Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

ลุงมนต์ชัยผู้สืบค้นความจริง พลิกประวัติศาสตร์สุโขทัย


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก นิตยสาร ค ฅน


     เพราะความที่อยากรู้อยากเห็น และสนใจประวัติศาสตร์ ทำให้เด็กชายคนหนึ่งเริ่มสืบค้นหาความรู้จากหินเก่า ๆ นำไปสู่การค้นพบหลักศิลาจารึก และสืบทราบความจริงที่ไม่น่าเชื่อหลายประการ

คุณลุงมนต์ชัย เทวัญวโรปกรณ์ ชายวัยหกสิบแปดปีชาวสุโขทัย ได้กลายเป็นนักประวัติศาสตร์เต็มตัว หลังจากที่เขาเริ่มศึกษาหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 และตัดสินใจเดินทางตามหาแท่งหินที่บันทึกประวัติศาสตร์อีกจำนวนมาก ที่เสาะหากันมานานนับร้อยปีแต่ยังไม่มีใครค้นเจอ

ความสนใจใคร่รู้นำพาให้คุณลุงเริ่มค้นหาข้อมูลและเข้าไปสอบถามคนในพื้นที่ตามข้อมูลที่สืบเสาะมาได้ จนทราบว่า ถ้ำเจ้าราม อาจจะมีสิ่งที่แกค้นหาอยู่ภายใน และในที่สุด แกก็ได้เจอหลักศิลาจารึกอีกแผ่น ณ ถ้ำเจ้ารามนั่นเอง แม้จะเป็นหลักศิลาที่แตกหักไปบางส่วน แต่ก็ทำให้ล่วงรู้เรื่องราวในมิติอื่น ๆ เพิ่มขึ้น

ความพยายามของคุณลุงที่ตั้งใจจะหาศิลาจารึกส่วนที่เหลือจากแท่งหินที่พบยังคงดำเนินต่อไป แต่ทว่าไม่นานนัก การออกตามหาศิลาจารึกส่วนที่เหลือก็ต้องยุติลง เพราะเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาสิ่งที่มีอยู่เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน และไม่ทราบด้วยว่า ชิ้นส่วนที่กำลังค้นหาอยู่นี้แตกหัก หรือหลงเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด แต่เพียงชิ้นเดียวที่คุณลุงค้นพบ ก็ทำให้คุณลุงโด่งดังขึ้นมาในชั่วข้ามคืน ในฐานะผู้ค้นพบหลักศิลาจารึกกรุงสุโขทัย


     คุณลุงมนต์ชัย ย้อนเล่าให้ฟังว่า เขาสนใจประวัติศาสตร์ชาติไทยมาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะได้รับอานิสงส์จากคุณพ่อซึ่งเป็นนักสะสมหนังสือภาพถ่าย และประวัติศาสตร์เมืองเก่า ที่ตระเวนไปตามเมืองโบราณต่าง ๆ เขาจึงซึมซับสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย จากนั้น คุณลุงก็เริ่มศึกษาวิธีการอ่านหลักศิลาจารึก โดยมีนักประวัติศาสตร์รุ่นเก่า ๆ ให้คำแนะนำ กระทั่งเขาสามารถอ่านได้ชำนาญ และสามารถตีความได้ ต่อมาเขาก็ไล่อ่านศิลาจารึกที่ค้นพบมาแล้วทั้งหมดครบถ้วน นั่นจึงเป็นที่มาให้คุณลุงเริ่มค้นหาศิลาจารึกที่ยังหาไม่พบต่อไป

"เราต้องหาอ่านหลักศิลาจารึกให้ได้มากที่สุดแล้วเอามาโยงกัน เอาเนื้อความที่กว้าง ๆ ทำให้มันแคบ คิดว่าถ้าเราได้อ่านศิลาจารึกมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เพื่อที่จะเอามาพิจารณากับหลักต่าง ๆ ว่าข้อมูลอันไหนขัดแย้งกันบ้าง หรือบางทีมีข้อมูลใหม่ ๆ มาให้เราได้รู้ พอเราศึกษามากเข้า เอาแล้วเว้ย! ข้อมูลไม่เหมือนกับที่เรียนมาในตำรา แม้กระทั่งชื่อของกษัตริย์ก็ไม่ตรง พอเรารู้อีกว่า แท้จริงแล้วราชวงศ์พระร่วงมาจากไหนกันแน่ ก็ยิ่งสนุกในการสืบค้น และก็ทำมาเรื่อย ๆ" คุณลุงบอก


     ด้วยความที่สามารถอ่านศิลาจารึกได้เอง และการศึกษาที่เพิ่มพูนขึ้น ได้ทำให้คุณลุงพบว่า หลายสิ่งไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ที่เราเรียนกันในห้องเรียน แสดงถึงว่ามีความผิดเพี้ยนทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้น แต่การพบความผิดเพี้ยนนั้น มิใช่การนึกอ้างเอาเองว่าผิด แต่จะต้องอ้างอิงได้ว่า มาจากศิลาจารึกหลักใด ด้านไหน ที่กล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้ เพราะหลักศิลาจารึกคือการบันทึกตรง เป็นหลักฐานที่ซื่อสัตย์ต่อความจริง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคุณลุงมนต์ชัยจะเป็นผู้ชำนาญด้านประวัติศาสตร์ แต่เขาก็ยังเรียกตัวเองว่า "นักประวัติศาสตร์ปลายแถว" เพราะคุณลุงจบเพียงชั้น ม.6 และเพียงแค่เป็นผู้สนใจใคร่รู้ความเป็นมาเป็นไปของประวัติศาสตร์ไทย จนดั้นด้นศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองได้สำเร็จ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็ยังมีอาจารย์ประสาร บุญประคอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการอ่านจารึกโบราณ คอยให้คำแนะนำ ก่อนที่ท่านจะเสียได้ไม่กี่ปี

"ท่านย้ำว่า ขอฝากประวัติศาสตร์สุโขไทไว้ที่คุณด้วย ไอ้ผมเองนั้น ตอบไปว่า โธ่! อาจารย์ครับทำไมไม่เอาลูกศิษย์ของอาจารย์มาทำเล่าครับ มีตั้งเยอะเก่ง ๆ ทั้งนั้น ไอ้ผมเอง จนก็จน งานนี้มันเป็นงานใช้เงิน" คุณลุงมนต์ชัย เล่าถึงสิ่งที่อาจารย์ประสารฝากฝังไว้ก่อนเสีย

"ไม่...มันไม่เอาเหมือนคุณ ผมดูคุณตั้งแต่วันแรกเห็นคุณดูจารึกไม่ถอยเลย ดูได้ทั้งวัน แล้วรุ่งขึ้นก็มาอีก มาได้เป็นเดือน ๆ ปกติอย่างเก่งเขาดูกันไม่ถึงชั่วโมงก็เบื่อแล้ว ก็เห็นมีแต่คุณคนเดียวในชีวิตนี่แหละ ที่ทำแบบนี้" นี่คือคำตอบของนักประวัติศาสตร์รุ่นปู่ก่อนจากไป


     หลังจากนั้น คุณลุงในวัยสามสิบกว่า ๆ ก็เริ่มลงมือค้นหา สืบเสาะ ศึกษา เพื่อพลิกประวัติศาสตร์สุโขไทตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา ตั้งแต่วัยหนุ่มจนกระทั่ง 15 ปีผ่านไป หนังสือ "พลิกประวัติศาสตร์สุโขไท" หนังสือเล่มหนาที่ท้าทายวงการประวัติศาสตร์ของคุณลุงก็ได้รับการตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม

"อาจารย์เน้นย้ำกับผมว่า ประวัติศาสตร์สุโขไทมันออกนอกลู่นอกทางไปแล้ว คนเขียนเขียนกันแบบไม่รู้จริง หรือบางทีก็ตีความผิด ฉะนั้น ตัวเราเองเป็นคนสุโขไท หลับตาแล้วรู้เลยว่าวัดนั้นอยู่ทิศไหน จะตามหาหลักศิลาจารึกได้จากไหน เราต้องทำให้ได้"

ต้องบอกว่า งานจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตของคุณลุง เพราะทำให้คุณลุงต้องลาออกจากงานราชการ เพื่อจะได้เงินบำเหน็จมาเป็นทุนพิมพ์หนังสือ จนเมื่อพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มเสร็จสิ้น เงินทองของคุณลุงก็แทบไม่เหลือ แต่คุณลุงก็ยังมีความสุข เพราะมีคนส่งจดหมายมาให้กำลังใจคุณลุงมากมาย แต่อีกด้านหนึ่งคุณลุงถึงกับยิ้มไม่ออก เมื่อมีคนมาลอกเลียนผลงานของแกไป

"เราก็เสียใจที่ทำหนังสือออกไปแล้ว คนส่วนใหญ่ไม่เห็นค่า ที่เจ็บปวดไม่ใช่เพราะว่าเราทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำเรื่องนี้ จนทำให้ครอบครัวไม่มีความสบาย แต่เป็นเพราะมีคนอ้างว่าเราไม่น่าเชื่อถือ แล้วกลับทำเหมือนหัวขโมย เอางานของเราไปค้นคว้ามาเขียนใหม่ แล้วยกอ้างเป็นของตัวเอง..." คุณลุง ตัดพ้อ

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้น เมื่อ "นัท" ลูกชายคนโตของคุณลุงได้เข้ามาช่วยเหลือพ่อจัดทำหนังสือ ค้นคว้า ตรวจแก้ จนกระทั่งหนังสือสำเร็จเป็นรูปเล่มอย่างสมบูรณ์ และ "นัท" เตรียมจะเดินทางไปทำงานต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่ทว่า สุดท้ายเขากลับป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และจากครอบครัวไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาคุณลุงและภรรยาเศร้าใจไม่น้อย


     แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือ "พลิกประวัติศาสตร์สุโขไท" กลับกลายเป็นหนังสือที่ขายดิบขายดี และทำให้คุณลุงดีใจมากถึงกับบอกว่า ดีใจที่ชาตินี้จะได้นอนตายตาหลับเสียที เพราะคนจะเข้าใจเรื่องราวความเป็นมาของกรุงสุโขทัยมากขึ้น คุณลุง ย้ำว่า การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะผลของมันจะส่งไปถึงเยาวชนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาในวันข้างหน้า ถ้าหากรับรู้ในสิ่งผิด ๆ คนรุ่นหลังก็ต้องเรียนรู้สิ่งผิด ๆ ต่อไปอีกเรื่อย ๆ

งานยากในการพลิกความจริงของประวัติศาสตร์ไม่ใช่การอ่านจารึก แต่เป็นการตีความหมาย เพราะหากวรรคตอนผิด ความหมายก็จะผิดเพี้ยนไปทันที เนื่องจากคำศัพท์บางคำก็มีความหมายที่ต่างออกไปในภาษาอื่น ๆ ด้วย และคำบางคำต้องเอาความรู้มาเชื่อมโยงกันด้วย


     "มีจารึกอยู่หลักหนึ่ง จารึกนี้บันทึกถึงเหตุการณ์ตอนพญาลิไทออกผนวช เขียนเป็นตัวสือไทว่า มหาสวามี สังฆราช สุ กลุ.มาสั่งสอนพระมหาธรรมราชา ไม่มีใครตีความออกเลยว่า คำว่า สุ กลุ. คือใคร พอเราเห็นก็ตีว่า มหาสวามีสังฆราช สุ กลุ. เอาตัว ก มาติดตัว ส ได้เป็นชื่อว่า สุก และเหลือตัว ลุ มันก็คือคำว่า ลุง นั่นเอง ก็กลายเป็น ลุงสุก อันนี้ผมตีความเป็นคนแรกเลย ทำให้ได้ความว่า มหาสวามีสังฆราชองค์นี้ เดิมชื่อ สุก แล้วไปตรงกับหลักศิลาจารึกหลักหนึ่งที่บันทึกถึง ลุงสุก ความว่าเป็นคนสุโขทัย พอแกบวชเป็นพระ จากชื่อสุก ก็เปลี่ยนเป็น สังฆราช สุ กลุ" ลุงมนต์ชัยนำเอาความเชื่อมโยงของแต่ละหลักมาตีความให้ฟัง

นอกจากนี้ ยังเคยมีคนตีความคำว่า "สะร่วง" แปลว่า สระหลวง หมายถึงสระน้ำ ทั้งที่ความจริงคำว่า "สะร่วง" แปลว่า สวรรค์ หรือชั้นฟ้า ส่วนคำว่า สระน้ำ ในสมัยสุโขทัยเรียกว่า "ตระพัง" ซึ่งข้อผิดพลาดที่เกิดจากการตีความผิด ทำให้ประวัติศาสตร์สุโขทัยผิดเพี้ยนไปหลายตอน

แต่นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่ปัจจุบันนี้ ประวัติศาสตร์สุโขทัยในหลายช่วงตอนได้ถูกนำขึ้นมาพินิจตีความกันใหม่ และก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คุณลุงมนต์ชัยเคยเสนอเอาไว้ อย่างไรก็ตาม จวบจนวันนี้ ชายชราผู้หลงใหลในจารึก ก็ยังคงเดินหน้าออกตามหาจารึกหลักใหม่ต่อไป แม้ว่าวันนี้สังขารจะร่วงโรยลงไปมากแล้ว แต่ไม่มีวันใดที่แกจะหมดไฟ และยุติการเดินตามเส้นทางที่แกปรารถนาไปอย่างแน่นอน

9 ข้อที่คุณลุงอยากให้คุณรู้ เกี่ยวกับสุโขไท

1.พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ไม่ใช่ผู้สร้างกรุงสุโขทัย แต่เป็นพระเจ้าจันทรราชา กษัตริย์ในสมัยสุโขทัย 1 เป็นผู้สร้างรวมถึงศรีสัชนาลัยด้วย มีบันทึกไว้ในจารึกหลักที่ 2 หรือที่เรียกว่า จารึกวัดศรีชุม

2.ชื่อเดิมของสุโขทัยตามที่พระเจ้าจันทรราชาทรงตั้งชื่อเมือง เขียนว่า "สุโขไท" จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.5 การเขียนแบบเดิมจึงเลิกไป กลายเป็น "สุโขทัย" ที่แปลว่า รุ่งอรุณแห่งความสุข

3.สองพระนามสุดท้ายที่พบในจารึกของราชวงศ์พระเจ้าจันทรราชาก่อนสิ้นยุคสมัยสุโขทัย 1 หรือ พระร่วง 1 คือ หนึ่ง พระญามหาธรรมราชผู้เป็นบิดา และสองคือ พระญาศรีนาวนำถม (ถุม) ผู้เป็นลูก ทำให้รู้ว่า พระญาศรีนาวนำถมเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในยุคสมัยสุโขทัย 1 พบในหลักศิลาจารึกที่ 2

4.หลังจากพ่อขุนศรีนาวนำถมเสียเมืองสุโขทัยให้กับขอมสมาดโขลญลำพง ภายหลังจากนั้น 5 ปี พ่อขุนบางกลางหาว บุตรของพระญาศรีนาวนำถม ซึ่งขณะนั้นครองศรีสัชนาลัย และพระสหาย คือ พ่อขุนบานเมือง รวมกันยกทัพไปกู้สุโขทัยคืนได้ในปี พ.ศ.1798

5.หลังจากกู้เอกราชคืนจากขอมสมาดโขลญลำพงได้ พ่อขุนบางกลางหาวจึงยกให้พ่อขุนบานเมืองเป็นเจ้าของนครสุโขทัย พร้อมทั้งเฉลิมพระนามใหม่ว่า ศรีอินทราทิตย์ จากนั้นมาราชวงศ์สุโขทัย 2 หรือ พระร่วง 2 จึงเริ่มขึ้น อ้างอิงจากศิลาจารึกหลักที่ 2 ตอนกู้สุโขทัย

6.จากการศึกษาหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 และ 2 อย่างละเอียด เพื่อหาความเชื่อมโยง พบว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีตัวตนอยู่จริง มิได้ถูกรัชกาลที่ 4 แต่งศิลาจารึกขึ้นมาอย่างที่มีคนตั้งข้อสงสัยแต่อย่างใด

7.ในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมีนามอีกหลายนาม ทำให้ผู้อ่านศิลาสับสน คือ พระรามคำแหง พ่อขุนพระรามคำแหง พระญารามราช พระญาร่วง

8.เมื่อเริ่มแรกยุครัตนโกสินทร์ศก นามเดิมของรัชกาลที่ 1-3 ใช้พระนามเดียวกันว่า สมเด็จพระบรมราชธิราชรามาธบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาศกรวงษองค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรนาถนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไศรย สมุทัยคโรมนต์ สกลจักรวาฬธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร หริหรินทราชาดาธิบดี ศรีสุวิบุลยคุณอัขณิฐ ฤทธิราเมศวรมหันต บรมธรรมิกราชาธิราช เดโชไชยพรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร ภูมินทรปรมาธิเบศรไลกเชฐวิสุทธรัตนมงกุฏ ประเทศคตามหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว

9.เมื่อมาถึงรัชกาลที่ 4 ทรงครองราชย์ จึงทรงรับสั่งให้เปลี่ยนชื่อนามของแต่ละพระองค์ขึ้นมาใหม่ เพื่อง่ายแก่การจดจำ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร ค ฅน ปีที่ 6 ฉบับที่ 8 (68) มิถุนายน พ.ศ.2554

Credit : www.fb.kapook.com

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2554
4 comments
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 11:32:59 น.
Counter : 1813 Pageviews.

 

 

โดย: auyza 9 กรกฎาคม 2554 16:11:52 น.  

 

อยากขอให้คุณลุงมนต์ชัย เขียนเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องลงในนิตยสาร ค ฅน ให้อ่านบ้าง

 

โดย: ครูแป๊ะ เมืองแพร่ IP: 223.206.7.195 23 กรกฎาคม 2554 12:58:49 น.  

 

อยากให้รัฐบาลให้ทุนสนับสนุนการทำงาน แก่คุณลุงผู้เสียสละครับ

 

โดย: man IP: 223.206.7.195 23 กรกฎาคม 2554 13:09:57 น.  

 

ที่ต่างชาติโจมตีว่าพ่อขุนรามไม่มีจริง เราโต้กลับได้แล้วค่ะ ขอบคุณคุณลุงจากใจ

 

โดย: ครูสอนประวัติศาสตร์ IP: 223.206.7.195 23 กรกฎาคม 2554 13:28:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.