Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
27 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
ว่าด้วยเรื่อง"เมียน้อย"


*ประสบการณ์จริงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทุกครอบครัว กับการมาถึงของบุคคลที่สามที่มีอิทธิพลมากพอจะพลิกสถานการณ์ของครอบครัวให้ล้มคว่ำลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่มีความ "ห่างเหิน" และ "ความตึงเครียด" เป็นบรรยากาศหลักของบ้าน

ครอบครัวที่ทีมงานมีโอกาสได้พูดคุยในครั้งนี้เป็นครอบครัวของคุณประสงค์ - คุณพิมลวรรณ (ขอสงวนนามสกุล) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกทางภาคตะวันออก ซึ่งในวันที่เอ่ยปากเล่าถึงประสบการณ์ในอดีตนี้เป็นวันที่พายุพัดผ่านครอบครัวของคุณประสงค์ไปแล้วเรียบร้อย และสมาชิกในบ้านกำลังอยู่ระหว่างการก่อร่างสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ ซึ่งอาจมีบางส่วนต้องปะผุใจ ทำสีใหม่กันบ้าง

     ต้นตอของพายุที่คุณประสงค์เอ่ยปากยอมรับว่าเป็นความผิดของเขาเองก็คือ “การปล่อยให้มีผู้หญิงอีกคนเข้ามาในชีวิต” โดยผู้หญิงคนนั้นคือพี่เลี้ยงของลูกที่ทำหน้าที่ทุกอย่าง ตั้งแต่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้กับลูก ๆ กวาดบ้านถูบ้าน ซักผ้า ขณะที่ภรรยาต้องออกไปทำงานนอกบ้าน

“ในช่วงเศรษฐกิจดี กิจการก็รุ่งเรือง มีลูกค้ามากมาย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บ้านเราใช้เงินมือเติบมาก ไปทานข้าวนอกบ้านกันประจำ เปลี่ยนรถใหม่ ลูก ๆ อยากได้อะไรซื้อให้ ไม่เคยขัดใจ ครอบครัวก็ดูจะมีความสุข แต่พอเศรษฐกิจตกต่ำ เราต้องปลดลูกจ้างออก กิจการก็ทำเองคนเดียวเท่าที่ไหว รายได้มันก็ลดลง”

ส่วนภรรยาที่ทำงานนอกบ้านอยู่แล้ว ก็บังเอิญต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปศึกษาต่อ ซึ่งนอกจากจะดึงรายได้ของครอบครัวไปบางส่วน ยังดึงเวลาที่เคยมีให้กับครอบครัวไปด้วย ผลที่ตามมาคือ ความห่างเหินของสามีภรรยา และความตึงเครียดของบ้านเรื่องเงินไม่พอใช้ กลายเป็นความไม่เข้าใจที่สามารถปะทุขึ้นได้เรื่อย ๆ ทันทีที่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจุดประเด็น

“ความที่เราสองคนสามีภรรยาเป็นคนมีการศึกษาดีกันทั้งคู่ ที่ผ่านมา เราก็เลยเอาแต่เรียน เอาแต่ทำงาน ทักษะเรื่องการดูแลกัน ดูแลครอบครัว ดูแลลูกเลยไม่มี หรือเรียกว่าไม่ค่อยจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เมื่อเจอปัญหา ต่างคนก็ต่างเก่ง ต่างคนต่างไม่ยอมกัน มันก็เลยทะเลาะกันบ่อยขึ้น ๆ จนตอนหลัง ๆ ต้องนอนแยกห้อง”

ผลที่ตามมาหลังจากนั้นคือ เสาเรือใหญ่ของบ้านยอมรับว่า เขาเองก็ต้องการที่พึ่งทางใจ นั่นจึงทำให้บุคคลที่เคยเป็นแค่พี่เลี้ยงลูกในบ้านเข้ามามีบทบาทแทรกกลางระหว่างคนสองคนได้

“ความใกล้ชิดเป็นส่วนหนึ่ง เพราะกิจการของเราอยู่ที่บ้าน บางทีเราเหนื่อย ๆ มา พี่เลี้ยงเด็กคนนี้เขาก็เอาน้ำเย็นมาให้ หรือมาคอยดูแล” ซึ่งเขาเองยอมรับว่าเคยนำไปเปรียบเทียบกับภรรยาที่ไม่ค่อยได้ดูแลเขาเท่าที่ควรเช่นกัน

วันที่พายุแตะพื้น

     ครอบครัวที่อยู่ในบรรยากาศตึงเครียดครอบครัวนี้มาถึงจุดแตกหักเมื่อวันหนึ่ง คุณพิมลวรรณกลับมาบ้านก่อนเวลาปกติ

“วันนั้นมีเหตุต้องกลับบ้านเร็วกว่าปกติ แต่พอกลับมา ก็พบว่าบ้านเงียบ เดินขึ้นมาชั้นสองก็ได้ยินเสียงกุกกัก ๆ อยู่ในห้อง แล้วก็เสียงคนคุยกันหงุงหงิง ตอนนั้นมือเย็นมาก พยายามตั้งสติ มือก็ควานหากุญแจห้อง หาให้ถูกดอก จะได้ไขทีเดียวไม่พลาด ซึ่งหาไปมือก็สั่นไป พอไขประตูเข้าไป ภาพที่พบก็เป็นอย่างที่คิดไว้ ซึ่งสำหรับผู้หญิงทุกคน มันเป็นช่วงเวลาที่สติแตกมาก ๆ”

“ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมาก มันทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยงสามี มีอะไรใกล้มือเราทุ่มใส่เขาไปก่อน โวยวาย เสียงดัง นาทีนั้น อะไรก็เอาไม่อยู่แล้ว ส่วนพี่เลี้ยงลูกคนนั้น เราไล่เขาออกไปในแทบจะวินาทีนั้นเลย”

*ด้านลูก ๆ ทั้งสามคน เมื่อพบกับความแตกสลายของครอบครัว สิ่งที่เด็กได้รับจึงหนีไม่พ้นความเจ็บปวด

“ตอนนั้น การเป็นพ่อไม่ได้มีค่าอะไรอีกเลยในสายตาลูก จากที่ลูกเคยรักเรา เล่นกับเรา วันหนึ่งเขากลับบอกว่า เขาเกลียดพ่อ คำ ๆ นี้ทำให้หัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดมาก นาทีนั้นเราเลยได้คิด ว่าเราอยากได้โอกาสจากลูก อีกสักครั้งก็ยังดี อยากให้เขามองเราเป็นพ่อเหมือนเดิม ไม่ใช่มองด้วยสายตาเจ็บปวดแบบนี้”

นานนับเดือนกว่าที่บรรยากาศในบ้านจะคลายความตึงเครียดลง แต่ก็ยังไม่วายที่จะมีชนวนปะทุความขัดแย้งเป็นระยะ ๆ เหตุจากบาดแผลฝังใจของภรรยาที่ยากจะลบเลือน

“ตอนนั้น ความรู้สึกเกลียดชัง หรือแค้น มันยังมีอยู่ มันเลยทำให้เราคอยแต่จะประชดประชัน และเล่นเกมการเมืองกับสามี พยายามทำให้ลูกเข้าข้างเรา เห็นใจเรา เหมือนแย่งลูกกัน ว่าลูกจะอยู่ฝ่ายใคร พ่อหรือแม่ ต่างคนต่างพยายามชี้จุดไม่ดีของกันและกันให้ลูกเห็น ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่มีประโยชน์เลย”

แต่เมื่อเวลาผ่านไป สองสามีภรรยาได้มีเวลาย้อนมองความผิดพลาดของตนเอง ตลอดจนบาดแผลในใจที่ลูก ๆ ได้รับ จึงทำให้คนสองคนเริ่มได้สติกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง

ละครไม่ “สอนใจ” เสมอไป

     แม้ชีวิตในละครจะเต็มไปด้วยฉากทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเนื้อหารุนแรง แต่ฉากสุดท้ายของละคร พระเอกนางเอกมักจะลงเอยอย่างมีความสุข แต่ในชีวิตจริง ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น

“ตัวละครจะกรี๊ดกร๊าดแค่ไหนก็ได้ จะร้ายเพียงใดก็ได้ แต่เราต้องไม่นำมาใช้ในชีวิตจริง เพราะเมื่อไรที่เราเอ่ยคำหยาบ คำประชดประชัน หรือทำพฤติกรรมโวยวายเลียนแบบในละคร ชีวิตครอบครัวเราพร้อมจะพังลงได้ในทันที” คุณพิมลวรรณยอมรับ

“มันไม่เหมือนในละคร ที่ผู้หญิงเล่นตัวได้ มีผู้ชายมาง้อ ในชีวิตจริง เราก็ผิดเองที่ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลสามี มันต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาเข้าใจ หรือมาอดทนอยู่ฝ่ายเดียว เราเองก็บกพร่องในหน้าที่หลาย ๆ อย่าง ที่ไม่ได้ดูแลสามีเท่าที่ควร”

“ตอนที่เกิดเรื่อง เราใช้อารมณ์กันทั้งสองฝ่าย และพร้อมจะแตกหัก แต่ก็มีผู้ใหญ่หลายคนให้สติ ให้คำแนะนำในการใช้ชีวิตคู่ เช่น ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ไม่ต้องเอาเรื่องของคนในบ้านไปเล่าให้คนข้างนอกฟัง เพราะเขาก็เล่าต่อกันไปสนุกปาก แต่คนของเราเวลาไปเจอคนอื่นจะทำหน้าอย่างไร จะมีหน้ามีตาในสังคมได้ไหม แล้วก็อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจกัน คำหยาบ คำประชดประชันต้องเลิก และหันมาคุยกันจริง ๆ จัง ๆ พยายามทิ้งความเกลียดชัง ทิ้งความขยะแขยงออกไป ข้อสุดท้ายคือ ถ้าไม่ถึงที่สุดจริง ๆ อย่าท้าเลิก”

ด้านคุณประสงค์สามีเองก็ออกมายอมรับความผิดพลาดด้วยเช่นกัน “สิ่งที่อยากได้กลับคืนมาคือโอกาสจากลูก ๆ และภรรยา อยากทำครอบครัวให้ดีเหมือนเดิม ความผิดพลาดมันอาจเกิดขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นคนที่ทำผิดพลาดส่วนมากอยากขอโอกาสในการแก้ตัวใหม่ เพราะเราอยากได้กำลังใจ อยากให้คนในครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกัน รักกันเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง”

     สำหรับท่านผู้อ่านท่านใดที่มีเรื่องราวดี ๆ หรือประสบการณ์ของครอบครัวที่น่าจดจำ และต้องการแบ่งปันให้ท่านอื่น ๆ ได้ทราบ หรือได้เป็นอุทาหรณ์สอนใจ สามารถส่งเรื่องราวของท่านเข้ามาได้เช่นกันที่ lifeandfamily@manager.co.th ค่ะ


ขอขอบคุณ
ที่มา :
ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2552


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 27 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2552 14:58:17 น. 1 comments
Counter : 974 Pageviews.

 
แม้ชีวิตในละครจะเต็มไปด้วยฉากทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเนื้อหารุนแรง แต่ฉากสุดท้ายของละคร พระเอกนางเอกมักจะลงเอยอย่างมีความสุข แต่ในชีวิตจริง ไม่เสมอไปที่จะเป็นเช่นนั้น - -

โบโบ เป็นคนนึงที่ผ่าน เหตุการ์ณคล้าย ๆ แบบนี้มา แต่ตอนจบของละคร กับชีวิต มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โบโบเข้าใจความรุ้สึกของคนที่เป็น"ลูก" แต่ ณ ช่วงเวลานึงที่เราโตขึ้น . . เราถึงเพิ่งเข้าใจมัน บางครั้งมันก็สายเสียแล้ว


โดย: boboloki วันที่: 27 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:52:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.