O ฟองคลื่นแห่งรมยา .. O
Moon River - YukiO แต่เมื่อเดินเข้ามาให้ตาเห็นก็บีบเค้นอารมณ์เกินข่มไหวโลกตรงหน้าพลิกผันขึ้นทันใดเมื่อรูปคราญสดใส..ล้อมนัยน์ตาO หรือหัตถ์พรหมลอบเร้น..จัดเส้นทางให้ยกย่างเหยียดก้าวมุ่งเข้าหาแล้วรอการสัมผัส..รูป-ทัศนาก่อคุณค่าจับวางลงกลางใจO แต่บัดนั้น..รุ้งเรื้องที่เบื้องหน้า-ก็เหมือนว่าทอดโค้งยึดโยงให้-ความขัดเขินอ่อนหวานที่ด้านใน-อกทรวงใคร..กับผกายแห่งสายตาO ยิ้มรับความสดใสแห่งวัยเยาว์เช่นยามเช้าสุมาลย์ช้อย..ช่อ-คอยท่า-ภุมรินผึ้งภู่..จะรู้มา-ตฤปรสผาณิตหอม..อย่างยอมตนO ยิ้มรับความอ่อนไหว..ของใครนั้นกับแวววามไหวสั่นนับพันหนเอ็นดูความขัดเขินหยอกเอินคนหวามที่ล้นเอ่อแล้ว..ผ่านแววตา !O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบทชี้..กำหนด..รูปรอยให้คอยหาและเหมือนงามลามรุกไปทุกครา-กับท่วงท่าเหลือบค้อน..ตาซ่อนยิ้มO ระริกคลื่นผ่านระลอกยั่วหยอกฝั่งรูปแฝงฝังแยกแย้ม .. พวงแก้มอิ่มหวานแววตาเผยระยับ .. ยามพรับพริ้มทอดทับพิมพ์ภาพอยู่เพียงผู้เดียวO คลื่นใหญ่น้อยวนวิ่ง .. แอบอิงฝั่งเหมือนแก้มปลั่งผุดผ่อง .. รอข้องเกี่ยวคลื่นต้องลมผันผวน .. ก็ม้วนเกลียวเข้าโน้มเหนี่ยวสายตา .. ไม่ล้าเลยO จันทร์บนสรวงดวงใหญ่ .. แจ้งใจอยู่เมื่ออารมณ์รับรู้ .. ยากอยู่เฉยคลื่นทะเลครวญคร่ำ .. ลมรำเพยราวยั่วเย้ยปรารถนา .. แห่งอาวรณ์O ย่ำค่ำ .. ลมทะเลเริ่มเห่กล่อมเมื่อหวานหอมรอบชู้ .. ยากรู้ถอนคลื่นแล่นริ้ว .. ลมร่ำ .. และคำวอน-คล้ายดั่งอ้อนแอบอยู่ .. ไม่รู้ลาO ค่ำนี้ .. ลมทะเล คอยเห่กล่อมอยู่แวดล้อม-ภพ .. ชาติ .. แรงปรารถนาโคมบนสรวงทอดแสง .. ลงแจ้งตาเมื่อห้วงอารมณ์นั้น .. เริ่มสั่นรัวO เกลียวคลื่นน้อยยังวิ่ง .. แอบอิงฝั่งความเปล่งปลั่งนวลแก้ม .. ก็แย้มยั่วระลอกคลื่นลมหวน .. ก็ม้วนตัว-เข้าโลมทั่วผืนทรายที่ปลายคืนO จันทร์บนสรวงอำไพ .. แจ้งใจอยู่เมื่อแรงชู้ลอดเลี้ยวล้อเกลียวคลื่นกลางลมร่ำปฏิพัทธก็หยัดยืน-อยู่บนการพลิกผืนของพื้นน้ำO ระลอกน้ำโตนตื่น .. ครึกครื้นแล่นโยนยกแผ่นน้ำป่วน .. ก่อนม้วนคว่ำมีอาวรณ์ .. อาลัย .. และนัยคำ-แข่งเสียงคร่ำครวญคลื่นทั้งคืน .. วันO แว่ว .. ดนตรีพากย์เพลง ..เร้า-เร่งเสียงผ่านสำเนียงยวนยั่ว .. เร้า-รัวขวัญที่เพ่งรูปคราญอยู่ .. ฤๅรู้ทัน-การกีดกั้นแอบออ .. ด้วยทรมาO โลกหนอไย .. เคลื่อนผ่านเข้าหว่านล้อมด้วยหวานพร้อมพรั่งปวงแรงห่วงหาแทรกลงจิตวิญญาณ .. นับนานมาและทุกคราทุกครั้ง .. สุดรั้งลงO ค้างรูปในนิรมิต .. ให้คิดครวญทุกเสี้ยวส่วนซอกหลืบ .. คอยสืบส่งหยัดหยั่งอ่อนหวานล้ำ .. ให้ดำรง-เป็นจำนงอยู่ล้อ .. ให้ต่อกรO ค่ำนี้ .. ลมทะเลยังเห่กล่อมใจหวงหอมหวานอยู่ .. ฤๅรู้ถอนเสียงคลื่นถั่ง .. ลมร่ำ .. และคำวอน-คล้ายดั่งอ้อนคลออยู่ .. ไม่รู้ลาO ค่ำนี้ .. ลมทะเลโลมเห่น้ำเมื่อใจคร่ำครวญคอยละห้อยหาระลอกคลื่นซาบฝั่ง .. ฟองยังคารูปเอย .. รูปปรารถนา .. ย่อมคาใจO เพลงสังคีตพ้นผ่านไปนานแล้วจันทร์ผ่องแผ้ว .. ล่มล่อง .. คนผ่องใสวาบวับสองดวงตา .. เหมือนว่าใคร-เผยอ่อนไหวอ่อนหวาน .. หันด้านมาO ท่ามกลางเสียงหลากหลายที่รายรอบเนตรตื่นตอบค่อยชม้อยชม้ายหาโลกในกายเงียบงันลงทันตา-เมื่อเรียวปากเบื้องหน้า .. เหมือนว่า .. ยิ้ม !
เสียงของ" อังคาร" กร้าว..กระด้าง..ขมขื่น..
แต่เสียงจากสดายุ นั้น..หวานซะ..มิมี..
ยังรัก ยังอาวรณ์ ยังอ่อนหวาน...555
"O จะเกิดดับกี่วัฏฏะวงรอบ
ขอนบนอบด้วยเล่ห์เสน่หา
ยอมให้เหยียบย่ำเล่นเหมือนเป็นมา
ในทุกกาละภพที่พบกัน
O อย่าได้คลายอาวรณ์ที่เคยมี
ในทุกที่ทางเที่ยวจะเหลียว-หัน
จะรอคอยย่ำเหยียบ..อย่างเงียบงัน
รอเท้าเรียวเจ้านั้น..เหยียบ-หยันเทอญ !