Skip button

Skip button

     ท่ามกลางกระแสความนิยมสนับสนุนให้คนทำในสิ่งที่รักแทบจะเป็นปกติกันไปแล้วในยุคสมัยของฉัน, ยุคสมัยที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญมากในชีวิตมนุษย์

     เมื่อเรามีสิ่งที่รัก ทำให้เราอยากทำรู้สึกว่าเราจะทำได้ดีที่สุดถ้าเราอยู่กับสิ่งนั้น ความจริงข้อนี้ฉันก็ไม่เถียงแต่มันก็น่าสังเกตว่า หลายๆครั้งพอมันไม่ใช่สิ่งที่เรารัก เราก็กลับหมดความพยายามทิ้งความสามารถที่เราพอทำได้ขึ้นมาดื้อๆความจริงบางทีเราอาจจะทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีก็ได้ แต่เราดันบอกตัวเองไปเสียแล้วว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ ไม่ใช่แนว ไม่ชอบ ไม่ใช่สิ่งที่รัก ไม่เอาเหมือนกับเราได้ปฏิเสธการเรียนรู้ที่น่าจะได้เกิดขึ้นไปมีคนที่ประสบความสำเร็จมากมายที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เขารักจริงๆ คืออะไรพวกเขาแค่ทำในสิ่งที่เขามี ที่ๆ เขายืนให้ดีที่สุด

      อย่าคิดว่าต้องทำแต่สิ่งที่เรารักอย่างเดียวเท่านั้นที่จะสำเร็จถ้าตอนนี้เรายังทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดไม่ได้ แล้วจะหวังอะไรกับอนาคต?

     บางทีไอสิ่งที่เราคิดว่าเราชอบ เรารักมันพอเราได้อยู่กับมันจริงๆ ตลอด ก็ทำให้เราเบื่อได้เหมือนกันมันไม่มีอะไรในโลกที่เราจะชอบมัน รักมันได้ทุกๆ ด้านตลอดเวลา ลองนึกถึงอาหารที่เราชอบมากๆมาสักอย่าง .. เอาที่เราอยากกินมากๆ ถ้าหากได้กินมันซ้ำๆทุกวัน ทุกมื้อ เราจะเบื่อไหม?เวลาผ่านไปสักอาทิตย์นึงยังอยากกินอย่างเดิมอยู่มั๊ย

     เคยอ่านหนังสือเล่มนึง (น่าจะเป็นตรวจภายในของนิ้วกลม; ถ้าจำไม่ผิด ถ้าจำผิดต้องขออภัยเพราะจำไม่ได้ว่ามาจากไหนจริงๆ) พูดถึง skip button ในอุปกรณ์ electronic ว่ามีส่วนทำให้เราเป็นแบบนี้ทุกวันนี้ทนความรู้สึกไม่ชอบไม่ค่อยจะได้ พอเจอเพลงที่ไม่ชอบก็ skip ไปเพลงอื่นจนกว่าจะเจอเพลงที่ชอบไม่เหมือนคนสมัยก่อน เช่นยุค cassette ที่เขาต้องฟังเพลงทุก partไม่ว่าชอบหรือไม่ชอบ ดังนั้นคนยุคก่อนจึงมีแนวโน้มที่จะมีความอดทนต่อสิ่งไม่พึงประสงค์มากกว่าคนรุ่นใหม่อย่างเราเราจึงเห็นได้ว่าเขาจะทำงานอาชีพดั้งเดิมที่เขาทำมาเป็นเวลานานชอบไม่ชอบเขาก็บอกว่ามันเป็นอาชีพที่เลี้ยงตนเองได้แต่เด็กสมัยนี้มีแนวโน้มของอายุงานค่อนข้างจะสั้น ส่วนนึงก็น่าจะมาจากความอดทนน้อยด้วย(แต่บางคนก็มีเหตุผลดีนะ)

     ในชีวิตจริงไม่มี skip button เราไม่สามารถเลือกที่จะเลื่อนผ่านเวลาที่มันเลวร้ายหรือส่วนที่เราไม่ชอบให้มันผ่านไปเร็วขึ้นได้ หรือแม้กระทั่งการ replay ให้อยู่แต่กับสิ่งที่ชอบได้ตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างชอบและไม่ชอบมันปะปนกันไป

     เราควรทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราแม้ว่าจะชอบหรือไม่ให้มันดีที่สุด ส่วนที่ไม่ชอบก็ถือซะว่าฝึกความอดทนอดกลั้นส่วนที่ชอบก็ถือว่าเป็นเวลาให้รางวัลชีวิต แต่อย่าไปหวังว่าจะได้อยู่กับมันตลอดแต่ถึงยังไงก็สนับสนุนให้คนทำในสิ่งที่รักนะ แค่ไม่อยากให้แนวคิดนี้บิดบังโอกาสที่จะได้เรียนรู้ในสิ่งอื่นๆ ด้วย หวังว่าบทความนี้จะเป็นกำลังใจและแง่คิดให้กับหลายๆ คนในการทำงานได้นะ

มาทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดกันเถอะ




Create Date : 02 กันยายน 2557
Last Update : 2 กันยายน 2557 8:24:52 น.
Counter : 892 Pageviews.

1 comments
  
มีใครมีคำแนะนำเรื่องวิธีการลงรูปบ้างมัียคะ เราค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องการลงรูปใน blog ไม่เข้าใจว่าทำไมลงไม่ได้?

จะขอบคุณมากเลยค่ะ
โดย: ผู้เขียน blog นี้ IP: 192.99.14.36 วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:8:30:34 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

saturns-ring
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



กันยายน 2557

 
1
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
2 กันยายน 2557