Group Blog
 
<<
มกราคม 2557
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
11 มกราคม 2557
 
All Blogs
 

O ชั่วฟ้าดินดับ .. 2 O








๑๗๔ ลมเช้าลูบแผ่นน้ำ - - - กระเพื่อมวง
เมื่อรุ่งแสงเริ่มผจง - - - จับฟ้า
เลื่อนรอบแล่นริ้วดรงค์ - - - โรยกระทบ ฝั่งเนอ
แสงแรก, ลมอ่อนล้า - - - ลูบ, โน้มนำ-คะนึง ฯ

๑๗๕ คำนึงวกย้อนสู่ - - - ยามสาง นั้นนา
ลมร่ำ, ผืนพลอย-วาง - - - หยาดล้อม
จีวร, บาตร, รูป-กลาง - - - กุศลบท
กรรทบ, ปรุงแต่ง-พร้อม - - - แวดล้อมประนอมขวัญ ฯ

๑๗๖ รูปจีวร-ก้าว, ย่าง - - - หยุด, รอ
รูปพักตร์พริ้มเพราลออ - - - นอบ, ไหว้
ข้าวหอมกรุ่น, แดดทอ - - - กระทบรูป
หน้าจบน้อม, แดดไล้ - - - ลูบเนื้อเนียนถนอม ฯ

๑๗๗ คำข้าว, ช่อดอกไม้ - - - ถวายพระ
น้อมรูป, เชิญสัจจะ - - - จบเกล้า
น้อมจิต, รับพุทธะ - - - ธรรมท่าน แล้วแฮ
ภาพงดงามยามเช้า - - - อยู่, เชื้อเชิญประชัน ฯ

๑๗๘ รูปจีวร-ก้าวผ่าน - - - พ้นสมัย
เหยียบโลก, ย่ำอาลัย - - - ล่มล้าง
รูปเนตรเหลือบ, หฤทัย - - - โยกแกว่ง
สบ, นิ่ง, ใจล่องคว้าง - - - สุดคว้า, สุดขืน ฯ

๑๗๙ รูปจีวรล่วงพ้น - - - เพียงตา
อีกรูป-งำลีลา - - - ลอบชม้าย
ธรรมพระแว่ว, เพทนา - - - แนบอก
สบเนตร, แววเนตรคล้าย - - - ข่มสะเทิ้น, ครวญธรรม ฯ

๑๘๐ หลังภาพ-ผมหล่นล้อม - - - รูปพักตร์,
ธรรมพระ, สัมมามรรค, - - - เนตรชม้อย,
บาปบุญ, จดจำหลัก - - - ลงจิต
คือโลกบัดนั้นคล้อย - - - เคลื่อนเร้าแรงถวิล ฯ

๑๘๑ เช้านั้น, นันทิ-ตั้ง - - - ตอบกาล
ลมร่ำ, รูปรำบาญ, - - - รูปเจ้า
บุญส่ง, บาปสืบสาน - - - สบแม่ ฤาแม่
สบเนตร, เนตรจึ่งเร้า - - - เร่งให้เสน่หา ฯ

๑๘๒ คง-บุญพาผ่านพ้อง - - - พบกัน
แววเนตรจึงล่ามพัน - - - ผูกไว้
บาปสร้างแต่เบื้องบรรพ์ - - - สุดบิด เบือนแม่
ลบรูป, ลบรอยได้ - - - แต่ด้วยชีพสูญ ฯ

๑๘๓ หล่นลงแล้วรุ่งเรื้อง - - - รมยา
ล่มรูปรอยทรมา - - - มอดเชื้อ
รูปนาม, รูปจริต, ปรา- - - - กฎแวด ล้อมเนอ
จักขุ, แดด-โอบเนื้อ - - - อุ่นเนื้อทะนุถนอม ฯ

๑๘๔ แผ่วลมเช้าป่ายริ้ว - - - โลมวัลย์
อีกรูปนามโลมขวัญ - - - ฝากชู้
แดดเช้า, เลศนัย-บรร- - - เจิด, ส่อง, สื่อเนอ
เมิน-ข่มยิ้ม, รับรู้ - - - ร่วมเชื้อเชิญอรุณ ฯ

๑๘๕ แดดยามสายรุ่งเรื้อง - - - รัศมี
เมื่อรูปนามเริ่มลี- - - - ลาศคล้อย
แววเนตร, กอปรท่วงที- - - - เมิน, หลบ
โลกแวดล้อม, เนตรชม้อย - - - หยุดสิ้น, พันธนา ฯ

๑๘๖ ช่อมาลย์อวลกลิ่นไล้ - - - ลมยอ
พลิ้วผ่านเหมือนร่ำรอ - - - แวดล้อม
รื่นหอม, รูปงาม-พะนอ - - - แนบจิต พี่แม่
จึงบัดนั้นพรั่งพร้อม - - - ห่วงละห้อย-หวาน, หอม ฯ

๑๘๗ ช่อเรียวรูปเด็ดไว้ - - - ในมือ
กลีบบอบบางถนอมถือ - - - กริ่งช้ำ
ใจเอยหวั่นไหวฤๅ - - - จึงระส่ำ เต้นนา
แต่เมื่อแววเนตรล้ำ - - - ล่วง-เชื้อเชิญใจ ฯ

๑๘๘ ภาพก้านช้อยช่อขึ้น - - - พะนอลม
ซ้อนทับภาพเนตรคม - - - เหลือบค้อน
ให้เพ่งผาด-ปรารมภ์ - - - รุมอก
รุม-ว่าคือออดอ้อน - - - ออดให้นิวรณ์กระเหิม ฯ

๑๘๙ ปรุงปรนสีกลิ่นเรื้อง - - - รมยา
ลอยล่องลานเพ-ลา - - - สู่รุ้ง
กลีบกรองละลานตา - - - เตรียบค่า ควรเนอ
หอมย่อมเกินเขตคุ้ง - - - ครอบฟ้าครองขวัญ ฯ

๑๙๐ เพรางายปฐมะเรื้อง - - - รังสิมันต์
มัทนะชมพูบรร- - - - เจิดช้อย
เตรียบพักตร์, ผุดผ่องวรร- - - - โณภาส เทียมฤๅ
เพียงเนตรเจ้าเหลือบชม้อย - - - มากน้อยประเมินไฉน ฯ

๑๙๑ กลิ่นเกลี้ยงกุสุมะรู้ - - - รวยริน
อบร่ำคร่ำครวญถวิล - - - หวั่นร้าง
หอมเอยหล่อเลี้ยงจิน- - - - ตภาพแต่ แม่นา
รูป-กลิ่น-ใจ-ล่องคว้าง - - - ระหว่างห้วงหวานหอม ฯ

๑๙๒ เพราพรายโอภาสเมื้อ - - - เมฆบน
เหลื่อมละลานอำพน - - - แผ่นฟ้า
เมื่อหอมกลิ่นเสาวคน- - - - ธะรสจู่ ใจนา
ล่มลบถ้วน, เหลือหน้า- - - - หนึ่งหน้านางเดียว ฯ
.
.
พศ. ๒๐๒๖
.
.

ภาพจำลองพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา ..



ต่อไปนี้เขียนล้อโคลงกำสรวลสมุทร.

(โคลงทั้ง 3 คือ ยวนพ่าย .. ทวาทศมาส .. กำสรวลสมุทร (ที่ชอบเรียกกันผิดๆว่า กำสรวลศรีปราชญ์ ) มีข้อสันนิษฐานจากนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลเดิม .. ว่าน่าจะเป็นพระนิพนธ์ใน "สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสองค์โตในสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของ "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2-พระเชษฐาธิราช ที่มีพระราชมารดาเป็นเจ้าหญิงของราชวงศ์สุโขทัย" ..

พ. ณ ประมวญมารค (หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี - ท่านจันทร์) ได้เสนอว่าโคลงดั้นทั้ง ๓ คือ ..
- ยวนพ่าย (แต่งประมาณ พ.ศ.2017-2025)
- กำสรวลสมุทร (แต่งประมาณ พ.ศ.2025-2030 (หรือ 34))
- ทวาทศมาส (แต่งประมาณ พ.ศ.2027-2031)

และเป็นข้อสันนิษฐานที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด



.. พรายพรายพระธาตุเจ้า - - จยรจนนทร แจ่มแฮ
ไตรโลกยเลงคือโคม - - ค่ำเช้า
พิหารรเบียงบรร - - รุจิเรข เรืองแฮ
ทุกแห่งห้องพระเจ้า - - น่งงเนือง ฯ


๑๙๓ พรายพรายพระธาตุเจ้า - - - เจียรสูรย์ แจ่มแฮ
สามโลกรับจำรูญ - - - ค่ำเช้า
เจดีย์ยอดชี้ปูน - - - โปรดสัตว์
บอกมรรคาทวนเศร้า - - - โศกร้อนกร่อนระรุม ฯ

.. ศาลาอเนขสร้าง - - แสนเสา โสดแฮ
ธรรมาศจูงใจเมือง - - สู่ฟ้า
พิหารย่อมฉลักเฉลา - - ฉลุแผ่น ไส่นา
พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า - - หล่อแสง ฯ


๑๙๔ ศาลาเอนกสร้าง - - - แสนเสา โสดแฮ
ธรรมข่มใจมืดเมา - - - หมดสิ้น
พระมาศเลื่อมเลื่อมเงา - - - งำอก ใจเอย
งำอกใจเดือดดิ้น - - - ดับร้อนทารุณ ฯ

.. ตระการหน้าวัดแหว้น - - วงงพระ
บำบวงหญิงชายแชรง - - ชื่นไหว้
บูรรพาท่านสรรคสระ - - สรงโสรด
ดวงดอกไม้ไม้แก้ว - - แบ่งบาล ฯ


๑๙๕ ตระการหน้าวัดแหว้น - - - วังพระ
บวงบำรุงสัจจะ - - - จบไหว้
ร่มธรรมรูปพุทธะ - - - สถิตอยู่
จิตต่างดวงดอกไม้ - - - เพ่งน้อมประนอมคะนึง ฯ

.. กุฎีดูโชติช้อย - - อาศํร
เต็มร่ำสวรรคฤาปาง - - แผ่นเผ้า
เรือนรัตนพิรํยปราง - - สูรยปราสาท
แสนยอดแย้มแก้วเก้า - - เฉกโฉม ฯ


๑๙๖ กุฎียกยอดช้อย - - - ชูทาง
บอกวัตรเข้าขัด, ขวาง - - - ขวากร้อน
เรือนรัตน์ภิรมย์ปรางค์ - - - ปราสาท
เหลื่อมระยับแสงย้อน - - - เยี่ยมท้าทรมาน ฯ

.. อยุทธยายศโยกฟ้า - - ฟากดิน
ผาดดินพิภพดยว - - ดอกฟ้า
แสนโกฎบยลยิน - - หยาดเยื่อ
ไตรรัตนเรืองรุ่งหล้า - - หลากสวรรค์ ฯ


๑๙๗ อยุธยายศท่วมทั้ง - - - ธานินทร์
งามดั่งนาครอินทร์ - - - เอี่ยมฟ้า
แสนโกฏโสตอาจยิน - - - เสียงอยู่
ธรรมเปล่งเสียงกล่อมหล้า - - - หล่อล้อมใจเมือง ฯ

.. อยุทธยาไพโรชไต้ - - ตรีบูร
ทวารรุจิรยงหอ - - สรหล้าย
อยุทธยายิ่งแมนสูร - - สุระโลก รงงแฮ
ถนัดดุจสวรรคคล้ายคล้าย - - แก่ตา ฯ


๑๙๘ อยุธยาไพโรจน์ไต้ - - - ตรีบูร
ไตรรัตน์จำรัสจรูญ - - - ร่วมพ้อง
บัลลังก์ร่มไพบูลย์ - - - บาลบ่ม ชนแฮ
เย็นศิระอุระต้อง - - - ตอบรู้อภิรมย์ ฯ

.. ยามพลบสยงกึกก้อง - - กาหล แม่ฮา
สยงแฉ่งสยงสาวทรอ - - ข่าวชู้
อยุทธยายิ่งเมืองทล - - มาโนช กูเอย
เขตรตระหลบข่าวรู้ - - ข่าวยาม ฯ


๑๙๙ ยามพลบเสียงกึกก้อง - - - กาหล แม่ฮา
ซอ, กรับ, รับฉิ่งปรน - - - โสตรู้
โคลงกลอนกาพย์ระคน - - - ครวญขับ
ขับกล่อมทรวง, กล่อมชู้ - - - ชื่นล้ำคำเกษม ฯ

.. ปารนี้แก้วข้าตื่น - - ฤาหลับ อรเออย
นอนน่งงฉนนใดดู - - ด่งงนี้
ยอมือบนนทับอก - - โดยแม่ กูเออย
เจ็บยิ่งล้ำพ้นผี้ - - หมื่นทวีแสนทวี ฯ


๒๐๐ ป่านนี้แก้วข้าตื่น - - - ฤๅหลับ อรเอย
นอนนั่งฉันใด, พรับ - - - เนตรเฝ้า-
คอยเรียมวกย้อนกลับ - - - คืนสู่
คอย-สู่, อยู่ค่ำเช้า - - - อาจรู้ฤๅสมร ฯ

.. ปารนี้อรเช้าแม่ - - เกลาองค์ อยู่ฤา
ต่างกรดานจตุรงคมยง - - ม่ายม้า
ฤาวางสกาลง - - ทายบาท
ฤากล่าวคำหลวงอ้า - - อ่อนแกล้งเกลาฉนนท ฯ


๒๐๑ ป่านนี้รูปแน่งน้อย - - - เกลาองค์ อยู่ฤๅ
ตั้งกระดานชนวนลง - - - จดถ้อย
ฤๅมุ่งเพลาะผ้าผจง - - - จับจีบ
ใจเล่าเจ้าจักคล้อย - - - อยู่ข้างเรียมไฉน ฯ

.. ดวงดยวบววมาศแพ้ - - พิมทอง พี่เออย
รยมบหลับใหลหา - - ค่ำเคี้ย
ดวงดยวแม่มองหน - - หาพี่ พู้นแม่
ใครช่วยชูเกล้าเกลี้ย - - กล่อมแถง ฯ


๒๐๒ ดวงเดียวบัวมาศแพ้ - - - พิมทอง พี่เอย
เรียมบ่หลับใหลครอง - - - ค่ำนี้
หวังเดียวแม่, แม่มอง - - - หาอยู่
อยู่ออดอ้อนชวนชี้ - - - ชิดเนื้อโอบถนอม ฯ

.. โกกิลกรวิกษอ้ยง - - ยูงยาง
จับกิ่งยูงยางเยาว - - เพื่อนพร้อง
พละลบกัลโหยลาง - - โลมลูบ
จับกิ่งยางแล้วร้อง - - ไร่เฌอ ฯ


๒๐๓ โกกิลกรวิกเอื้อน - - - ออกเสียง
จับกิ่งยูงยางเพียง - - - พร่ำร้อง
พระลบกัลโหยเคียง - - - แขรูป เคียวนา
จับม่านหม่นคลี่คล้อง - - - ขอบฟ้าคลุมฝัน ฯ

.. ศรีมาพิโยคพื้น - - รัตนภูม
ถนัดดุจพระภูมผจง - - แผ่นแผ้ว
เล็งแลเยียฟ้าฟูม - - ชลเนตร
เพราะพี่เจ็บเจ้าแคล้ว - - คลาศไกล ฯ


๒๐๔ เรียมมาพิโยคพื้น - - - รัตนภูมิ
แผ่นอกเป็นแผ่นปูม - - - จดร้อย
หมึกจารจากนัยน์ฟูม - - - น้ำหลั่ง
บอกหนึ่งผู้แน่งน้อย - - - แน่วรู้ - คอยรอ ฯ

.. จากมาสายสวาดิไว้ - - อยุทธยา แลนา
อกเปล่าอกสายสินธุ์ - - หากรู้
ลุะดานกนนชาววา - - ลวงใหญ่ แล้วแฮ
วาลยิ่งสารสับสู้ - - เสริฐชล ฯ


๒๐๕ มุ่งมาสายสวาดิเนื้อ - - - เนาทรวง
ตามสิทธิ์คำสัตย์บวง - - - บอกไว้
วอนเทพประเทียบทวง - - - ฤทธิ์กล่อม แม่นา
กล่อมแม่, ทรวงแม่ให้ - - - ห่วงรู้คอยเรียม ฯ

.. จรลิวไต้ฟ้าต่ำ - - เตือนยาม
โหยบเหนสายใจ - - จรคล้าย
บลุแม่เมากาม - - กาเมศ กูเออย
ลพี่หว้ายน้ำหน้า - - มืดเมา ฯ


๒๐๖ จรลิ่วไต้ฟ้าต่ำ - - - เตือนยาม
โหยบ่เห็นหน้าทราม- - - - สวาทแก้ว
เลือดตายิ่งฝนลาม - - - หล่นโลก แม่เอย
ท่วมจิตจมมิดแล้ว - - - จากร้อนแรงถวิล ฯ

.. รฦกเนื้อกรรเกษสร้อย - - สาวสวรรค กูเออย
กรกอดหมอนเหมือนนาง - - ร่ำไห้
รฦกกำจรจนนทน์ - - อายโอษฐ พู้นฦา
ทรงกรรแสงไจ้ไจ้ - - จั่นจวญ ฯ


๒๐๗ อาสูรศรีสวัสดิ์สร้อย - - - สาวสวรรค์ กูเอย
ใคร่จักกล่อมทรวงขวัญ - - - ฝากอ้อน
เรียมใฝ่รอบกัปกัลป์ - - - เวียนกลับ แม่แม่
ใฝ่รอบกาลกลับย้อน - - - เยี่ยมหน้าพะนอนวล ฯ

.. ระฦกรศน้องไน่ - - ในตา พี่แม่
เออสมุทรอยงกาม - - กล่อมเหน้า
เยียแลลนนลุงมา - - บางค่อม
ถนัดค่อมน้อยข้าเจ้า - - ส่งงจนนทน์ ฯ


๒๐๘ เวียนรำลึกแล้วหลับ - - - ใหลฝัน รูปเนอ
ย่อมรูปสมบูรณ์จันทร์ - - - แจ่มหน้า
ละเมอรับรองขวัญ - - - ฝากสวาดิ
ดื่มด่ำด้วยรสฟ้า - - - สั่งฟ้าโรยริน ฯ

.. เยียมาม่ายน้องขวล - - ขวายแด แลแม่
นอนน่งงฤากวนกาม - - แกว่งไส้
ลุกยืนวงงเวงแล - - ลิวโลด
คืนน่งงลห้อยไห้ - - บ่ำบวง ฯ


๒๐๙ หลังมองโฉมแม่แต้ม - - - ติดตา
รูปพักตร์นงโพธพา - - - ผ่าวไส้
ดาลระลอกกระแสกา - - - เมศมุ่ง ขวัญเฮย
มุ่งกระเวนทรวงไหม้ - - - หมื่นร้อนทรมาน ฯ

.. ฝ่ายสยงสุโนกไห้ - - หานาง แม่ฮา
รยมทนนทึงแทงโลม - - ลิ่นเล้า
มาดลบำรุะคราง - - ครวญสวาสดิ
ให้บำรุะหน้าเหน้า - - จอดใจ ฯ


๒๑๐ คำนึงฤๅว่างเว้น - - - นาที
จวบรอบสุริเยศลี - - - ลาศคล้อย
เสนาะเสียงสุโนกมี - - - มากล่อม
กลว่าเสียงแน่งน้อย - - - เอ่ยน้อมประนอมนัย ฯ








... สารสยามภาคยพร้อง - - - กลกานท์ นี้ฤๅ
คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย
เบญญาพิศาลแสดง - - - เดอมกรยดิ พระฤๅ
คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กึ่งกลาง ...


๒๑๑ โคลงดั้นยวนพ่ายซ้อง - - - สดุดี
ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้-
ยาตราทัพประยุทธี - - - ล่มศัต รูนา
ให้ทั่วถิ่นรับรู้ - - - เรี่ยวแกล้วกรุงสยาม

๒๑๒ อัคระเกียรติยศพ้น - - - พันไผท
สมรรถะพยุหะพลไกร - - - แกร่งล้ำ
ศรัทธะประสาทะใน - - - พุทธศาสตร์ ท่านฤๅ
ตรรกะวิภาษอยู่ค้ำ - - - หลักแท้ธรรมกถา

๒๑๓ เพรางายสุริยะเรื้อง - - - โรยยาม
แต่หมู่ลาวคุกคาม - - - เขตแคว้น
ทูลกระหม่อมนิราศปราม - - - ป้องเศิก เสี้ยนแล
พาจิตใจขุ่นแค้น - - - พรากร้างโยธยา

๒๑๔ จำพรากนุชนาถเจ้า - - - จอมใจ
หมองหม่นชลเนตรไหล - - - หลั่งย้อย
หวาดหวั่นชีพแกล้วไป - - - ป้องเหตุ
คนอยู่หลังเมื่อละห้อย - - - ห่วง, ไห้-ฤๅเห็น ?

๒๑๕ ธงทิวปลิวยั่วเย้ย - - - ลมเย็น
เมื่อทุกข์โศกสร้อยเพ็ญ - - - เพียบพร้อม
ใครเล่าจักคอยเอ็น - - - ดูยั่ว เย้านา
แขน, อกเคยโอบอ้อม - - - จักอ้อมโอบใคร ?

๒๑๖ สรวลศัพท์คฤโฆษฆ้อง - - - กลองไชย
ทุ่มพ่างแตรสังขไหว - - - แว่วครื้น
คชา, อัศวะ, พลไกร - - - แกล้วโห่ ฮึกแฮ
พร้อมคีตลั่นสนั่นพื้น - - - แผ่นหล้าแหล่งสถาน

๒๑๗ โอ้..สร้อยโศภิตพ้น - - - อุปมา
จักพรากสู่ยุทธกา- - - - รณะแกล้ว
เก็บงำรอบถวิลอา- - - - วรณ์พี่ เทอญแม่
ล่มเศิกเสี้ยนสิ้นแล้ว - - - จักย้อนคืนสม

๒๑๘ สองเนตรจักลับหน้า - - - นานวัน
ยังแต่เยื่อใยพัน - - - ผูกไว้
ใครจักดอดด้อมขวัญ - - - ฝากสวาดิ
กรประโลมเกศไล้ - - - กล่อมเจ้าหลับฝัน

๒๑๙ เรื่อยเรื่อยแกล้วคชม้า - - - คลาขบวน
ลิ่วลิ่วลับเนื้อนวล - - - แจ่มหน้า
สองอกพิโยคครวญ- - - - คร่ำเทวษ
เกรงแต่รอบเหว่ว้า - - - จักล้อมประนอมคะนึง







๒๒๐ โฉมเคยแป้งประแก้ม - - - กันไร
โจงจีบพัสตร์ห่มสไบ - - - บ่มเนื้อ
เรียมจากจักมีใคร - - - เชยแม่ นาแม่
แขนเล่าใครจักเอื้อ - - - โอบให้หนาวหาย

๒๒๑ อกเอยช่างอนาถโอ้ - - - อาภัพ
ห่างพะงางอนพรับ - - - เนตรพ้อ
ก่อนเคยโอบแขนรับ - - - ขวัญแม่ นาแม่
มาจะรันทดท้อ - - - อกสะท้อนระทมถวิล

๒๒๒ เพรงไป่เคยจากเจ้า - - - แม้ยาม เดียวนา
มาบัดนี้คลาดงาม- - - - รูปแล้ว
ศึกนอกเพื่อป้องปราม - - - ปราบเศิก เสี้ยนนา
อีกศึกในอกแคล้ว - - - คลาดพ้นยามใด

... แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ
ตามต่อยไพรีเรือง - - - ร่อนแกล้ว
แถลงปางรำบาลลาว - - - มัวโม่ห
ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - ชื่นไชย ...


๒๒๓ ปรานีเจ้าอ่อนน้อย - - - นงค์ยง พี่เอย
โฉมเมื่อสิ้นโสรจสรง - - - สาปเนื้อ-
จักหอมกรุ่นละมุนองค์ - - - รอโอบ แอบแม่
มาห่างรสเคยเอื้อ - - - จักอ้อนออดใคร

๒๒๔ แรมรักอำมฤตร้าง - - - รมยา
เหลือแต่กรุ่นสุคนธา - - - เถื่อนล้อม
ค่ำคืนเมื่อไสยา - - - ระทวยอยู่
ใครจักโอบรูปน้อม - - - แนบไว้ในทรวง

๒๒๕ ลมเย็นอาจเยี่ยมเหย้า - - - ในยาม
เมื่อแม่-นอนอกหวาม - - - วาบชู้
โดดเดี่ยวเปลี่ยวรสกาม - - - กรอมรูป
เฝ้าพลิกร่างรอรู้- - - - รส, อ้อนเอ่ยไฉน

๒๒๖ รอนรอนสุริเยศคล้อย - - - สนธยา
เหล่านกโบกปีกคลา- - - - คล่ำแล้ว
ลำแสงสุดสายตา - - - เหลื่อมเมฆ
ตรมสุดใจเมื่อแคล้ว- - - - คลาดหน้านวลถนอม

๒๒๗ รอยเรียมปางก่อนสร้าง - - - สมกรรม
เคยพรากคู่เขาทำ - - - ก่อนกี้
บาปเวรจึ่งย้อนจำ- - - - จองโทษ
พาพรากเจ้าอ่อน,ชี้ - - - สั่งให้ครวญถวิล

๒๒๘ รอยเราพรากนกเนื้อ - - - เขาขัง
พาพลัดพรากรวงรัง - - - คู่เคล้า
ชาตินี้บาปเบื้องหลัง - - - ตามติด
พาพลัดพรากอ่อนเจ้า - - - จ่อมด้วยอาดูร

๒๒๙ วงจันทร์จำรัสฟ้า - - - เรียมครวญ
หลงว่าวงพักตร์นวล - - - แจ่มเนื้อ
แผ่วผ่านกรุ่นจันทน์อวล - - - อบกลิ่น
หลงว่ากลิ่นอ่อนเอื้อ - - - อบเนื้อแนมจันทน์

... กรุงลาวกลอยขยาดหน้า - - - ตาตาย ศรากแฮ
จักอยู่เมืองเกรงกรร - - - บ่ได้
กลัวกลับเกลื่อนพล-อยาย- - - - อยังออก
หนีสมเด็จเหง้าไท้ - - - พ่ายพัง ...








๒๓๐ ป่านนี้ศรีสวัสดิ์เจ้า - - - จอมสมร พี่เอย
ทอดรูปที่บรรจถรณ์ - - - นิทระแล้ว
ฤๅกราบพระวิงวอน - - - ด้วยห่วง ใยแม่
หวังกลับย้อนคืนแคล้ว- - - - คลาดพ้นภัยผอง

๒๓๑ ลมลงหนาวสุดไซ้ - - - อกอวล อกเอย
ไพรเถื่อนแว่วนกครวญ - - - คร่ำร้อง
เช่นอกพี่เรรวน - - - ถวิลรูป
รูปพักตร์พริ้มเพราพร้อง - - - พร่ำท้าลมหนาว

๒๓๒ เห็นฟ้าขอดเมฆแก้ว - - - อัมพร แม่อา
เอิบอิ่มบงกชงอน - - - รูปช้อย
พัสตราห่ม, สไบคอน - - - ขอดรูป นั้นนา
นึกรูปมือค่อยคล้อย- - - - ขยับคล้ายลืม-เผลอ

๒๓๓ แว่วยินมยุเรศร้อง - - - ริมดง
ขนขาบเขียวพิมพ์วง - - - แว่นพร้อม
พร่ำเพรียกคู่ครองลง - - - สังวาส
อายนก-อกนึกน้อม - - - เพรียกน้องในคะนึง

๒๓๔ ต้นสนทอดกิ่งด้อม - - - ดูไพร
ดังพี่ด้อมดูใคร - - - ก่อนกี้
ละม่อมพักตร์นวลใย - - - ยามสบ
โฉมย่อมคอยสั่งชี้ - - - ช่วงใช้อาวรณ์

๒๓๕ รำลึกกายอุ่นอ้อน - - - แอบองค์ พี่เนอ
กอดกระชับ, จำนง - - - นิ่มเนื้อ
ลมอุ่นผ่าวผ่านลง - - - โลมรูป
จนอุ่นนั้นหนุนเอื้อ - - - โอบเนื้อคลายหนาว

๒๓๖ แสงดวงวันเคลื่อนคล้อย - - - คลุมพนา
ลมโบกใบไม้พา - - - แผ่ป้อง
นึกรูปกับอกอา- - - - วรณ์พี่ แลแม่
รูปย่อมรู้ตื่นต้อง - - - อกรู้ตื่นตาม

... สรรเพชญภูวนารถแกล้ว - - - การยุทธ ยิ่งแฮ
ตามต่อยไพรีพัง - - - พ่ายล้าน
จยรจอมครุทธผลาญ - - - แผลงเดช
สยงสรเทือนพ้ยงค้าน - - - ค่นเมรุ ...


๒๓๗ อาวรณ์มาวูบเร้า - - - รุมทรวง
ท่ามกรุ่นคันธาดวง - - - ดอกไม้
เทียบหอมนิ่มเนื้อหวง - - - หาสวาดิ
เอื้อมเด็ดดอกมาลย์ไล้ - - - กลีบนั้นแทนนาง

๒๓๘ รวยรวยรสมาศไม้ - - - มาลา
ฟุ้งกลิ่นลมพัดพา - - - ผ่านรู้
นึกปรางสบด้วยนา- - - - สิกนิ่ง นั้นเนอ
กลิ่นย่อมคอยกล่อมชู้ - - - อยู่เชื้อเชิญโฉม

๒๓๙ ซ่อนชู้ซ่อนกลิ่นนั้น - - - นามใคร ไม้เอย
ฤๅซ่อนสิ้น-เยื่อใย - - - ราคชู้
รัดพันรอบอกใคร - - - ครวญคร่ำ
ตระหนกอกรับรู้ - - - ซ่อนเร้นได้หรือ

... อยู่ไทธิเบศรเจ้า - - - จอมปราณ
พราวพฤๅบพลคชเสน - - - เกลื่อนแกล้ว
ครั้นพระผ่าผลาญพล - - - ยวนย่อย ไปแฮ
ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - เลิศไชย ...

... จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา
ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้
พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช
ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ...


๒๔๐ จำปีควรเด็ดก้าน - - - เชยชม
นึก-เสียบแซมเส้นผม - - - ผูกห้อย
เกศเส้นกับรื่นฉม - - - เคล้าอยู่
รอ-เนตรเจ้าเหลือบชะม้อย - - - เลศละห้อยคอยหอม





๒๔๑ มะลิลาหอมอบโอ้ - - - เอมใจ
เรียงระเบียบมาลัย - - - จับร้อย-
เป็นพวงต่างสายใย - - - โยงยึด ใจพี่
มาห่างมาลย์ช่อช้อย - - - จักเชื้อใครชม

๒๔๒ โนรีโนริศร้อง - - - ร่ำเสียง
ชวนสุโนกพร้องเพียง - - - หยอกเย้า
ขาบขนต่างสไบเคียง - - - คู่บ่า เจ้าฤๅ
งามว่างามแต่เจ้า - - - ขจ่างซึ้ง-รูป, เสียง

๒๔๓ สายัณห์อาทิตย์ด้อม - - - อัสดง
แว่วชะนีเสียงหลง - - - กู่ก้อง
กังวานท่ามป่าดง - - - ดิบเถื่อน
กลว่าเสียงร่ำร้อง - - - แว่วคล้ายเจ้าครวญ

๒๔๔ ราตรีตีทุ่มฆ้อง - - - ขานเขิน ใจนา
เมื่อสบเนตรเมียงเมิน - - - แม่ชะม้าย
ท่วงทีเช่นเทียบเชิญ - - - ชวนรับ เลศนา
รับเลศ-พารูปผ้าย - - - ผ่านรู้อภิรมย์

๒๔๕ หวั่นหวั่นในอกคล้อย - - - ลำเค็ญ
เกลือกว่ารสรมย์เพ็ญ - - - แม่รู้
มิอาจอดใจเป็น - - - ปมเหตุ
เรียมสุดย้อนคืนกู้ - - - ผ่อนแก้ปรารถนา

๒๔๖ ทุกข์นี้ใช่อาจห้าม - - - หักหาย
สุดคร่ำครวญรำบาย - - - บอกรู้
จักรุมอยู่ตราบสาย- - - - บ่ายค่ำ
เกรงลอบเล่นเชิงชู้ - - - เช่นรู้จากเรียม

๒๔๗ นับยามนับคาบร้าง - - - แรมสมร
ด้วยกิจ, จึ่งจำจร - - - จากห้อง
เพียงเพื่อจักไปรอน - - - ราญชีพ ยวนแฮ
พรากอนุชนวลน้อง - - - แต่ละห้อยคอยหวน

๒๔๘ สองกรรอนยุทธสิ้น - - - สุดณรงค์
เหลือแต่ศึกรบอนงค์ - - - แน่งน้อย
ดาบโล่ห์จำปลดปลง - - - จนปราศ สิ้นนา
แผงอก, สองแขนร้อย - - - รัดเนื้อนวลถนอม

๒๔๙ นุชเอยแต่พี่พร้อง - - - พร่ำถึง
หมายว่าหุบเหวบึง - - - บ่อกว้าง
ฤๅอาจรับคำนึง - - - ได้หมด
ตราบทั่วแหล่งน้ำ-ร้าง - - - อาจรู้รับคะนึง

... ยังพระนคเรศเรื้อง - - - อโยทธยา
อรอาศนไอสวรรยเป็น - - - ปิ่นเกล้า
จำนิรจำนยรมา - - - จอมราช
คิดใคร่เสวยศุขเท้า - - - เทศเหนือ ...








๒๕๐ เย็นเยียบงันเงียบล้วน - - - สูญสลาย
เมื่อเริ่มแสงกำจาย - - - จับฟ้า
ลบเลือนมืดหม่นกลาย - - - ย้อนกลับ
ให้โลกรู้เจิดจ้า - - - จับจ้องรัศมี ฯ

๒๕๑ มวลรสมาศไม้แห่ง - - - แดนวสันต์
เหมือนกรุ่นกลิ่นโลมขวัญ - - - ฝากรู้
ให้รื่นรสเขมะพรรณ- - - - ผ่านแนบ ทรวงเฮย
ก่อนเนตรปลาบแววชู้ - - - วาบเร้าคอยเฉลย ฯ

๒๕๒ ค่อยค่อยเผยพักตร์พริ้ม - - - เพรา-พะนอ
แข่งเรื่อราศีทอ - - - กระทบ-ไล้
รูป, จักขุ, พรรณลออ - - - ราวแอบ อิงแม่
หอมจึ่งแนบอกไว้ - - - ระหว่างเช้าเบิกโฉม ฯ

๒๕๓ รูป, จักขุ, กระทบแล้ว - - - เลือนฤา
ปรุงแต่งกระโหมฮือ - - - รบเร้า
สิ่งใดเล่ากระพือ - - - กระเพื่อมอยู่
เห็นแต่แรงใฝ่เฝ้า - - - ฝากฟ้าประคองฝัน ฯ

๒๕๔ แต่เผยรูปแวดล้อม - - - โลม-ขวัญ
เยี่ยงภู่ล้อมมาศพรรณ - - - ตฤป-ต้อง
หอมหวานกักกุมฝัน - - - ฝ่ารอด พ้นฤา
จักขุ-รูปสบ, พร้อง - - - พร่ำรู้เลือนไฉน ฯ

๒๕๕ รูปนาม, นันทิ, ตั้ง - - - ตอบกาล
แรกจักขุวิญญาณ - - - ผัสสะ, รู้
เนตรเหลือบสบ, สังขาร - - - ปรุงแต่ง
ลอบ, หลบ, สบ, ตอบชู้ - - - ชื่นล้ำคำแถลง ฯ

๒๕๖ ลอบ, เหลือบ, หลบ, สบต้อง - - - แววตา
โลมลูบใจ, บัญชา - - - เร่งเชื้อ
แฝงเร้นเลศเมื่อชม้อยหา - - - เพรียกห่วง ใยแม่
จักขุ, รูปนิ่มเนื้อ - - - นิ่งเชื้อเชิญถวิล ฯ

๒๕๗ ลมคงร่ำผ่านคล้าย - - - เสียงครวญ
เมื่ออีกใจเฝ้าหวน - - - ห่วงละห้อย
สรรพเสียงสุโนกจวน - - - จบโสต
เมื่อรูปเนื้ออ่อนน้อย - - - แนบไว้-นิวรณ์, หวัง ฯ

๒๕๘ กำแพงใดก่อขึ้น - - - ขัดขวาง
จักล่มลับอับปาง - - - ปลาตสิ้น
เยื่อใยเหนี่ยวรั้ง, กาง - - - กั้นอยู่
ขวากแค่เพียงกระผีกริ้น - - - อาจรู้กั้นหรือ ฯ

๒๕๙ คอยเถิดความห่วง, พ้น - - - พรรณนา
จักเร่งโหมฤทธา - - - โอบล้อม
เช้าจดค่ำจวบวา- - - - ระนิท ราแล
รสรื่นกุสุมาลย์, พร้อม - - - แวดล้อมอาลัย ฯ

๒๖๐ แต่นี้-หวง, ห่วงละห้อย - - - จักเห็น
เช้าจดสายบ่ายเย็น - - - ยั่ว-ย้ำ
ค่ำคืนครุ่นคิดเอ็น- - - - ดูแม่ แลแม่
คอย-รูปพักตร์ล่วงล้ำ - - - อย่ารู้เลือนสลาย ฯ

๒๖๑ จันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า - - - ฝ่ายาม
เมื่อรูปเนตรน้ำวาม - - - วับเต้น
โอภาสแห่งจันทร์งาม- - - - งดอยู่
ด้วยเลศในเนตร-เว้น - - - วาบนั้น, ทำไฉน ฯ

๒๖๒ ชื่นเอยแต่เมื่อต้อง - - - แววตา
เผยเลศชู้ขจ่างมา - - - มอบไว้
ลอบ, หลบ, สบ, ตอบ, ครา - - - ครั้งหนึ่ง นะแม่
ถ้วนนรกหกฟ้าไซร้ - - - ดั่งสิ้นดับสูญ ฯ

๒๖๓ เจ้าเอย, จนดับ, ทิ้ง - - - ทรมาน
หรือตราบรอบสังขาร - - - หยุดสร้าง
เอกภพจักรพาฬ - - - พาล่ม ลาญแล
ไฟนอกโลกแล่นล้าง - - - อาจล้างอาลัย ฯ




 

Create Date : 11 มกราคม 2557
6 comments
Last Update : 10 มีนาคม 2566 13:54:32 น.
Counter : 7969 Pageviews.

 


ดายุ...


ในขณะนี้ อุณหภูมิ-0.1°แต่อ่านโคลงของดายุแล้ว รู้สึกอบอุ่นด้วย..",แผงอก".."โอบ-อกเอื้อ - - อุ่นล้ำเข้าประโลม ฯ"

"O แผงอกเฝ้าอาจเอื้อม - - อรเดียว พี่แม่
กรจักโอบรูปเปรียว - - ประเนื้อ
จนนิลเนตรเหลือบเหลียว - - รับเลศ
เลศย่อมโอบ-อกเอื้อ - - อุ่นล้ำเข้าประโลม ฯ"

บอกแล้วไงคะว่า อ่านอะไรแล้ว จะลึกซึ้งมาก จนตั้งตนเป็นนางเอกของเรื่องเสมอ...
จึง "...-ศัพท์เสียงร่ำร้อย - - ผ่านรู้ปรารมภ์ ฯ"

ลุงสดายุ แต่งกลอนให้ มินตราบ้างซิ..แบบลุงเบโธเฟน นะ"แด่มินตรา"..Für Elise.. อะไร
แบบนั้นน่ะ..

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 178.12.46.55 12 มกราคม 2557 13:56:19 น.  

 

มินตรา ..

การเขียนโคลงนารีปราโมช ของผมยึด นายนรินทร์เป็นแม่แบบ ..โดยเฉพาะนิราศนรินทร์นี่ผมถือว่าสุดยอด ทางวรรณศิลป์

และการเขียนโคลงนี้หากไม่มีอารมณ์ร่วมในเรื่องราวที่เขียนจะจืดชืด กระท่อนกระแท่น ตะกุกตะกัก ไปลำบาก ..

ดังนั้น เมื่อเขียนเรื่องนี้จึงมี"นางเอก" ที่งามนักอยู่ในสมองแล้ว .. คนเขียนจึงต้องรับบทพระเอกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ 55

ใน ตอนที่ 1 นั้น เปิดเรื่องขึ้นในยุคเจ้าสามพระยา อันเป็นยุคที่จินตนาการเรื่องราวได้เป็นฉากๆ อย่างน่าแปลกใจ ..

เช่นเดียวกับกลอน "สายธารแห่งกาลเวลา" ที่เปิดเรื่องขึ้นในยุคที่พี่ชายทั้งสองของเจ้าสามพระยา คือเจ้าอ้ายพระยา กับเจ้ายี่พระยา กระทำยุทธหัตถีแย่งบัลลังก์กันเองที่สะพานป่าถ่านจนตายทั้งคู่ .. น้องสามจึงส้มหล่นหัวแม่เท้าบวม ..

คุณชายที่สามแห่งราชวงศ์สุพรรณบุรี .. และก็ไม่ผิดหวังที่ท่านยกทัพไปตีขอมที่นครวัดจนแตก จนต้องย้ายเมืองหลวงไปอยู่พนมเปญ ตั้งแต่บัดนั้น

ครั้งนั้นเองที่กวาดต้อนเอาปุโรหิต ขุนนางขอม เข้ามารับราชการที่อยุธยา และคำราชาศัพท์ภาษาเขมรก็ถูกนำมาใช้แต่นั้น รวมทั้งรูปแบบการปกครอง

พอถึงรุ่นลูกคือพระบรมไตรโลกนาถ ก็สถาปนา จตุสดมภ์ ขึ้นมาใช้กันต่อเลย .. เวียง วัง คลัง นา นั่นเอง

หากย้อนเวลาได้ อยากไปอยู่ยุคนี้แหละ 55

กำลังคิดจะ shut down thailand เลยทีเดียว .. ห้ามใช้รถยนต์ คอมพิวเตอร์ .. ให้กลับไปพายเรือกันตามแม่น้ำ ขี่ช้างม้าวัวควายสัญจรไปมา .. ดีไหมมินตรา



 

โดย: สดายุ... 12 มกราคม 2557 20:13:48 น.  

 

ข้างล่างนี่ตอน 1 ระหว่างทัพอยุธยายกไปตีนครวัดของขอม .. เป็นเที่ยวขาไป

O พรากเมือง, เพียงแมกไม้ - - - มองชม
เสียงเอ่ยอ้อน, เพียงลม - - - ลูบไล้
แก้มเนียนอิ่ม, เพียงฉม - - - ชื่นกลิ่น มาลย์นา
กุมกอปรคำนึงไว้ - - - หว่างร้อนการณรงค์ ฯ

O ใจนั้นย่อมห่วงละห้อย - - - คอยหา
ทุกเหม่อลอย, แววตา - - - ย่อมแต้ม-
ติด-ด้วยรูปปรารถนา - - - เนื้อนิ่ม แม่แม่
จำหลักล้วนกลิ่นแก้ม - - - กรุ่นไว้เวียนถวิล ฯ

O แผ่วพลิ้วลมลูบไม้ - - - มวลผกา
นึก-ออดอ้อนเพรียกนา - - - สิกชู้
เนียนแก้ม, ช่อเกสรา - - - อวลกลิ่น
จนจบลงรับรู้ - - - รสแล้ว, จะแล้วหรือ ฯ

O ป่านนี้คงโอดอื้น - - - อาดูร
กรอมโศกกำสรดพูน - - - เพียบหน้า
หาก-เพื่อชาติไพบูลย์ - - - บทเลื่อง ลือเนอ
จำ-ขับข่มชั่วช้า - - - ไป่ช้าคืนหวน ฯ

 

โดย: สดายุ... 12 มกราคม 2557 20:16:59 น.  

 


สดายุ..

ทราบค่ะว่านางเอกมีชื่อว่า เพ็ญพักตร์

"O คืนเพ็ญ, เพ็ญพักตร์แผ้ว - - ผิวขวัญ แม่เอย
เพ็ญหนึ่งสมบูรณ์จันทร์ - - แจ่มฟ้า
เพ็ญหนึ่งเลื่อนรูปผัน - - ผายแทรก ทรวงเนอ
เพ็ญใช่เพ็ญถ้วนหน้า - - หากหน้านางเดียว ฯ"

และอยู่ไกลกัน คนละต่าง..
"O ต่างแดนต่างกรอบห้วง - - เพ-ลา
ต่างค่ำคืนดาริกา - - เกลื่อนห้อม
ต่างร้อนต่างหนาวภา- - - วะต่าง ต่างแม่
ต่างเพื่อนต่างเภทล้อม - - แต่เว้นนิวรณ์ถวิล ฯ"

 

โดย: บุษบามินตรา IP: 178.12.204.3 13 มกราคม 2557 20:16:46 น.  

 

ท่าทางจะชอบโคลงเอาเรื่องอยู่นะมินตรา
แต่รู้ไหม เขียนยากที่สุด

 

โดย: สดายุ... 14 มกราคม 2557 5:34:14 น.  

 

๐ อยุธยายศอะคร้าว เครงเมือง
ปราสาทอารามเรือง รุ่งฟ้า
พระปกราษฎร์ประเทือง ทำนุ ศาสน์แฮ
ใครใคร่กอปรกิจค้า คาบครั้งเพรงสมัย

๐ อยุธยายลบัดนี้ เนืองนอง
หินอิฐซากปรักกอง กล่นพื้น
บุญพระนเรศประคอง คามสืบ มานา
ยอรัตนโกสินทร์ฟื้น เฟื่องฟุ้งกรุงเกษม

อันนี้ลองถูๆไถไปครับ พอไหวมั้ยครับ

 

โดย: sakkarin IP: 171.99.0.210 17 สิงหาคม 2557 15:42:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.