ใช้ความซื่อสัตย์ตัดสินว่าจะเลือกเชื่อใจใคร
ในการผลิตเพื่อขายมีหลักการนึงที่เรียกว่า QCDซึ่งเป็นหลักการที่แสดงถึงศักยภาพด้านการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าและเป็นหลักการที่ลูกค้าใช้ในการพิจารณาการทำธุรกิจกับซัพพลายเออร์ Q คือ Quality คุณภาพ C คือ Cost ราคา D คือ Delivery การจัดส่ง ลูกค้าจะพิจารณาว่าซัพพลายเออร์เจ้าไหนทำสินค้าที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด ราคาถูกที่สุด การจัดส่งที่ตรงเวลาที่สุดก็จะถือว่าเจ้านั้นน่าที่จะทำธุรกิจด้วย แต่ในความเป็นจริงการจะทำธุรกิจอาจจะไม่ได้มีสำคัญปัจจัยเพียงแค่สามอย่างนี้ อีกสิ่งนึงที่ควรใช้ในการพิจารณาซัพพลายเออร์คือความซื่อสัตย์ หากคุณภาพดีราคาได้จัดส่งสินคาตรงเวลา แต่สินค้าที่เค้าผลิตให้เราซึ่งตกลงกันไว้ว่าจะผลิตให้กับเราเจ้าเดียว แต่ลับหลังเค้าเอาไปผลิตให้กับลูกค้าอีกเจ้าที่เป็นคู่แข่งเรา ย่อมสร้างความเสียหายให้กับเราได้ ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์เจ้านึงมีบริการซ่อมถึงบ้านในราคาที่ไม่แพง และมีฝีมือดีในการซ่อม มารับคอมถึงบ้านและเอากลับไปทำที่ออฟฟิศเค้า ตกลงรับงานและกำหนดส่งงานกันเรียบร้อยแล้ว แต่พอถึงวันที่ส่งงานปิดโทรศัพท์หนี ติดต่อไม่ได้ พอตามไปถึงออฟฟิศบอกว่าที่ปิดหนีเพราะงานยังไม่ได้ตามกำหนดการเลยยังไม่อยากรับสาย แต่พอนำคอมพิวเตอร์กลับมาถึงที่บ้านพบว่าชิ้นส่วนบางอย่างในเครื่องไม่เหมือนเดิม ช่างแบบที่ไม่มีความซื่อสัตย์แบบนี้ แม้ว่าจะเก่ง ประหยัด สะดวกแต่ก็อันตราย เราก็เลิกใช้เพราะไม่มีความซื่อสัตย์ในบริการ ข้าวสารไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศแม้ว่าจะราคาถูก แต่ก็แอบเอาทราย เอาวัตถุอื่นไปใส่ผสมด้วยเพื่อเพิ่มน้ำหนักก็ทำให้เราเสียชื่อเสียงและความเชื่อมั่นมาก ถึงจะถูกยังไงแต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์ลูกค้าก็อาจจะไม่ซื้อก็ได้ ธุรกิจก็เช่นกัน แม้ว่าราคา คุณภาพ การจัดส่งจะดี แต่หากความซื่อสัตย์ไม่มี จะไม่สามารถสร้างความเชื่อใจให้ลูกค้าได้ หากสร้างไม่ได้การที่จะได้เงินจากเค้าก็เป็นเรื่องยาก ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้เลยในตอนแรกที่พบเจอ หลายๆครั้งเราจึงมักถามกับเพื่อนที่เคยใช้บริการมาก่อนว่าการบริการ หรือสินค้าของร้านค้าเจ้านี้เป็นยังไงแล้วจึงค่อยตัดสินใจใช้บริการ แต่ถึงอย่างนั้นความซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และแปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และเวลา ก่อนหน้านี้เค้าอาจจะบริการอย่างซื่อสัตย์ แต่พอเวลาผ่านไปลูกค้ามากขึ้น เริ่มทำไม่ไหวจึงมีการลักไก่กันบ้าง ในเรื่องของคนก็เหมือนกัน แต่ละวันเราเจอคนมากมายในที่ทำงาน หรือในที่ต่างๆมีเพื่อนใหม่มากมายจากการแนะนำจากเพื่อน หรือต้องเจอกับคนแปลกหน้าที่ได้เข้ามาทำธุรกิจด้วยกัน หรือคนรักของเราที่อาจจะได้แต่งงานด้วยในอนาคต แน่นอนว่าคนเรามีทั้งดีและเลวเรามักตัดสินใจได้ยากว่าจะเลือกเชื่อใจใครและบางครั้งไม่รู้เลยว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง บางคนกลัวที่จะเชื่อใจคนอื่น เพราะพอเชื่อใจก็มักจะถูกทรยศเลยเลือกที่จะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นทำให้ชีวิตมีแต่การระแวงและไม่สบายใจ ผมไม่เห็นด้วยกับการเลือกที่จะไม่เชื่อใจใครเลย ในสังคมมีคนมากมายเราหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบเจอคนไม่ได้ และเมื่อหลีกไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เมื่ออยู่ร่วมกันแล้วไม่เชื่อใจกันจะทำให้เกิดความทุกข์มาก ความสามารถในการเลือกว่าจะเชื่อใจใครนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ความซื่อสัตย์ก็เป็นสิ่งที่ใช้วัดความเชื่อใจ หากใครที่มีความซื่อสัตย์ก็ถือว่าคนนั้นเชื่อใจได้ เมื่อคำพูดของเค้าตรงกับการกระทำของเค้าถือว่าเค้าเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ หากรับหลังเพื่อนเราไม่ทำร้ายเรา หรือเอาเรื่องเราไปนินทาเสียๆหายๆด้วยความเกลียดชังถือว่าเพื่อนเราซื่อสัตย์กับมิตรที่ดีกับเรา แต่ความซื่อสัตย์นั้นบางครั้งทำได้ยากในสังคม หลายครั้งคนหลายคนต้องโกหกเพื่อเอาตัวรอด เพื่อมารยาท จึงไม่ได้หมายความว่าคนโกหกทุกคนจะเป็นคนไม่ดี แต่ควรเข้าใจวัตถุประสงค์ของการโกหกของเค้า หากพบว่าที่โกหกไปนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่ดีอะไร ก็อย่าไปถือสาเพื่อนเลย แม้ว่าจะไม่ซื่อสัตย์แต่หลายๆคนก็เป็นคนที่ไว้ใจได้และเชื่อใจได้หากวัตถุประสงค์ของความไม่ซื่อสัตย์นั้นไม่ได้เลวร้าย ในสังคมนั้นการจะพูดความจริงทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ยาก และบางครั้งการพูดความจริงก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก และสร้างความเดือดร้อนให้กับหลายๆคน เมื่อเจอคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับเราก็ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะคบไม่ได้ หรือไม่ควรทำธุรกิจด้วย ก็ต้องดูกันไปตามแต่ละกรณี บางครั้งอาจจะพบว่าเค้าไม่ซื่อสัตย์จริง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ควรคบค้าสมาคมด้วย แต่เราก็จำไว้ในใจให้รู้ว่าความซื่อสัตย์ของเค้านั้นมีแค่ไหน เราไว้ใจได้แค่นี้ หากเป็นเรื่องสำคัญมากๆเราก็ไม่ควรจะให้เค้าทำงาน หรือให้เค้าได้รับทราบเรื่องสำคัญของเรา บทความจาก www.toytorich.com //www.facebook.com/pages/Sawmoon/465074080170124
Create Date : 12 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2555 21:46:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1655 Pageviews. |
|
|