O ชั่วฟ้าดินดับ .. 2 O
๑๗๔ ลมเช้าลูบแผ่นน้ำ - - - กระเพื่อมวง เมื่อรุ่งแสงเริ่มผจง - - - จับฟ้า เลื่อนรอบแล่นริ้วดรงค์ - - - โรยกระทบ ฝั่งเนอ แสงแรก, ลมอ่อนล้า - - - ลูบ, โน้มนำ-คะนึง ฯ
๑๗๕ คำนึงวกย้อนสู่ - - - ยามสาง นั้นนา ลมร่ำ, ผืนพลอย-วาง - - - หยาดล้อม จีวร, บาตร, รูป-กลาง - - - กุศลบท กรรทบ, ปรุงแต่ง-พร้อม - - - แวดล้อมประนอมขวัญ ฯ
๑๗๖ รูปจีวร-ก้าว, ย่าง - - - หยุด, รอ รูปพักตร์พริ้มเพราลออ - - - นอบ, ไหว้ ข้าวหอมกรุ่น, แดดทอ - - - กระทบรูป หน้าจบน้อม, แดดไล้ - - - ลูบเนื้อเนียนถนอม ฯ
๑๗๗ คำข้าว, ช่อดอกไม้ - - - ถวายพระ น้อมรูป, เชิญสัจจะ - - - จบเกล้า น้อมจิต, รับพุทธะ - - - ธรรมท่าน แล้วแฮ ภาพงดงามยามเช้า - - - อยู่, เชื้อเชิญประชัน ฯ
๑๗๘ รูปจีวร-ก้าวผ่าน - - - พ้นสมัย เหยียบโลก, ย่ำอาลัย - - - ล่มล้าง รูปเนตรเหลือบ, หฤทัย - - - โยกแกว่ง สบ, นิ่ง, ใจล่องคว้าง - - - สุดคว้า, สุดขืน ฯ
๑๗๙ รูปจีวรล่วงพ้น - - - เพียงตา อีกรูป-งำลีลา - - - ลอบชม้าย ธรรมพระแว่ว, เพทนา - - - แนบอก สบเนตร, แววเนตรคล้าย - - - ข่มสะเทิ้น, ครวญธรรม ฯ
๑๘๐ หลังภาพ-ผมหล่นล้อม - - - รูปพักตร์, ธรรมพระ, สัมมามรรค, - - - เนตรชม้อย, บาปบุญ, จดจำหลัก - - - ลงจิต คือโลกบัดนั้นคล้อย - - - เคลื่อนเร้าแรงถวิล ฯ
๑๘๑ เช้านั้น, นันทิ-ตั้ง - - - ตอบกาล ลมร่ำ, รูปรำบาญ, - - - รูปเจ้า บุญส่ง, บาปสืบสาน - - - สบแม่ ฤาแม่ สบเนตร, เนตรจึ่งเร้า - - - เร่งให้เสน่หา ฯ
๑๘๒ คง-บุญพาผ่านพ้อง - - - พบกัน แววเนตรจึงล่ามพัน - - - ผูกไว้ บาปสร้างแต่เบื้องบรรพ์ - - - สุดบิด เบือนแม่ ลบรูป, ลบรอยได้ - - - แต่ด้วยชีพสูญ ฯ
๑๘๓ หล่นลงแล้วรุ่งเรื้อง - - - รมยา ล่มรูปรอยทรมา - - - มอดเชื้อ รูปนาม, รูปจริต, ปรา- - - - กฎแวด ล้อมเนอ จักขุ, แดด-โอบเนื้อ - - - อุ่นเนื้อทะนุถนอม ฯ
๑๘๔ แผ่วลมเช้าป่ายริ้ว - - - โลมวัลย์ อีกรูปนามโลมขวัญ - - - ฝากชู้ แดดเช้า, เลศนัย-บรร- - - เจิด, ส่อง, สื่อเนอ เมิน-ข่มยิ้ม, รับรู้ - - - ร่วมเชื้อเชิญอรุณ ฯ
๑๘๕ แดดยามสายรุ่งเรื้อง - - - รัศมี เมื่อรูปนามเริ่มลี- - - - ลาศคล้อย แววเนตร, กอปรท่วงที- - - - เมิน, หลบ โลกแวดล้อม, เนตรชม้อย - - - หยุดสิ้น, พันธนา ฯ
๑๘๖ ช่อมาลย์อวลกลิ่นไล้ - - - ลมยอ พลิ้วผ่านเหมือนร่ำรอ - - - แวดล้อม รื่นหอม, รูปงาม-พะนอ - - - แนบจิต พี่แม่ จึงบัดนั้นพรั่งพร้อม - - - ห่วงละห้อย-หวาน, หอม ฯ
๑๘๗ ช่อเรียวรูปเด็ดไว้ - - - ในมือ กลีบบอบบางถนอมถือ - - - กริ่งช้ำ ใจเอยหวั่นไหวฤๅ - - - จึงระส่ำ เต้นนา แต่เมื่อแววเนตรล้ำ - - - ล่วง-เชื้อเชิญใจ ฯ
๑๘๘ ภาพก้านช้อยช่อขึ้น - - - พะนอลม ซ้อนทับภาพเนตรคม - - - เหลือบค้อน ให้เพ่งผาด-ปรารมภ์ - - - รุมอก รุม-ว่าคือออดอ้อน - - - ออดให้นิวรณ์กระเหิม ฯ
๑๘๙ ปรุงปรนสีกลิ่นเรื้อง - - - รมยา ลอยล่องลานเพ-ลา - - - สู่รุ้ง กลีบกรองละลานตา - - - เตรียบค่า ควรเนอ หอมย่อมเกินเขตคุ้ง - - - ครอบฟ้าครองขวัญ ฯ
๑๙๐ เพรางายปฐมะเรื้อง - - - รังสิมันต์ มัทนะชมพูบรร- - - - เจิดช้อย เตรียบพักตร์, ผุดผ่องวรร- - - - โณภาส เทียมฤๅ เพียงเนตรเจ้าเหลือบชม้อย - - - มากน้อยประเมินไฉน ฯ
๑๙๑ กลิ่นเกลี้ยงกุสุมะรู้ - - - รวยริน อบร่ำคร่ำครวญถวิล - - - หวั่นร้าง หอมเอยหล่อเลี้ยงจิน- - - - ตภาพแต่ แม่นา รูป-กลิ่น-ใจ-ล่องคว้าง - - - ระหว่างห้วงหวานหอม ฯ
๑๙๒ เพราพรายโอภาสเมื้อ - - - เมฆบน เหลื่อมละลานอำพน - - - แผ่นฟ้า เมื่อหอมกลิ่นเสาวคน- - - - ธะรสจู่ ใจนา ล่มลบถ้วน, เหลือหน้า- - - - หนึ่งหน้านางเดียว ฯ . . พศ. ๒๐๒๖ . .
ภาพจำลองพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา ..
ต่อไปนี้เขียนล้อโคลงกำสรวลสมุทร.
(โคลงทั้ง 3 คือ ยวนพ่าย .. ทวาทศมาส .. กำสรวลสมุทร (ที่ชอบเรียกกันผิดๆว่า กำสรวลศรีปราชญ์ ) มีข้อสันนิษฐานจากนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ที่น่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลเดิม .. ว่าน่าจะเป็นพระนิพนธ์ใน "สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3" พระโอรสองค์โตในสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาของ "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2-พระเชษฐาธิราช ที่มีพระราชมารดาเป็นเจ้าหญิงของราชวงศ์สุโขทัย" ..
พ. ณ ประมวญมารค (หม่อมเจ้าจันทร์จิรายุ รัชนี - ท่านจันทร์) ได้เสนอว่าโคลงดั้นทั้ง ๓ คือ .. - ยวนพ่าย (แต่งประมาณ พ.ศ.2017-2025) - กำสรวลสมุทร (แต่งประมาณ พ.ศ.2025-2030 (หรือ 34)) - ทวาทศมาส (แต่งประมาณ พ.ศ.2027-2031)
และเป็นข้อสันนิษฐานที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
.. พรายพรายพระธาตุเจ้า - - จยรจนนทร แจ่มแฮ ไตรโลกยเลงคือโคม - - ค่ำเช้า พิหารรเบียงบรร - - รุจิเรข เรืองแฮ ทุกแห่งห้องพระเจ้า - - น่งงเนือง ฯ
๑๙๓ พรายพรายพระธาตุเจ้า - - - เจียรสูรย์ แจ่มแฮ สามโลกรับจำรูญ - - - ค่ำเช้า เจดีย์ยอดชี้ปูน - - - โปรดสัตว์ บอกมรรคาทวนเศร้า - - - โศกร้อนกร่อนระรุม ฯ
.. ศาลาอเนขสร้าง - - แสนเสา โสดแฮ ธรรมาศจูงใจเมือง - - สู่ฟ้า พิหารย่อมฉลักเฉลา - - ฉลุแผ่น ไส่นา พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า - - หล่อแสง ฯ
๑๙๔ ศาลาเอนกสร้าง - - - แสนเสา โสดแฮ ธรรมข่มใจมืดเมา - - - หมดสิ้น พระมาศเลื่อมเลื่อมเงา - - - งำอก ใจเอย งำอกใจเดือดดิ้น - - - ดับร้อนทารุณ ฯ
.. ตระการหน้าวัดแหว้น - - วงงพระ บำบวงหญิงชายแชรง - - ชื่นไหว้ บูรรพาท่านสรรคสระ - - สรงโสรด ดวงดอกไม้ไม้แก้ว - - แบ่งบาล ฯ
๑๙๕ ตระการหน้าวัดแหว้น - - - วังพระ บวงบำรุงสัจจะ - - - จบไหว้ ร่มธรรมรูปพุทธะ - - - สถิตอยู่ จิตต่างดวงดอกไม้ - - - เพ่งน้อมประนอมคะนึง ฯ
.. กุฎีดูโชติช้อย - - อาศํร เต็มร่ำสวรรคฤาปาง - - แผ่นเผ้า เรือนรัตนพิรํยปราง - - สูรยปราสาท แสนยอดแย้มแก้วเก้า - - เฉกโฉม ฯ
๑๙๖ กุฎียกยอดช้อย - - - ชูทาง บอกวัตรเข้าขัด, ขวาง - - - ขวากร้อน เรือนรัตน์ภิรมย์ปรางค์ - - - ปราสาท เหลื่อมระยับแสงย้อน - - - เยี่ยมท้าทรมาน ฯ
.. อยุทธยายศโยกฟ้า - - ฟากดิน ผาดดินพิภพดยว - - ดอกฟ้า แสนโกฎบยลยิน - - หยาดเยื่อ ไตรรัตนเรืองรุ่งหล้า - - หลากสวรรค์ ฯ
๑๙๗ อยุธยายศท่วมทั้ง - - - ธานินทร์ งามดั่งนาครอินทร์ - - - เอี่ยมฟ้า แสนโกฏโสตอาจยิน - - - เสียงอยู่ ธรรมเปล่งเสียงกล่อมหล้า - - - หล่อล้อมใจเมือง ฯ
.. อยุทธยาไพโรชไต้ - - ตรีบูร ทวารรุจิรยงหอ - - สรหล้าย อยุทธยายิ่งแมนสูร - - สุระโลก รงงแฮ ถนัดดุจสวรรคคล้ายคล้าย - - แก่ตา ฯ
๑๙๘ อยุธยาไพโรจน์ไต้ - - - ตรีบูร ไตรรัตน์จำรัสจรูญ - - - ร่วมพ้อง บัลลังก์ร่มไพบูลย์ - - - บาลบ่ม ชนแฮ เย็นศิระอุระต้อง - - - ตอบรู้อภิรมย์ ฯ
.. ยามพลบสยงกึกก้อง - - กาหล แม่ฮา สยงแฉ่งสยงสาวทรอ - - ข่าวชู้ อยุทธยายิ่งเมืองทล - - มาโนช กูเอย เขตรตระหลบข่าวรู้ - - ข่าวยาม ฯ
๑๙๙ ยามพลบเสียงกึกก้อง - - - กาหล แม่ฮา ซอ, กรับ, รับฉิ่งปรน - - - โสตรู้ โคลงกลอนกาพย์ระคน - - - ครวญขับ ขับกล่อมทรวง, กล่อมชู้ - - - ชื่นล้ำคำเกษม ฯ
.. ปารนี้แก้วข้าตื่น - - ฤาหลับ อรเออย นอนน่งงฉนนใดดู - - ด่งงนี้ ยอมือบนนทับอก - - โดยแม่ กูเออย เจ็บยิ่งล้ำพ้นผี้ - - หมื่นทวีแสนทวี ฯ
๒๐๐ ป่านนี้แก้วข้าตื่น - - - ฤๅหลับ อรเอย นอนนั่งฉันใด, พรับ - - - เนตรเฝ้า- คอยเรียมวกย้อนกลับ - - - คืนสู่ คอย-สู่, อยู่ค่ำเช้า - - - อาจรู้ฤๅสมร ฯ
.. ปารนี้อรเช้าแม่ - - เกลาองค์ อยู่ฤา ต่างกรดานจตุรงคมยง - - ม่ายม้า ฤาวางสกาลง - - ทายบาท ฤากล่าวคำหลวงอ้า - - อ่อนแกล้งเกลาฉนนท ฯ
๒๐๑ ป่านนี้รูปแน่งน้อย - - - เกลาองค์ อยู่ฤๅ ตั้งกระดานชนวนลง - - - จดถ้อย ฤๅมุ่งเพลาะผ้าผจง - - - จับจีบ ใจเล่าเจ้าจักคล้อย - - - อยู่ข้างเรียมไฉน ฯ
.. ดวงดยวบววมาศแพ้ - - พิมทอง พี่เออย รยมบหลับใหลหา - - ค่ำเคี้ย ดวงดยวแม่มองหน - - หาพี่ พู้นแม่ ใครช่วยชูเกล้าเกลี้ย - - กล่อมแถง ฯ
๒๐๒ ดวงเดียวบัวมาศแพ้ - - - พิมทอง พี่เอย เรียมบ่หลับใหลครอง - - - ค่ำนี้ หวังเดียวแม่, แม่มอง - - - หาอยู่ อยู่ออดอ้อนชวนชี้ - - - ชิดเนื้อโอบถนอม ฯ
.. โกกิลกรวิกษอ้ยง - - ยูงยาง จับกิ่งยูงยางเยาว - - เพื่อนพร้อง พละลบกัลโหยลาง - - โลมลูบ จับกิ่งยางแล้วร้อง - - ไร่เฌอ ฯ
๒๐๓ โกกิลกรวิกเอื้อน - - - ออกเสียง จับกิ่งยูงยางเพียง - - - พร่ำร้อง พระลบกัลโหยเคียง - - - แขรูป เคียวนา จับม่านหม่นคลี่คล้อง - - - ขอบฟ้าคลุมฝัน ฯ
.. ศรีมาพิโยคพื้น - - รัตนภูม ถนัดดุจพระภูมผจง - - แผ่นแผ้ว เล็งแลเยียฟ้าฟูม - - ชลเนตร เพราะพี่เจ็บเจ้าแคล้ว - - คลาศไกล ฯ
๒๐๔ เรียมมาพิโยคพื้น - - - รัตนภูมิ แผ่นอกเป็นแผ่นปูม - - - จดร้อย หมึกจารจากนัยน์ฟูม - - - น้ำหลั่ง บอกหนึ่งผู้แน่งน้อย - - - แน่วรู้ - คอยรอ ฯ
.. จากมาสายสวาดิไว้ - - อยุทธยา แลนา อกเปล่าอกสายสินธุ์ - - หากรู้ ลุะดานกนนชาววา - - ลวงใหญ่ แล้วแฮ วาลยิ่งสารสับสู้ - - เสริฐชล ฯ
๒๐๕ มุ่งมาสายสวาดิเนื้อ - - - เนาทรวง ตามสิทธิ์คำสัตย์บวง - - - บอกไว้ วอนเทพประเทียบทวง - - - ฤทธิ์กล่อม แม่นา กล่อมแม่, ทรวงแม่ให้ - - - ห่วงรู้คอยเรียม ฯ
.. จรลิวไต้ฟ้าต่ำ - - เตือนยาม โหยบเหนสายใจ - - จรคล้าย บลุแม่เมากาม - - กาเมศ กูเออย ลพี่หว้ายน้ำหน้า - - มืดเมา ฯ
๒๐๖ จรลิ่วไต้ฟ้าต่ำ - - - เตือนยาม โหยบ่เห็นหน้าทราม- - - - สวาทแก้ว เลือดตายิ่งฝนลาม - - - หล่นโลก แม่เอย ท่วมจิตจมมิดแล้ว - - - จากร้อนแรงถวิล ฯ
.. รฦกเนื้อกรรเกษสร้อย - - สาวสวรรค กูเออย กรกอดหมอนเหมือนนาง - - ร่ำไห้ รฦกกำจรจนนทน์ - - อายโอษฐ พู้นฦา ทรงกรรแสงไจ้ไจ้ - - จั่นจวญ ฯ
๒๐๗ อาสูรศรีสวัสดิ์สร้อย - - - สาวสวรรค์ กูเอย ใคร่จักกล่อมทรวงขวัญ - - - ฝากอ้อน เรียมใฝ่รอบกัปกัลป์ - - - เวียนกลับ แม่แม่ ใฝ่รอบกาลกลับย้อน - - - เยี่ยมหน้าพะนอนวล ฯ
.. ระฦกรศน้องไน่ - - ในตา พี่แม่ เออสมุทรอยงกาม - - กล่อมเหน้า เยียแลลนนลุงมา - - บางค่อม ถนัดค่อมน้อยข้าเจ้า - - ส่งงจนนทน์ ฯ
๒๐๘ เวียนรำลึกแล้วหลับ - - - ใหลฝัน รูปเนอ ย่อมรูปสมบูรณ์จันทร์ - - - แจ่มหน้า ละเมอรับรองขวัญ - - - ฝากสวาดิ ดื่มด่ำด้วยรสฟ้า - - - สั่งฟ้าโรยริน ฯ
.. เยียมาม่ายน้องขวล - - ขวายแด แลแม่ นอนน่งงฤากวนกาม - - แกว่งไส้ ลุกยืนวงงเวงแล - - ลิวโลด คืนน่งงลห้อยไห้ - - บ่ำบวง ฯ
๒๐๙ หลังมองโฉมแม่แต้ม - - - ติดตา รูปพักตร์นงโพธพา - - - ผ่าวไส้ ดาลระลอกกระแสกา - - - เมศมุ่ง ขวัญเฮย มุ่งกระเวนทรวงไหม้ - - - หมื่นร้อนทรมาน ฯ
.. ฝ่ายสยงสุโนกไห้ - - หานาง แม่ฮา รยมทนนทึงแทงโลม - - ลิ่นเล้า มาดลบำรุะคราง - - ครวญสวาสดิ ให้บำรุะหน้าเหน้า - - จอดใจ ฯ
๒๑๐ คำนึงฤๅว่างเว้น - - - นาที จวบรอบสุริเยศลี - - - ลาศคล้อย เสนาะเสียงสุโนกมี - - - มากล่อม กลว่าเสียงแน่งน้อย - - - เอ่ยน้อมประนอมนัย ฯ
... สารสยามภาคยพร้อง - - - กลกานท์ นี้ฤๅ คือคู่มาลาสวรรค์ - - - ช่อช้อย เบญญาพิศาลแสดง - - - เดอมกรยดิ พระฤๅ คือคู่ไหมแส้งร้อย - - - กึ่งกลาง ...
๒๑๑ โคลงดั้นยวนพ่ายซ้อง - - - สดุดี ศักดิ์กษัตริย์เจ้าธานี - - - ชนกผู้- ยาตราทัพประยุทธี - - - ล่มศัต รูนา ให้ทั่วถิ่นรับรู้ - - - เรี่ยวแกล้วกรุงสยาม
๒๑๒ อัคระเกียรติยศพ้น - - - พันไผท สมรรถะพยุหะพลไกร - - - แกร่งล้ำ ศรัทธะประสาทะใน - - - พุทธศาสตร์ ท่านฤๅ ตรรกะวิภาษอยู่ค้ำ - - - หลักแท้ธรรมกถา
๒๑๓ เพรางายสุริยะเรื้อง - - - โรยยาม แต่หมู่ลาวคุกคาม - - - เขตแคว้น ทูลกระหม่อมนิราศปราม - - - ป้องเศิก เสี้ยนแล พาจิตใจขุ่นแค้น - - - พรากร้างโยธยา
๒๑๔ จำพรากนุชนาถเจ้า - - - จอมใจ หมองหม่นชลเนตรไหล - - - หลั่งย้อย หวาดหวั่นชีพแกล้วไป - - - ป้องเหตุ คนอยู่หลังเมื่อละห้อย - - - ห่วง, ไห้-ฤๅเห็น ?
๒๑๕ ธงทิวปลิวยั่วเย้ย - - - ลมเย็น เมื่อทุกข์โศกสร้อยเพ็ญ - - - เพียบพร้อม ใครเล่าจักคอยเอ็น - - - ดูยั่ว เย้านา แขน, อกเคยโอบอ้อม - - - จักอ้อมโอบใคร ?
๒๑๖ สรวลศัพท์คฤโฆษฆ้อง - - - กลองไชย ทุ่มพ่างแตรสังขไหว - - - แว่วครื้น คชา, อัศวะ, พลไกร - - - แกล้วโห่ ฮึกแฮ พร้อมคีตลั่นสนั่นพื้น - - - แผ่นหล้าแหล่งสถาน
๒๑๗ โอ้..สร้อยโศภิตพ้น - - - อุปมา จักพรากสู่ยุทธกา- - - - รณะแกล้ว เก็บงำรอบถวิลอา- - - - วรณ์พี่ เทอญแม่ ล่มเศิกเสี้ยนสิ้นแล้ว - - - จักย้อนคืนสม
๒๑๘ สองเนตรจักลับหน้า - - - นานวัน ยังแต่เยื่อใยพัน - - - ผูกไว้ ใครจักดอดด้อมขวัญ - - - ฝากสวาดิ กรประโลมเกศไล้ - - - กล่อมเจ้าหลับฝัน
๒๑๙ เรื่อยเรื่อยแกล้วคชม้า - - - คลาขบวน ลิ่วลิ่วลับเนื้อนวล - - - แจ่มหน้า สองอกพิโยคครวญ- - - - คร่ำเทวษ เกรงแต่รอบเหว่ว้า - - - จักล้อมประนอมคะนึง
๒๒๐ โฉมเคยแป้งประแก้ม - - - กันไร โจงจีบพัสตร์ห่มสไบ - - - บ่มเนื้อ เรียมจากจักมีใคร - - - เชยแม่ นาแม่ แขนเล่าใครจักเอื้อ - - - โอบให้หนาวหาย
๒๒๑ อกเอยช่างอนาถโอ้ - - - อาภัพ ห่างพะงางอนพรับ - - - เนตรพ้อ ก่อนเคยโอบแขนรับ - - - ขวัญแม่ นาแม่ มาจะรันทดท้อ - - - อกสะท้อนระทมถวิล
๒๒๒ เพรงไป่เคยจากเจ้า - - - แม้ยาม เดียวนา มาบัดนี้คลาดงาม- - - - รูปแล้ว ศึกนอกเพื่อป้องปราม - - - ปราบเศิก เสี้ยนนา อีกศึกในอกแคล้ว - - - คลาดพ้นยามใด
... แถลงปางข้าไท้ท่วย - - - ใจหาญ ตามต่อยไพรีเรือง - - - ร่อนแกล้ว แถลงปางรำบาลลาว - - - มัวโม่ห ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - ชื่นไชย ...
๒๒๓ ปรานีเจ้าอ่อนน้อย - - - นงค์ยง พี่เอย โฉมเมื่อสิ้นโสรจสรง - - - สาปเนื้อ- จักหอมกรุ่นละมุนองค์ - - - รอโอบ แอบแม่ มาห่างรสเคยเอื้อ - - - จักอ้อนออดใคร
๒๒๔ แรมรักอำมฤตร้าง - - - รมยา เหลือแต่กรุ่นสุคนธา - - - เถื่อนล้อม ค่ำคืนเมื่อไสยา - - - ระทวยอยู่ ใครจักโอบรูปน้อม - - - แนบไว้ในทรวง
๒๒๕ ลมเย็นอาจเยี่ยมเหย้า - - - ในยาม เมื่อแม่-นอนอกหวาม - - - วาบชู้ โดดเดี่ยวเปลี่ยวรสกาม - - - กรอมรูป เฝ้าพลิกร่างรอรู้- - - - รส, อ้อนเอ่ยไฉน
๒๒๖ รอนรอนสุริเยศคล้อย - - - สนธยา เหล่านกโบกปีกคลา- - - - คล่ำแล้ว ลำแสงสุดสายตา - - - เหลื่อมเมฆ ตรมสุดใจเมื่อแคล้ว- - - - คลาดหน้านวลถนอม
๒๒๗ รอยเรียมปางก่อนสร้าง - - - สมกรรม เคยพรากคู่เขาทำ - - - ก่อนกี้ บาปเวรจึ่งย้อนจำ- - - - จองโทษ พาพรากเจ้าอ่อน,ชี้ - - - สั่งให้ครวญถวิล
๒๒๘ รอยเราพรากนกเนื้อ - - - เขาขัง พาพลัดพรากรวงรัง - - - คู่เคล้า ชาตินี้บาปเบื้องหลัง - - - ตามติด พาพลัดพรากอ่อนเจ้า - - - จ่อมด้วยอาดูร
๒๒๙ วงจันทร์จำรัสฟ้า - - - เรียมครวญ หลงว่าวงพักตร์นวล - - - แจ่มเนื้อ แผ่วผ่านกรุ่นจันทน์อวล - - - อบกลิ่น หลงว่ากลิ่นอ่อนเอื้อ - - - อบเนื้อแนมจันทน์
... กรุงลาวกลอยขยาดหน้า - - - ตาตาย ศรากแฮ จักอยู่เมืองเกรงกรร - - - บ่ได้ กลัวกลับเกลื่อนพล-อยาย- - - - อยังออก หนีสมเด็จเหง้าไท้ - - - พ่ายพัง ...
๒๓๐ ป่านนี้ศรีสวัสดิ์เจ้า - - - จอมสมร พี่เอย ทอดรูปที่บรรจถรณ์ - - - นิทระแล้ว ฤๅกราบพระวิงวอน - - - ด้วยห่วง ใยแม่ หวังกลับย้อนคืนแคล้ว- - - - คลาดพ้นภัยผอง
๒๓๑ ลมลงหนาวสุดไซ้ - - - อกอวล อกเอย ไพรเถื่อนแว่วนกครวญ - - - คร่ำร้อง เช่นอกพี่เรรวน - - - ถวิลรูป รูปพักตร์พริ้มเพราพร้อง - - - พร่ำท้าลมหนาว
๒๓๒ เห็นฟ้าขอดเมฆแก้ว - - - อัมพร แม่อา เอิบอิ่มบงกชงอน - - - รูปช้อย พัสตราห่ม, สไบคอน - - - ขอดรูป นั้นนา นึกรูปมือค่อยคล้อย- - - - ขยับคล้ายลืม-เผลอ
๒๓๓ แว่วยินมยุเรศร้อง - - - ริมดง ขนขาบเขียวพิมพ์วง - - - แว่นพร้อม พร่ำเพรียกคู่ครองลง - - - สังวาส อายนก-อกนึกน้อม - - - เพรียกน้องในคะนึง
๒๓๔ ต้นสนทอดกิ่งด้อม - - - ดูไพร ดังพี่ด้อมดูใคร - - - ก่อนกี้ ละม่อมพักตร์นวลใย - - - ยามสบ โฉมย่อมคอยสั่งชี้ - - - ช่วงใช้อาวรณ์
๒๓๕ รำลึกกายอุ่นอ้อน - - - แอบองค์ พี่เนอ กอดกระชับ, จำนง - - - นิ่มเนื้อ ลมอุ่นผ่าวผ่านลง - - - โลมรูป จนอุ่นนั้นหนุนเอื้อ - - - โอบเนื้อคลายหนาว
๒๓๖ แสงดวงวันเคลื่อนคล้อย - - - คลุมพนา ลมโบกใบไม้พา - - - แผ่ป้อง นึกรูปกับอกอา- - - - วรณ์พี่ แลแม่ รูปย่อมรู้ตื่นต้อง - - - อกรู้ตื่นตาม
... สรรเพชญภูวนารถแกล้ว - - - การยุทธ ยิ่งแฮ ตามต่อยไพรีพัง - - - พ่ายล้าน จยรจอมครุทธผลาญ - - - แผลงเดช สยงสรเทือนพ้ยงค้าน - - - ค่นเมรุ ...
๒๓๗ อาวรณ์มาวูบเร้า - - - รุมทรวง ท่ามกรุ่นคันธาดวง - - - ดอกไม้ เทียบหอมนิ่มเนื้อหวง - - - หาสวาดิ เอื้อมเด็ดดอกมาลย์ไล้ - - - กลีบนั้นแทนนาง
๒๓๘ รวยรวยรสมาศไม้ - - - มาลา ฟุ้งกลิ่นลมพัดพา - - - ผ่านรู้ นึกปรางสบด้วยนา- - - - สิกนิ่ง นั้นเนอ กลิ่นย่อมคอยกล่อมชู้ - - - อยู่เชื้อเชิญโฉม
๒๓๙ ซ่อนชู้ซ่อนกลิ่นนั้น - - - นามใคร ไม้เอย ฤๅซ่อนสิ้น-เยื่อใย - - - ราคชู้ รัดพันรอบอกใคร - - - ครวญคร่ำ ตระหนกอกรับรู้ - - - ซ่อนเร้นได้หรือ
... อยู่ไทธิเบศรเจ้า - - - จอมปราณ พราวพฤๅบพลคชเสน - - - เกลื่อนแกล้ว ครั้นพระผ่าผลาญพล - - - ยวนย่อย ไปแฮ ทันที่น้ำลิบแล้ว - - - เลิศไชย ...
... จึ่งชักช้างม้าค่อย - - - ลีลา ยังนครไคลคืน - - - เทศไท้ พยงบานทพาธิก - - - ทรงเดช ที่คนเคารพไข้ - - - ข่าวขยรร ...
๒๔๐ จำปีควรเด็ดก้าน - - - เชยชม นึก-เสียบแซมเส้นผม - - - ผูกห้อย เกศเส้นกับรื่นฉม - - - เคล้าอยู่ รอ-เนตรเจ้าเหลือบชะม้อย - - - เลศละห้อยคอยหอม
๒๔๑ มะลิลาหอมอบโอ้ - - - เอมใจ เรียงระเบียบมาลัย - - - จับร้อย- เป็นพวงต่างสายใย - - - โยงยึด ใจพี่ มาห่างมาลย์ช่อช้อย - - - จักเชื้อใครชม
๒๔๒ โนรีโนริศร้อง - - - ร่ำเสียง ชวนสุโนกพร้องเพียง - - - หยอกเย้า ขาบขนต่างสไบเคียง - - - คู่บ่า เจ้าฤๅ งามว่างามแต่เจ้า - - - ขจ่างซึ้ง-รูป, เสียง
๒๔๓ สายัณห์อาทิตย์ด้อม - - - อัสดง แว่วชะนีเสียงหลง - - - กู่ก้อง กังวานท่ามป่าดง - - - ดิบเถื่อน กลว่าเสียงร่ำร้อง - - - แว่วคล้ายเจ้าครวญ
๒๔๔ ราตรีตีทุ่มฆ้อง - - - ขานเขิน ใจนา เมื่อสบเนตรเมียงเมิน - - - แม่ชะม้าย ท่วงทีเช่นเทียบเชิญ - - - ชวนรับ เลศนา รับเลศ-พารูปผ้าย - - - ผ่านรู้อภิรมย์
๒๔๕ หวั่นหวั่นในอกคล้อย - - - ลำเค็ญ เกลือกว่ารสรมย์เพ็ญ - - - แม่รู้ มิอาจอดใจเป็น - - - ปมเหตุ เรียมสุดย้อนคืนกู้ - - - ผ่อนแก้ปรารถนา
๒๔๖ ทุกข์นี้ใช่อาจห้าม - - - หักหาย สุดคร่ำครวญรำบาย - - - บอกรู้ จักรุมอยู่ตราบสาย- - - - บ่ายค่ำ เกรงลอบเล่นเชิงชู้ - - - เช่นรู้จากเรียม
๒๔๗ นับยามนับคาบร้าง - - - แรมสมร ด้วยกิจ, จึ่งจำจร - - - จากห้อง เพียงเพื่อจักไปรอน - - - ราญชีพ ยวนแฮ พรากอนุชนวลน้อง - - - แต่ละห้อยคอยหวน
๒๔๘ สองกรรอนยุทธสิ้น - - - สุดณรงค์ เหลือแต่ศึกรบอนงค์ - - - แน่งน้อย ดาบโล่ห์จำปลดปลง - - - จนปราศ สิ้นนา แผงอก, สองแขนร้อย - - - รัดเนื้อนวลถนอม
๒๔๙ นุชเอยแต่พี่พร้อง - - - พร่ำถึง หมายว่าหุบเหวบึง - - - บ่อกว้าง ฤๅอาจรับคำนึง - - - ได้หมด ตราบทั่วแหล่งน้ำ-ร้าง - - - อาจรู้รับคะนึง
... ยังพระนคเรศเรื้อง - - - อโยทธยา อรอาศนไอสวรรยเป็น - - - ปิ่นเกล้า จำนิรจำนยรมา - - - จอมราช คิดใคร่เสวยศุขเท้า - - - เทศเหนือ ...
๒๕๐ เย็นเยียบงันเงียบล้วน - - - สูญสลาย เมื่อเริ่มแสงกำจาย - - - จับฟ้า ลบเลือนมืดหม่นกลาย - - - ย้อนกลับ ให้โลกรู้เจิดจ้า - - - จับจ้องรัศมี ฯ
๒๕๑ มวลรสมาศไม้แห่ง - - - แดนวสันต์ เหมือนกรุ่นกลิ่นโลมขวัญ - - - ฝากรู้ ให้รื่นรสเขมะพรรณ- - - - ผ่านแนบ ทรวงเฮย ก่อนเนตรปลาบแววชู้ - - - วาบเร้าคอยเฉลย ฯ
๒๕๒ ค่อยค่อยเผยพักตร์พริ้ม - - - เพรา-พะนอ แข่งเรื่อราศีทอ - - - กระทบ-ไล้ รูป, จักขุ, พรรณลออ - - - ราวแอบ อิงแม่ หอมจึ่งแนบอกไว้ - - - ระหว่างเช้าเบิกโฉม ฯ
๒๕๓ รูป, จักขุ, กระทบแล้ว - - - เลือนฤา ปรุงแต่งกระโหมฮือ - - - รบเร้า สิ่งใดเล่ากระพือ - - - กระเพื่อมอยู่ เห็นแต่แรงใฝ่เฝ้า - - - ฝากฟ้าประคองฝัน ฯ
๒๕๔ แต่เผยรูปแวดล้อม - - - โลม-ขวัญ เยี่ยงภู่ล้อมมาศพรรณ - - - ตฤป-ต้อง หอมหวานกักกุมฝัน - - - ฝ่ารอด พ้นฤา จักขุ-รูปสบ, พร้อง - - - พร่ำรู้เลือนไฉน ฯ
๒๕๕ รูปนาม, นันทิ, ตั้ง - - - ตอบกาล แรกจักขุวิญญาณ - - - ผัสสะ, รู้ เนตรเหลือบสบ, สังขาร - - - ปรุงแต่ง ลอบ, หลบ, สบ, ตอบชู้ - - - ชื่นล้ำคำแถลง ฯ
๒๕๖ ลอบ, เหลือบ, หลบ, สบต้อง - - - แววตา โลมลูบใจ, บัญชา - - - เร่งเชื้อ แฝงเร้นเลศเมื่อชม้อยหา - - - เพรียกห่วง ใยแม่ จักขุ, รูปนิ่มเนื้อ - - - นิ่งเชื้อเชิญถวิล ฯ
๒๕๗ ลมคงร่ำผ่านคล้าย - - - เสียงครวญ เมื่ออีกใจเฝ้าหวน - - - ห่วงละห้อย สรรพเสียงสุโนกจวน - - - จบโสต เมื่อรูปเนื้ออ่อนน้อย - - - แนบไว้-นิวรณ์, หวัง ฯ
๒๕๘ กำแพงใดก่อขึ้น - - - ขัดขวาง จักล่มลับอับปาง - - - ปลาตสิ้น เยื่อใยเหนี่ยวรั้ง, กาง - - - กั้นอยู่ ขวากแค่เพียงกระผีกริ้น - - - อาจรู้กั้นหรือ ฯ
๒๕๙ คอยเถิดความห่วง, พ้น - - - พรรณนา จักเร่งโหมฤทธา - - - โอบล้อม เช้าจดค่ำจวบวา- - - - ระนิท ราแล รสรื่นกุสุมาลย์, พร้อม - - - แวดล้อมอาลัย ฯ
๒๖๐ แต่นี้-หวง, ห่วงละห้อย - - - จักเห็น เช้าจดสายบ่ายเย็น - - - ยั่ว-ย้ำ ค่ำคืนครุ่นคิดเอ็น- - - - ดูแม่ แลแม่ คอย-รูปพักตร์ล่วงล้ำ - - - อย่ารู้เลือนสลาย ฯ
๒๖๑ จันทร์เพ็ญลอยเด่นฟ้า - - - ฝ่ายาม เมื่อรูปเนตรน้ำวาม - - - วับเต้น โอภาสแห่งจันทร์งาม- - - - งดอยู่ ด้วยเลศในเนตร-เว้น - - - วาบนั้น, ทำไฉน ฯ
๒๖๒ ชื่นเอยแต่เมื่อต้อง - - - แววตา เผยเลศชู้ขจ่างมา - - - มอบไว้ ลอบ, หลบ, สบ, ตอบ, ครา - - - ครั้งหนึ่ง นะแม่ ถ้วนนรกหกฟ้าไซร้ - - - ดั่งสิ้นดับสูญ ฯ
๒๖๓ เจ้าเอย, จนดับ, ทิ้ง - - - ทรมาน หรือตราบรอบสังขาร - - - หยุดสร้าง เอกภพจักรพาฬ - - - พาล่ม ลาญแล ไฟนอกโลกแล่นล้าง - - - อาจล้างอาลัย ฯ |
ดายุ...
ในขณะนี้ อุณหภูมิ-0.1°แต่อ่านโคลงของดายุแล้ว รู้สึกอบอุ่นด้วย..",แผงอก".."โอบ-อกเอื้อ - - อุ่นล้ำเข้าประโลม ฯ"
"O แผงอกเฝ้าอาจเอื้อม - - อรเดียว พี่แม่
กรจักโอบรูปเปรียว - - ประเนื้อ
จนนิลเนตรเหลือบเหลียว - - รับเลศ
เลศย่อมโอบ-อกเอื้อ - - อุ่นล้ำเข้าประโลม ฯ"
บอกแล้วไงคะว่า อ่านอะไรแล้ว จะลึกซึ้งมาก จนตั้งตนเป็นนางเอกของเรื่องเสมอ...
จึง "...-ศัพท์เสียงร่ำร้อย - - ผ่านรู้ปรารมภ์ ฯ"
ลุงสดายุ แต่งกลอนให้ มินตราบ้างซิ..แบบลุงเบโธเฟน นะ"แด่มินตรา"..Für Elise.. อะไร
แบบนั้นน่ะ..