สโลแกน แทนใจ ไว้ให้คิด แม้มิ่งมิตร ผู้อยู่ห่าง กลางความฝัน ไม่เห็นหน้า แต่วาจา พาทีนั้น คละเคล้ากัน ปันสุขทุกข์ ทุกวี่วัน
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
6 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
เส้นทาง (รัก) ที่เลือกได้ (ตอนที่ 1)

โดย...สิระสา
ตอนที่ 1

ฉันเคยมี “คนรู้ใจ” ที่คบหากันมานาน เพื่อน ๆ และคนรอบข้างของฉันต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากเราสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ชีวิตคู่คงมีความสุขมาก เพราะเราสองคน เข้าใจกัน มีอัธยาศัยใกล้เคียงกัน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน เรามีความเอาใจใส่ในกันและกันเสมอ ที่สำคัญเราสองคนต่างปรับตัวเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา เราจึงไม่เคยขัดเคืองหรือทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ซึ่งฉันเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน (แม้ในใจลึก ๆ ฉันจะไม่เคยรู้สึกว่าฉันรักเขาเลยก็ตาม)

อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ฉันและเขา ต้องเดินกันคนละเส้นทาง คือ เรื่องของ “ศาสนา” นั่นเอง เขาและฉันนับถือคนละศาสนา ไม่ใช่เพราะฉันไม่รู้ ฉันรู้เพราะเขาบอกฉันแต่แรกแล้ว แต่สิ่งที่ฉันไม่รู้ ก็คือ ฉันไม่เคยมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องของศาสนาใด ๆ เลย แม้แต่ศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาที่ระบุในทะเบียนบ้านของฉันก็ตาม

ตอนนั้นฉันคงยังเด็ก ฉันจึงคิดเหมือนกับคนส่วนใหญ่ ที่ไม่เคยศึกษาในเรื่องของศาสนาอย่างจริงจังมาก่อนว่า ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกันหมด เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องเฉพาะตนเท่านั้น ต่างคนต่างนับถือ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

หากเรา สองคนปรับตัวเข้าหากันได้ อัธยาศัยตรงกัน มีความเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตคู่ และอีกอย่างหนึ่ง เขาเข้าใจในบทบัญญัติของศาสนาของเขาดี แต่เขายังเลือกที่จะคบหาฉันอยู่ เวลาที่ฉันไปวัด เพื่อไหว้พระ ทำบุญ เขาไม่เคยต่อว่า หรือห้ามปรามฉันเลย ฉันจึงคิดว่าเรื่องของศาสนาคงไม่ใช่อุปสรรคในเรื่องรักของฉันแต่อย่างใด

เมื่อเราคบหากันนานพอที่เขาคงเห็นว่า ฉันไม่มีทางที่จะมีใครได้อีกแล้ว เขาเริ่มโน้มน้าวจิตใจของฉันให้เรียนรู้ในศาสนาของเขา เขาเล่าถึงประวัติความเป็นมาของพระศาสดา คำสอนของพระเจ้าของเขา บทบัญญัติ ข้อปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งมีที่มา ที่ไป มีเหตุผลในการกระทำเช่นนั้นทั้งสิ้น

ฉันได้แต่ทำตาปริบ ๆ นึกย้อนกลับมาดูที่ตัวฉันเอง ฉันบอกอะไรเขาได้บ้างเกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธองค์ ตอนนั้นฉันไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับศาสนาพุทธเลยแม้แต่น้อยนิดเดียว เขาพูดถึงพระพุทธรูปที่ฉันกราบไหว้ว่าเป็นแค่เพียง อิฐ หิน ปูนทราย ไม้ หรือวัสดุต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้มีตัวตนจริง ๆ แต่อย่างใด มีแต่เรื่องอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ฉันจะมัวกราบไหว้อยู่ทำไม

นั่นสิ...ถ้าจะว่าไป มันก็น่าจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ แต่ทำไมฉันจึงไม่ได้รู้สึกอย่างที่เขาพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ฉันจะไม่รู้จักพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง หรือลึกซึ้งเพียงใด แต่ทุกครั้งที่ฉันกราบไหว้พระพุทธรูป ฉันรู้สึกถึงความปลื้มปีติอยู่ในใจลึก ๆ ฉันกราบไหว้อิฐ หิน ปูนทราย หรือ ไม้ที่แกะเป็นพระพุทธรูปเหล่านั้นได้อย่างสนิทใจทุกครั้ง ฉันคิดค้านคำพูดของเขาอยู่ในใจ

แต่ฉันไม่ได้โต้แย้งอะไร เขาจึงคิดว่าฉันคล้อยตามในสิ่งที่เขาพูด เขาจึงค่อย ๆ นำบทบัญญัติ และข้อปฏิบัติต่าง ๆ ที่ผู้หญิงควรรู้ มาบอกเล่าให้ฉันฟังเรื่อย ๆ ซึ่งทุกครั้งฉันจะนิ่งฟังอย่างสงบ แต่พอสบโอกาสฉันจะเปลี่ยนเรื่องคุยแบบเนียน ๆ ไม่ให้เขารู้สึก

เวลาผ่านไปอีกพอสมควร อยู่มาวันหนึ่งเขาจึงถามฉันว่า ฉันพร้อมแล้วหรือยัง คุณแม่ของเขาอยากมีหลาน ให้พาฉันไปเรียนหนังสือ เรียนรู้คัมภีร์ และบทบัญญัติต่าง ๆ เพราะฉันต้องกล่าวคำยอมรับเพื่อเข้านับถือศาสนาของเขา คุณแม่ของเขาบอกจะจัดงานให้อย่างยิ่งใหญ่ เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว (เขามีน้องสาวหนึ่งคน แต่งงานแล้วกับคนที่นับถือศาสนาเดียวกัน)

ฉันแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่ตอนนั้นฉันตอบเขาไปว่า หากฉันจะต้องเปลี่ยนศาสนาเพียงเพื่อต้องการมีชีวิตคู่ล่ะก็ มันไม่มีเหตุผลเพียงพอ ฉันนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ฉันยังไม่รู้จักพระพุทธเจ้า และศาสนาพุทธของฉันดีพอเลยแม้แต่นิดเดียว จะให้ฉันศรัทธา ไปเรียนรู้ และนับถือพระศาสดาองค์อื่นได้อย่างไร ให้เขาหาคนที่นับถือศาสนาเดียวกันดีกว่า ฉันยินดี

เมื่อฉันตอบไปแบบนี้เขาก็นิ่งเงียบไป และหลังจากนั้นเราไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย แต่ความสัมพันธ์ของเรายังคงเดิม แถมดูเขาจะรัก และเอาใจใส่ฉันมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะระยะหลังเราอยู่ห่างกันมากขึ้น เขาต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัด หลายเดือนเราจึงจะได้พบกันครั้งหนึ่ง แต่เขายังคงติดต่อหาฉันเป็นประจำสม่ำเสมอไม่ได้ขาด

ช่วงที่เขาอยู่ต่างจังหวัด เวลาเย็นหลังเลิกงาน และวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ฉันจึงมีเวลาว่างมากขึ้น ฉันใช้เวลาว่างช่วงนั้น ไปเรียนจัดดอกไม้ เรียนทำอาหารว่าง ซึ่งสอนโดยกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยใช้สถานที่ของวัดแห่งหนึ่งใกล้บ้านฉันเป็นที่เรียน

ซึ่งที่วัดแห่งนั้นมีการเรียนการสอน เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา (หลักสูตรธรรมศึกษาสำหรับฆราวาส และหลักสูตรนักธรรมสำหรับพระภิกษุสงฆ์) และการทำสมาธิภาวนา นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้เรื่องพระพุทธศาสนา และการทำสมาธิภาวนา บางครั้งที่เขากลับมา เขายังเคยไปร่วมนั่งสมาธิภาวนากับพระอาจารย์ของฉันด้วยซ้ำ เพียงแต่เขาไม่กราบไหว้พระเท่านั้นเอง

พบกันครั้งใด ฉันจะคอยบอกเขาอยู่เสมอ ๆ ว่าหากแม่ของเขาหาคนที่เหมาะสม และคู่ควรให้เขาได้ ขอให้ตกลงตัดสินใจได้เลย ขอให้บอกฉันตามตรง ฉันยินดีและเต็มใจ เพราะฉันพิจารณาดูแล้วว่า ถึงอย่างไร ฉันคงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เปลี่ยนศาสนาอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนั้นฉันเริ่มมีความรู้ ความศรัทธา และเริ่มซาบซึ้งกับพระพุทธศาสนามากขึ้น ๆ แล้วด้วย

การจะคบกันเช่นนี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลย รังแต่จะทำให้เราผูกพันกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญฉันรู้สึกขึ้นมาลึก ๆ ในใจ ว่าฉันไม่เคยคิดถึงการมีชีวิตครอบครัวกับใครมาก่อนเลย แต่จะทำอย่างไรล่ะ ทั้งฉันและเขา เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจใด ๆ ต่อกัน เขายังคงดีต่อฉันเสมอต้น เสมอปลาย แล้วฉันจะหาเหตุผลใด เพื่อเราจะได้เลิกราต่อกันด้วยดี

ฉันได้แต่ภาวนาขอให้แม่ของเขา หาคนที่เหมาะสมให้เขาได้ในเร็ววัน แต่เมื่อฉันถามเขาครั้งใด เขาจะเงียบไปบ้าง เปลี่ยนเรื่องคุยบ้าง ฉันจึงเลิกถามไปในที่สุด

เราสองคนปล่อยให้เวลาผ่านไปในสถานภาพของการคบหากันแบบเดิมอีกเป็นปี จนกระทั่งวันหนึ่ง คำว่า “ความลับไม่มีในโลก” ก็เป็นจริงสำหรับฉัน มีเหตุบังเอิญ (ซึ่งไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ) คงเพราะถึงเวลาที่ฉันจะได้เป็นอิสระ จากความรักความผูกพันที่ฉันกับเขามีต่อกันเสียที (แต่ทำไม การจากกันของเรา จึงไม่เป็นการจากกันด้วยดีอย่างที่ฉันเคยวาดภาพไว้)

จู่ ๆ ก็มีเหตุให้ฉันได้รับรู้ว่า เขาได้(แอบ)แต่งงานกับคนที่แม่ของเขาหาให้ เมื่อสามปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลเพื่อแม่ของเขา วินาทีแรกที่ฉันรับรู้ ฉันเกิดอาการมึนงงเหมือนถูกค้อนทุบหัว ฉันสับสน หูอื้อไปหมด ใจฉันไม่ยอมรับ ฉันย้ำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก สามปี เป็นไปได้อย่างไรกัน “เป็นไปไม่ได้ ๆๆๆๆ ฉันไม่เชื่อ”

ก็ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา เขาไม่เคยทำให้ฉันเสียใจ เจ็บปวด หรือเสียน้ำตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจะทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุด (ในความรู้สึกของฉัน) อย่างนี้ได้อย่างไร หลังจากที่ฉันรู้ความจริงนี้แล้ว เขาหลบหายหน้าไป ไม่กล้าสู้ความจริง ไม่ติดต่อกับฉัน เขาปล่อยให้ฉันจมอยู่กับความคิด หาเหตุผลอยู่คนเดียวด้วยความสับสน เศร้า เสียใจ ตอนนั้นฉันมีแต่น้ำตาเท่านั้นที่เป็นเพื่อนฉัน





Create Date : 06 เมษายน 2550
Last Update : 6 เมษายน 2550 19:50:20 น. 1 comments
Counter : 616 Pageviews.

 
แล้วจะติดตามตอนต่อไปนะคะ


โดย: ใบไม้ร่วงในป่าใหญ่ วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:20:26:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สาวิกา
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]























Friends' blogs
[Add สาวิกา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.