Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

O สายธาร .. กาลเวลา ภาค ๔ .. O










เพลง .. จระเข้หางยาว



๑๔
O นั่น ! .. ล้วนขบวนบุพะประภพ
อพยพลุแดนไกล
แว่วครวญจะหวนปุระไผท
สุตะไห้คระโหยหา

O โอ !.. โสตอุโฆษสรรพะสำเนียง
ระบุเพียงจะพึ่งพา
แว่ววอนจะย้อนอยุธยา
บ่จะว่าจะสิ้นหวัง


๓๕๒. ภาพนั้นค่อยค่อยลับเลือนกับพลบ
ท่ามกลิ่นศพคาวเลือดจากเชือดหลั่ง
ศักดิ์ .. เสรีจบสิ้นมาภินท์พัง
พร้อมเท้าย่ำดินดัง .. แสนวังเวง

๓๕๓. ต่อแต่นี้พรรณไม้และไพรเถื่อน ..
จะคล้ายเคลื่อนคอยฉุดให้รุดเร่ง
เสียงนกจตุบาท .. แทนพาทย์-เพลง
จะคอยเปล่งทำนอง .. แทนกรองกานท์

๓๕๔. เชลยศึกแถวยาวค่อยก้าวย่ำ
ลากโซ่ตรวนตรากตรำ .. แทนคำขาน
มีอดสู .. อับจน .. ให้ทนทาน
มีอับอายทรมาน .. ให้ผ่านพบ

๓๕๕. ภาพเจ้าหลวงห่มเหลือง .. อยู่เบื้องหน้า
ค่อยก้าวฝ่าทุรทัณฑ์ที่บรรจบ
อัปยศโศกศัลย์ก็ครันครบ
สุดหลีกหลบเพรงกรรมที่ย้ำเยือน

๓๕๖. อัสดงสุริยาจะลาลับ
เพื่อรองรับโศกสร้อย .. ได้คล้อยเคลื่อน-
เอาปวดร้าวเจ็บช้ำไว้ย้ำเตือน-
ใจผู้เหมือนกำลังตายทั้งเป็น

๓๕๗. สิ้นแผ่นดินสิ้นบุญสิ้นคุณค่า
เหลือเพียงหน้าเชลยผองให้มองเห็น
ค่อยค่อยย่างเท้าย่ำด้วยลำเค็ญ
ค่อยค่อยเค้นก้อนสะอื้นกล้ำกลืนลง

๓๕๘. ย่ำค่ำเพลงสังคีตเคยกรีดเสียง
กลับเหลือเพียงเพลงสกุณคอยหนุนส่ง
บุหลันลอยดวงเลื่อนกลางเถื่อนดง
แทนรูปทรงอัจกลับเคยจับตา

๓๕๙. หรีดหริ่งค่อยส่งรับ .. ร่วมขับเสียง
ราวร้อยเรียงความนัย .. ปลอบใจว่า -
ถ้วนทั่วที่ล่มลาญ .. เพียงมารยา
ที่เสาะหาเพียงสมมุติ .. เฝ้ายุดยื้อ

๓๖๐. ไหน .. จะคงค้ำฟ้า .. ตราบหล้าล่ม
จนสั่งสมเป็นประพฤติคอยยึดถือ
คอยแบกสร้างไขว่คว้า .. ไม่รามือ
เพียงเพื่อคนเลื่องลือ .. กุล .. ชื่อ .. ชั้น

๓๖๑. วันวานเคย .. สุขสม .. ภิรมย์เล่น
กลับมาเข็ญขุกให้ .. หัวใจสั่น
ศักดินาล่มลับ .. คนรับทัณฑ์-
สุมโศกศัลย์สุดเทวษทวีทรวง


ชานกรุงอังวะ ..
เดือนเมษายน .. พศ.๒๓๑๑





๓๖๒. ให้ลงหลักปักฐานที่ชานเมือง
จนปลดเปลื้องปลงใจ .. ความไห้-ห่วง
โดยแรงฤทธิ์บุญบาป .. ที่ทาบทวง
คอยเหนี่ยวหน่วง .. สืบสมัย .. ฟ้าใหม่นั้น

๓๖๓. คือหมู่บ้านโยธยา .. ม่านตราชื่อ
เลื่องฝีมือเป็นเอกงานเสกสรรค์
ศิลปะหัตกรรม .. เกินรำพัน-
อาจกล่าวขวัญ .. ฝากถ้อยให้คอยชม

๓๖๔. บรรดาเหล่าวงศาแห่งราชันย์
ผูกสัมพันธ์ผ่านยุค .. พอสุขสม
สืบเผ่าพันธุ์เรื่อยมา..ด้วยปรารมภ์-
ทิ้งขื่นขมล่มลับ .. ไม่กลับย้อน

๓๖๕. มีเจ้าหลวงในจีวร .. คอยผ่อนโศก
คอยบ่ายโบกกำสรดให้ลดผ่อน
เพื่อนมนตรีคุณพะนาย .. ก็วายมรณ์
มีลูกหลานสืบตอน .. ธำรงวงศ์

๓๖๖. ย่อมรู้เหง้าต้นกำเนิดที่เกิดมา
ทั้งรู้ว่าเคยสูง .. ดั่งฝูงหงส์
มาพลัดถิ่นสิ้นยศ .. ถูกปลดปลง
ชีพเหลือคง .. รอคล้อยกับรอยกาล

๓๖๗. แต่นี้ตราบสิ้นภพดินกลบหน้า
ยากรู้ว่าแดนดินทุกถิ่นฐาน
จะยังคงตั้งมั่นสืบสันดาน
หรือล่มลาญแหลกยับอยู่กับไฟ

๓๖๘. สกุณาป่าฝนบินพ้นผ่าน
เช่นตำนานวานวันเริ่ม .. สั่นไหว
จะค่อยคล้อยเลือนลับ .. ไม่จับใจ
คนรุ่นใหม่ลืมสิ้นแผ่นดินเดิม

๓๖๙. โอ้ ตำนาน .. เฟื่องฟุ้งแห่งกรุงศรี
นับแต่นี้สาบสูญ .. ไม่พูนเพิ่ม
ห่างเกินจิตหน่ายแหนง .. จักแต่งเติม
เข้าส่งเสริมปรารถนา .. คืนนาคร


อัมพวา .. สมุทรสงคราม
พศ. ๒๓๑๑





๓๗๐. ลูกชายแม่เรไร .. ตามไปพบ
พ่อแม่ย่าครันครบ .. คอย-หลบซ่อน
พร้อมองค์หญิงดาราผู้อาทร
ที่ค่อยผ่อนศักดิ์ลงร่วมวงศ์วาน

๓๗๑. แม่เรไรปลาบปลื้ม..จนลืมลูก
คำพระผูกความวอน .. เสียงอ่อนหวาน
ทูลกระหม่อม .. ฝ่าฟันมากันดาร
คงร้าวรานระบมบาทแทบขาดใจ

๓๗๒. ทั้งชายชาติ .. นวลนางของวังหน้า
ยินข่าวว่าสุดลี้หลบหนีได้
ถูกกวาดต้อนพรากถิ่น .. จนสิ้นไท
สู่แดนไกลล่วงลับเกินกลับย้อน

๓๗๓. โอ้ .. ทูลกระหม่อมอา .. ในผ้าเหลือง
ถูกปลดเปลื้องยศศักดิ์ .. จนหักกร่อน
เป็นจำเลยตากหน้า .. พรากนาคร
หัวอกเอ๋ยมาสะท้อน .. เมื่อย้อนคิด

๓๗๔. แล้ว .. โอบหัตถ์เหนี่ยวกอดแม่เรไร
ซบพักตร์ไห้คร่ำครวญในส่วนจิต
ขอเป็นลูกรับใช้ .. อยู่ใกล้ชิด
ตามลิขิตบุญกรรม .. เคยทำมา

๓๗๕. จะเป็นชนสามัญ .. แต่ชั้นนี้
เรียนรู้งานนารี .. ให้มีค่า
สุข .. โศก .. ทุกข์ .. สมหวัง .. กี่ครั้งครา
ขอเป็นหนึ่งหนึ่งหน้าทุกครานั้น


คืนจันทร์เพ็ญดวง ..





๓๗๖. ดู .. ปากคอคิ้วคาง .. สรรพางค์เนื้อ
ยังจะเหลือกี่ใจ .. ผ่านไหวหวั่น ?
เห็นจะหาได้ยากลำบากครัน
จะหยุดขวัญ .. ฝ่างามเอาตามใจ

๓๗๗. งามเอย .. รูปโฉมเมื่อโลมทรวง
แต่จะล่วงล้อมขวัญพาหวั่นไหว
มั่นคงฤๅ .. สุจริตในจิตใคร
เพียงเพื่อให้กิ่งพะยอม .. ได้น้อมลง

๓๗๘. อ่อนไหวถึงปานนี้ .. ฤดีนาฏ
ด้วยสะอาดบริสุทธิ์และสูงส่ง
พระลบเลื่อนรับโสม .. ใจโฉมยงค์-
รอโอบองค์รับพะนอ .. เฝ้ารอคอย

๓๗๙. ลมลูบตัวผ่านริ้ว .. ไม้พลิ้วแผ่ว
อ่อนเอนใจเจ้าแล้ว .. อย่างแผ่วค่อย
แตะตื่นความผุดผ่องทุกร่องรอย
พาเคลื่อนคล้อยลอยล่องครรลองฟ้า

๓๘๐. สะท้านหัวใจตื่นรับคืนค่ำ
เหมือนเพรงกรรมบีบคั้นให้ฟันฝ่า
สะท้อนความเผาผลาญแห่งมารยา
พันธนาสองจิต .. เกินคิดคลาย

๓๘๑. สะท้อนความอ่อนไหว .. ห้วงใจนุช
บริสุทธิ์และสะอาด .. ก็มาด-หมาย
สะท้านอยู่ด้านในหัวใจชาย-
เมื่อโชนฉายเสน่หาเต็มค่าแล้ว

๓๘๒. น้ำค้างดึกหยาดเหยาะไหลเลาะหยด
ลมตอบบทพัดย้อน .. เสียงผ่อน-แผ่ว
ขณะเนตรไหววาบ .. ให้ทราบแวว
จนผ่องแผ้ววาบ-วกในอกชาย

๓๘๓. ดึกเอยดึกแล้ว ..
จันทร์ยังแผ้วผ่องดวงไม่ล่วงหาย
ราวรอผ่องพากย์พร่ำ .. ผ่านรำบาย
เพื่อผูกสายเยื่อใย .. เงื่อนไมตรี

๓๘๔. ท่ามระบัดเลบงบทกำหนดร่าง
ก่อรูปสร้างหวงแหนขึ้นแทนที่
เพื่ออาวรณ์เพื่อถวิล .. เพื่อยินดี
ร่วมภาคี .. กำลังเข้าสั่งการ

๓๘๕. เถิด..น้ำค้างค่อยคล้อย, หยาด .. ย้อย .. หยด
โอนชื่นจดแผ่นดินทุกถิ่นย่าน
ให้ชื่นฉาบซาบทรวงเป็นบ่วงมาร
ยึดใจคราญครวญละห้อย .. แต่คอยรอ

๓๘๖. ลมเอยลมร่ำ ..
ช่วยโบกบำรุงชู้ .. ให้ชูช่อ
เพื่อรู้นั่นส่งเสียงดังเพียงพอ
จนเติมต่ออาวรณ์ .. คืนย้อนมา

๓๘๗. ขวัญเอย .. ขวัญเจ้า ..
ใครเปลี่ยวเปล่าในทรวงด้วยห่วงหา
รู้หรือไม่ .. ใครกันนะขวัญตา
ทรมา .. ทรมานอยู่นานครัน

๓๘๘. กล่อมเอย .. กล่อมเกล้า ..
จะกล่อมเจ้ายินสดับในหลับฝัน
โอบอ้อมแขนจะกระชับชั่วกัปกัลป์
และจักมั่นคงอยู่ .. ไม่รู้คลาย

๓๘๙. สบเนตร-เนตรเจ้าวามบ่งความรัก
เกินเก็บกักอ่อนโยน .. ที่โชนฉาย
ใต้อ้อมกอด .. ออดอ้อนเว้าวอนชาย
แอบอุ่นอายอบร่ำลงคำนึง

๓๙๐. ใจชายฤๅเคยหวัง .. สักครั้งว่า
ดวงดอกฟ้าจะน้อมเรียวให้เหนี่ยวถึง
แค่อกท่วมเสน่หา .. อันตราตรึง
ยังสุดดึงเหนี่ยวรั้งให้ฟังความ

๓๙๑. ตระกองกอดเนื้อละมุนแนบอุ่น-อบ
ปากจู่จบเสพทราบ .. รสวาบหวาม
สืบอาวรณ์ย้อนลง .. อกนงราม
ก็สุดห้ามคระโหยแก้ว .. ยินแผ่วมา

๓๙๒. จดจุมพิตโอษฐ์อิ่ม .. เนตรพริ้มหลับ
ด้วยเกินพรับตอบเล่ห์เสน่หา
กระอุอวลส่วนสราญ .. แห่งมารยา
ปรารถนาก็วนว่าย .. สุดคลายคลอน

๓๙๓. ค่อยค่อย .. ล่องลอยล่วง .. สู่สรวงทิพ
พร้อมส่ำเสียงไกลลิบ .. กระซิบอ้อน
และคล้ายอารมณ์สาว .. เปลือย .. เว้าวอน
ด้วยรุ่มร้อนเกินการณ์จะทานทน


แม่หญิงสร้อยดาว ..





๑๔
๓๙๔. นวลจันทร์ถวัลยะตระการ
ขณะคราญก็อึงอล
วาบหวามละลามผัสะกมล
ระอุผลประหวั่นไหว

๓๙๕. โปรยปรายพระพายวรรณะกระทบ
ดละภพะอำไพ
เหน็บหนาวก็ราวจะละจะไร้
ฤจะไอกระอุกอร

๓๙๖. แทรกปนสุคนธ์รสะประทิ่น
อุระถิ่นก็อาทร
ตราตรูบ่รู้จะละจะถอน
ฤจะผ่อนถวิลหา

๓๙๗. ร้อยรัดกระหวัดรมยะบท
มธุรสะลีลา
โบยบินกะนิละฤษณา
ลุสภาวะแห่งฝัน

๓๙๘. ผึ้งภู่เพราะรู้มธุระภาค
จะประจาคก็ยากครัน
ตฤปหวานก็หวานรสะกระสัน-
ตะฤหั่นฤเหือดหาย

๓๙๙. ลำลมระดมกุสุมะถิ่น
ภุมรินก็ร่อนราย
ร่ำหอมพยอมบ่ละกระหาย
ฤจะหมายจะมองไหน

๔๐๐. เต็มตอมถนอมภวะสราญ
กุสุมาลยะใกล้ไกล
เต็มหอม ณ อ้อมอุระไฉน
ขณะไขว่ ฤ อาจขวาง

๔๐๑. ม่านแสงเลาะแหล่งพิศะก็ทราบ
ตละภาพะสรรพางค์
สบนัยน์ก็นัยนะขนาง
ระยะห่างก็หดหาย

๔๐๒. อบอุ่นละมุนรตินิวร-
ณะขจระกำจาย
เอ่อบอกระลอกรชะผกาย
นยะคล้ายบ่คลายคลอน

๔๐๓. อ่อนเอนกระเวนจิตะกระหวัด
ปฏิพัทธะบังอร
เกริกเกรียงสำเนียงสุขะสะท้อน
ดุจะวอนเพราะอ่อนไหว

๔๐๔. พฤกษ์พลิ้วเพราะริ้ววตะสมรรถ
จะสะบัดก็กิ่งใบ
วรรณพลิ้วเพราะริ้วกระอุกระไอ
อุระใครจะอาจขืน

๔๐๕. วาบแจ้งเพราะแรงรุจะประภาพ
ทะลุคาบทะลวงคืน
ปั่นป่วนก็ล้วนกมละผืน
ปะทุตื่นตลอดตน

๔๐๖. คำรนพิกลอสนิบาต
ทะลุชาติทะลวงชนม์
แทรกร่างระหว่างนภะสถล
ปะทุผลภิรมย์เพ็ญ


๔๐๗. จวบคืนวันผ่านเยือน .. ลุเดือนปี
ผู้หนึ่งที่เติบใหญ่ .. ก็ได้เห็น
จากร่างน้อยผ่องแผ้ว .. เสียงแจ้ว .. เป็น-
งามโดดเด่น .. พักตร์นั้นเกินพรรณนา

๔๐๘. ค่อยผ่านช่วงสดใส .. สู่วัยรุ่น
อ่อนหวานละเมียดละมุน .. บอกคุณค่า-
แห่งเชื้อสายบุญหนัก .. ศักดินา-
ของแม่หญิงดารา .. ผู้อ่าองค์

๔๐๙. ทั้ง-พ่อ .. แม่ .. ปู่ .. ย่า .. ครบหน้า-ล้อม
ช่วยหล่อหลอมรูปพิลาส .. แห่งชาติหงส์
เช่นจุดเชื่อมรอยผสานแห่งว่านวงศ์
สืบจำนงให้เห็นความเป็นไทย

๔๑๐. แผ่นดินใต้ร่มเงาของเจ้าตาก
ค่อยเปลี่ยนภาคเศร้าสลด .. เป็นสดใส
เลือดนักรบช่วยเน้นความเป็นไท
อันจะไหลทางเดียว .. หากเชี่ยวนัก

๔๑๑. รวบรวมดินแดน .. ทั่วแคว้นภาค
หลังฝ่าขวากเสี้ยนหนาม .. เข้าตามหัก
หยุดทะเลาะเบาะแว้ง .. คอยแบ่งพรรค
เพื่อมาร่วมใจภักดิ์อีกสักครั้ง

๔๑๒. พรั่งพร้อมสามทหารเสือ .. ผู้เชื่อใจ
เป็นหลักใหญ่หนุนเนื่องอยู่เบื้องหลัง
การทหารแกร่งล้ำ .. เป็นกำลัง-
เพื่อแผ่นดินจีรัง .. อยู่ยั่งยืน

๔๑๓. พ่อ- แม่หญิงคือแกล้ว .. ในแถวทัพ
ร่วมรบรับยุทธนา .. อย่างหน้าชื่น
เพื่อศักดิ์ศรีไทยหมู่ได้รู้คืน
ให้แนวหลังหลับตื่น .. ได้รื่นเย็น

๔๑๔. จวบวัยย่างสิบสี่ .. ก็มีข่าว
เรื่องปวดร้าวหัวใจ .. เมื่อได้เห็น
ข่าว"เจ้าหลวง"สับสน .. พิกล-เป็น
นั้นบีบเค้นสุจริตในจิตไทย

๔๑๕. จนคุณพ่อย้อนกลับมารับขวัญ
เรื่องสำคัญผ่านหูจนรู้ได้
ว่า-แผ่นดินผลัดเปลี่ยนผ่านเวียนไป
มีราชันย์องค์ใหม่ .. ที่ใจเมือง

๔๑๖. เจ้านายพ่อ .. ถูกตั้งเป็นวังหน้า
ใจแกร่งกล้ารุกรบ .. ท่านครบเครื่อง
ร่วมทำนุบำรุงความรุ่งเรือง
คอยปลดเปลื้องภัยอรินทร์ .. ทั่วถิ่นคาม

๔๑๗. คือ .. เจ้าพระยาสุรสิงหนาท
ผู้เข่นฆาตไพรินทร์ .. ที่หมิ่นหยาม
ป้องแผ่นดินทะนุเนื่องจนเรืองนาม
ศัตรูคร้ามเกรงกลัว .. โดยทั่วกัน


สงคราม ๙ ทัพ ..
พศ. ๒๓๒๘





๑๔
๔๑๘. ก้องนามะท่ามอริวิเทศ
อนุ-เชษฐะโรมรัน
อำนาจและอาชญะถวัลย์
ระบุวันทนากร

๔๑๙. ท่ามเถื่อนเสมือนมยุระยาตร
อธิราช ณ นาคร
ท่ามฟ้าสถานะรวิวรณ์
ศศิธร ณ ค่ำคืน

๔๒๐. รอบด้านบ่ทานยุคละบาท
ยุรยาตระเหยียบยืน
เขตใดฤทัยขบถะขืน
พละฝืนบ่อาจฝัน

๔๒๑. เยี่ยงสูรย์พิบูลยะประภาพ
ระอุทาบระรุมทัณฑ์
ย่อมแม้นกะแสนยะพละนั้น
ระบุมั่น ณ ใจเมือง


๔๒๒. พล .. ทัพม่าน .. ผ่านแดนถึงแสนห้า
พร้อมศาสตรา .. ปืน .. กระสุน .. เข้าหนุนเนื่อง
เพื่ออำนาจ .. แสนยาต้องมาเปลือง-
ชีพแกล้วเปลื้อง .. ปูรั้งโอหังการ

๔๒๓. กำลังแกล้วของไทยก็ใช่มาก
เพียงกึ่งฟากอริชาติ .. แต่อาจหาญ
จิตกร้าวแกร่งตั้งมั่นในสันดาน
ยอมแหลกลาญชีพผอง .. ร่วมป้องแดน

๔๒๔. เมื่อแม่ทัพกล้าหาญ .. เชี่ยวชาญศึก
รู้ตื้นลึก .. แนวทางคอยวางแผน
ลวงศัตรูก่อนขยี้ให้บี้แบน
หมายทดแทนเจ็บช้ำ .. เคยทำมา

๔๒๕. ลวงด้วยเล่ห์กลศึกอันลึกล้ำ
ก่อนเหยียบย่ำชีพม่าน .. เข้าผลาญพร่า
มีจิตใจมุ่งมั่นคอยบัญชา
และคุณค่าเบื้องหลัง .. ที่ยังคอย

๔๒๖. ดาบวาดคม .. เถือแล่ง .. เลือดแดงร่วง
ชีพวายป่วงปลิดป่น .. ร่างหล่นผล็อย
เจ็บ .. ปวดร้าวกายต้อง .. ใจล่องลอย
สำนึกพลอยย้อนกลับ .. ก่อนดับวาง

๔๒๗. ค่อยค่อยเหยียบเท้าย่ำ .. เข้ากรำศึก
ด้วยใจฮึกเหิมกล้า .. เข้าฝ่า-ขวาง
เพื่อนไทยเอยร่วมเถิด .. ร่วมเปิดทาง
แลกเลือด-ร่าง .. กับม่านทุกผ่านพบ

๔๒๘. จำได้ไหม .. ไฟควัน .. เคยผันพลุ่ง
เมื่อเสียกรุงครั้งนั้น .. กี่พันศพ
นับเถิดร่าง .. ผองพวก .. แล้วบวกลบ
เอาให้ครบทบเท่าทวีคูณ

๔๒๙. แม้นกำลังน้อยกว่า .. ใจกล้าแกร่ง
ดาบทิ่มแทงวาบคม .. ชีพล่ม-สูญ
จิตไทยเอยเมื่อผยอง .. ดั่งกองกูณฑ์
แต่จะพูนเพียบร้อน .. สุดผ่อนลง

๔๓๐. อารมณ์แค้นโหมซ้ำเกินรำงับ
ดาบเถือสับ .. ชีพยุ่ยเป็นผุยผง
เมื่อใจเอ็งเหิมกล้า .. บุกฝ่าดง
ดาบข้าขอปลิดปลง .. ชีพลงไว้

๔๓๑. เราสองมีมีดดาบคนละมือ
ต่างยึดถือ .. มุ่งมั่น .. ต่างฝันใฝ่
ทั้งความรับผิดชอบ .. เป็นกรอบใจ
เลือดก็รอหลั่งไหล .. ด้วยใจทะนง

๔๓๒. เอ็งมีนายใจกล้า .. ร่วมฝ่าศึก
ข้ากับนายเหิมฮึก .. สำนึกบ่ง-
ว่า-แดนข้าทั้งผืนจักยืนยง
ต้องปลิดปลงเอ็งและนายให้วายปราณ

๔๓๓. หน้าที่เอ็งต้องทำ .. ก็ทำไป
หน้าที่ข้าขับไส .. คอยไล่ผลาญ
ลูกเมียเอ็ง ..นองน้ำตาอยู่ช้านาน
ลูกเมียข้าจะเบิกบาน .. หลังผลาญเอ็ง

๔๓๔. มาเถิด .. แลกคุณค่าด้วยอาวุธ
เราสองมาทำยุทธ .. เถิด-รุดเร่ง-
อย่าชักช้าใจขลาด .. อย่าหวาดเกรง
บุกเข้ามาข่มเหง .. เถิด .. เอ็งมา .. !



หลังศึกท่าดินแดง ..
พศ. ๒๓๒๙







.. ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
รักษาประชาชนแลมนตรี

.. จะบำรุงทั้งฝูงสุรางค์ที่รัก
ให้อัครเรศเป็นสุขเจริญศรี
ครั้นเสร็จการผลาญราชไพรี
ก็ให้กรีฑาทัพกลับมา

๔๓๕. ต่อเนื่องเรื่องการยุทธ .. ไม่หยุดหย่อน
ลูกเมียใจรุ่มร้อนอาวรณ์หา
จะคอยทั้งหลับตื่น .. ให้คืนมา-
เพื่อรับรู้ปรารถนา .. ใจนารี

๔๓๖. รอคอยพ่อกลับมารับขวัญ
นับนานครันพ่อพรากไปจากที่
เพื่อแนวหลังทุกผู้ได้อยู่ดี
เพื่อเสรีแห่งไทยจักได้มา

๔๓๗. วัยย่างสิบแปด .. ในแวดล้อม-
คอยแหนห้อมดูแล .. ทั้งแม่ .. ย่า
เมื่อพ่อกลับแนวหลังอีกครั้งครา
ก็รู้ว่าแผ่นดิน .. หมดสิ้นกรรม

๔๓๘. ผู้เข้มแข็ง .. ให้เห็น .. ย่อมเป็นจ้าว
แปรปวดร้าวกำสรวลเคยครวญคร่ำ
เป็นแรงเข่นศัตรูให้รู้จำ
จากบอบช้ำพ่ายณรงค์ .. การสงคราม

๔๓๙. ก่อนนี้แตกกระเซ็นไม่เป็นทิศ
เฝ้าครุ่นคิดย้อนเกร็ดให้เข็ดขาม
หมายทวงคืนนคเรศและเขตคาม
บัดนี้หยามหมิ่นแคลน .. ทดแทนแล้ว

๔๔๐. ค่อยค่อยผ่านเรียนรู้ .. จากปู่ .. พ่อ
จนเกิดก่อถูกผิดในจิตแก้ว
ทั้งการยุทธ์การกวี .. ก็มีแวว-
จะรู้แนวสืบสม .. ปรารมภ์ตาม

๔๔๑. ใจเอย .. หัวใจสาว
ต้องกี่หนาวจะเสพทราบ .. รอยวาบหวาม
เมื่อร้างชายเหมาะสิ้น .. ถ้วนถิ่นคาม
โอ้ใจทรามสวาดิเจ้า .. เหมือนเฝ้ารอ

๔๔๒. คล้ายร่องรอยหนหลัง .. คอยสั่งการ
ให้รอบฝันพิสดาร .. คอยสานต่อ
มีผืนธารเหลื่อมเงา-รูปเคล้าคลอ
มีวงช่อบุปผา .. แทนมาลัย

๔๔๓. ทุกนิทราหลับฝันจะพลันพบ
เมื่อพระลบทอดทับ .. ผู้หลับใหล
ลมจะโลมผ่านฤดี .. ผู้มีใจ
กระซิบให้คงมั่น .. คำสัญญา

๔๔๔. โอ้ .. รอบกรรมวงวัฏฏ์ของสัตว์โลก
ล้วนเศร้าโศก .. รอคอยละห้อยหา
แต่พลัดพราก .. สังขารล่วงกาลมา
ยังมั่นพาภพพ้อง .. ได้ครองเคียง ..

๔๔๕. ดาษดาวเลื่อนเดือนล่วงลับสรวงแล้ว
เมื่อพาทย์แผ่วจบสิ้นไม่ยินเสียง
กระซิบหนึ่งลึกล้ำ .. ส่งสำเนียง
ว่าสุดเลี่ยง .. เสน่หา .. ที่อาวรณ์

๔๔๖. ในฝัน .. คล้ายเรือน้อย .. นั้นลอยลำ
ค่อยจ้วงจ้ำด้ามพาย .. คัดท้ายก่อน-
มุ่งหัวเรือบ่ายเคลื่อนสู่เรือนอร
เมื่อมืดหม่นทั้งตอนโค้งคุ้งน้ำ

๔๔๗. ในฝัน .. รูปหนึ่งพร้อมละม่อมหน้า
กอปรทีท่าหวั่นไหวหัวใจระส่ำ
มาลัยกรองจีบร้อยแทนถ้อยคำ
คอยตอกย้ำแรงถวิลในถิ่นทรวง

๔๔๘. ในฝัน .. เมื่อเรือพายและชายหนึ่ง
ลอยลำถึงท่าน้ำ .. ก้าวล้ำล่วง
สบหน้า .. ยกกระพุ่ม .. กร-พุ่มพวง
รูปพลันหน่วงเหนี่ยวพิศให้ติดตา

๔๔๙. ในฝัน .. ฝันว่าน้ำนองสาย
หนึ่งรูปหมายอ่อนละมุน .. บอกคุณค่า
ท่ามพระลบคลี่ม่าน .. บ่วงมารยา-
ก็ทอดฝ่ารัดรึง .. เข้าตรึงใจ

๔๕๐. รอเถิดรอแสงเย็น .. ของเพ็ญค่ำ
พายจะจ้ำเรือคล้อยล่องลอยไหล
เพื่อว่าช่วงปรารถนา .. แรงอาลัย
จะอาจไขแทนแข .. ให้แม่รู้


จบภาค ๔





 

Create Date : 20 มีนาคม 2553
4 comments
Last Update : 9 ธันวาคม 2559 13:08:54 น.
Counter : 3616 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 20 มีนาคม 2553 10:25:08 น.  

 

บันทึกผ่านกาลเวลา : บ่ายวันหยุดนี้ฉันไม่ได้ออกไปแรลลี่บนซุปเปอร์ไฮเวย์เหมือนเคย ฉันมานั่งหายใจอยู่ในบล๊อกแก๊ง-เสพบทกวี แล้วก็ให้สงสัยว่าทำไมฉันไม่มานั่งอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้สักนานๆ ฉันทำเวลาหล่นหายไปส่วนหนึ่งอย่างน่าเสียดาย..




(หลายคนคงรออ่านผลงานรวมเล่มเหมือนกัน)

 

โดย: Peakroong 20 มีนาคม 2553 17:53:46 น.  

 

รบกวนหลังไมค์ด้วยค่ะ เฮ้อ...

 

โดย: ปลิวตามลม 21 มีนาคม 2553 6:08:19 น.  

 

หาแฟนตัวเป็นเกลียว...
สวัสดียามเช้าของอีกวันครับ...
กลอนยาวๆแบบนี้ยังจะมีอีก...ชอบก็มาอ่านละกัน





คุณปีกรุ้ง...
สวัสดีครับ...อ้อ ปกติชอบไปแรลลี่เหรอครับ
คงเหมือนผม...ชอบขับรถเที่ยวอยู่ไม่ติดบ้าน...อิๆๆ

เรื่องยาวเรื่องนี้เขียนไว้เป็นเรื่องแรกในชีวิต...ยัง
ไม่คิดรวมเล่มครับ...แต่มีน้องบางคนเขารวมเล่ม
เป็นหนังสือทำมือไว้อ่านนะครับ...ผมเองก็ยินดี

มีข้อแม้ว่า..ต้องทำให้คนเขียนเล่มหนึ่งด้วยทุกครั้ง






อัล....
พี่อ่านแล้วค่ะ...และตอบน้องแล้ว...
ยิ้ม..

 

โดย: สดายุ... 21 มีนาคม 2553 8:15:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.