|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สิ่งน่ารู้กับการทำขนมฝรั่ง
แป้ง
แป้งที่ใช้ใช้ในการทำขนมอบคือแป้งสาลีเพราะมีความสามารถในการดูดน้ำได้ดี ไม่สามารถใช้แป้งอื่นแทนได้ การใช้แป้งอื่นนอกจากนี้เช่นแป้งข้าวโพดแป้งมันเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับแป้งสาลีเท่านั้นแป้งสาลีแบ่งตามประโยชน์ได้ดังนี้ 1. แป้งขนมปัง เป็นแป้งที่ทำจากข้าวสาลีชนิดหนักมีโปรตีนสูง สีนวลเนื้อหยาบเมื่อผสมกับน้ำจะมีความเหนียวนิยมใช้ทำขนมปัง ปาท่องโก๋ คุกกี้ลูกล้อ ยี่ห้อที่มีขายในท้องตลาดได้แก่ แป้งขนมปังตราเหรียญทอง แป้งตรามังกร แป้งตราหงส์ ตราเสือบิน ตราฮกแดง สารที่ช่วยให้ขึ้นฟูคือ ยีสต์ แอมโมเนีย 2. แป้งเอนกประสงค์ ทำจากแป้งสาลีชนิดหนักแต่ผ่านกรรมวิธีต่างจากแป้งขนมปังมีความเหนียว เพราะโปรตีนน้อยกว่า นิยมใช้ทำคุกกี้ มัฟฟิ่นขนมปัง ปาท่องโก๋ พาย เค้ก ส่วนมากหาซื้อง่ายเพราะมี แบ่งขายเป็นกิโลในตลาดได้แก่ แป้งสาลีตราว่าว แป้งสาลีตรากบ สารที่ช่วยขึ้นฟูคือ ยีสต์ ผงฟู แอมโมเนีย 3. แป้งเพสตรีหรือแป้งพาย ทำจากแป้งหนักผสมแป้งเบาใช้ทำขมเค้ก พาย วอฟเฟิล ซาลาเปา แยมโรล แป้งชนิดนี้ในท้องตลาดบ้านเราคุณภาพคล้ายกับแป้งเอนกประสงค์ ได้แก่ แป้งสาลีตราบัวแดง บัวหิมะ 4. แป้งเค้ก ทำจากข้าวสาลีชนิดเบามีโปรตีนน้อยสุดมีสีขาวเนื้อละเอียด ใช้ทำเค้ก คุกกี้กด ในท้องตลาด ได้แก่ แป้งสาลีตราพัดโบก ซอฟทาซิล หรือที่บอกใช้ทำเค้กคุณภาพใช้ได้เหมือนกัน สารที่ช่วยขึ้นฟู คือ ผงฟู เบคกิ้งโซดา การเลือกและการเก็บรักษา เลือกแป้งที่ใหม่บรรจุภัณฑ์เรียบร้อยไม่มีรอยไม่มีรูไม่ชื้นเหม็นสาบไม่มีแมลง ไม่ควรซื้อมาเก็บไว้นาน ควรเก็บในภาชนะที่ปิดสนิทพ้นแสงไม่ควรใช้ฝาเกลียว เมื่อเก็บไว้นานควรนำมาผึ่งแดด สารที่ช่วยให้ขึ้นฟู
ในการทำขนมอบจำเป็นต้องให้ขนมขึ้นฟู เพื่อให้ได้ปริมาณและให้ขนมมีความเบา โปร่ง การขึ้นฟูเกิดจาก 1. การขึ้นฟูด้วยอากาศ เกิดจากขั้นตอนการทำขนมโดยการเก็บอากาศไว้ในส่วนผสม ทำได้หลายวิธีได้แก่ - การร่อนแป้งก่อนการผสม และการร่อนแป้งกับส่วนผสมอื่น - การตีแป้งกับส่วนผสมอื่น - การตีเนยกับน้ำตาล เช่นการทำเค้กเนย การทำคุกกี้ - การตีไข่กับน้ำตาล เช่นการทำเค้กไข่ การทำชิฟฟ่อนเค้ก - การห่อพับแป้งรีดแป้ง เช่นการทำ พายชั้น
2. การขึ้นฟูด้วยไอน้ำ เกิดจากขณะอบขนมความร้อนในเตาจะทำให้น้ำในขนมเดือดและกลายเป็นไอน้ำดันขนมขึ้นฟูได้แก่ - การทำพายชั้นน้ำในเนยแป้งจะเดือดทำให้ขนมขึ้นเป็นชั้นต้องใช้อุณหภูมิที่สูงมากๆ - การทำเอแคลร์การขึ้นพองมีลักษณะกลวงกลางเกิดจากน้ำไข่และน้ำในเนย - น้ำในส่วนผสมขนมต่างๆ เช่นการทำขนมปังถ้ามีน้ำมากจะได้ขนมปังที่มีปริมาณใหญ่ 3. การขึ้นฟูด้วยกาซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ได้แก่ ??. ยีสต์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผลิตกาซในขนมระหว่างการทำเริ่มตั้งแต่ใส่น้ำจนอบเสร็จยีสต์ได้แก่ ยีสต์สด เป็นยีสต์ที่เพาะแล้วผสมกับแป้งเปียก ก่อนใช้ต้องขยี้ให้แตก ละลายน้ำอุ่นทิ้งไว้ 5-15 นาที จะได้ขนมที่มีกลิ่นหอมแต่การเก็บรักษาลำบาก ใช้ปริมาณ 2.5-3 % ของแป้ง - ยีสต์แห้ง มีลักษณะกลมๆ ไม่สม่ำเสมอ เก็บได้หลายเดือนถ้าเก็บอย่างถูกต้อง ก่อนใช้ต้องแช่น้ำอุ่นก่อน 5-15 นาที จนขึ้นฟูมาก ใช้ปริมาณ 1.5-2 % ของแป้ง - ยีสต์ผงสำเร็จรูปมี 2 ชนิดคือ ยีสต์สำหรับขนมปังหวาน และยีสต์สำหรับขนมปังจืด นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เพราะเก็บและใช้ง่าย สามารถใช้ผสมแป้งได้เลยโดยไม่ ต้องแช่ น้ำก่อน ปริมาณการใช้ 0.5-1 % ของแป้ง การทดสอบคุณภาพของยีสต์ ละลายน้ำตาล 1 ชต. กับน้ำอุ่น 1 แก้ว ผสมยีสต์ลงไป ภายใน 5 10 นาที ถ้ามีฟองอากาศเกิดขึ้นแสดงว่ายีสต์สามารถใช้ทำขนมได้
ข. ผงฟูหรือเบคกิ้งพาวเดอร์ ผงฟูหรือผงฟูสำเร็จรูป จะประกอบไปด้วย โซเดียมไบคาร์บอเนต กรด แป้งข้าวโพด ผงฟูแบ่งได้ 2 ชนิดคือ - ผงฟูกำลังหนึ่ง มีกรดประกอบอยู่หนึ่งตัวทำงานครั้งเดียว เริ่มทำตั้งแต่ผสมรวมกับของเหลวหรือได้รับความร้อนอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นต้องรีบผสมและนำเข้าอบทันที - ผงฟูกำลังสอง หรือผงฟูปฏิกิริยาช้ามีกรดผสมอยู่สอง มีการทำงานสองครั้งคือระหว่างผสมและระหว่างอบ ในตำรับจะใช้ผงฟูชนิดนี้ การเก็บและรักษาผงฟู เก็บในภาชนะที่ปิดสนิท ห่างจากความร้อนและชื้น การทดสอบผงฟู ใส่ผงฟูในน้ำร้อนถ้ามีฟองอากาศเกิดอย่างเร็วแล้วค่อยๆช้าลงแสดงว่าใช้ได้ดี ปริมาณที่ใช้ ไม่เกิน 5 % ของน้ำหนักแป้ง ค. ผงโซดา( เบคกิ้งโซดา ) หรือ โซเดียมไบคาร์บอเนต มีฤทธิ์เป็นด่างนิยมใส่ลงในตำรับที่มีกรดธรรมชาติอยู่ เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลทรายแดง โกโก้ ฯลฯ โซดาจะทำงานต่อเมื่อได้รับความร้อนเท่านั้น โซดาผงมักมีสารตกค้างทำให้ขนมมีสีเหลือง และรสเฝื่อน ฉะนั้น จึงต้องมีการใช้กับขนมบางตัวที่มีกรดเป็นส่วนผสมด้วย
ง.แอมโมเนีย เป็นสารที่มีกลิ่นชุนมากไม่สามารถระเหยหมดได้แม้จะได้รับความร้อน เพราะฉะนั้นต้องละลายน้ำให้หมดก่อนผสมกับแป้ง ไขมัน เนยสด ได้จากไขมันสัตว์โดยการแยกครีมจากนม มีสีกลิ่นรสชาติหอมเฉพาะตัว มีทั้งรสเค็มและจืด ต้องเก็บในตู้เย็น ไม่ควรเก็บไว้นานจะเหม็นหืนได้ง่าย ก่อนใช้ควรนำเนยไว้นอกตู้เย็นสักพัก เนยขาว ได้จากไขมันพืชเติมไฮโดรเจนเพื่อให้แข็งตัว มีหลายคุณภาพ ชนิดละลายง่ายในปากจะได้ขนมที่อร่อยใช้ทำขนมแต่จะมีราคาแพง ชนิดด้อยกว่าใช้ทาพิมพ์หรือทอดขนม มาการีน หรือเนยเทียมได้จากไขมันพืชหรือไขมันผสมพืชกับสัตว์ ผสมแร่ธาตุ สี กลิ่นให้มีกลิ่นคล้ายเนยสดมากที่สุด ถ้ามาการีนคุณภาพดีจะมีคุณสมบัติคล้ายเนยสดมากแต่ราคาแพง แต่ข้อดีกว่าคือสามารถเก็บใน อุณหภูมิห้องปกติได้ ยกเว้นหน้าร้อนหรือบริเวณอากาศร้อนมาก น้ำมัน ถ้าใช้ทอดควรใช้น้ำมันปาล์มเพราะไม่ค่อยอมน้ำมัน แต่ถ้าใช้ทำเค้กควรใช้น้ำ มันพืชที่ใสขาว เช่นน้ำมันดอกทานตะวันเค้กจะสีไม่เหลืองมาก หรือใช้ทำน้ำสลัดอย่างข้นจะได้สีครีมสวย ถ้าในตำรับขนมเค้กระบุใช้เนยละลายสามารถน้ำมันนี้แทนได้ การเลือกควรเป็นน้ำมันที่ใหม่สดไม่เหม็นหืน มาการีนเพสตรี มาการีนชนิดนี้ผลิตสองแบบคือ เดนนิชเพสตรีมาการีนและพัฟเพสตรีมาการีนมีการใช้ต่างกันคือ - เดนนิชเพสตรีใช้สำหรับการทำเดนนิชเพราะมีความยืดหยุ่นช่วงละลายที่เหมาะสมกับโดที่จะมีการขยายตัวและแน่น - พัฟเพสตรีใช้สำหรับการทำพายชั้น เพราะมีความเหนียวเป็นแบบขี้ผึ้ง ทนต่อการคลึงและพับหลายชั้น ครีมชีส เป็นครีมข้นแข็งสีขาวต้องเก็บไว้ในตู้เย็น ใช้ทำชีสเค้ก หรือไส้พายราคาแพง มอซซ่าเรลลาชีส เป็นชีสสีอ่อนใช้ทำพิซซ่าโดยเฉพาะ เพราะมีความยืดเมื่ออบ โพรเซสชีส หรือเชลด้าชีสใช้ได้เหมือนกันมีสีเหลืองเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ใช้แล้วต้องเก็บในตู้เย็น ใช้สำหรับ แต่งหน้าขนม เช่นโรยเค้กกล้วยหอมเป็นต้น ประโยชน์ของไขมัน ช่วยให้ขนมปังนุ่มเพราะหล่อลื่นเส้นใยในแป้ง ทำให้ขนมปังมีผิวเรียบ และหั่นง่าย ช่วยให้เค้กขึ้นฟูได้ดี เพิ่มกลิ่นรสแก่เค้กและความชุ่มนุ่ม การเก็บไขมัน ไม่ควรเก็บใกล้กับสารที่เหม็นหรือกลิ่นแรงเช่น หัวหอม เก็บในภาชนะที่ที่ปิดสนิท เก็บให้พ้นแสง ความร้อน หรือมีอุณหภูมิสูง นม
นมทั่วไปที่นำมาใช้ในการทำเบเกอรี่มีหลายชนิด เลือกจัดได้สามพวกได้แก่ 1. นมสดได้แก่นมที่เราดื่มตามร้านทั่วไป และนมที่เอาไขมันออกเรียกหางนม 2. นมข้น ได้แก่ - นมข้นหวานคือนมที่มีการเอาน้ำออกและเพิ่มน้ำตาล - นมข้นจืดหรือนมสดระเหยคือนมที่ระเหยเอาน้ำออกครึ่งหนึ่ง 3. นมผง ได้แก่นมที่นำมาผ่านความร้อนจัดแล้วทำให้แห้งมีสองชนิดคือ - นมผงขาดมันเนย มีราคาถูกเก็บรักษาง่ายเพราะมีมันน้อยไม่ค่อยเหม็นหืน - นมผงแบบมีไขมันหรือหัวนมผง มีไขมันมากกว่าราคาสูงเก็บรักษายากจะชื้นและหืนง่าย นมมีประโยชน์ต่อผลิตภัณฑ์ถ้าใช้ในปริณามที่เหมาะสมคือ 1. ช่วยขนมมีความชุ่มชื้นรสชาติคุณค่าน่ารับประทาน 2. ช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันง่ายและช่วยละลายน้ำตาล 3. ช่วยให้การทำขนมปังมีความทนทานต่อการหมักและการผสม 4. ช่วยทำให้ขนมมีสีผิวที่เข้ม เพิ่มปริมาณ การเลือกใช้และเก็บรักษา ในการทำขนมปังควรใช้นมชนิดพร่องมันเนย กรณีใช้นมผงแทนนมสดควรละลายนมผงในน้ำธรรมดาจะละลายง่าย เมื่อใช้นมสดเหลือต้องแช่ตู้เย็นเสมอ การใช้นมข้นทุกชนิดเมื่อเหลือควรเปลี่ยนภาชนะแล้วเก็บในตู้เย็น นมผงก่อนใช้ควรร่อนทุกครั้งและต้องเก็บในภาชนะที่มีฝาปิดสนิทไม่ควรใช้ฝาเกลียว สารให้ความหวานในเบเกอรี่
น้ำตาลทรายขาว หมายถีงน้ำตาลทรายที่ขายทั่วไปในท้องตลาดควรเลือกน้ำตาลที่ใหม่และสะอาด สีขาว ถ้าใช้เป็นส่วนผสมในการทำขนมควรเลือกใช้น้ำตาลเม็ดเล็ก เพราะจะละลายได้ดีในขณะทำขนม ถ้าน้ำตาลยังเป็นผลึกเมื่อนำเข้าอบ น้ำตาลจะไหม้เป็นจุดบนหน้าขนมเมื่ออบออกมา แต่ถ้าใช้ในกรณีแต่งหน้าขนม เช่นโรยหน้าพายกรอบควรใช้น้ำตาลเม็ดใหญ่ๆ เพราะเมื่อขนมอบเสร็จจะได้ขนมที่มีน้ำตาลเป็นผลึกอยู่เป็นการตกแต่งชนิดหนึ่ง น้ำตาลทรายบด หมายถึงน้ำตาลทรายที่นำไปบดให้ละเอียดยิบคล้ายแป้ง ใช้ทำคุกกี้หรือ ขนมได้ดีที่สุดเพราะละลายง่ายจะทำให้การตีเนยขึ้นฟูเร็ว และเมื่ออบจะได้ขนม ที่สีสวยสม่ำเสมอ ข้อเสีย น้ำตาลจะเป็นก้อนได้ง่าย ถ้าเก็บไว้นาน สามารถทำเองได้โดยการนำน้ำตาลทรายขาวมาบดด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้โดยบดทีละน้อย หรือใช้ครกสะอาดตำ น้ำตาลผง(ไอซิ่ง) หมายถึงน้ำตาลที่บดละเอียดยิบเหมือนแป้งสามารถร่อนผ่านตะแกรงได้ ถ้าใช้ ทำขนมเนื้อขนมจะหนักเพราะน้ำตาลชนิดนี้จะผสมแป้งมันหรือแป้งข้าวโพดไว้ด้วยเพื่อกันน้ำตาลจับเป็นก้อน ก่อนใช้ควรร่อนก่อนทุกครั้ง มักนิยมใช้แต่งหน้าขนม น้ำตาลทรายแดง หมายถึงน้ำตาลทรายสีรำ เป็นน้ำตาลทรายที่ไม่ได้ขัดฟอกสี จึงมีแร่ธาตุวิตามินติดมาด้วย ทำให้ขนมมีสี และรสชาติพิเศษขึ้น ต้องร่อนก่อนใช้ทุกครั้ง เมื่อตวงต้องกดให้แน่นเทออกมาเป็นรูปถ้วย ถ้าเก็บไว้นานต้องนำมาผึ่งแดดลมให้หายเหม็นอับก่อน น้ำเชื่อม ใช้ในการทำขนมบางอย่างที่ต้องการความหวานมากหรือขนมที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น การตีครีม การทำขึ้นอยู่กับขนมชนิดนั้นต้องการความหวานแค่ไหน แต่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะจะเสียเวลาในการทิ้งเย็นก่อนใช้ คาราเมล หมายถึงน้ำตาลที่นำไปปิ้งไฟหรือเคี่ยวให้ไหม้เป็นสีน้ำตาลเข้ม ใช้เพิ่มสีและ กลิ่นให้กับขนม
Create Date : 15 กรกฎาคม 2550 |
|
0 comments |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2550 17:09:45 น. |
Counter : 4140 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
เรื่องของคนในครัว กับ
เจ้าของร้านผู้เสียจริต
|
|
|
|
|
|
|
|