Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
14 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
หมอดูแม่น ๆ‏

สาลินีย์ ทับพิลา

*ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง ดูเอาเถอะต้นปีราคาน้ำมันพุ่งพรวดๆ จนคนแห่เอารถไปติดแก๊ส ผ่านมาค่อนปีราคาน้ำมันตกฮวบลงไปเหลือเท่ากับ 5 ปีที่แล้ว นับประสาอะไรกับการเมือง เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดีๆ แต่ต้องมาติดคุก

สุขภาพก็เหมือนกัน ออกกำลังกายอยู่ทุกวัน ทั้งปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ ตีเทนนิส ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย ไปตรวจสุขภาพรอบนี้ หมอทำหน้าขรึม แล้วบอกว่า "ผมมีข่าวร้ายมาบอก"

แต่สบายใจได้ อนาคตอันใกล้นี้ หมออาจจะบอกล่วงหน้าได้ว่า ในอีก 5-10 ปีคุณเสี่ยงจะเป็นโรคอันตรายอะไรบ้าง และควรปฏิบัติตัว เปลี่ยนพฤติกรรมลดความเสี่ยงอะไรบ้าง และเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย หน้าซองยาจะไม่เขียนแค่กินยา 2 เม็ด ก่อน/หลังอาหาร และก่อนนอน แต่ยาจะถูกจัดชุดมาให้ "เฉพาะคน" โดยดูจากความแตกต่างของเชื้อชาติ คนสูง คนเตี้ย คนอ้วน คนผอม คนผมทอง และคนผมดำ จะได้ยาไม่เหมือนกัน

     ศาสตร์การแพทย์แขนงใหม่ได้รับการขนานนามว่า เภสัชพันธุศาสตร์ (Pharmacogenetics)

"ปกติ การตรวจหายีนก่อโรคทำยาก เนื่องจากการคัดสรรตามธรรมชาติจะค่อยๆ กำจัด ทำให้คนที่มียีนก่อโรคจะตายไปพร้อมกับยีนนั้น และไม่ถ่ายทอดยีนมายังลูกหลาน หรือหากมีก็อยู่ในปริมาณน้อยมาก" ผศ.ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ ผู้อำนวยการโครงการเภสัชพันธุศาสตร์ประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เรียกน้ำย่อย

ตรงข้ามกับยีนแพ้ยา ซึ่งเป็นยีนที่มนุษย์ยังไม่มีวิวัฒนาการกำจัดยา เนื่องจากเป็นพัฒนาการใหม่ เภสัชพันธุศาสตร์สามารถ "ฟันธง" ยีนแพ้ยาเพื่อลดอันตรายจากการรักษาได้

จุดต่าง...ช่วยตรวจตรงจุด

     โครงการเภสัชพันธุศาสตร์ประเทศไทยเกิดจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (ทีเซลล์) ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลดำเนินการจัดตั้งโครงการ หวังส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพของโลกในด้านที่เกี่ยวกับสุขภาพ

ที่ผ่านมา ทีมวิจัยได้ดำเนินการศึกษาวิจัยทางเภสัชพันธุศาสตร์ในกลุ่มโรคต่างๆ เช่น โรคติดเชื้อเอชไอวี โรคธาลัสซีเมีย โรคมะเร็ง โรคลูคีเมียเฉียบพลันในเด็ก โรคระบบหลอดเลือดหัวใจ และภาวะแพ้ยาหรือภาวะไวเกินต่อยา เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างพันธุกรรมและการตอบสนองต่อยาของคนไทยภายใต้ความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ผลการดำเนินงานของโครงการฯ ทำให้เกิดองค์ความรู้หลายด้าน คือ ฐานข้อมูลพันธุกรรมระดับจีโนมในรายบุคคล, องค์ความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางชีวสารสนเทศระดับจีโนม, การพัฒนาชุดตรวจยีนแพ้ยาในประชากรไทย, การศึกษาทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของชุดตรวจยีนแพ้ยา และการแปลผลการตรวจยีนแพ้ยาเพื่อใช้ในการรักษาเฉพาะบุคคล รวมถึงการจัดตั้งศูนย์วิจัยเภสัชพันธุศาสตร์

"จากการค้นพบครั้งใหญ่ในปี 2550 ที่ทำให้เราได้รู้จักกับสนิปส์ (SNP) ที่เป็นความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างมนุษย์แต่ละคนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงลำดับเบสบนสายนิวคลีโอไทด์เพียงตำแหน่งเดียว แต่ก่อให้เกิดผลที่แตกต่างกันทางกายภาพ และเป็นตัวบ่งชี้ความต่างเพียงเล็กน้อยของยีนแต่ละบุคคลได้ดีที่สุด" ผศ.ดร.วสันต์อธิบาย

ตรวจจับ .. ยีนขี้แพ้

     การค้นหาตำแหน่งของความแตกต่างทางพันธุกรรมของคนไทยช่วยให้โครงการเภสัชพันธุศาสตร์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในงานวิจัยและพัฒนาจนประสบผลสำเร็จคือ ยีนแพ้ยาเนวิราปิน (Nevirapine) ในผู้ป่วยเอดส์

"ยาเนวิราปินจะเป็นยาชุดที่ 1 เป็นยารักษาเอดส์ที่ผู้ป่วยทุกคนต้องใช้ แต่กลับมีผู้ป่วยราว 25 เปอร์เซ็นต์ ที่จะมีอาการแพ้ยา และต้องใช้ยาชุดที่ 2 เพิ่ม ทำให้ภาครัฐต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้อยาจำนวนมาก ขณะเดียวกันประสิทธิภาพการรักษาก็ลดลง เพราะต้องกินยาหลายครั้ง ใช้เวลานาน" ผศ.ดร.วสันต์ ให้ข้อมูล

ปัจจุบัน การค้นพบดังกล่าวถูกนำไปใช้ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยโรคเอดส์ในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลรามาธิบดี โดยพิจารณาความเสี่ยงที่ผู้ป่วยแต่ละรายมีโอกาสดื้อยาต้านไวรัส โดยใช้เวลาตรวจเพียง 1-2 ชั่วโมง หากพบว่า มีความเสี่ยงแพ้ยา แพทย์ก็จะจัดยาต้านไวรัสอื่นต่อไป

นอกจากจะช่วยลดงบประมาณของประเทศจำนวนมากแล้ว ยังช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แพทย์สามารถเลือกยาที่ถูกกับผู้ป่วยรายนั้น และสามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับแต่ละรายอีกด้วย

นอกเหนือจากการวิจัยทางการแพทย์ ทีมวิจัยยังต้องศึกษาผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐศาสตร์ เพื่อที่จะนำไปเสนอกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้อนุมัติในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ทุกราย ก่อนที่จะให้ยา หลังพบว่า สามารถลดงบประมาณได้จริง

"ปัจจุบัน การตรวจคัดกรองจะทำโดยแพทย์จากโรงพยาบาลต่าง ๆ นำตัวอย่างเลือดของผู้ป่วยส่งมาตรวจหายีนแพ้ยาเนวิราปินที่ห้องปฏิบัติการเภสัชพันธุศาสตร์ของโรงพยาบาลรามาธิบดี" ผศ.ดร.วสันต์ กล่าว

บรรเทาผลเคมีบำบัด

     โครงการเภสัชพันธุศาสตร์ประเทศไทยก็ยังมีโครงการวิจัยที่น่าสนใจตามมาอีกคือ การใช้เภสัชพันธุศาสตร์เพื่อเพิ่มโอกาสการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องใช้เคมีบำบัด

เป็นที่รู้กันดีว่า การรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยเคมีบำบัดมักมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยอยู่เสมอ เพียงแต่จะมีอาการมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ผศ.นพ.เอกภพ สิระชัยนันท์ หนึ่งในนักวิจัยภายใต้โครงการเภสัชพันธุศาสตร์ประเทศไทยจึงศึกษาหาตัวบ่งชี้ทางพันธุกรรมที่สัมพันธ์กับการลดของเม็ดเลือดขาวหลังได้รับยาต้านมะเร็งฟลูออโรเรซิล (Fluorauracil) ซึ่งใช้กันทั่วไปทั้งมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งศีรษะและลำคอ รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหาร

ยาเคมีบำบัดโดยมากส่งผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย หากกระทบมากก็อาจถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งมีไม่มากนัก ในต่างประเทศมีการเก็บสถิติผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดถึงขั้นเสียชีวิตอยู่ที่ 1-3 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่มีการเก็บสถิติในไทย

"การตรวจคัดกรองว่าใครจะมีผลข้างเคียงมากหรือน้อย ก็จะสามารถเลือกยาเคมีบำบัด หรือวิธีการรักษาอื่น เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น" ผศ.นพ.เอกภพ ให้ความรู้

การวิจัยเริ่มจากเจาะเลือดผู้ป่วยโรคมะเร็งต่างๆ ที่ได้รับยาฟลูออโรเรซิลเป็นครั้งแรกจำนวน 300 ราย สกัดดีเอ็นเอ พร้อมทั้งเก็บข้อมูลการรักษาผ่านการกรอกแบบสอบถามที่จะรวมชนิดของยาที่ใช้, ปริมาณยาที่ใช้ และผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น นักวิจัยจะทำการเก็บข้อมูล 2-4 สัปดาห์ จากนั้น ก็จะตรวจสอบดูระดับดีเอ็นเอและเปรียบเทียบความแตกต่างกันของสนิปส์

"เราพบว่า มีเอนไซม์ดีพีดี เดฟิเชียนซี ซึ่งมีหน้าที่ทำลายยาเคมีบำบัดในร่างกาย หากเอนไซม์ตัวนี้มีประสิทธิภาพการทำลายยาลดลง จะทำให้มียาเหลือในร่างกายมาก และร่างกายได้รับยาในปริมาณที่มากเกินไป เกิดเป็นผลข้างเคียงต่างๆ เราก็จะตั้งเป้าดูสนิปส์ที่กำหนดประสิทธิภาพของเอนไซม์นั้น" แพทย์ผู้วิจัยเผย

ที่ผ่านมา ทีมวิจัยเก็บข้อมูลที่เก็บจากผู้ป่วยแล้ว 300 ราย แต่ยังไม่เพียงพอ และต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ปัจจุบัน พบสนิปส์บางส่วนที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจสามารถบ่งชี้ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัดดังกล่าว

แม้การสืบค้นดูเป็นเรื่องยุ่งยาก ผศแต่ นพ.เอกภพมองว่า หากสามารถพัฒนาวิธีการตรวจที่ไม่ยุ่งยาก ราคาไม่สูง สามารถทำได้ในโรงพยาบาลทั่วไปก็จะช่วยคัดกรองผู้ป่วยโรคมะเร็งว่า เหมาะจะใช้ยาตัวนี้หรือไม่ หรือควรจะใช้ยาตัวอื่นที่ดีกว่า เนื่องจากยาเคมีบำบัดฟลูออโรเรซิลเป็นยาที่ใช้บ่อย ใช้ได้กับมะเร็งหลายประเภท ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องใช้ยานี้

"สัดส่วนของผู้ป่วยที่ได้รับผลข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดนี้ในขั้นรุนแรงอาจมีน้อย แต่ถ้าสามารถตรวจคัดกรองได้ การตรวจผู้ป่วย 100 - 200 ราย แต่สามารถช่วยได้ 1 รายก็คุ้มค่าแล้ว" ผศ.นพ.เอกภพอธิบาย

มะเร็งหาย เบาหวานโผล่

     เภสัชพันธุศาสตร์ยังขยับขยายพรมแดนออกไปถึงการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสองโรคที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการแพ้เคมีบำบัด

รศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง กุมารแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และนักวิจัยในโครงการเภสัชพันธุศาสตร์ประเทศไทยกำลังวิจัยหาความสัมพันธ์ของผลทางพันธุกรรมต่อการดำเนินไปของโรคเบาหวานในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเด็กที่ได้รับยาเคมีบำบัด แอล-แอสเพอราจิโนส (L-Asperaginose) งานวิจัยดังกล่าวทำให้พบยีนที่เกี่ยวข้องกับเซลล์เบต้าในตับอ่อน และได้นำมาใช้ตรวจคัดกรองผู้ป่วยแล้ว

แต่ละปี มีจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เป็นรายใหม่ประมาณ 1 พันคน แยกเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวรายใหม่ถึง 500 คนต่อปี อย่างไรก็ดี ผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมีโอกาสหายขาดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่การหายขาดด้วยการใช้ยาเคมีบำบัดอาจมีผลเสียต่อตัวผู้ป่วยเองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

จากการรักษาและศึกษาข้อมูลพบว่า แม้จะหายขาดจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ป่วยยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานตามมา การศึกษาในผู้ป่วยเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว 130 รายที่หายขาดจากการใช้ยาเคมีบำบัด แอล-แอสเพอราจิโนส พบว่า เมื่อหายแล้วกลับพบความเสี่ยงเกิดเบาหวาน

รศ.นพ.สุรเดชจึงตรวจผู้ป่วยที่หายขาดจากมะเร็งเม็ดเลือดขาว 130 รายโดยการกลืนแป้ง และพบว่า มีผู้ป่วย 13 รายที่เป็นโรคเบาหวาน และมีผู้ป่วย 40 รายมีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน

"เราพบว่า ยาเคมีบำบัดมีผลข้างเคียงต่อตับอ่อน โดยไปทำลายตับอ่อน ส่งผลให้ยีนในตับอ่อนตัวหนึ่งเกิดความผิดปกติ จนก่อให้เกิดเบาหวาน" นักวิจัยแจงการค้นพบก่อนระบุว่า ยีนตัวที่กล่าวถึงก็คือ ยีนแพกซ์4 (PAX4)

ยีนดังกล่าว เป็นยีนที่พบในผู้ป่วยเบาหวานเท่านั้น และสามารถนำมาใช้ตรวจคัดกรองเพื่อคนไข้กลุ่มที่มียีนแพกซ์4 ต้องเฝ้าระวัง และเข้ารับการตรวจเลือดเป็นระยะเป็นการป้องกันล่วงหน้า และการดูแลตนเอง ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นโรคเบาหวาน

กันไว้ดีกว่าแก้

     การศึกษาวิจัยด้านเภสัชพันธุศาสตร์ของโลกยังคงก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และงานวิจัยของไทยแขนงนี้ไม่ตกขบวน ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ประเทศไทยควรที่จะมีองค์ความรู้เป็นของเราเอง เพราะเรื่องของพันธุศาสตร์ ไม่สามารถใช้ข้อมูลหรือองค์ความรู้จากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง

"เดิมที เราไม่มีข้อมูลเป็นของตนเอง คนไข้โรคเดียวกันก็จะใช้ยาตัวเดียวกันนี้รักษา แต่ผลที่ได้ไม่เหมือนกัน หากเรารู้ว่า คนไข้คนไหนควรใช้ยาแบบไหน มีผลข้างเคียงอย่างไร จะช่วยให้แพทย์สามารถปรับการรักษาให้ดีมากขึ้น" หมอรามาธิบดี เผย

ปัจจุบัน โรงพยาบาลรามาธิบดีและศิริราชพยาบาลก็เริ่มนำงานวิจัยด้านเภสัชพันธุศาสตร์ตรวจหาความเสี่ยงโรคแล้ว โดยการตรวจดูดีเอ็นเอว่าสามารถเข้ากับยาแบบไหน โดยอาศัยฐานข้อมูลจากต่างชาติ ขณะเดียวกันก็เริ่มวางรากฐานฐานข้อมูลของคนไทยไปพร้อมๆ กัน

"เภสัชพันธุศาสตร์จะพัฒนาไปพร้อมกับแนวโน้มของการแพทย์อนาคต ที่จะมุ่งเน้นการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรคมากกว่ามารักษาเมื่อป่วยแล้ว การตรวจจีโนมแล้วพบความเสี่ยงโรค เราก็สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมต่างๆ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงการเกิดโรค ได้" ผศ.ดร.วสันต์ มองข้อดีของการแพทย์อนาคต

ทว่า นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่า กว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้อาจต้องใช้เวลาอีกนาน


Credit กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 4 ธันวาคม 2551

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E



Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 22:03:41 น. 0 comments
Counter : 898 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.