Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
"ซาไก" ประชาธิปไตยแบบธรรมชาติ


โดย เฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์(ฟิลิป) philipmagic@hotmail.com

*จำได้เลือนๆ ในราวปี 2506 ถนนใหญ่หน้าบ้าน มีคนผมหยิกรูปร่างเล็กๆ มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทั้งหญิงและชายเดินเรียงกันเป็นแถว ผู้ชายจะนุ่งผ้าเตี่ยวสีแดงเก่าๆ ผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุงหน้าอกเปลือยเปล่า เด็กเล็กๆ ก็จะแก้ผ้า บ้างก็ถืออ้อยทั้งลำเดินแทะกิน ผู้ใหญ่ก็จะทูนของป่าไว้บนหัวด้วยใบไม้ที่ดัดแปลงเหมือนชะลอม ทั้งหมดเดินแถวเรียงหนึ่งสลับไปมาระหว่างเด็กบ้างผู้ใหญ่บ้างเป็นแถวยาว เหยียดประมาณ 30 คนเห็นจะได้

เย็นวันนั้นถนนที่ตัดผ่าน อ.เขาชัยสน ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ ของ จ.พัทลุง ผู้คนแทบทุกบ้านต้องออกมายืนข้างนอก เหมือนกับออกมาต้อนรับขบวนนายใหญ่นายโตของอำเภอ เสียงของลุงชั้น ภารโรงของโรงเรียนซึ่งบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านผม ตะโกนบอก ว่า พวกเขาคือ เงาะ ลงมาจากภูเขา

นั้นเป็นภาพครั้งแรกในชีวิตผมที่ได้เห็นเงาะป่าซาไก

พอโตมาได้เรียนหนังสือก็ได้รู้เรื่องราวของเงาะป่าซาไกมากขึ้น คราวที่แสดงมายากลที่ห้างพาต้าในกรุงเทพฯก็ได้เห็นเงาะซาไกที่ห้างนำมาจัด แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเรื่องของภาคใต้ แล้วเรื่องราวของเงาะป่าซาไกก็พร่าเลือนไปจากความทรงจำของผม

ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้กลับไป จ.พัทลุงบ้านเกิด ระหว่างที่ขับรถจากป่าบอน ผ่านเข้าเขต ต.ตะโหมด ป้ายข้างทางสะกิดใจผม "ทางเข้าหมู่บ้าน เงาะซาไก 10 กม." เท้าแตะเบรก มือหักพวงมาลัย เลี้ยวซ้ายไปตามทางทันที เหมือนถูกสะกดด้วยมนต์ดำของซาไกที่กำลังกวักมือเรียก

ความทรงจำของขบวนซาไกที่เดินเรียงกันในวัยเด็กตอนนั้นผุดขึ้นอีกครั้ง

ผมขับรถเข้าไปลึกพอประมาณ เห็นสองข้างทางมีแต่บ้านผู้คนปลูกกันเต็มไปหมด ไม่มีร่องรอยของหมู่บ้านซาไกตามที่ป้ายเชิญชวน จึงแวะถามที่ปั๊มเก่าๆ ละแวกนั้นได้ความว่า ถ้าจะหาซาไก มีแต่ผู้ใหญ่สิงห์คนเดียวเท่านั้นนำทางได้ ผมมองตามนิ้วที่เขาชี้ขึ้นไปบนยอดเขาลูกหนึ่งของเทือกเขาบรรทัด ก่อนที่เขาจะบอกต่อว่า ผู้ใหญ่สิงห์เป็นคนเดียวที่ซาไกไว้ใจ พนักงานอีกคนในปั๊มแนะนำให้ผมลองไปที่บ้านผู้ใหญ่สิงห์


*ไหนๆ ก็มาถึงตรงนี้แล้ว ผมขับรถไปตามทาง เพียงแค่ไม่กี่โค้ง บ้านข้างหน้าที่มีเสาอากาศสูงเด่นเห็นชัด ต้องเป็นบ้านผู้ใหญ่สิงห์แน่นอน ผมเดา และถูกต้องตามคาด หญิงวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับ เธอคือภรรยาของผู้ใหญ่ ที่คิดไม่ถึงคือ เธอทักทายผมเป็นภาษาใต้ และเรียกผมว่า ฟิลิป

เข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ยังมีคนรู้จักแสดงว่าเรตติ้งผมยังดีอยู่

เมื่อทราบความต้องการของผมแล้วแกรีบโทร.หาผู้ใหญ่ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนดีใจ

"ฟิลิปมายากลมานะ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านเรา พี่แหลง (พูด) กับแกนะ" ว่าแล้วก็ส่งมือถือมาให้ผมคุยกับผู้ใหญ่สิงห์

เสียงผู้ใหญ่สิงห์ก็ตื่นเต้นพอๆ กับภรรยา ผมจึงคุยกับแกด้วยภาษาใต้เช่นกัน แกบอกว่า แกเพิ่งจะส่งเงาะซาไกขึ้นเขาไปตะกี้นี่เอง

ผมแทบจะหมดหวังที่จะได้เจอซาไก เพราะอีก 2 วันผมก็ต้องกลับกรุงเทพฯแล้ว แต่แล้วผู้ใหญ่ก็พูดสวนขึ้นมาว่า พรุ่งนี้ให้ผมมาหาก่อนเที่ยง แกจะพาผมไปถึงถิ่นซาไกเลย

ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น ผมรีบซื้อของไปฝากซาไก เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ผ้านุ่ง โดยเฉพาะผ้าแดงๆ เพราะผู้ใหญ่บอกว่าพวกเขาชอบสีแดง

ผมขับรถตามรถผู้ใหญ่เข้าไปในถนนแคบ ที่ตัดทะลุเข้าไปในสวนยาง ขับไปสักพักต้องจอดรถทิ้งไว้ เปลี่ยนไปนั่งรถของผู้ใหญ่แทน เพราะข้างหน้าทางลาดชันมาก อันตรายสำหรับคนไม่ชินทาง

พวกเราค่อยๆ เดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ สองข้างทางเป็นสวนยางพารา ยิ่งสูงขึ้นไปการเดินก็ยิ่งลำบากขึ้น สุดสวนยางพาราสูงขึ้นไปเป็นป่าทึบไม่มีทางเดินให้เห็น ไม่รู้ว่าเดินมาเป็นระยะทางไกลเท่าไหร่

ผมหายใจถี่และช่วงสั้นขึ้น เข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่ให้ผมแบกอะไรเลย ลำพังตัวเปล่าก็แทบแย่ หากแบกของขึ้นมาด้วย พวกเขาต้องแบกผมอีกคนเป็นแน่ แค่ขืนตัวเอาชนะแรงโน้มถ่วงใต้ฝ่าเท้าขึ้นมาได้ก็นับว่าเป็นบุญโขแล้ว


*ผู้ใหญ่สิงห์ ชี้ให้ผมดูตรงโพรงดินที่มีรอยขุดหาหัวมันป่าที่ถือเป็นอาหารหลักของซาไก ยิ่งสูงขึ้นไปสิ่งที่แปลกสำหรับผมคือ ต้นไม้รอยใหม่ๆ ที่ถูกตัดนำมาวางขวางทางเดินไว้เป็นช่วงๆ ต้องใช้มีดพร้าตัดเพื่อกรุยทาง เสียงสับ เสียงลากกิ่งไม้ ที่พวกผมทำระหว่างการเดินทางนั้น จะเป็นตัวเซ็นเซอร์ระวังภัยของซาไกอย่างดี เพราะเสียงเหล่านี้บอกให้รู้ว่ามีผู้กำลังบุกรุก และถ้าหากผู้ที่บุกรุกเป็นผู้แปลกหน้าเหล่าซาไกก็จะหายตัวเข้าป่าลึกโดยไร้ ร่องรอย นับเป็นภูมิปัญญาที่ต้องชมเชย

ขณะกำลังจะหันบอกให้ผู้ใหญ่ สิงห์ที่เดินอยู่หลังผมให้หยุดพักสักครู่เพราะเหนื่อยเต็มที่แล้ว ก็ได้ยินผู้ใหญ่ตะเบ็งเสียงส่งภาษากับซาไกเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ไม่ใช่ผู้บุกรุกแต่เป็นพวกกันเองไม่ต้องกลัว ผมคาดเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะโดยวิถีชีวิตของซาไกเป็นสังคมเฉพาะกลุ่ม ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ

และแล้วถิ่นอาศัยของชนเผ่าซาไกก็อยู่ตรงหน้าผม ก่อนที่ผมจะออกเสียงทักทาย ผู้ใหญ่เดินมากระซิบผมว่า พวกเขาไม่ชอบให้ผู้อื่นเรียกเขาว่า "ซาไก" เพราะซาไก แปลว่า ผู้ใช้กำลัง หรือพวกป่าเถื่อน แต่ชอบให้ถูกเรียกว่า "มันนิ" ซึ่งแปลว่า มนุษย์ หรือพวกเรา ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า "มันนิ" แผลงหรือเพี้ยนมาจากคำใด ซาไกเผ่าที่เห็นอยู่นี้ คือ เผ่าแต็นแอ็น ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่ถึง 20 คนเท่านั้น

บ้านที่เขาอยู่ซึ่งเรียกว่า "ทับ" ก็ปลูกขึ้นง่ายๆ ตัดไม้มาวางเอียง 45 องศา คลุมด้วยใบไม้ใบตอง นับได้ทั้งหมด 11 ทับ

ตรงกลาง "ทับ" จะสุมไฟไว้ใช้สำหรับปรุงอาหาร และป้องกันสัตว์ร้ายในยามค่ำคืน ไม่มีหม้อหุงข้าวหรืออุปกรณ์เครื่องครัวให้เห็น มีเพียงกระบอกไม้ไผ่ที่ใช้หุงข้าว ในวันนั้นพวกเขามีทั้งหมด 15 คน ส่วนมากเป็นเด็กๆ ผู้ใหญ่ได้ออกไปขุดมัน หาผลไม้ และล่าสัตว์ด้วยกระบอกไม้ซางขนาดยาว ใช้เป่าลูกดอกอาบยาพิษที่สกัดจากยางไม้ เด็กๆ ที่เห็นก็จะใส่เสื้อผ้าทันสมัยแบบชาวบ้านหมดแล้ว มีเพียงผู้ใหญ่เท่านั้นที่ยังคงนุ่งผ้าเตี่ยวอยู่

ผู้ใหญ่ส่งภาษาใต้ผสมภาษาของซาไกให้มารับของฝากจากมือผม ความอัศจรรย์ใจเกิดกับผมตรงนี้แหละ

ผู้ใหญ่สิงห์บอกว่า ผมจะต้องให้ของซาไกผู้ใหญ่ก่อน แล้วจึงตามด้วยผู้หญิงและเด็ก ทุกคนที่รับของจากมือผม แววตาเฉยเมย ไร้อารมณ์ ไม่มีความยินดียินร้ายกับของที่ให้ ไม่มีการกรูเข้ามาแย่งชิง ไม่มีแซงคิว ไม่มีเวียนเทียน ไม่มีการแบมือร้องขอ เหมือนอย่างที่ผมคาดว่าจะเห็น ซ้ำบางคนเรียกให้มารับของก็ไม่มา ยังคงนอนอยู่ในทับของตัวเองอย่างไม่สนใจไยดี รู้จากผู้ใหญ่สิงห์ภายหลังว่า พวกเขาไม่ชอบคนแปลกหน้า

พักใหญ่ ซาไกสาวกลับมาจากป่า กระบุงที่ทูนอยู่บนหัวถูกวางลงกับพื้น มีมันและผลไม้ลูกสีเหลืองที่ผมไม่คุ้นตา เด็กทุกคนจะมาหยิบกินอย่างสนุกสนาน ไม่มีการแบ่งกันว่าของนี้ของครอบครัวนั้นครอบครัวนี้ ลูกฉันกินของฉัน ส่วนลูกเธอต้องไปกินของเธอ

ผู้ใหญ่สิงห์เล่าให้ฟังว่า ชาวซาไกเป็นสังคมที่มีแต่การแบ่งปันกัน ไม่มีของส่วนตัว มีแต่น้ำใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม้ว่าจับกระรอกได้มาตัวหนึ่งก็ต้องแบ่งกินกันทุกคน ไม่มีแอบซ่อน ไม่มีเบียดบัง หรือแย่งชิง

ผมเดินกลับลงมาจากเขาด้วยความอิ่มเอิบ และประทับใจ

ซาไกเป็นเผ่าชนที่ความเป็นปัจเจกสูง มีวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มีชีวิตที่สอดคล้องกับวิถีแห่งธรรมชาติ ไม่ทราบว่าจะสามารถเรียกสิ่งนั้นได้ไหมว่าเป็น "ประชาธิปไตยแบบธรรมชาติ"

ส่วนตัวแล้วผมมั่นใจว่า พวกเขาข้างบนนั้นคือ "มันนิ" ส่วนตัวผมนี่แหละ ที่ยังเป็น "ซาไก" อยู่

Credit : มติชนรายวัน วันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 02 เมษายน 2553
Last Update : 2 เมษายน 2553 22:51:56 น. 0 comments
Counter : 823 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.