Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
หิมะตกในเมืองไทย นับวันยิ่งใกล้ความจริง


โดย : ปิ่น บุตรี


...เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย...

     นี่ผมไม่ได้พูดถึงชื่อหนังฮิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หากแต่พูดถึงสภาพดินฟ้าอากาศบ้านเราที่วันนี้เปลี่ยนแปลงแปรปรวนหนัก อันเนื่องมาจากผลพวงของสภาวะโลกร้อน จึงทำให้หน้าหนาวนี้ เมืองไทยหนาวนาน หนาวมาก และหนาวระยับ(หากเทียบกับปีอื่นๆที่ผ่านมา)

หนาวระยับถึงขนาดเกิดปรากฏการณ์ “น้ำค้างแข็ง”หรือ “แม่คะนิ้ง”หรือ “เหมยขาบ” ขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง ดอยอินทนนท์ ดอยอ่างขาง ภูกระดึง ภูเรือ หรือที่ไม่น่าจะเกิดอย่าง ภูหินร่องกล้า เขาค้อ น้ำหนาว ภูทับเบิก

แน่นอนว่างานนี้คนแห่ไปดูกันเพียบ

บางคนไม่ดูเปล่า ยังใจดีส่ง SMS มาบอกกล่าวให้ชาวประชารับรู้ผ่านหน้าจอทีวี ไม่ว่าจะเป็น อ่างขางหนาวมาก ภูกระดึงหนาวมาก เข้าค้อหนาวมาก เลยหนาวมาก เป็นต้น

ขณะที่หลายคนนั่งดูข่าว(และอ่านข้อความ)อยู่บ้าน ไม่ได้ส่ง SMS ไปบอกใคร หากแต่ฉงนอยู่ในใจลึกๆว่า

มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเราใบนี้ !?!

     อา...หรือจะเป็น “อาเพศ” อย่างที่นักพยากรณ์ “โสรัจจะ นวลอยู่”ทำนายไว้เมื่อท้ายปี 50(แบบไม่คอนเฟิร์มเหมือนหมอดูรุ่นน้องปากกล้าบางคน)ว่า ในเดือน ธ.ค. 51 เมืองไทยจะเกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ดังความว่า

“ในปลายปีชวด 2551 นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด 'หิมะตก' ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก เพราะไม่เคยเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย..."

เรื่องนี้แรกๆบางคนฟังแล้วขำ

     แต่เมื่อจู่ๆเกิดปรากฏการณ์ลูกเห็บขนาดเล็กตกกว่าครึ่งชั่วโมงในวันที่ 13 เม.ย. 51 บนดอยช้าง(จ.เชียงราย)จนขาวโพลนครอบคลุมพื้นที่กว้างไกล

ใครและใครบางคนเริ่มลังเลเล็กน้อยถึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะหน้าร้อนแสกๆอย่างวันสงกรานต์ที่นายอ่ำ อัมรินทร์ นิติพน เคยหลงผิดไปลอยกระทง(จากเพลงลอยกระทงวันสงกรานต์) ดันเกิดลูกเห็บตกขาวโพลนทั่วบริเวณปานประหนึ่งหิมะปกคลุมดอยช้าง

แถมกว่าลูกเห็บจะละลายก็ใช้เวลาร่วม 2 วัน อีกทั้งยังทำให้พืชไร่ที่ชาวบ้านปลูกไว้ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะซาโยเต้นั้นตายเรียบ



     เพื่อนผมคนหนึ่งผู้เทใจให้พันธมิตรชนิดสุดลิ่ม มันวิเคราะห์กลางวงเหล้าผ่านแก้วน้ำสีอำพันตามประสาคนแม้วเล้า(เมาแล้ว) ว่า หรือบางทีฟ้าดินอาจต้องการลงโทษใครบางคน เพราะซาโยเต้เรียกภาษาบ้านๆมันก็คือ“ฟักแม้ว”นั่นเอง ว่าแล้วมันก็หันไปสั่งฟักแม้วผัดน้ำมันหอยมากินแกล้มเหล้าเฉยเลย

อืม...ฟังแล้วก็น่าคิด เพราะนับแต่หลังสงกรานต์ปี 51 เป็นต้นมา“แม้ว ตัวพ่อ” ได้รับผลกรรมอันเกิดจากการกระทำของตัวเอง ทั้งต้องโทษติดคุก โดนอังกฤษยึดทรัพย์ ถอนพาสปอร์ต ส่วน“ไข่แม้ว”หลายคน ก็ต้องล้มหายตายจากทางการเมืองไปพักหนึ่ง นั่นเลยทำให้เรื่องหิมะตกในเมืองไทยพลอยซาไปด้วย

     กระทั่งเมื่อ วันที่ 24 ก.ย. 51 ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา และผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะโลกร้อน ออกมาให้ข่าวว่า จากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจทำให้มีหิมะตกในเมืองไทยเป็นครั้งแรกได้ในต้นเดือน ม.ค. 51 ทางภาคเหนือของไทย(สรุปตามข่าวที่ปรากฏ)

ข่าวนี้ทำให้ประเด็นหิมะตกในเมืองไทยถูกจุดขึ้นอีกครั้ง แถมยังมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อนักวิทยาศาสตร์ระดับนาซาออกมาพูดพร้อมด้วยเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์

ยิ่งเกิดปรากฏการณ์หิมะตกในบางประเทศที่ไม่เคยตกอย่าง เวียดนาม อิหร่าน อาร์เจนติน่า เคนย่า ก็ยิ่งส่อแววว่าอาจเกิดหิมะตกในเมืองไทยได้

ยิ่งมีใครบางคนตีความนัยยะ“หิมะ”ของคุณโสรัจจะ ว่าอาจจะเป็นลักษณะเกร็ดน้ำแข็งที่ดูคล้ายหิมะอย่างลูกเห็บหรือแม่คะนิ้ง สภาพการณ์หิมะตกในเมืองไทยก็ยิ่งเข้าเค้า

ยิ่งหนาวนี้หนาวมากถึงขนาดเกิดแม่คะนิ้งในหลายพื้นที่ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยิ่งทำให้ปรากฏการณ์หิมะตกในเมืองไทยใกล้ความจริงเข้ามาทุกที

ทั้งหลายทั้งปวงนั้นผู้รู้ท่านบอกว่า ล้วนมาจากสภาวะโลกร้อน!!!



แต่ที่ผมสงสัยก็คือ ในเมื่อโลกร้อน ทำไมคนไทยหนาวขึ้น
เรื่องนี้มากระจ่างเมื่อวันนั้นดูทีวีช่องหนึ่ง พิธีกร คุณจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ สัมภาษณ์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ถึงสาเหตุของเรื่องนี้ว่า ทำไมโลกร้อนแต่อากาศบ้านเราหนาวขึ้น

     ดร.อาจอง แจงด้วยหลักวิทยาศาสตร์ว่า สภาวะโลกร้อนทำให้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส แต่...ที่บริเวณขั้วโลกเหนือ-ใต้นั้น อุณหภูมิร้อนขึ้นมากถึง 5-6 องซาเซลเซียส นั่นเลยทำให้โลกต้องพยายามรักษาค่าเฉลี่ยไว้ จึงชดเชยด้วยการลดอุณหภูมิแถบเส้นศูนย์สูตรลง(คล้ายๆโลกปรับตัว : อันนี้ความเห็นผม) เราจึงหนาวขึ้นกว่าปกติ

คุณจอมขวัญถามอีกว่า แล้วเมืองไทยจะมีโอกาสเกิดหิมะตกในต้นปีนี้หรือเปล่า

ดร.อาจอง ตอบว่า แนวโน้มเมืองไทยเกิดหิมะตกมีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะทางภาคเหนือบนที่สูง พร้อมๆกับถือโอกาสแก้ข่าวว่า แต่เป็นในโอกาสอันใกล้นี้ ไม่ใช่หมายถึงในต้นเดือน ม.ค. 51(อย่างที่สื่อนำเสนอไป)

     ฟังๆแล้ว หลายคนอาจคิดว่าคงดีที่เมืองไทยมีหิมะตก เพราะจะได้ขึ้นเหนือ ขึ้นดอย ไปเที่ยวดูหิมะ และคงเข้าทางททท. ที่ฉวยจังหวะโปรโมตการท่องเที่ยวแบบได้เปล่า(แต่ของบ)ตามที่ตัวเองถนัด

ขณะที่ใครบางคนมองข้ามช็อตคิดไปไกลปนตลกร้ายว่า ถ้าเมืองไทยมีหิมะตก นั่นก็ถึงเวลาที่เราจะพัฒนาก้าวไกลเป็นมหาอำนาจของโลกเสียที เพราะประเทศมหาอำนาจของโลกอย่าง อเมริกา อังกฤษ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น มีหิมะตกทั้งนั้น

เรียกว่าเป็นทัศนะเบาๆประโลมโลก แต่ในความเป็นจริงนั้นผมเชื่อว่าใครหลายคนรู้ดีว่า ไม่ว่าในอนาคตอันใกล้เมืองไทยจะมีหิมะตกหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงแม่คะนิ้งที่ตกลงมามากมาย แต่สิ่งที่น่าตระหนกก็คือ วันนี้ของโลกเรากำลังกับสภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดวิกฤติทางธรรมชาติมากมาย

     ไม่ว่าจะเป็น ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลาย,อุณหภูมิโลกสูงขึ้น, หน้าร้อน-ร้อนจัด, หน้าหนาว-หนาวจัด, หน้าฝน-ฝนตกหนักมีพายุรุนแรง, ระดับคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกสูงขึ้น, ไฟป่าเกิดง่าย, ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น, ชายฝั่งถูกกัดเซาะ, ฤดูกาลไม่คงที่-เปลี่ยนแปลง,นกอพยพย้ายถิ่น,ดอกไม้ออกดอกเร็วขึ้น ฯลฯ

เรียกว่าปัญหาโลกร้อนที่แต่ก่อนดูไกลตัวนั้น วันนี้มันเริ่มขยับใกล้ตัวเรามากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้นทุกที ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้มนุษย์จะโทษใครไม่ได้เลย เพราะปัญหาโลกร้อนที่เริ่มจะเดินเข้าสู่วิกฤตินั้น ปัจจัยหลักเกิดจากน้ำมือมนุษย์ทั้งสิ้น!?!


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
Travel ผู้จัดการออนไลน์ 21 มกราคม 2552

H O M E



Create Date : 22 มกราคม 2552
Last Update : 22 มกราคม 2552 23:22:51 น. 2 comments
Counter : 1878 Pageviews.

 
จะดีใจที่เมืองไทยหิมะตก มันก็ดีใจไม่ออกอ่ะเนอะ เพราะถ้าถึงหน้าร้อน คงร้อนยิ่งกว่าปัจจุบัน หน้าฝนก็อีก เฮ้อ!


โดย: beatrice วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:21:51:37 น.  

 
อาจ จะ ตก นะ เพราะ ซิดนี่ กับ อาเจนติน่า ก็ตกมา แล้ว ร้อน ก่า เรา อีก งิงิ


โดย: - - fast IP: 125.25.111.15 วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:18:39:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.