สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
6 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ดอกมะลิ ... ดอกไม้ที่หอมเย็นชื่นใจที่สุด

Photobucket>


ดอกมะลิ ..
เป็นดอกไม้ที่ถูกรับรองแล้วว่า
เป็นดอกไม้ที่หอมเย็นชื่นใจที่สุด

และขาวบริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาดอกไม้ทั้งหลาย
ชีวิตของมนุษย์ที่เป็นอยู่ก็เช่นเดียวกับการเล่นละคร
ขอให้เป็นตัวเอกที่มีชื่อเสียงที่สุด
เช่นเดียว หรือลักษณะเดียวกับ ดอกมะลิ
อย่าเป็นตัวผู้ร้ายที่เลวที่สุด



Photobucket>



และให้เห็นว่า ดอกมะลินี้จะบานเต็มที่เพียง 2-3 วัน ก็จะเหี่ยวเฉาไป
ฉะนั้นขอให้ทำตัวเราให้ดีที่สุดเมื่อยังมีชีวิตอยู่
ให้หอมที่สุดเหมือนดอกมะลิที่เริ่มแย้มบานฉะนั้น


"จงเลือกทำแต่กรรมที่ดี ๆ"





ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ธมฺมวิตกฺโกภิกขุ)
วัดเทพศิรินทราวาส จ.กรุงเทพมหานคร
(๒๔๔๐ - ๒๕๑๔)






Create Date : 06 กรกฎาคม 2551
Last Update : 6 กรกฎาคม 2551 17:47:12 น. 54 comments
Counter : 2092 Pageviews.

 
ขาว สวย หอม


โดย: โยเกิตมะนาว วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:11:10 น.  

 
ดอกมะลิ...
กลิ่นหอมชื่นใจ
นิยมนำไปอบขนมให้มีกลิ่นหอม
คนโบราณ
นิยมนำดอกมะลิไปลอยน้ำดื่ม
จะได้น้ำดื่มที่มีกลิ่นหอมธรรมชาติ


มะลิในวันนี้...
ไม่ปลอดภัยกับการที่จะมาอบขนมหรือลอยน้ำดื่ม
แม้แต่จะดอมดมเพื่อความชื่นใจ

เพราะมะลิยุคนี้
ต้องผ่านสารเคมีมากมาย
กว่าจะมาถึงมือผู้บริโภค
ก็อบร่ำด้วยอันตรายในตัวอย่างมากมาย
นำมาซึ่งความเจ็บป่วยจนถึงตายได้

มะลิยุคนี้
จึงเป็นมะลิที่ไม่น่าให้ความไว้วางใจ

เว้นเสียแต่...
จะเป็นมะลิที่เฝ้าฟูมฟักเพาะกล้าให้เติบโตขึ้นมา
ด้วยสองมือและหนึ่งใจของเราเอง

การปลูกมะลิ...
ไม่ยากเย็นอะไรเลย
หักกิ่งมะลิมาปักชำ
รดน้ำให้สม่ำเสมอ
ไม่นานมะลินั้นจะแตกรากออกมา
จากนั้นนำไปลงหลุมหรือกระถาง
รดน้ำอย่าเว้นวัน
ใส่ปุ๋ยบ้างตามความจำเป็น
ห้ามใช้สารเคมีเด็ดขาด

รอเวลาไม่นาน
จะมีกลิ่นหอมกรุ่นของมะลิกระจายทั่วบ้าน
ในยามค่ำคืน
สามารถเก็บดอกมาร้อยมาลัยหรือเสียบไม้
ถวายพระ
เอาดอกมาอบร่ำขนมที่ทำเอง
เอาดอกมาลอยน้ำ
จะได้น้ำดื่มกลิ่นดอกมะลิที่ชื่นใจสุดสุด

เหนืออื่นใด
ในวันแม่
เก็บดอกมามัดเป็นช่อสวย
มอบให้แม่
เพราะเป็นมะลิ
ที่มาจากสองมือและหนึ่งใจของลูก
แม่จะปลื้มขนาดไหนหนอ
กำหนดดูเอาเอง
ในเวลาที่ท่านรับช่อดอกมะลิ
แล้วยกขึ้นสูดดมกลิ่น

แม่จ๋า
ความรักของเรา
แม่+ลูก.


โดย: อำไพพร IP: 125.24.102.133 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:25:49 น.  

 
มะลิเป็นดอกไม้ที่อยู่ในใจเสมอ ทั้งสวย ทั้งหอม..แต่ไม่รู้ทำไม ถ้าเอามาไว้ในรถ นัทเป็นต้องเมารถทุกที...


โดย: Why England วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:47:19 น.  

 

มารายงานตัวแล้วค่ะ ...

ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะเวียนมาสนทนากัน ในยามที่เจ้าบ้านไม่อยู่ ... มากันคับคั่ง และขอแสดงความยินดีกับเจ้าย่าฯ ด้วยนะคะ ที่สามารถเข้ามาเม้นท์ได้แล้ว

ไปภาวนา 2 วันกว่า ๆ ... เหมือนมีเวลาให้ภาวนาเยอะมากมายอ่ะ ... สถานที่สัปปายะ พาใจให้วิเวกได้จริง ๆ ลพ.ท่านคงรู้ ท่านบอกย้ำให้ปลีกหลีกเร้น หาเวลาไปภาวนาต่างที่บ้าง อย่าภาวนาแต่ที่บ้าน จิตใจจะเฉื่อย ไม่คึกคัก อืมม์ ... ก็รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เสียดายลางานนาน ๆ ไม่ได้

นำบุญกุศลที่ได้จากการภาวนามาฝากทุก ๆ ท่านนะคะ

เมื่อวานลูกชายไปเป็นผ้าขาวที่วัดแล้ว เป็นครั้งแรกที่ไปคนเดียวแบบนี้ แค่คืนเดียวโทรฯ มาอ้อน คิดถึงแม่ น้ำตาตกซะแระ

ทำเอาเจ้าบ้านใจแป้วตามด้วยความสงสาร ได้แต่ปลอบ ให้กำลัง ให้อดทน นึกถึงสิ่งดี ๆ ที่จะได้รับในครั้งนี้ ...

ใจตอนนี้มีปีติมาก ทำให้นึกถึงแม่คนอื่น ๆ ที่ลูกจะบวช ความรู้สึกของเขาจะรู้สึกเท่าที่เจ้าบ้านรู้สึกมั๊ยน้อ?


โดย: สาวิกา วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:32:09 น.  

 
สาธุ.......
อนุโมทนา....นู๋กา จ๊า
พลอยปลาบปลื้มใจด้วย.....สำหรับการบวชของลูกชายจ้ะ

เสียดายจัง.....วันนี้ลืมไปเลยว่ามีการบรรยายธรรมของชมรมกัลยาณธรรม ที่ ม.ธรรมศาสตร์
สมัครล่วงหน้าไว้แล้ว แต่จำว่าเป็นสัปดาห์หน้า
อัลไซเมอร์....ซะแล้ว



โดย: โอรัช IP: 125.24.131.27 วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:19:21 น.  

 
ชอบดอกมะลิที่สุดเลย...หอมชื่นใจจริงๆ


โดย: UStogetheR วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:31:20 น.  

 


สวยมากๆๆเลยค่ะ ดอกมะลิ


โดย: whitelady วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:42:58 น.  

 
ชอบดอกมะลิมากค่ะ สวย สะอาด หอมทน หอมนาน ชื่นใจดีจริงๆๆค่ะ

ฝันดีนะค่ะ


โดย: Lady_Jane วันที่: 6 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:54:44 น.  

 
ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทาลัยและสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ

ขอเชิญชวนเพื่อนพนักงานทุกท่าน
ชมสารคดีโทรทัศน์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องในศุภวาระครบรอบ 100 ปี ของการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ 2

"100 ปีไกลบ้าน ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง"

ได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 20.20 - 21.15 น.
เริ่มฉายทางสถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ
ตั้งแต่ วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

ท่านยังสามารถชมนิทรรศการ
ตามรอยพระยุคลบาทตามวัน เวลา และสถานที่ ที่พระองค์เคยเสด็จประพาสเมื่อ 100 ปีก่อน
พร้อมชมภาพที่หาดูได้ยากและเกี่ยวข้องกับการเสด็จประพาสยุโรป

ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารสำนักงานใหญ่ราษฎร์บูรณะ
ตั้งแต่วันที่ 7-11 กรกฎาคมนี้



ส่วนประชาสัมพันธ์
โทร. 2653-8




ปล. เพื่อนส่งมาให้ค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.252 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:42:56 น.  

 

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน

ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน

โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด

เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก

ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ



เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น

ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา

เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู

เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า

หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต

ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อย

ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้

ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย

เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!



เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า

ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง

สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ

เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น

หลวงตายิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ

ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด

หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ

ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ

ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน

เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป

กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา

ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น

เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา

เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น

เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา

เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ

ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด

เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา

เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร

จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป



จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น

และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ

พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2

แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก



ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม

ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ

ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ

จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน



เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก

หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว

ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด


^_^ คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,

ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย

เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน

เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง

เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้

ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ ^_^



โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.252 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:55:05 น.  

 

สุขสันต์ ... วันจันทร์ค่ะ

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ จากนู๋อบ ที่นำมาฝากกันแต่เช้าเลย ... อ่านแล้วประทับใจจัง เพราะตอนนี้เจ้าบ้านกำลังมีความรู้สึกได้เพื่อนดี ๆ คนหนึ่งกลับคืนมา

ช่วงนี้ใจยังมีปีติอยู่มากค่ะ ลูกชายอยู่วัดแล้วความเป็นห่วงเริ่มจางคลาย ก่อนแต่ลูกชายจะไปอยู่วัด ในใจกระวนกระวาย ตุ๋ม ๆ ต่อม ๆ อยู่นาน คนที่ตั้งใจจะบวช แต่ยังไม่ถึงวัด ใจไม่ดีกลัวโลกดึงฉุดลากไป เพราะเป็นช่วงที่เนื้อหอม สาว ๆ รุมตอมกันน่าดู ...ไล่ไปให้อยู่วัดตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว ก็ติดขอดูบอลยูโรก่อน ...

ตอนนี้หายห่วงแล้ว ... เมื่อคืนโทรฯ มาหาเสียงเศร้าเชียว และได้ไปสนทนากับพระที่ท่านเพิ่งบวชใหม่ไม่นาน ท่านมีครอบครัวแล้ว ท่านว่าความห่วง ความกังวลของท่านมีมากกว่านัก

ท่านมาท่านก็ปรับตัวอยู่นาน ท่านแนะนำให้หางานทำ จะได้ลดความฟุ้งซ่านลง ... และท่านบอกว่าอยู่ที่นั่นมีงานให้ทำตลอดเวลา ถ้าอยู่กับงาน ใจจะลดความกังวลได้ ตัวท่านหางานทำทั้งวัน

เขาเลยโทรมาเล่าให้แม่ฟัง จะพยายามอดทน และปรับตัวให้ได้โดยเร็ว ... วันที่เข้าไปกราบลา ลพ. ลพ.เมตตาสอน และแนะนำเยอะเหมือนกัน ใจเขาจึงพยายามนึกถึงลพ.ไว้ตลอดเวลา

เฮ้อออออ ... โล่งใจ และมีความสุข อดไม่ได้ต้องมาเล่าให้พลพรรคฟังค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:10:15 น.  

 


โดย: สาวิกา วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:31:49 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

นำบุญมาฝากครับ
งานบุญพระกรรมฐานที่แฟชั่น ไอส์แลนด์
งานบุญพระกรรมฐานที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น(มีการทำจิตภาวนาฟังธรรมด้วยครับ)
งานบวชพระเณรชาวเขาประมาณ200กว่ารูปกระมังครับ ได้ตั้งกองทุน ได้แห่ผ้าไตร ในขบวนรอบโบสถ์ ผมเป็นต้นเสียงโห่ฮิ้ว ไชโย จนเสียงแหบครับ
งานสร้างหนังสือธรรมะ พระเครื่องถวายพระพุทธศาสนา
งานสร้างพระประธานหอสรงน้ำหลวงพ่อโสธร วัดป่าหนองนาโท (พระอาจารย์ รวม โอภาโส)อุดรธานี กำลังดำเนินการอยู่ครับ
งานตรวจดูต้นแบบหล่อฐาน12นักษัตร ของพระพุทธภูมิสิหิงคปฏิมากร
ฯลฯ

ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยให้ผมพ้นจากอาภัพพฐานะ18ประการ มีกรรมกระทำที่ดีงามเจริญในอภัยทาน สัจจะบารมี สัมมาทิฏฐิ พระพุทธการกธรรม สรรพกุศลธรรม พ้นจากภัยอันตรายนานา เสื่อมจากสรรพอกุศลธรรม
ได้ รู้ พ้นทุกข์ ข้ามโอฆะ สำเร็จพระโพธิญาณ เมื่อได้แล้ว ได้ช่วยให้ผู้อื่นและสรรพสัตว์ได้ด้วยยิ่งๆขึ้นไปเทอญ พุทโธ ธัมโม สังโฆ อัปมาโณ เลิศในเลิศ ๆๆ ยิ่งๆๆขึ้นไปเทอญ

ไม่เคยหลอกใครถ้าเข้าใจไม่ผิด ไม่เคยมีเจตนาร้าย ปรารถนาดีต่อทุกท่าน จริงใจเสมอครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
(3ยิ้ม 3ไหว้ครับ)


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 125.25.17.166 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:00:55 น.  

 

สาธุ ยินดีด้วยกับคุณสาฯค่ะ ..นั่งนึกถึง
พระลูกชาย แล้วก็ชื่นใจนะคะ

สวัสดีนะคะ คุณยายลิง คุณโอรัช ย่าอำ
นู๋อบ และทุกท่านค่ะ


โดย: เย็น IP: 202.139.223.18 วันที่: 7 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:04:14 น.  

 
เชิญร่วมฟังบรรยายธรรมธรรม

ณ ศาลาปันมีในโครงการบานาน่า แฟมิลี่ปาร์ก บ้านอารีย์ ซ.อารีย์ ๑

วันจันทร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑
เวลา ๑๗.๓๐ น.

โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ๐๒ ๒๗๙ ๗๘๓๘


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:03:45 น.  

 
หุหุ..

เดี๋ยวจะน้อยหย้าคุณย่าอักฯ :-P

ฝากกลอน ถึงคุณผีเสื้อ ด้วยค่ะ..

กี่วารวันผันผ่านมานานเนิ่น
ยังดำเนินคงมั่นไม่หวั่นไหว
อิสระ..สันโดษ..มุ่งก้าวไป
ชัดเจนในจุดหมาย..ที่ใจวาง

วางใจตรงแน่แน่วแกร่งแกล้วกล้า
ธรรมนำพาพ้นอุปสรรคที่ขัดขวาง
เย็นดวงจินต์ สะอาด ว่าง กระจ่าง..ทาง
ละ ปล่อย วาง เข้าแดนทิพย์..นิพพานเทอญ.

_/|\\_


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:07:00 น.  

 
_/|\\_
สวัสดีพี่ญิงเย็น ค่ะ
ไม่ได้ทักทายกันนานเลยค่ะ
สุขภาพแข็งแรงดีนะคะ

_/|\\_
สวัสดีทุกท่านค่ะ
:-)


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:12:09 น.  

 
สวัสดีทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุในบุญที่ทุกท่านบำเพ็ญมาค่ะ


คริ คริ

ลูกศิษย์มีความสามารถล้ำหน้าคุณครูไปมากมายแล้ว
ชื่นจายยยยยยยยยยยยผลงาน
ของลูกศิษย์
ที่คุณครูปั้นมากะมือ

เดินหน้าไปเรื่อย ๆ นะคะ
ม่ายต้องรอคุณครูแล้วค่ะ

ต่างคนต่างเดิน
ไม่เกาะกันจนเกินไป

วันหนึ่งจะบรรจบกันเอง
ที่จุดหมายเดียวกันค่ะ.

(ภาพหนึ่งหน้ายิ้มอย่างสงบนิ่งในสันติ)



ดีใจจังที่คุณเย็นมาเยี่ยมเยียน
คิดถึงค่ะ
ขออนุโมทนาสาธุกับบุญที่คุณเย็นบำเพ็ญมาในระหว่างที่หายไปนะคะ.


คิดถึงกลอนไพเราะของคุณนางฯ
หายหน้าหายตาไปนานหลายวันแล้วนะคะ
เจ้าขาวยังอยู่ดีหรือไม่ ?
อย่าลืมให้อาหารเจ้าขาวนะคะ


แม้มิได้ทักทาย
แต่ภายในใจ...
ก็คิดถึงทุก ๆ ท่านเสมอค่ะ.



โดย: อำไพพร IP: 125.26.30.167 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:06:46 น.  

 
เรื่องของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทย ไม่ว่าเป็น ดีเซล เบนซิน แก๊สโซฮอล
NGV หรือ LPG ต่างก็ยังไม่ได้ลอยตัวครับ ถ้าให้ลอยตัวเหมือนกันหมดราคาเชื้อเพลิงที่
กล่าวถึงก็คงจะขึ้นราคา แต่คงไม่เกิน 3 บาทต่อลิตรครับ แต่ที่ ปตท. ซึ่งไม่ใช่หน่วย
งานของรัฐ เป็นบริษัทเอกชน เช่น เอสโซ เชลล์ มาออกข่าวว่าต้องขึ้นราคาแก๊ส LPG
อีก 11 บาทนั้น เขาอ้างอิงจากราคาตลาดโลก แต่ประเทศไทยผลิตได้เองส่วนหนึ่งจาก
แหล่งผลิตในประเทศ และจากการกลั่นน้ำมันดิบ

ประเทศในยุโรป ไต้หวัน เกาหลี อินเดีย และอีกหลายประเทศ รัฐบาลเขามีนโยบาย
สนันสนุนผู้ใช้แก๊ส ทั้ง NGV และ LPG ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ในครัวเรือน หรือ
ในการขนส่ง ด้วยสาเหตุที่ว่า แก๊ส LPG และ NGV เป็นเชื้อเพลิงสะอาด (clean
fuel) หรือพลังงานสะอาด (clean energy) ลดมลภาวะในอากาศที่เกิดจากการใช้
เชื้อเพลิงประเภทเบนซินหรือดีเซล ประโยชน์ที่ได้รับจากการสนับสนุนตรงนี้คุ้มกว่าผล
เสียที่ก่อให้เกิดทางสังคม เช่นโรคทางเดินหายใจ หรือโรคอื่นๆ มาก หลายประเทศ
รัฐบาลเขาออกมาประกันราคา NGV และ LPG ว่าจะไม่ขึ้นภายในเวลาหนึ่ง เพื่อส่ง
เสริมให้ประชาชนเขาลงทุนติดตั้งระบบแก๊สในรถยนต์

ในประเทศไทย การใช้แก๊ส LPG ในรถยนต์มีมามากกว่า 20 ปีเท่าทีผมจำความได้
หรือมากกว่านั้น ถ้าจำไม่ผิดรัฐบาลเองในยุคก่อนมีนโยบายส่งเสริมการใช้ LPG เหมือน
กับประเทศอื่นๆ ด้วยซ้ำ

แต่มาในยุค ปตท. แปรสภาพจากรัฐวิสาหกิจที่เป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ ไปเป็นบริษัท
เอกชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ (ด้วยการขายหุ้นราคาถูกกว่าราคาจริงเบื้องต้น เปรียบ
เสมือนเอาสมบัติของประเทศมาขายในราคาต่ำกว่าราคาจริง ให้กับพวกพ้องคนรวยไม่กี่
ตระกูล) รัฐบาลกับมีนโยบายสนับสนุนการใช้ NGV ในรถยนต์ โดยให้คำมั่นว่าจะคง
ราคา NGV ไว้ที่ กก. ละ 8.50 บาท ส่วน LPG ที่เคยส่งเสริมนั้นไม่พูดถึง แต่มา
เร็วๆ นี้ ปตท. และ รัฐบาล ออกมาอ้างว่าต้องขึ้นราคา LPG เพราะอุ้มสุดตัว และบีบ
ผ่านทาง ปตท. ไม่ให้เกิดปั้มแก๊ส LPG หรือด้วยวิธีการอื่นๆ และจะขึ้นราคา NGV อีก

... ทีนี้มาตอบข้อสงสัยว่าทำไม ปตท. หรือรัฐบาล ผ่านกระทรวงพลังงาน สนับสนุน
การใช้ NGV สุดตัว และพยายามบีบให้เลิกใช้ LPG มีดังนี้

1. ปตท. เป็นผู้ผูกขาดธุรกิจ NGV แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ไม่มีการแข่งขัน
2. ปตท. รับซื้อแก๊สธรรมชาติ (natural gas) จากพม่าผ่านทางท่อส่งมายังราชบุรี
ซึ่งการวางท่อส่งแก๊สนี้ทำให้เกิดปัญหากระทบกระเทือนสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นการลงทุน
ของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ปตท. ที่เรารู้กันอยู่ ปตท. จำเป็น
ต้องขาย NGV ให้มากที่สุดเพื่อคุ้มกับเงินที่ต้องจ่ายให้พม่าเป็นค่าแก๊ส
3. ปตท. ต้องแสดงผลประกอบการเป็นกำไร เพื่อให้ผู้ถือหุ้น (ใหญ่) พอใจ เพื่อให้ผู้
บริหาร ปตท. ได้อยู่ในตำแหน่ง ได้รับผลประโยชน์เป็นเงินเดือนค่าจ้าง สวัสดิการ ที่
สูงลิ่ว
4. นักการเมืองที่ดูแลกระทรวงพลังงาน เป็นอดีตพนักงานระดับสูงของ ปตท.
5. ปตท. สนับสนุนการใช้ NGV ด้วยการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการสนับสนุนราคา
ถังแก๊ส NGV จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ยอมลงทุนสร้างปั้มแก๊ส NGV ให้ทั่วประเทศ และระบบ
ส่งแก๊ส NGV ไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนจากเอกชนรายอื่นๆ ได้ เพราะเขารู้ว่าไม่คุ้มค่า
ทางเศรษฐกิจ เป็นเหตุผลทางการเมืองและผลประโยชน์ของ ปตท. เอง (ขอย้ำว่า
ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่อสังคม) อีกทั้งข้อจำกัดทางเทคนิค ไม่เป็นที่นิยมของผู้ใช้รถยนต์เท่า
LPG ปตท. จึงต้องหามาตรการอื่นมาบีบ

การที่ ปตท. ทำอย่างนี้ เป็นเรื่องที่เข้าใจเพราะเป็นบริษัทเอกชน ย่อมหาหนทางใดๆ
ก็ได้เพื่อให้ได้กำไรสูงสุดเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น (ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่ใช่ผลประโยชน์
ของสังคม) แต่การที่ภาครัฐผ่านทางกระทรวงพลังงานเลือกปฏิบัติโดยสนับสนุนการใช้
NGV ในรถยนต์สุดตัว โดยไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานให้ เช่น ระบบการส่งแก้ส NGV
ปั้มแก๊ส NGV และบีบการใช้ LPG ในรถยนต์ ถือว่าไม่เหมาะสม รัฐบาลควรให้ข้อมูลกับ
ประชาชนอย่างถูกต้องถึงผลได้ผลเสียต่อสังคมของการใช้พลังงานทางเลือก และควร
กำกับดูแลไม่ให้บริษัทเอกชนบริษัทใดบริษัทหนึ่งเอาเปรียบสังคม

เรื่อง ปตท. บีบไม่ให้ตั้งปั้มแก๊ส LPG เป็นเรื่องจริงครับ เมื่อ 26 ธ.ค. 48 ผมคุยกับ
เจ้าของกิจการโรงบรรจุแก๊สแห่งหนึ่งในภาคเหนือ เขาบอกว่าค่าการตลาดจากการขาย
แก๊ส LPG สูงคุ้มค่ากับการลงทุนเปิดปั้มแก๊สเติมรถยนต์มากกว่าการเปิดปั้มเบนซิน ดีเซล
แต่ ปตท. บีบไม่ให้ตั้ง มิฉะนั้นจะไม่ส่งแก๊ส LPG ให้ และแก๊สที่มาส่งก็มาจากแหล่งผลิต
ในประเทศที่ลานกระบือนี่เอง ส่วนการตั้งปั้มแก๊ส NGV เขาไม่กล้าลงทุน เพราะแพง
มาก มีรถยนต์ใช้น้อยไม่คุ้ม และมีอุปสรรคเรื่องระบบขนส่งแก๊ส NGV

... ทีนี้มาตอบข้อสงสัยว่าทำไม ปตท. หรือรัฐบาล ผ่านกระทรวงพลังงาน สนับสนุน
การใช้ NGV สุดตัว และพยายามบีบให้เลิกใช้ LPG
LPG สามารถกลั่นจาก น้ำมัน(ซึ่งมีต้นทุนสูงนำเข้า) และก๊าซธรรมชาติ
(ซึ่งมาจากอ่าวไทยของเราเอง)
NGV (ก๊าซมีเทน)ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติซึ่งมีอยู่ประมาณ 66 mol% LPG
(c3+c4) 6 mol% แล้วทำไมจะไม่ควรสนับสนุนการใช้ NGV จะซื้อน้ำมันต่างชาติมาก
ลั่นทำไม

อ้างอิงข้อมูลของกระทรวงพลังงานที่เป็นข้อมูลราชการ ที่
//www.eppo.go.th/info/T25.html

เรานำเข้า natural gas ปี 2005 156,733 bbl/day จากปริมาณการใช้
568,742 bbl/day หรือ 27.55 % ของการใช้ในประเทศไทย ซึ่งก็คือนำเข้าจาก
พม่า เสียเงินตราต่างประเทศให้พม่า

ข้อมูลการส่งออก LPG ครับ จากกระทรวงพลังงาน ตาราง 34 ที่
//www.eppo.go.th/info/T34.html
ไทยส่งออก LPG ปี 2005 เฉลี่ยเดือนละ 150 ล้านลิตร เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้น 8.5 %
จากปี 2004 (นั่นคือส่งออก LPG มากขึ้น) ขณะที่ปริมาณแก้ส LPG ที่ใช้ในรถยนต์ของ
ไทยประมาณปีละ 100 ล้านลิตร หรือแค่ 10% ของแก้ส LPG ที่ส่งออกทั้งปี ยังมีเหลือ
อีกมากสำหรับสนองความต้องการในประเทศซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในครัวเรือนและอุตสาหกรรม


LPG ได้มาจากสามแหล่งครับ คือ หนึ่ง เป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันดิบทำเบนซิน
ดีเซล ถ้าไม่ใช้ก็ต้องเผาทิ้ง สอง ปนมากับน้ำมันดิบที่ขุดได้จากบ่อน้ำมันหรือแก้ส ถ้าไม่
ใช้ก็ต้องเผาทิ้ง สาม กลั่นจากแก้สธรรมชาติ (natural gas) ส่วน NGV ได้มาจาก
การกลั่นจากแก้สธรรมชาติ

NGV เหมาะสำหรับรถสาธารณะขนาดใหญ่เนื่องจากอุปกรณ์ยุ่งยากราคาสูงและต้องใช้ถัง
แก้สความดันสูงจำนวนมาก

จากการศึกษารายงานนโยบายการใช้พลังงานของ APEC ที่ไทยเป็นสมาชิกหนึ่งในยี่สิบ
เอ็ดประเทศ ไทยเป็นประเทศเดียวที่จำกัดการใช้ LPG และส่งเสริม NGV ในรถยนต์
ทั้งๆ ที่ผลิต LPG ได้เกินความต้องการต้องส่งออกไปขาย และยังต้องสั่งแก้สธรรมชาติ
จากพม่าเป็นปริมาณประมาณหนึ่งในสี่ของการใช้ในประเทศ

ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ออสเตรเลีย ต่างส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แก้ส
LPG ในรถยนต์ ด้วยมาตรการทางภาษีและสนับสนุนราคา LPG ให้ต่ำกว่าเบนซิน ดีเซล
ประมาณครึ่งหนึ่ง ประเทศที่กล่าวมายกเว้นออสเตรเลียต่างต้องนำเข้า LPG ไม่มีแหล่ง
เองเหมือนประเทศไทย

ฮ่องกงเอง ได้เปลี่ยนให้รถแทกซี 90 เปอร์เซ็นต์มาใช้แก้ส LPG ด้วยการให้เงิน
สนับสนุน และกำลังมีโปรแกรมใหม่ที่จะเปลี่ยนรถบัสเล็ก 5,000 คันมาใช้แก้ส LPG
(ย้ำ LPG) ด้วยเงินสนับสนุนและมาตรการส่งเสริมของรัฐบาล

เราผลิต LPG ได้ปีละประมาณ 3,200 ล้านลิตร
ส่งออกประมาณ 800 ล้าน (25%)
ใช้กับยานยนต์ (แบบเว่อร์ๆ 2 เท่าเลย) 200 ล้านลิตร


ที่เหลืออีก 2,200 ล้านลิตร หายไปไหนครับ???

ไปอยู่ภาคครัวเรือน ให้ประชาชนใช้หุงต้ม 1,000 ล้าน
อยู่ภาคอุตสาหกรรม ทำอาหาร ทำแก้ว หลอมโลหะ ฯลฯ อีก 1,200 ล้าน

แล้วไอ้ที่มาโกหกปาวๆๆๆ ว่า รถยนต์ใช้แกส ทำให้โครงสร้างพลังงานเสียหาย เพราะ
รัฐฯ ต้องชดเชยถึงกิโลละ 11 บาท .. หรือลิตรละ 6 บาท (มาได้งัยก็ไม่รู้) . ชด
เชยให้ใครกัน?

ชดเชยให้คนใช้รถ .. 200x6 = 1,200 ล้าน
ชดเชยให้คนทำกับข้าวกิน .. 1,000x6 = 6,000 ล้าน (สาธุ)
ชดเชยให้พ่อค้านายทุน ผลิตสินค้า = 1,200x6 = 7,200 ล้าน (ก็ .. ยังดี .. ของ
จะได้ไม่แพง)
ชดเชย ((Embedded image moved to file: pic06840.gif)Huh!!!!?? ชด
เชยทำไม) ให้กับการส่งออก 800x6 = 4,800 ล้าน!!!!!

บ.น้ำมัน ไม่รวยพุงปลิ้นวันนี้ ก็ไม่รู้จะพูดงัยแล้ว...

เบนซิน91 หรือเบนซิน95 ต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 100 %
แก๊สโซฮอล นำเข้าเป็นน้ำมันดิบเพื่อกลั่นเป็นเบนซิน 90 % และยังเป็นเอธานอลส่วน
หนึ่งที่เราผลิตไม่พอ ดังนั้นเท่ากับนำเข้ามากกว่า 90 % แต่รัฐบาลโปรโมตสุดลิ่มทิ่ม
กบาล
LPG ไม่ต้องนำเข้าเพิ่มเติม ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบส่วนหนึ่ง กับแยกจากแก๊ส
ธรรมชาติของไทยหรือพม่าอีกส่วนหนึ่ง มีเหลือขายต่างประเทศ
ลองใช้หัวแม่เท้าคิดดูก็แล้วกันครับ
ใช้เบนซิน 100 ล้านลิตร หรือแก๊สโซฮอล 90ล้านลิตร ก็ต้องนำเข้าน้ำมันดิบในจำนวนที่
มากกว่า
ใช้ LPG 100 ล้านลิตร ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพราะจากกระบวนการกลั่นเหลือ
ใช้จนต้องขายต่างประเทศ
การนำLPG 100 ล้านลิตรมาใช้แทนน้ำมัน เมื่อเทียบกับการใช้เบนซิน 90ล้านลิตร หรือ
เบนซินในแก๊สโซฮอล 80กว่าลิตรแบบไหนจะเสียเงินตราของชาติมากกว่ากัน
(ให้อัตราสิ้นเปลืองLPGมากกว่าประมาณ 10 %)แบบไหนประหยัดเงินตราของชาติ
มากกว่ากัน ต่อให้คิดโดยเสมอภาคนั่นคือหากชดเชยก็ชดเชยเท่ากัน หรือไม่ชดเชยก็ต้อง
ไม่ชดเชยเหมือนกัน ค่าการตลาดต่อลิตรเท่ากัน
***จุดที่จะประหยัดเงินตราต่างประเทศมากที่สุดคือ จุดที่มีจำนวนผู้ใช้ LPG มากขึ้นจน
แทบไม่มีเหลือส่งออก เพราะเราก็ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบมากกว่าเดิม
หากจำนวนคนที่ใช้ LPG เพิ่มขึ้นจากเดิมจนถึงจุดที่เราแทบไม่เหลือ LPG ส่งออกนอกนั้น
ใช้เบนซินหรือโซล่า หรือแม้แต่แก๊สโซฮอลก็ตาม จะต้องนำเข้าน้ำมันดิบอีกเท่าไหร่

อย่าเพิ่งไปกลัวเลยครับ ผมว่าที่ปตท ออกมาขู่เรื่องราคาแก๊ส lpg ว่าราคาจะลอยตัว
ราคาที่แท้จริงต้องบวกเพิ่มอีก 9บาท ต่อลิตร ตกลิตรละ18บาท สงสัยจะเป็นอุบาย
ของปตท ที่จะทำให้คนที่คิดจะติดlpg ลังเลใจแล้วมาติด ngvแทน เพราะปัจจุบัน ngv
ขายไม่ออก ที่เขาบอกว่าlpg ราคาขึ้นเป็น600ดอลล่า/ตัน ถ้าวิเคราะห์ดูดีๆ ตันหนึ่งมี
1000 กก 1กกมี1.8ลิตร 1ตันเท่ากับ 1800ลิตร 600ดอลล่าเท่ากับ 24000บาท คิด
แล้วลิตรหนึ่งตก 13บาทกว่าเท่านั้นเอง นี่ยังไม่รวมถึงแหล่งที่มาของราคาที่เขาใช้เป็น
ราคากลางด้วยว่า600ดอลล่า/ตัน มาจากที่ไหน ที่อื่นที่ถูกกว่านี้ก็มี เช่นซื้อมะม่วงแถว
ต่างจังหวัด ราคาย่อมถูกกว่าที่ไปซื้อที่สีลมอยู่ดี อีกอย่างlpg เราก็ผลิตได้เองบางส่วน
จะมาอ้างราคาตลาดโลกได้อย่างไร ทำไมไม่ตั้งราคาขาย มะม่วงทุเรียน และผลผลิต
ทางการเกษต ที่เราผลิตได้ในประเทศ ให้มีราคาสูงเหมือนที่ขายในญี่ปุน ในอเมริกาละ
โดยอ้างราคาตลาดโลกบ้าง ขายทุเรียนลูกละซัก2000บาทไปเลยซิ คิดว่าประชาชนโง่
เหมือนควายเหรอครับ รัฐบาลอย่ามาขูดรีดขูดเนื้อประชาชนเลยครับ


นี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ขอให้ทุกท่านร่วมหาทางแก้ไขอีกทั้ง รัฐบาลเราคงหวัง
เพิ่งพาอาศัยไม่ได้แล้ว


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.187 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:37:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ ... เจ้าย่าฯ นู๋อบ นู๋ไทมส์ คุณเย็น คุณมุ่งฯ พี่อร และทุก ๆ ท่านค่ะ

ขออนุโมทนาในทุกบุญกุศลของทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ

วันนี้ลูกชายโทรฯ มาหา ... ตอนนี้น้ำเสียงสดชื่นแล้ว เห็นคุณประโยชน์ของการเตรียมความพร้อม ก่อนจะออกสู่สนามรบกับกิเลสแล้ว

ลูกชายปรับตัว ปรับใจได้แล้ว ที่น่ายินดีคือ ได้เรียนรู้การอยู่กับตนเองอย่างแท้จริง เห็นกิเลสที่ผุดขึ้นมาพร้อมจะฉุดลากให้ออกจากเส้นทาง เห็นสิ่งที่ต้องต่อสู้ฝ่าฟัน ได้ซาบซึ้งกับสิ่งที่ต้องเรียนรู้เมื่อต้องห่มผ้า อันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ ...

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่เจ้าบ้านปลื้มอ่ะ รอวันที่จะได้เห็นเขาห่มผ้า ไม่รู้ว่าจะน้ำตาร่วงทั้งแม่ และลูกหรือไม่

ช่วงนี้พลพรรคอย่าเพิ่งเบื่อนะคะ ที่เจ้าบ้านมาพร่ำพรรณาอยู่เรื่องนี้ เรื่องเดียว เขิลล์จัง


โดย: สาวิกา วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:32:36 น.  

 
_/|\\_

ขออนุโมทนาค่ะ :-)

ขอให้ท่านผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดี ด้วยใจที่คงมั่น..
และเป็นกำลังในการสืบทอดพระพุทธศาสนา ค่ะ

_/|\\_


โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:36:08 น.  

 
สวัสดีค่ะหนูกา...

ไม่ได้ตั้งใจจะแชทกันที่บ้านย่าอำฯหรอกค่ะ
พอดีอยู่หน้าจอตรงกัน
ก็เลยคุยกันไปเรื่อยเปื่อย...สบาย ๆ น่ะค่ะ

คริ คริ
(อยากเอมเป็นเหมือนกัลลลลล)
บอกหลานแล้วค่ะเรื่องให้สมัครเอมและสอนให้เอมที

ทั้งสองสาวพร้อมใจกันบอกว่า...
ป้าพอแล้ว
ไม่ทำให้หรอก
ไม่รู้จักระวังสุขภาพตัวเอง
อยู่หน้าจอทั้งวัน
(หลาน ๆ ไม่มีโอกาสได้แตะต้องน้องคอมฯเลย)
เลยหมดปัญญาค่ะ

ดีใจด้วยค่ะที่ได้เพื่อนธรรมที่สำคัญกลับคืนมา
มิตรภาพทางธรรมที่ยืนนาน
ไม่มีอะไรมาทำลายลงได้
นอกเสียจากตัวเราเองค่ะ

ต่อไปก็ต้องระมัดระวังให้มากนะคะ
บางครั้งความคุ้นเคยเกินไป
ก็นำสู่ความเปราะบาง
จนทำให้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นได้

คริ คริ
ต่อไปเราก็จะได้ฟังเสียงคุณผีเสื้อเหมือนเดิมแล้วล่ะซิ
ดีใจจังเลย
(ภาพ icon ปรบมือสีหน้าแจ่มใสหัวเราะเบิกบาน ๙๙ ภาพ)

เมฆหมอกผ่านไปแล้ว
ท้องฟ้าสดใส
ผีเสื้อโปรดบินออกมา
แต่งแต้มความแจ่มใสให้ท้องฟ้า
สร้างรอยยิ้มให้แก่เด็กน้อย
ฝากสัจจธรรมไว้ในโลก
ด้วยความมุ่งมั่นของผีเสื้อเถิด.....


โดย: อำไพพร IP: 125.26.30.167 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:04:02 น.  

 
ถามข้อสงสัยกับคุณผีเสื้อเลยนะคะ

อุเบกขาในพรหมวิหาร
อุเบกขาในฌาน
อุเบกขาในสัมโพชฌงค์

แตกต่างกันตรงไหนคะ ?

สงสัยจริง ๆ ค่ะ
สงสัยมานานแล้ว
สงสัยไม่หาย
เลยไม่หายสงสัย
ค่ะ

ตอบหน่อยนะ นะ นะ นะ นะ นะคร้รรรรรรรรรรรรรรรรรรรรา


โดย: อำไพพร IP: 125.26.30.167 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:09:19 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณสาฯคะ ได้ฟังข่าว ของผู้บวช ผู้ปฏิบัติ ยิ่งรู้สึกดี ยิ่งใจเบาสบายบอกไม่ถูกค่ะ
จะได้ฤกษ บวชวันใหนคะ..แต่อย่างไรก็ขออนุโมทนา ด้วยอย่างยิ่งค่ะ

..ขอบคุณและอนุโมทนากับย่าอำฯด้วยเช่นกันค่ะ
การบำเพ็ญบุญ ก็ดี การปฎิบัติก็ดี..ก็ดำเนินต่อไปค่ะ...ก็ได้เห็นว่าตนเอง ยังติด..ติดอยาก..ติดดี อยู่ค่ะ..แก้ยาก ละยาก มากเลยค่ะ..แต่ก็จะทำต่อไป..

..ถึงคุณนู๋ไทม์ค่ะ สบายกาย ใจ เช่นกันนะคะ
ขอบคุณที่ห่วงใยค่ะ


โดย: เย็น IP: 202.139.223.18 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:27:12 น.  

 

สวัสดีครับทุกท่าน
ขออนุโมทนาสาธุในบุญบารมี
ที่ทุกท่านบำเพ็ญมาครับ

ขอให้เจริญในธรรมกันครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:07:09 น.  

 
ขออภัยญิงเย็นค่ะ ที่ไม่ได้ทักทาย ขอบคุณสำหรับการมาเยี่ยมเยียนในกาล และโอกาสที่สะดวกนะคะ ...

ดีใจจังค่ะที่แวะมาเสมอ ๆ แม้จะนาน ๆ ทีก็ตาม คิดถึงซาเหมอค่ะ ... ดูแลรักษาสุขภาพกาย สุขภายใจด้วยนะคะ ...แต่เชื่อว่าญิงเย็นดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีค่ะ

ลูกชายจะบวชในวันอาทิตย์ที่ 13 กค. นี้
เวลาประมาณ 14.00 น.
ตอนนี้ไปเป็นผ้าขาว และเตรียมตัวอยู่ที่วัดแล้วค่ะ

ขอบคุณและอนุโมทนาในทุก ๆ บุญกุศลของญิงเย็นและทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:32:18 น.  

 


อุเบกขาพรหมวิหาร

จัดเป็นอุเบกขาขั้นต้น

เป็นอุเบกขาของบุคคลธรรมดาทั่วไป



อุเบกขาในฌาน

จัดเป็นอุเบกขาขั้นกลาง

ได้แก่อุเบกขาของผู้ไหว้พระสวดมนต์

เจริญสมถะจนได้ฌาน

และได้แก่อุเบกขาของผู้เจริญวิปัสสนา



อุเบกขาสัมโพชฌงค์

จัดเป็นอุเบกขาขั้นสูง

ได้แก่อุเบกขาของผู้เจริญวิปัสสนา

มีนิพพานเป็นอารมณ์





โดย: ผีเสื้อ IP: 222.123.11.101 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:21:44 น.  

 
สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทามิค่ะ

ไม่คาดคิดเลยค่ะ...
ว่าคุณผีเสื้อจะมาตอบคำถามให้
ทันใจปานนี้
ดีใจจัง

ถ้าหนูเวลาทราบ
คงจะดีใจมาก
บ่นบ้นนนนนบ่นอยู่แต่ว่า...
ถ้ามีปัญหา
จะถามคุณผีเสื้อและจะได้คำตอบจากคุณผีเสื้อ
ได้อย่างไรหนอ ?

เรื่องของอุเบกขา
คงต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกนาน
เพราะยังเข้าไม่ถึง
คงจะยังแจ่มแจ้งยาก
แต่ก็จะพยายามค่ะ

คริ คริ
ตอนนี้กำลังอ่านพระอภิธรรม
เรื่องวิโมกข์ ๓ - โมกขมุข
อ่านไปปีติไปมากมายไม่หยุด
จนคิดว่า...
หรือจะเป็นเส้นทางที่เราจะต้องเดินไป ?
มันอิ่มเอมใจบอกไม่ถุก
ไม่มีประมาณที่จะอธิบายได้

แต่ยังไม่เข้าใจมากมาย
จึงยังไม่มีข้อสงสัย
หากมีข้อสงสัยวันใด
จะมีคำถามมาเพื่อขอคำตอบจากคุณผีเสื้อค่ะ

กราบขอบพระคุณอีกครั้ง
ในเมตตาจิตที่มีให้เพื่อนธรรม
สาธุ สาธุ สาธุ
อนุโมทามิ
ค่ะ.

(ภาพบุคคลที่ไม่สามารถบ่งเพศได้ที่มีใบหน้าที่สงบนิ่ง+รอยยิ้มแห่งศานติ ๙ ภาพ)


โดย: อำไพพร IP: 125.26.28.15 วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:59:41 น.  

 

สวัสดีค่ะ ... พลพรรคของคนน่ารักทุก ๆ ท่าน

ขอขอบคุณผีเสื้อ ... ที่บินโฉบเฉี่ยวมาพร้อมกับความรู้มาแบ่งปันให้เจ้าย่าฯ ได้ปลาบปลื้มใจค่ะ
(ภาพยิ้มกว้างขวาง ด้วยใจยินดี และเบิกบาน)

ทำให้บรรยากาศของบ้านสดชื่นขึ้นอีกเช่นเคย เหมือนใจของเจ้าบ้านในยามนี้ ที่กำลังมีธรรมปีติหล่อเลี้ยงใจอยู่ ... แต่ดูให้เป็นอนิจจังอยู่นะคะ ไม่ยินดีจนเกินไปนัก เพียงรู้ให้เท่าทัน ปีติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ (หล่อเลี้ยงใจ) และดับไปในที่สุด
(ยิ้มเบิกบานอีกแล้ว)

เมื่อคืนลูกชายโทรฯ มาหา น้ำเสียงสดชื่น แจ่มใส มีกำลังใจเต็มเปี่ยม ... แค่ได้เรียนรู้เรื่องของศีล และพระวินัยเพียงไม่กี่วัน ใจรู้สึกซาบซึ้งกับการครองตนในสถานภาพใหม่ ... และเขาบอกมาว่า จะพยายามรักษาศีล และพระวินัยให้ดีงาม ให้คนเคารพกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ ... โอย ใจปลาบปลื้มซ้าไม่มี
(ภาพอมยิ้มแก้มแตก 3 ภาพ)

ได้บอกเขาให้ได้อนุโมทนา เพราะมีผู้ร่วมปัจจัยทำบุญ เจ้าบ้านได้นำปัจจัยนั้นไปทำบุญอีกต่อหนึ่ง ด้วยการร่วมพิมพ์หนังสือกับคุณตุลย์ ถวายดูแลเสนาสนะของสวนสันติธรรม

เขาร่วมอนุโมทนา และได้บอกกล่าวขอบคุณ และอนุโมทนากับเจ้าบ้าน ที่ทำให้เขาได้มีวันนี้ ได้เรียนรู้ธรรมะ ได้สนับสนุนให้เขาบวช และเป็นกำลังสำคัญในการจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้เขา บุญกุศลที่เขาได้จากการภาวนา เขาขอเผื่อแผ่ให้เจ้าบ้านด้วย

โอย ... น้ำหู น้ำตามาจากไหนหนอ ปลื้มอีกแล้วค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:49:22 น.  

 
คห # 27

_/|\\_

:-)



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:24:38 น.  

 


โดย: สาวิกา วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:50:10 น.  

 
ฤดูถวายผ้าอาบน้ำฝนแล้ว มารู้จัก"ผ้าอาบ"กันเถอะ

คำถวายผ้าอาบน้ำฝน
อิมานิ มะยัง ภันเต
วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ
ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ
สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ
อิมานิ วัสสิกะสาฏิกานิ สะปะริวารานิ
ปะฏิคคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
(ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้าอาบน้ำฝนกับบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระภิกษุสงฆ์ ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับผ้าอาบน้ำฝนกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์สุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ)

ผมมีเรื่องเกี่ยวกับการถวายผ้าอาบน้ำฝน มาเล่าให้ฟังกันนะครับ
ท่านใดที่เข้าใจเรื่องนี้ดี ถ้าหากการเล่าของผมครั้งนี้มีจุดผิดพลาด
ก็โปรดแนะนำด้วยนะครับ
ใกล้วันเข้าพรรษาแล้วนะครับ ช่วงนี้ก็อยู่ในช่วง1เดือน ก่อนเข้าพรรษา
เป็นช่วงที่พระภิกษุจะแสวงหาผ้าอาบน้ำฝน ญาติโยมก็จะได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนท่านกัน
(ดูความเป็นมาการถวายผ้าอาบน้ำฝนได้จาก //cul.hcu.ac.th/CANDEL.htm )

จากการสังเกตพบว่า พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่จะซื้อผ้าอาบสำเร็จรูป
ซึ่งมักจะจัดมาพร้อมกับถังสังฆทาน หรืออาจซื้อแยกมา
ซึ่งผ้าอาบลักษณะนี้มีขายทั่วไป ผ้าชนิดนี้เรียกว่า "ผ้าริมเขียว"
ลักษณะของผ้าจะบางเบา ซับน้ำได้ดีพอสมควร มีการย้อมทั้งที่เป็นสีกรักทอง
คือ สีเหลืองๆ แบบสีจีวรที่พระมหานิกาย สีนี้มีหาได้ง่ายสุด
กับ สักกรักแก่นขนุน คือสีน้ำตาลเข้มๆ ไหม้ๆ
แต่ปัญหาที่พบก็ คือ ด้วยความบางมากนี้เอง
การนุ่งเพื่อใช้สรงน้ำ ยิ่งถ้าอาบกลางแจ้ง
เมื่อใช้ไปนานก็ยิ่งบาง และยังฉีกขาดได้ง่ายอีกด้วย
จะเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งผ้าที่จัดมาพร้อมกับถังสังฆทานยิ่งแล้วใหญ่
มักจะไม่ได้ขนาดมาตรฐาน หรือความต้องการกำไรมากๆ
ผู้จัดถังก็มักใส่เพียงผ้าผืนเล็กๆ หลอกตาไว้ ถ้าแกะออกมาดู จะพบเป็นเพียงเศษผ้า
ห่อกับกระดาษแข็งให้ดูโปร่งๆ เท่านั้น
ดังนั้นท่านใดที่ซื้อผ้าแบบนี้มาถวายพระ คงต้องพิจารณาดูให้ดี ไว้ได้ขนาดหรือไม่
และควรจะซื้อแยกออกจากถังสังฆทาน เพื่อจะตรวจสอบได้
การใช้ประโยชน์จากผ้าอาบชนิดนี้ อาจใช้ได้เพียงนุ่งห่มในที่มุงบัง
หรือเป็นผ้าเช็ดตัวเท่านั้น

ผมจึงขอแนะนำ ผ้าอาบชนิดหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของวัดป่ากรรมฐาน
และถูกต้องตามพระวินัยผมขอขนานนามผ้าอาบชนิดนี้ว่า
"ผ้าอาบแดงกรรมฐาน สารพัดประโยชน์"
ผ้าอาบแบบนี้จะทำมาจากผ้าดิบ มาย้อมด้วยสีดินแดง
ซึ่งตามพระวินัยแล้วจะไม่ให้ย้อมเป็นสีจีวร
มีความกว้างประมาณ1หลา ยาว 2 หลา พับและเย็บริมกันผ้ายุ่ย
ซึ่งการใช้ผ้าดิบนี้ น่าจะเกิดมาจาก ชาวบ้านในภาคอีสาน
มักจะทอผ้าแบบนี้ขึ้นใช้เองเมื่อชาวบ้านถวายพระแล้วก็ได้มีการเย็บย้อมกันเอง
และเป็นที่นิยมใช้สืบต่อมา

ซึ่งข้อดีของผ้าชนิดนี้ก็คือ มีความทนทาน เนื้อผ้าไม่บาง
นุ่งห่มแล้วไม่โป๊ นอกจากพระป่าจะใช้ผ้าชนิดนี้นุ่งสรงน้ำแล้ว
ก็ยังใช้นุ่งในเวลาทำข้อวัตรแทนสบง เพราะเป็นการรักษาสบง
เพราะการทำข้อวัตร ได้แก่ การกวาดลานวัด ตักน้ำ
ทำความสะอาดวัด ผ่าฟืน จนไปถึงการทำงานก่อสร้าง
ซึ่งเป็นงานที่ต้องเสี่ยงกับความสกปรก อาจเลอะสบง ซึ่งเป็นหนึ่งในผ้าสามผืน
( สบง จีวร สังฆาฏิ) ซึ่งพระสงฆ์จะต้องดูแลรักษาอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ก็ยังไว้ใช้ปูจำวัด การนุ่งซ้อนกับสบงเพื่อไว้เป็นซับใน
คลุมตักในเวลาฉันกันจีวรเลอะ เป็นผ้าเช็ดบาตร เป็นต้น
ซึ่งผ้าอาบน้ำนอกจากพระจะใช้ในช่วงเข้าพรรษาแล้ว
ภายหลังจากออกพรรษาแล้ว พระท่านถอนผ้าให้เป็นผ้าบังสุกุลก่อน
แล้วจึงอธิษฐานผ้าใหม่ให้เป็นผ้าบริขาร เพื่อจะใช้ผ้านั้นได้ตลอดไป
ถ้าหากท่านใดจะถวายนอกฤดูถวายผ้าอาบน้ำฝน ก็พึงถวายเป็นผ้าบังสุกุล นะครับ

ลักษณะการนุ่งใช้ผ้านี้ ของที่มาช่วยก่อสร้างเมรุ หลวงปู่ทา

จะเห็นว่ารูปซ้ายสียังค่อยข้างสด เป็นผ้าใหม่ อีกองค์สีหม่นๆ เป็นผ้าที่ใช้นานแล้ว

ปัจจุบันยังพบว่า แหล่งที่จำหน่ายผ้าอาบชนิดนี้ยังมีน้อย
ส่วนใหญ่พระจะตัดเย็นใช้กันเอง
โยมที่รู้เรื่องนี้ก็มีน้อย ถ้าหากพระหาไม่ได้ ก็ไม่ได้ใช้
นอกจากพระป่ากรรมฐานจะใช้ผ้าแบบนี้แล้ว
พระสงฆ์ในกรุงเทพเองท่านก็มีไว้ใช้เป็นส่วนตัว
ยังมีเรื่องเล่าจากพี่ท่านหนึ่งที่นำผ้าอาบแดงนี้ไปถวาย
พระราชาคณะผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง
ท่านเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงกลางกรุงนี้เอง
พอนำไปถวายท่าน ท่านดีใจและกล่าวสรรเสริญว่า
โยมถวายได้ถูกต้อง ยิ่งการเป็นพระในเมืองยิ่งขาดผ้าแบบนี้
ผ้าอาบแบบนี้ที่ท่านใช้อยู่ก็คร่ำคร่าเต็มที เพราะใช้มาหลายปีแล้ว
ยังไม่เคยมีโยมมาถวายอีกเลย
นี่ขนาดพระผู้ใหญ่ยังขาดแคลน แล้วพระเล็กพระน้อยจะขนาดไหน

ส่วนพระในฝ่ายมหานิกาย อาจไม่คุ้นเคยกับผ้าอาบชนิดนี้
แต่จากการสอบถามจากพระมหานิกายในกรุงเทพเองก็พบว่า
จากการที่ท่านไม่เคยใช้ผ้าอาบแบบนี้ จนกระทั่งมีผู้มาถวายให้ท่านลองใช้ดู
ก็พบว่าท่านก็พอใจกับผ้าอาบแบบนี้มาก

สำหรับในกรุงเทพ แหล่งที่พอจะหาได้ คือ ที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น จรัลสนิทวงศ์ซอย37
หรือที่ร้านจีวรแถวๆ วัดอโศการาม สมุทรปราการครับ ไม่รู้เป็นการเขียนโฆษณาหรือเปล่า อิอิ

การถวายสิ่งที่ถูกต้อง เท่ากับเป็นการส่งเสริมพระวินัย
ไม่ต้องให้พระเป็นกังวลขาดแคลนของอยู่ของใช้
มีกำลังใจปฏิบัติศาสนกิจได้ราบรื่น
และยังได้ของที่ทนทานมีประโยชน์สูงสุดด้วย


ปล. จาก forwarded mail ค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.245 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:25:14 น.  

 

สวัสดีครับสมาชิกทุกๆท่าน



ห่างหายไปบ้างตามกาลเวลา...คงไม่ว่ากันนะครับ อิอิ


ความเหินห่างหรือห่างเหินดำเนินโลก...
วิปโยคให้โศกสันต์หรือหรรษา...
ล้วนเกิดดับสลับเปลี่ยนเวียนมายา...
มีคุณค่ามากมายคล้ายการมอง...



โดย: นางเดินทัก IP: 117.47.207.232 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:24:47 น.  

 


.....ความเหินห่างห่างเหินเกินเหินห่าง
สุขโศกสร้างมายามาหลอกหลอน
มิเหินห่างมิห่างเหินเกินอาวรณ์
ทุกทุกตอนแค่จับยึดจึงยืดดดดดดดดดดดดยาว.


จริงไหมคะ ?


โดย: อำไพพร IP: 125.26.27.87 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:42:18 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

อนุโมทนาทุกบุญกุศลที่ดีงามด้วยครับ

************************************
ร่วมกระแสงานบวชกับเจ้าของกระทู้ด้วยครับ

คืองานบวชภิกษุสามเณรชาวเขาที่วัดเบญจมบพิตรที่ผมไปร่วม ผมก็มีส่วนเป็นเจ้าภาพบวชโดยการตั้งกองทุนไว้ประมาณตั้งแต่ปี2538 กองทุนนี้น่าจะร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระเณรมาร่วมหมื่นรูปแล้วครับ ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาโดยดีงามกันด้วยครับ

ขอให้เป็นสรรพพลวปัจจัยอุปนิสัยตามส่งให้ข้าพระพุทธเจ้าพ้นจากอาภัพพฐานะ18ประการ เจริญในสรรพกุศลธรรม เสื่อมจากสรรพอกุศลธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญ

เข้าหน้าเทศกาลครับข้อมูลจาก//www.wt.ac.th/~pawit/conten3.html
***********************************
2. พิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน
ผ้าอาบนำฝนคือผ้าสงฆ์ใช้ผลัดสรงน้ำ เดิมพระพุทธเจ้าทรงอนุญาติให้พระสงฆ์ใช้ผ้าเพียง 3 ผืนที่เรียกว่า ผ้าไตร ได้แก่ จีวร สบง และสังฆาฏิ ฉะนั้นพระสงฆ์จึงต้องนุ่งสบงในการสรงน้ำ แล้วใช้จีวรนุ่งแทนจนกว่าจะแห้ง ในบางฤดูกาลหรือบางท้องถิ่นพระสงฆ์จะต้องเปลือยกายในการสรงน้ำ ตามพุทธประวัติกล่าวว่านางวิสาขามหาอุบาสิกา ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตตะทัคคะในด้านการบริจาคทาน ได้ทูลเกล้าถวายผ้าอาบน้ำฝน ต่อพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์องค์อื่นๆ เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยและดูเป็นระเบียบและได้กลายเป็นศาสนพิธีสำคัญสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
เมื่อมีพุทธอนุญาตให้ภิกษุใช้ผ้าอาบน้ำฝนได้แล้วจึงทรงตั้งเป็นหลักปฏิบัติว่า ให้แสวงหาผ้าอาบน้ำฝนได้ภายในกำหนด 1 เดือน ก่อนเข้าพรรษา ในปัจจุบันพุทธศาสนิกชน นิยมถวายผ้าอาบน้ำฝนพร้อมกับเครื่องอัฐบริขารอื่นๆ โดยนำไปถวายที่วัดในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 โดยอาจทำเป็นสลากพระสงฆ์รูปใดจับได้ก็ถวายรูปนั้นไป
3. พิธีถวายผ้าจำพรรษา
ผ้าจำพรรษา เป็นผ้าที่ถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ในวัดครบ 3 เดือน ซึ่งไม่ใช่ผ้ากฐิน โดยพระสงฆ์ที่กรานและอนุโมทนากฐินแล้ว สามารถรับจำพรรษาได้ ภายในกำหนด 5 เดือนตั้งแต่วันออกพรรษา (แรม1ค่ำเดือน11) เป็นต้นไป ในกรณีที่จำพรรษาครบ 3 เดือน แต่มาได้กรานและอนุโมทนากฐิน ก็จะรับผ้าจำพรรษาได้ภายใน 1 เดือน ตั้งแต่วันออกพรรษาเป็นต้นไปซึ่งรวมเรียกว่าอยู่ในช่วงจีวรกาลเขตอานิสงฆ์จำพรรษา ถ้าถวายนอกเวลาที่กำหนดนี้ ไม่นับว่าเป็นผ้าจำนำพรรษา
ผ้าจำนำพรรษาอาจเป็นผ้าไตร ผ้าผืนใดผืนหนึ่งในชุดผ้าไตร หรือผ้าขาวก็ได้และมักมีเคื่รองไทยธรรมอย่างอื่นเป็นบริวารด้วย จุดประสงค์เพื่อเป็นการสงเคราะห์พระสงฆ์ที่ต้องมีผ้ามาผลัดเปลี่ยนของเก่าในระหว่างจีวรกาลซางปฏิบัติกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลโยการถวายจะถือเอาสถานที่ซึ่งเหมาะสม เช่น โบส์ถหรือศาลาการเปรียญ ส่วนการถวายอาจจะมีเจ้าภาพเพียงคนเดียวถวายทั้งวัด หรือมีเจ้าภาพหลายคนร่วมกันก็ได้ขึ้นอยู่กับประเพณีนิยมของแต่ละท้องถิ่น
4. พิธีเวียนเทียนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
การเวียนเทียนเป็นการประกอบพิธีบูชาพระรัตนตรัยโดยถือเอาวันสำคัญ 4 วันคือ วิสาขบูชา อัฏฐมีบูชา มาฆบูชา และอาสาฬหบูชา ซึ่งต่างก็มีระเบียบปฏิบัติเหมือนกันต่างกันที่คำบูชาก่อนเวียนเทียนที่กำหนดไว้โดยเฉพาะ สำหรับแนวปฏิบัติในการเวียนเทียนโดยทั่วไปคือ เตรียมดอกไม้ ธูปเทียน ไปยังสถานที่ก่อนเวลา แต่งกายสุภาพ สำหรับเวลาและสถานที่ในการเวียนเทียนนั้นอาจแตกต่างกันไป เช่น อุโบสถ พระพุทธรูป สถูปเจดีย์หรือพระบรมสารีริกธาตุ เป็นต้น
เมื่อได้เวลาประธานสงฆ์จะจุดธูปเทียนและกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย แล้วออกเดินตามด้วยภิกษุ สามเณร และฆราวาส ซึ่งจะเดินคละกันหรือจัดเป็นแถวตามความเหมาะสมโดยการเดินเวียนขวาเรียกว่า ทักษิณาวัตร เมื่อครบ 3 รอบแล้ว นำดอกไม้ธูปเทียนไปปักบูชาตามที่เตรียมไว้ หลังจากนั้นอาจจะมีการสวดมนต์ทำวัตรค่ำหรือการฟังพระธรรมเทศนา ก็แล้วแต่ความเหมาะสม
**********************************
"ส่งเสริมเขาไป เดินทางก้าวไม่หยุด ก็ถึงจุดหมายได้" ล.ป.เลี่ยม ฐิตธัมโม วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี มอบให้ ณ ชมรมพุทธ ทีโอที ในมหามงคลวโรกาส ครบรอบ79-80พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธันวาคม2549

"พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง"
"เมื่อรู้แล้ว จักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย เมื่อพ้นทุกข์แล้ว จักช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย เมื่อข้ามโอฆะแล้ว จักช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย"

"เมื่อได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จักช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิ อภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วย"

************************************
12.00-13.00น. วันที่ 10 กรกฎาคม2551 ณ ชมรมพุทธทีโอที ชั้น3อาคาร5 (โรงอาหาร)

หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ
วัดใหม่บ้านตาล บ้านตาล ตำบลโคกสี
อำเภอสว่างแดนดิน จังวัดสกลนคร

จะมาแสดงธรรมครับ

ประวัติหลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ //www.burapajarn.co.cc/index.php?option=com_content&task=view&id=124&Itemid=26


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:51:55 น.  

 
หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ
วัดใหม่บ้านตาล บ้านตาล ตำบลโคกสี
อำเภอสว่างแดนดิน จังวัดสกลนคร
//www.burapajarn.co.cc/index.php?option=com_content&task=view&id=124&Itemid=26

นิมิต

พวกนี้มันอันตราย บางทีบางคนอย่างหลวงตาองค์หนึ่ง นึกว่าจะเหาะได้ มันมีต่างๆครั่งหนึ่งเรานั่งภาวนาที่ชานกุฎที่ป่าเมี่ยงปรากฏเห็นเป็นงูใหญ่มากๆ ลงจากเขาพุ่งเข้าใส่ เราก็กำหนดพิจารณาดูว่าเป็นงูจริงๆ หรือเปล่า การนิมิตนี่จะโง่หรือฉลาดมีปัญญาไหมก็ตรงนี้ บางคนวิ่งหนีหรือโดดลงจากกุฏิแต่เราไม่ คิดแต่ว่ามาสิจะเอาฆ้อนทุบหัวมันจะกินกันเฉยๆไม่ได้นะ งูไม่ตายก็กูตาย ถ้าตายแล้วก็แล้วกันไป เป็นเช่นนั้นเสมอในจิตใจ บางครั้งบางโอกาสก็ยอมตาย พอยอมแล้วความกลัวก็น้อยลงเราเขาใจว่ามันเป็นงู พอพิจารณาเขาจริงๆ มันกลายเป็นตอไม่ไปเลย มันกลายเป็นสัญญาอนิจจา บางครั้งนั่งเฉยๆ เห็นแต่ช่วงเอวนี้กระดูกโผล่ขึ้นมามีแต่ส่วนเขาบนไม่มี เรามากำหนดพิจารณาดู มันก็หายไปเลยรู้ว่า เป็นของหลอก สังขารมันปรุงแต่งขึ้นมาได้จิตมันปรุงขึ้นมา แต่เราไม่...ไม่หลงว่ามันเป็นความจริง เราพิจารณาเห็นความไม่แน่นอนของมันสิ่งที่เกิดนี่อยากให้มันเกิดอีก มันก็ไม่เกิด พระพุทธเจ้าเลยว่ามันเป็นอนิจจังสิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงจิตเราจะคิดอย่างนี้อยู่ตลอด เอาอันนี้เป็นหลักไว้เป็นประจำไม่ยินดียินร้ายอะไร
(3ไหว้ครับ)


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:54:34 น.  

 
คุณดังตฤณ ไปงานเปิดตัวหนังสือ”รักแท้มีจริง” ที่บ้านอารีย์


วันที่ 10 ก.ค. นี้ เวลา 14.00-17.00 น. นับเป็นโอกาสดีที่จะได้สอบถามเรียนรู้เรื่องการปฏิบัติธรรมกับท่านโดยตรง ทางไปบ้านอารีย์ที่ง่ายๆคือลงสถานีรถไฟฟ้าอารีย์ แล้วเดินย้อนไปทางสนามเป้า ฝั่งเดียวกับซอยอารีย์ (ซ.พหลโยธิน 7) ก็จะเจอตึกเอ็กซิมแบงค์ ทางเข้าบ้านอารีย์อยู่ระหว่างตึกเอ็กซิมแบงค์กับปั๊มนํ้ามันเอสโซ่

คุณดังตฤณ ไปแจกลายเซ็น วันที่ 12 ก.ค.นี้ ที่ศูนย์หนังสือจุฬา สยามฯ เวลา 12.30 – 14.30 น. และที่เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น G ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค เวลา 17.00 – 19.00 น. สามารถไปเข้าคิวสอบถามพูดคุยกับท่านได้โดยไม่จำเป็นต้องมีหนังสือไปขอลายเซ็นแต่อย่างใด


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.143 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:12:13 น.  

 
นู๋กา..........
วันอาทิตย์นี้แล้วซิน๊ะ จะได้เห็นลูกชายห่มผ้ากาสาฯ
สว.ปลื้มใจด้วย.....จริงๆ ๆ ๆ
ถ้าเป็นสว.คงบ่อน้ำตาแตก แบบไม่อายใครแน่ ๆ
พี่ขออนุโมทนามีส่วนร่วมในมหากุศลครั้งนี้ด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...

คุณย่าอำฯ........คะ
วันศุกร์-อาทิตย์ คงบำเพ็ญเนกขัมมะบารมี เช่นเคยนะคะ
ขออนุโมทนามีส่วนร่วมในบุญนี้ด้วยค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ

สว. ได้มีโอกาสร่วมพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์
ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขจากต้นพระศณีมหาโพธิ์ที่อินเดีย
นำบุญมาฝากเพื่อนสมาชิกบ้านฯ..ทุก ๆ ท่านค่ะ

มีพี่ท่านนึงปรารภว่า...คุณแม่ชรามากแล้ว
คงพาไปกราบพระศรีมหาโพธิ์ที่อินเดียไม่ได้แล้ว
โชคดีจัง...จะพาคุณแม่มากราบและเวียนเทียนที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่สาสุข...แทน




โดย: โอรัช IP: 203.157.48.252 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:14:27 น.  

 
สวัสดีครับทุกท่าน

ได้ทำบุญ และปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์คำบ่อที่ชมรมพุทธทีโอทีมานำบุญมาฝากครับ

ธรรมะสวัสดีครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:19:59 น.  

 
เอาขำขันมาฝากครับ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก

พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆมากมาย

พระองค์เริ่มต้นด้วยการ สร้างมหาสมุทร ทั้ง 7
โดยหลักของการวางของวิเศษ พระองค์จะต้องวางทั้ง ของดีและของไม่ดี คู่กันไป

เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใด
สมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ

ทรง เอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกา
แล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย

เอาป่าอเมซอน วางไว้ให้บราซิล ทรงเอาไข้ป่า วางไว้ให้ด้วย

เอาขั้วแม่เหล็กโลก วางไว้ให้แคนาดา
แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้

เอาเทือกเขาหิมาลัย
ให้ธิเบตกับเนปาล เพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก
แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้

ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ ทั้งหมด
..... จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน


คราวนี้ พระองค์ทรงลืมประเทศ รูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีน
ทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป

แต่ด้วยความที่เขาสูงชันมาก
เทือกเขาได้เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาด
ข้าวของที่ดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ
เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์

ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุดในโลก
ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่
--- ประเทศไทยหมด ---


ว้า !! แย่แล้ว พระเจ้า ทรงคิดว่า ประเทศนี้
ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมดแน่นอน

พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว
พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหว ให้ญี่ปุ่นไปแล้ว
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆ
จะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่า พระองค์ไม่ยุติธรรม


จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่า
ประเทศอื่นๆได้ เมื่อทรงคิดได้
เพื่อเป็นการป้องกัน ประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้
ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่า ที่อื่นๆ

พระองค์ก็เลยสร้าง
....... นักการเมืองไทยขึ้นมา
ถ้ามีนักการเมืองไทยอยู่ล่ะก็

ต่อให้สมบูรณ์แค่ไหน ไทยก็ไม่มีวันเจริญ......
.....


เรื่องขำขันไม่ใช่เรื่องจริงคร้าบบ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:39:27 น.  

 
อนุโมทนาบุญ
ที่ทุกท่านบำเพ็ญมาค่ะ

โดยเฉพาะคุณแม่ไก่
ที่จะได้บุญใหญ่จากการบวชลูกชายในพรรษานี้

คุณอรขา...
ย่าอำฯพักการไปวัดระยะหนึ่งค่ะ
เลยเอาบุญมาให้เพื่อน ๆ ร่วมอนุโมทนาไม่ได้
เสียใจ...
แง แง


โดย: อำไพพร IP: 125.24.103.150 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:27:59 น.  

 
โอ๋ โอ๋..
อย่างอแง..
สอนธรรม
สอนแต่งกลอน
ก้อได้บุญจ้า อิอิ



โดย: times IP: 124.120.211.254 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:51:04 น.  

 
*** อ้างอิง คห.ที่ 42 โดย times***

คริ คริ คริ......
เข้าใจปลอบคุณย่าอำฯ
น่าร๊าก....จริง..จริ๊ง....น้องคนนี้

เพิ่งเจอ รถ(เน็ต)ติด ในบล็อคนี้
อิ อิ อิ อิ
ขึ้นข้อความว่า มีคนใช้เยอะ รอเข้าใหม่






โดย: โอรัช IP: 125.24.112.155 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:41:19 น.  

 
คริ คริ
คุณอรต้องเอารถไปติดไซเรนแล้วค่า
ที่นี้เปิดทางโล่งตลอดแน่นอน
เพราะเสียงไซเรน
ใครกล้ามาขวาง ?
ก็จะได้รู้กัลลลลลลลลลลลลลลลลลลลปายยยยยยยยยเลย
555555555

(หมายเหตุ...ม่ายกล้าออกเสียงไซเรนอย่างคนโบราณค่ะ...เด๋วจะโดนเซนเซอร์


โดย: อำไพพร IP: 125.24.103.150 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:22:55 น.  

 
***(หมายเหตุ...ม่ายกล้าออกเสียงไซเรนอย่างคนโบราณค่ะ...เด๋วจะโดนเซนเซอร์***

ว๊ายยยยยยยยยยย!
เปิดแล้วลืมปิด
ขออำภัยค่า
เอาใหม่นะค้า...

*****
(หมายเหตุ...ม่ายกล้าออกเสียงไซเรนอย่างคนโบราณค่ะ...เด๋วจะโดนเซนเซอร์)
*****


โดย: อำไพพร IP: 125.24.103.150 วันที่: 10 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:26:14 น.  

 
มาสวัสดีวันศุกร์สนุกสนานกะทุกคนค่ะ

อนุโมทนากับน้องกั๊กและแม่ไก่อีกครั้งนะคะ

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทั้งลูกและแม่ค่ะ


พี่มุ่ง . . เห็นด้วยจัง . . ตลกร้าย . . ร้องไห้ ไม่ได้ หัวเราะไม่ออก . . อึดอัดเน๊อะ . .

พี่อร . . อนุโมทนาด้วยนะคะ

ย่าอำ . . ปาดโถ่ เดี๋ยวก็เปิด หอ วอ ออ ไม้จัตวาจนได้หรอกค่า . .

นู๋เปิ้ล . . สวัสดีจ้ะ . .

และสวัสดีทุกคนที่มาอ่านแต่ไม่ได้โพสท์ด้วยนะคะ


_/|\\_

: )

นู๋อบค่ะ


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.191 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:36:42 น.  

 
ว้าย เดี๋ยวโดนดุอะ

หอ วอ ออ แล้วไม่ต้องมีไม้จัตวาแล้วค่ะ

เกือบแล้วไม้ล่ะ

ต้องโดนครูย่าอำ กะครูมุ่งดุเลยเชียว

: )


โดย: นู๋อบค่ะ IP: 58.10.80.191 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:39:03 น.  

 

เพลงลืม :: เบิร์ดกับฮาร์ท


....... .ลืมแล้วไยเจ้าเอย
ก่อนเราเคยสัญญา
จะรักกันไว้ให้มั่น
แต่ก่อนจะจากกันนั้น
โปรดได้ฟัง ฉันเสียบ้างเป็นไร

ฟังนะฟังฉันก่อน
โปรดอย่าได้ร้าวรอน
อ้อนวอนด้วยหัวใจ
เธอรักเขาใช่ไหม ขวัญใจ
ตอบฉันหน่อยคนดี

เขา มีดีที่ไหนเธอ
เธอจึงละเมอ เพ้อถึงอยู่ร่ำไป
โปรดอย่าลืม รักเราที่เคยปักใจ
โปรดเห็นใจ ขอจงได้ปรานี......

ฟังนะฟังฉันก่อน
โปรดอย่าได้ร้าวรอน
อ้อนวอนด้วยหัวใจ
เธอรักเขาแล้วใช่ไหม ขวัญใจ
ตอบฉันหน่อยคนดี

เขา มีดีที่ไหนเธอ
เธอจึงละเมอ
เพ้อถึงอยู่ร่ำไป
โปรดอย่าลืม รักเราที่เคยปักใจ
โปรดเห็นใจ ขอจงได้ปรานี

หรือลืมแล้วหรือเจ้าเอย
ก่อนเราเคยรักกัน
ทุกคืนวันหวานชื่น
ไม่รักก็โปรดอย่าฝืน
ขอให้ลืม อย่ากลับคืน กลับคำ

อย่ากลับคืน กลับคำ
ฉันจะได้ไม่ลืม ...


โดย: ลิง IP: 58.137.0.83 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:17:11 น.  

 

สวัสดีค่ะ...ทุก ๆ ท่าน

เมื่อคืนนอนดึก วันนี้ตื่นเสียสายโด่งเลยอ่ะ เมื่อวานไปงานเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของคุณตุลย์ "รักแท้มีจริง" ตั้งแต่เกือบ 4 โมงเย็น

กว่าจะได้ลายเซ็นต์ของคุณตุลย์ พร้อมสอบถามการปฏิบัติ ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน ... คุณตุลย์เมตตาสูงมาก อดทนเป็นยอด นั่งตั้งแต่บ่าย 2 จนถึงตอนที่เจ้าบ้านกลับเกือบเที่ยงคืน ยังมีคนนั่งรอลายเซ็นต์และสอบถามคุณตุลย์อยู่อีกประมาณ น่าจะ 10 กว่าคน

คุณตุลย์ลุกไปเข้าห้องน้ำแค่ 2 ครั้งเอง ... ไม่ได้กินข้าว ดื่มแต่น้ำ แต่หน้าตายังยิ้มยินดี สนทนาตอบถามข้อสงสัยของทุก ๆ คน ไม่จำกัดเวลาอีกต่างหาก และไม่มีอาการอิดโรย เบื่อหน่ายให้เห็นแม้แต่น้อยเดียว... คนที่ไปรอจิ กลับกระสับกระส่าย กระวน กระวาย ง่วงหงาวหาวนอนกันเป็นแถว

วันนี้ไปวัดอโศการาม ซื้อบาตร เครื่องอัฏฐบริขารให้ลูกชายได้เรียบร้อย แถมด้วยผ้าแดงสารพัดประโยชน์ที่นู๋อบนำข้อมูลมาฝากด้วยจ้า

ขอขอบคุณทุก ๆ ท่านสำหรับการมาเยี่ยมเยียน และมีสิ่งดี ๆ สารพัด สารพันมาฝากกันด้วย
ช่วงนี้เจ้าบ้านอาจห่างหายไปบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ ยินดีกับการมาเยี่ยมเยียนของทุก ๆ ท่านเสมอค่ะ


โดย: สาวิกา วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:40:57 น.  

 
_/|\\_

ซาหวัดดี คุณยายลิง พี่อร เจ้าแม่ พี่อบ และทุกท่านค่ะ

:-)

ง่วงจังงงงงงงงงง..



โดย: times IP: 58.181.136.90 วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:05:18 น.  

 
คงจะจริงอย่างพี่อรว่าครับ ช่วงวันศุกร์ที่11กค.เข้าไม่ได้เหมือนกัน เลยมาย้อนหลังว่า

วันศุกร์ ออกเดินทางไปทำบุญกับคณะ ที่ชอบถือ

อุโบสถศีลปฏิบัติธรรมที่อุโบสถวัดมหาธาตุ

เหมารถตู้ไป คุณลุง คุณป้า ข้าราชการ เกษียณ

(นายทหารปืนใหญ่หูหนวก) ก็มีไปทำบุญไหว้พระ

บรมสารีริกธาตุ 9วัด 3จังหวัด ลำปาง ลำพูน

พิษณุโลก สักการะพระนเรศวร (ได้ดูประวัติท่าน

ระหว่างเดินทาง) พระนางจามเทวี ห่มผ้าเสาอินทขิล


ถวายเทียน นีออน ตะลุ่มมุก โคมไฟ หมอน

อาสนะ ผ้าห่มพระประธาน พาน ผ้าห่มพระบรม

สารีริกธาตุเจดีย์ น้ำหอมพรมผ้าห่ม หนังสือ

ธรรมะ ถวายปัจจัยสี่ ค่าน้ำ ค่าไฟ บำรุงวัด จุดธูป

เทียนประทีปบูชา ก่อพระเจดีย์ทันใจ(บรม

สารีริกธาตุเจดีย์)ข้างวัดเจดีย์หลวง อธิษฐานจิต

อุทิศบุญกุศล เวียนรอบเจดีย์

สาธยายสรรเสริญคุณพระรัตนตรัย ปฏิบัติ

กรรมฐาน ครับ

ขอเชิญอนุโมทนากันครับ


โดย: มุ่งเต็มใจ IP: 203.113.0.206 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:46:43 น.  

 
ดีครับผมอยู่ ป.6/2 ผมมาไนเว็บนี้เพื่อจะมาทำรายงานกลุ่มลูกเสื่อ


โดย: atit IP: 118.175.137.39 วันที่: 27 สิงหาคม 2551 เวลา:20:43:51 น.  

 
โฆษณามะลิหอมน้องมะลิหห้อมไม่เห็นสวย โบว์ไม่เห็นสวยลูกโบว์มะลลิไม่เห็นสวย


โดย: โดนัทรำคาญปุ๊กอ้อมตบแรงหนัก ตบอ้อมปุ๊กหักน้าชม IP: 188.165.201.164 วันที่: 5 กรกฎาคม 2559 เวลา:23:38:36 น.  

 
ห้องมะลีปอพ่อตายไปดี หนุแม่ตายหนุ่คนเดียว


โดย: โดนัทรำคาญปุ๊กอ้อมตบแรงหนัก ตบอ้อมปุ๊กหักน้าชม IP: 188.165.201.164 วันที่: 5 กรกฎาคม 2559 เวลา:23:43:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.