกลำดับหนึ่ง
.
อดีต -> ปัจจุบัน -> อนาคต
.
อดีต คือ ช่วงเวลาก่อนการเกิดของรูปนามในท้องแม่
อนาคต คือ ช่วงเวลาหลังการดับของรูปนามเข้าโลง เผา หรือ ฝัง
ระหว่างสองช่วงเวลาคือ ปัจจุบัน
.
เป็นเรื่องน่าหัวร่อ
ที่การเกิดของรูปนามใดๆ นั้นแท้จริงแล้ว เกิดจาก ความปรารถนาของชายหญิง ตามธรรมชาติแห่งวัย และโดยเจตนาของสองคนเท่านั้น
.
ซึ่งไม่เกี่ยวกับ เจตนารมย์ ใดๆของตัวอ่อน (บุคคลที่ 3) ที่เกิดปฏิสนธิขึ้น"หลังจาก" เชื้ออสุจิของชายผสมกับไข่ของหญิง (บุคคลที่ 1 + 2)
.
แนวคิดนี้มิแปลว่า "วิบากกรรม ของตัวอ่อน (บุคคลที่ 3)" แทรกเข้าควบคุมเจตนารมย์ของ พ่อแม่ (บุคคลที่ 1+2) ก่อนการมีเพศสัมพันธ์หรอกหรือ ?
.
เป็นเรื่องขาดเหตุผล ไม่ว่าในทางรูป หรือ ทางนาม
.
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสไม่ให้คิด เรื่อง วิบากกรรม ..
หมายความว่า พระองค์รู้ว่านั่นจะเป็นเหตุแห่ง มิจฉาทิฏฐิ ตามกำลังสังขาร (อำนาจแห่งการปรุงแต่ง) ของแต่ละคน .. พูดกันสนุกสนาน เพริดแพร้วพิสดาร สาระพัด แล้วหาความจริงอะไรไม่ได้เลย - จึงทรงห้ามเสีย
.
พูดอีกที คือ พระองค์บอกว่า เรื่องอดีตที่รู้เองไม่ได้ ผู้อื่นก็ไม่มีใครรู้ของใครได้ มาบอกอย่างโน้นอย่างนี้ย่อมเป็นเรื่องหลอกลวงสถานเดียว แปลต่อว่า เรื่องของอดีต เรื่องของอนาคต ไม่ใช่เจตนารมย์ของพระองค์ที่จะสอน
.
พระองค์สอนแต่เรื่องทุกข์ และความดับทุกข์ในปัจจุบันเท่านั้น
.
แล้วทำไมจึงเชื่อกันไม่ลืมหูลิมตา ?
.
ตอบว่าเพราะพระร่วงเขียน "ไตรภูมิพระร่วง" โดยแปลอรรกถา "คัมภีร์วิสุทธิมรรค ของพระพุทธโฆษาจารย์" ภิกษุอินเดียผู้จาริกไปศึกษาพุทธธรรมที่ลังกาเมื่อประมาณ พศ.1500 เขียนอธิบายพระไตรปิฎกเอาไว้ ...
.
.
และ หลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ศึกษาแนวคิดจากวิสุทธิมรรคนี้ นำมาเผยแพร่ต่อลูกศิษย์อีกต่อ .. ธรรมกาย ย่อมสืบทอดแนวคิดมาจากหลวงพ่อสด
.
.
วิสุทธิมรรค อธิบาย ปฏิจจสมุปบาท ออกทะเล
โดยแทรก "ปฏิสนธิวิญญาณ" ขึ้นมาสนธิช่วงต่อ ระหว่าง วิญญาณ กับ นามรูป
โดยวาง ..
.. อวิชชา กับ สังขาร - เป็นอดีตชาติ
.. (ปฏิสนธิ)วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ ตัณหา เวทนา อุปาทาน ภพ - เป็นปัจจุบันชาติ
.. ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส - เป็นอนาคตชาติ
.
.
เกิดตรง นามรูป ครั้งหนึ่ง
เกิดตรง ชาติ อีกครั้ง
.
.
ซึ่งคำ "ปฏิสนธิวิญญาณ" นี้ไม่มีในพระไตรปิฎก
.
จึงกลายเป็นเกิด 2 ครั้ง มี 3 ภพ 3 ชาติ
และนับเนื่องเป็นตัวตน (บุคคล) เดิมเดียว อันเป็นเรื่องของ อาตมัน ของพราหมณ์
ในทางพุทธศาสนา เรียกแนวคิดการเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้ว่า สัสสตทิฏฐิ
.
.
อนัตตา คือ ไม่มีอะไรเป็นตัวตนถาวรอะไร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุปัจจัยที่เกื้อหนุน หล่อเลี้ยง อยู่ ... ไม่มีอะไรนับเนื่องเป็นตัวตนเดิมเดียวได้
.
.
บรรดา"ลาโง่"จึงต้องลากแอกไปรอบๆหลัก
โดยการ"สร้าง"วัตถุธรรมสืบต่อไม่จบไม่สิ้น
.
.
เช่น เจดีย์ ในรูปเป็นต้น ..
ที่สร้างด้วยลาโง่ ทั้งหัวโล้น หัวดำ !
.











 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2560
0 comments
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2560 13:48:17 น.
Counter : 1623 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.