Group Blog All Blog
|
แห่งการผจญภัย หากว่าเขาเผชิญหน้ากับชีวิตเยี่ยงวีรบุรุษ หากเขาคิดเหมือนแฟรงค์ เครนที่ว่า วิญญาณของฉันคือ โคลัมบัส ซึ่งแม่น้ำอันตรายหรือความลึกลับอันมืดมนนั้น ไม่สามารถทำให้ฉันเปลี่ยนใจถอยหลังหรือหยุดยั้งฉันได้ เมื่อเขามีความกล้าที่จะพบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ และเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพื่อที่จะค้นพบและรู้จักอาณาจักรใหม่ ๆ แห่งชีวิต ------------------**------------------ ถอดความ (บางตอน) จาก : THE ART OF LIVING ของ WILFRED A PETERSON ---------------------------------------- โครงการป่าเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า ค่ำวันเสาร์ แก๊งสาวบ้านนอก ณ ภาคอีสาน (6 ชีวิต) ดั้นด้นค้นหาทางเข้า ป่าเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อเพลาพลบค่ำหลังเพลงชาติผ่านไป 1 ชม. เมื่อขับรถยนต์มาถึงบริเวณบ้านพัก พวกเราพบแสงไฟฉายส่องนำทาง จากชายคนหนึ่ง เขาคือ พี่โต มารอคอยพวกเราตั้งแต่บ่ายแล้ว หลังจากทักทายสวัสดีและแนะนำตัวทั้งหมดทุกคน ได้เวลาอาหารมื้อค่ำพอดี เพราะมีแม่ครัวที่พี่โตหนีบมาด้วยคือ น้องตาล (รหัส 21) กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่หน้าเตา และน้องแหม่ม (รหัส 14) ช่วยเป็นลูกมืออยู่ข้าง ๆ พร้อมลูกสาวน่ารักของเธอ 2 คน น้องไข่มุกและน้องเบ่เบ๋ อาหารมื้อค่ำ อิ่มท้องสบายกายมาก ๆ เพราะไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่กิน กินและพูดคุยทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ ท้องฟ้าคืนนี้ไม่ปลอดโปร่ง เมฆหมอกสลัวทั่วฟ้า ดวงจันทร์ส่องแสงรำไรไร้ดวงดาว อาจจะผิดหวังกับบรรยากาศในค่ำคืนที่มืดมิด แต่หัวใจเบิกบานแจ่มใส กับมิตรภาพงอกงามกลางป่าเขา ธรรมชาติหล่อหลอมให้ความอบอุ่นใจ แม้อากาศจะเริ่มหนาวเย็น ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไร ร้องเสียงใสในยามดึก กลิ่นป่าโชยมากับสายลมเย็น ชวนให้อารมณ์เคลิ้มไปกับจินตนาการ พี่โตดีดกีตาร์เล่นเพลงเพื่อชีวิตซึ้ง ๆ เพลงแรกที่ร้อง ทะเลใจ อาจไม่เข้ากับบรรยากาศ แต่เนื้อหาในบทเพลงสอนใจได้เป็นอย่างดี ฉันนั่งเขียนบันทึกและฟังเสียงเพลงคลอเบา ๆ ขณะที่น้องตาลเสียบหูฟังทำซึ้งกับเพลงเพราะๆ จาก MP3 เหอ ๆ และอีกหลายคนทยอยไปอาบน้ำและขอตัวนอน เมฆสีเทาทมึนลอยต่ำ เริ่มกระจายตัวเป็นเม็ดฝนโปรยปราย สายลมพัดพาความเย็นมาสัมผัสผิว แทรกซึมทะลุผ่านหนังกำพร้า บรรยากาศเย็นจับจิต สะกิดให้พวกเราที่นั่งเล่นอยู่บริเวณระเบียงหน้าบ้านต้องสลายตัว หลบเข้าหาความอบอุ่นในบ้านดีกว่า ข้อความในวงเล็บ ยัยเบื๊อกคิดในใจนะ อะคึ่ ๆ เช้าวันอาทิตย์ ฉันกับพี่อ้อ ลุกขึ้นไปเดินทอดน่องชมบรรยากาศเช้า ๆ ตั้งแต่บ้านพักไปจนถึงอ่างเก็บน้ำ(ชลประทานขนาดเล็ก) เห็นหมอกขาวโพลนลอยต่ำอยู่เหนือยอดต้นไม้บนเนินเขา อารมณ์สดชื่น ปอดชุ่มฉ่ำ หัวใจพองโต เม็ดเลือดแดงวิ่งพล่านทั่วร่างกาย ธรรมชาติมีแต่สิ่งดีดีให้กับโลกสีน้ำเงินใบนี้ น้องตาลโชว์ฝีมือทำข้าวต้มข้าวกล้อง เป็นอาหารมื้อเช้าให้พวกเราได้กินอิ่มอุ่นท้อง พี่โตโชว์กล้ามแขน เอ้ย! โชว์ทีเด็ดชงกาแฟจากดอยช้าง โชยกลิ่นหอมยั่วยวนชวนดมไปทั่วบริเวณบ้านพัก สำหรับเด็ก ๆ มีนมกล่องขนมปังให้กิน หลังจากตื่นนอนกันพร้อมหน้า การผจญภัยเริ่มต้น เมื่อสองแก๊ง แห่งภาคกลางและภาคอีสาน หล่อหลอมเป็นก๊วนเดียวกันอย่างกลมกลืน มีการบันทึกภาพหมู่บริเวณเสาธงชาติด้านหน้าศูนย์ฯ การเดินทางเริ่มต้นด้วยความราบรื่นจนเกือบลื่น เพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก ทิ้งรอยความชื้นแฉะทั่วพื้นดิน น้ำตกเจ็ดคดเหนือ คือจุดหมายแรก ระยะทางประมาณ 1.2 กม. แค่นี้เอง กลิ่นตดของมดตะนอยไม่ทันหายเหม็นก็ไปถึงแล้ว (ใครกันนะคิดเปรียบเทียบ) แต่ไม่น่าเชื่อระยะทางสั้น ๆ กับทางเดินที่คดเคี้ยว และบางช่วงที่สูงชันเล็กน้อย ทำให้ปอดของน้องแหม่ม บ่นเป็นเสียงหอบเบา ๆ ให้ได้ยินว่า เหนื่อยแล้ว มันเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานหญิงไทยใจแกร่ง ซึ่งฉันไม่กล้าถามน้ำหนักตัวของน้องแหม่มกับน้องตาล แต่พอจะเปรียบเทียบเป็นบัญญัติไตรยางค์ง่าย ๆ ได้ดังนี้ คือ พี่อ้อ + น้องอีฟ + น้องพิช + ฉัน = น้องแหม่ม + น้องตาล คงมองเห็นภาพลาง ๆ นะ อะคึ่ ๆ ในที่สุดก๊วนกวนTeen (ศัพท์วัยรุ่น วัยเด็กผสมผสานกับวัยผู้ใหญ่) มาถึงเป้าหมายแรกใช้เวลาเกือบ 1 ชม. ชีวิตไม่ได้รีบเร่ง ระหว่างทางพวกเราช่วยกันเก็บเห็ด เก็บหอยและหน่อไม้ ไว้แกงกินตอนมื้อค่ำ อะกึ๊ย! (วอนโดนเจ้าป่าเจ้าเขาเขกกะบาลซะเนี่ย) พวกเราเก็บเป็นภาพถ่ายเท่านั้น พี่โตบันทึกภาพด้วยกล้องดิจิตอลแบบมืออาชีพ (งามมั่กม๊ากกก) น้องตาลใช้กล้องประมาณน้องมืออาชีพ ส่วนฉันขอเป็นมือสมัครเล่นก็พอแล้ว เด็ก ๆ เห็นน้ำตกออกอาการระริกระรี้ เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ โดยเฉพาะน้องเบ่เบ๋ สงบสติอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อถูกแม่แหม่มร้องห้าม ไม่ให้เธอเดินไต่โขดหินตามลุงป้าน้าและพี่ ๆ ลงไปข้างล่าง เธอจึงสร้างแรงกดดันโดยการส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น บีบน้ำตาไหลพรากแข่งกับสายน้ำตกที่ไหลเรื่อย ๆ พี่อ้อเห็นน้ำตาเด็กแล้วปวดใจ รับอาสาจะดูแลน้องเบ่เบ๋ เพราะน้องแหม่มไม่ขอเสี่ยงกับข้อเข่า ถ้าต้องไต่โขดหินพาเด็ก ๆ ลงไปเล่นน้ำตกที่ด้านล่าง เพราะความชื้นและความชัน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ความร่มเย็นใต้เงาของต้นไม้สูงใหญ่ ชวนให้น้องตาล ล้มตัวแผ่หลานอนบนลานหิน พูดคุยกับพี่อ้อเรื่องค้าขายอย่างสบายใจ หลังจากที่น้องเบ่เบ๋ตกมาอยู่ในความดูแลของฉัน เด็ก ๆ เล่นน้ำกันสนุกสนานจนหน่ำใจ ไม่เปียกปอนกันเท่าไร เพราะไม่ได้เอาตูดแช่น้ำ ได้เวลาเดินทางต่อ ขณะพาเด็ก ๆ ปีนโขดหินกลับขึ้นไปด้านบน ฉันจูงน้องเบ่เบ๋และดันตัวเธอขึ้น บริเวณที่ฉันยืนมีความสูงเล็กน้อย น้องเบ่เบ๋ก้าวขาไม่ทันพ้นโขดหินเกิดเสียจังหวะ ฉันพลอยเสียการทรงตัว เพราะมือข้างซ้ายฉันหอบเสื้อผ้าของเด็ก ๆ ด้วย พี่อ้อรีบคว้าตัวน้องเบ่เบ๋ทันที ขณะที่ฉันลื่นไถลเรียบร้อยเป็นแม่พลอยโจงกระเบนหลุดลุ่ย ฉันได้แผลถลอกที่แขนซ้ายและหน้าแข้ง เลือดไหลซึมเล็กน้อย แต่ไม่ไหลย้อนกลับ เพราะไม่ใช่วันนั้นของเดือน มันเกี่ยวกันตรงไหนละเนี่ย! อะคึ่ ๆ พี่โตขอโหวตเสียงเพื่อลงประชามติรับร่างรัฐธรรม ไม่ใช่! มันผ่านแล้วตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2550 คือว่า ใจหนึ่งอยากเดินหน้าไปชมน้ำตกเจ็ดคดเหนือ-กลาง-ใต้ไปจนถึงน้ำตกเจ็ดคดใหญ่ แต่อีกหลายใจ (เสียงส่วนใหญ่) ขอเดินป่าระยะทางสั้น ๆ ไม่ต้องบุกป่าฝ่าฟันอุปสรรคมากนัก จึงเลือกมุ่งหน้าไปที่ น้ำตกหินตาด เส้นทางน่าจะง่ายกว่า และเป็นห่วงเป็นใยความปลอดภัยของลูกลิง เอ้ย! เด็กเล็ก ๆ ที่แสนน่ารักเรียบร้อย (น้องไข่มุกและน้องโมเม) สาวน้อยที่น่ารักแสนซน (น้องเบ่เบ๋) ได้ข้อสรุปจากมติที่ประชุม จึงก้าวเท้าเดินทางต่อไปยัง น้ำตกหินตาด พี่โตอาสานำทางและรับผิดชอบดูแลลิงน้อยน่ารัก แต่แล้วต้องมาเจอทางปิดไปต่อไม่ได้ พวกเราหันหลังเดินกลับทางเดิม เมื่อสถานการณ์และเส้นทางที่จะไปข้างหน้ารกชัดและชื้นแฉะ ทางเดินป่าเส้นนี้คงไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการ จึงไม่มีร่องรอยของทางเดินที่ชัดเจน แม้จะมีป้ายลูกศรชี้บอกทางไว้แค่ 0.6 กม.และ 1.4 กม. ก็จะถึง น้ำตกคลองผักหนาม ตามลำดับ ไม่มีการโหวตเสียงขอความคิดเห็นใด ๆ ทุกคนมองหน้ากันแล้วสรุป กลับที่พักดีกว่า โดยเฉพาะน้องตาล ยืดอกพูดอย่างไม่แยแส ใครจะไปต่อก็ไปนะ ตาลไม่ไปด้วย ไม่ไหวแล้ว น้องแหม่มคุณแม่ยังสาว ก็ขอกลับที่พักเช่นกัน ไม่เอาแล้วน้ำตก กลับไปกินลาบก้อยดีกว่า (ฉันคิดแทน) ความจริงเธอเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กที่น่ารัก เกรงว่าสาวน้อยจะมีรอยแผลฟกช้ำดำเขียวปั๊ดไปมากกว่านี้ ขากลับน้องเบ่เบ๋ เธอเดินนำหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ทางจะชื้นแฉะและคดลดเลี้ยว เธอก้าวเดินนำลิ่ว ทิ้งระยะห่างเกือบ 10 เมตร ได้ยินเสียงน้องแหม่มร้องเรียกหาลูกสุดที่รักสุดห่วงตลอดทางเดิน ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอในขณะนี้ เป็นความกล้าหาญอย่างไม่กลัวอันตรายในวัยเยาว์ ซึ่งทำให้ผู้ใหญ่ห่วงใยสมอ พวกเราเดินชมบรรยากาศรอบอ่างเก็บน้ำชลประทาน แวะพักเหนื่อยที่ศาลาเอนกประสงค์ ดูปลาแหวกว่ายน้ำใส ฉันคิดว่าปลาที่มีชีวิตอยู่ในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ ต้องมีบุญมากเลยนะ เพราะมันจะมีชีวิตที่ยืนยาวตามอายุไขของมัน โดยไม่มีคนใจร้าย เอาเบ็ดใส่เหยื่อมาล่อจนตายใจ และสิ้นชีวิตทันทีที่ถูกจับได้เมื่อหลงมาติดกับดัก น้องตาลเป็นกุ๊กนำเที่ยว (ไม่ได้เขียนผิดนะ) ให้ความรู้กับพวกเราเกี่ยวกับการทำอาหารโดยเฉพาะน้ำพริก น้องติ๋วซักถามกลเม็ดเคล็ดไม่ลับเกี่ยวกับเทคนิค อาชีวะ พาณิชย์ คหกรรม อ้าว! คนละเรื่องเหรอ อ๋อ! ขอสูตรตำน้ำพริกปลาร้าสับ ซึ่งพวกเรากินเมื่อคืนแล้วติดใจ น้องตาลเลยจะเอาน้ำพริก (ยังเหลือ) ใส่กระปุกให้น้องติ๋วติดกระเป๋ากลับบ้านไปโนนสูงด้วย พี่โตเป็นพี่ชายที่น่ารักน่ากอดน่าหอมแก้มมาก ๆ (อย่าเพิ่งอาเจียน ทนอ่านต่อให้จบนะ) ที่ชวนน้องตาลกับน้องแหม่มและลูก ๆ มาเที่ยวด้วยกันในทริปนี้ เป็นความประทับใจที่ประทับใจจริง ๆ ขอบอก ถ้าน้องตาลไม่มา น้องแหม่มกับลูก ๆ คงไม่ได้มาด้วยเช่นกัน พวกเราอาจจะไม่ได้กินอาหารฝีมือน้องตาล ที่ใส่เสน่ห์มาเต็มจวัก ปราศจากผงชูรส พร้อมอุปกรณ์ทำครัวมาเต็มรถยนต์ ((พี่โตบอกว่า โดยอาชีพของพวกเขาต้องเดินทางตลอดและพร้อมท่องเที่ยว จึงใช้รถยนต์เป็นบ้านหลังที่ 2 ส่วนบ้านหลังที่ 1 ไว้เก็บสมบัติและมรดกเจ้าคุณปู่ อะคึ่ ๆ)) น้องแหม่มถ้าไม่พาลูกสาวมาด้วย พวกเราคงไม่ได้รื้อฟื้นความหลังเมื่อครั้งเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชาติเผ่าพันธุ์ ซึ่งมนุษย์มีวิวัฒนาการมาจากลิงและมีบรรพบุรุษเป็น มนุษย์วานร มาก่อน เพราะพฤติกรรมแสดงออกอย่างชัดเจนจากน้องเบ่เบ๋ ลูกสาวคนเล็กของเธอ ซึ่งอยู่นิ่งไม่เกิน 10 วินาที ไม่เชื่อถามน้องพิช (ลูกสาวคนเล็กพี่อ้อ) เพราะทันทีที่ 2 คนนี้เจอกัน สัญชาตญาณออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น คือ กอดคอเกาะติดเป็นลูกลิง หยอกล้อเล่นกันเหมือนรู้จักกันมานานแต่ชาติปางก่อน ทั้งที่เพิ่งเห็นและรู้จัก ตอนช่วยกันทำอาหารมื้อค่ำในวันแรกที่สบตา ปิ๊ง ๆ ฉันเป็นลูกคนเล็กเหมือนกัน จึงเข้าใจพฤติกรรมของน้องเบ่เบ๋และน้องพิช ที่แสนเรียบร้อยเหมือนผ้ายับ ๆ จับยัดใส่ตะกร้า โอกาสหน้าถ้ามีเวลาและมีสตางค์ จะชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง มาเจอกันใหม่ คงได้พบกับความสนุกสนานอีกแน่นอน เต้นท์ริมอ่างเก็บน้ำฯ โค้ดเดอร์เพลง : น้องหน่อย (กกซ.) สนุกค่ะ พี่สาวฯบรรยายจนนกมองเห็นภาพ เหมือนกับเดินตามไปด้วยเลยนะคะ อยากไปบรรยากาศแบบนี้มั่งค่ะ โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:20:25:39 น.
เรื่องเล่าเคล้ามุขตลก
อ่านเพลินจ้ะ แถมอิจฉาด้วยค่ะ ชอบเห็ดถ้วยจัง โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:10:13:33 น.
อืม น่าอิจฉาเนอะ เราอยู่กทม ปอดเป็นสีน้ำในคลองแสนแสบแว้ว อยากไปฟอกใหม่มั้งฮ่ะ
โดย: สาวปักษ์ใต้ IP: 58.137.115.100 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:17:02:33 น.
แวะมาเยี่ยมครับ
วันนี้ภูเก็ตฝนตกเกือบทั้งวันเลยครับ โดย: sak (psak28 ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:18:05:17 น.
แวะมากินมื้อค่ำจ้า....
ก่อนเที่ยวต้องกินนิ กวาดบ้านเสร็จแล้วเลยแวะมาบอก.... ถูบ้านไม่ได้ ฝนตกหนัก..เตรียมล้างบ้านเลยท่าจะดี เที่ยวมากๆระวังหัวใจชำรุดนะ... เหอ...เหอ..หัวใจใฝ่งานงัย มันร่ำๆแต่จะหาเรื่องเที่ยวอย่างเดียวนิ รอบหน้า....บนโต๊ะมือค่ะขอน้ำสีๆหน่อยนะ...ไม่มีอะไรล้างปาก โดย: ปลายแปรง วันที่: 30 สิงหาคม 2550 เวลา:11:09:07 น.
อรุณสวัสดีค่ะมิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
----------------------------------------------- ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย และไปเที่ยวกับสาวฯ ไว้ครั้งหน้า จะชวนทุกท่านไปเดินป่าและนอนหาวดูดาวเดือน "ณ อช. น้ำหนาว" เพชรบูรณ์ เตรียมตัวให้พร้อม ไปผจญภัยด้วยกันนะค๊า "ไปเที่ยวป่าสนุกเหรอ หาอะไรกินก็ลำบาก เหนื่อยก็เหนื่อย" เพื่อน ๆ ชอบต่อว่า สาวฯ อมยิ้ม ก่อนพูดว่า "ถ้าชวนไปเที่ยวป่าขึ้นเขา เราตัดสินใจไปทันทีที่ว่าง แต่..ชวนไปช้อปปิ้ง ขอคิดนานหน่อยนะ" ฉันจะตอบเพื่อน ๆ พี่ ๆ เสมอ และทุกครั้งที่ไปผจญภัย จะชวนพวกเขาทุกครั้ง แต่ไม่คาดหวังว่า...ใครจะไปด้วยกัน การเดินทางไปที่ไหน เราต้องใช้จ่ายเงินเหมือนกัน ฉันขอเลือกที่จะจ่าย เพื่อแลกกับเรียนรู้ชีวิตจากธรรมชาติมากกว่า และปัจจัย 4 ที่จำเป็นนั้น หาได้ง่ายจากสิ่งที่อำนวยความสะดวกในยุคโลกาภิวัตน์ แต่ความบริสุทธิ์ ความสดใส ความปลอดโปร่งในหัวใจ เราต้องค้นหาจากธรรมชาติเท่านั้น เพื่อเป็นของขวัญให้ชีวิตค่ะ โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:9:33:11 น.
ฝากไว้ก่อนเหอะ งวดหน้าไม่พลาดแน่ๆ
โดย: พ่อน้องMax IP: 161.246.1.33 วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:15:33:59 น.
สวัสดีจ้ะสายนางบ้านนอก
ชอบถ้อยคำแปลความที่ยกมาปะไว้ข้างบนหัวบล็อกโน่น มีความหมาย อ่านแล้วได้กำลังใจฮึกเหิมดดยไม่ต้องไปยืนอยู่ที่หน้าผา เป็นไงวันนี้เห็นแง่ดีของการเป็นสาวโสดหรือยังล่ะ ? ถ้าแต่งงานแล้วไม่ได้ไปเที่ยวไหนมาไหนอย่างนี้หรอกนะจะ..สิบอกไห่ โดย: พ่อพเยีย วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:19:36:32 น.
^
^ ^ เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ แวะมาทักคนบ้านเดียวกัน หวัดดีจ้ะ โดย: filmgus วันที่: 31 สิงหาคม 2550 เวลา:20:14:46 น.
มาชมภาพสวยๆ ค่ะเจ้าบ้านสบายดีเน๊าะ..
เห็นแล้วอยากไปอ่ะ.... ช่วงนี้กำลังอยู่ในอารมณ์ "อยากหนีออกจากบ้าน" อีกแล้ว ฮี่ฮี่ โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 1 กันยายน 2550 เวลา:3:08:50 น.
โปรดทราบๆ ท่านเป็นผู้โชคดีที่โดน tag จากเรากรุณาไปรับ tag ด้วยค่ะ
โดย: mytent วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:1:27:38 น.
โดย: นางน่อยน้อย วันที่: 2 กันยายน 2550 เวลา:20:32:14 น.
|
สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] เด็ก ๆ ชอบเอาตัวไปปลายนา เอาขาไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า โตเป็นสาว..ชอบอยู่บ้านนอก อนาคต..ได้ไปที่ชอบ..ที่ชอบ อะคึ่ ๆ Friends Blog
|
ขอสูตรนำพริกปล้าร้าสับด้วยนะ