Google

ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ

 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 สิงหาคม 2553
 

พระไชยสุริยา สุนทรภู่

พระไชยสุริยา
เป็นนิทานสำหรับสอนอ่าน คาดว่าท่านสุนทรภู่แต่งขึ้นเมื่อท่านบวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ประมาณ พ.ศ.๒๓๘๓
- ๒๓๘๕ โดยมีบทอ่านเรียงลำดับการสะกดคำตั้งแต่แม่ ก กา ต่อด้วยแม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม จนถึงแม่เกย การประพันธ์ใช้
กาพย์แบบต่าง ๆ ได้แก่ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ เรื่องพระไชยสุริยานี้ นอกจากเป็นประโยชน์ในด้านการ
ฝึกอ่านสะกดคำแล้ว ยังให้ประโยชน์ในแง่ศึลธรรมจรรยาแก่เด็กๆ ไปด้วยในตัว
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อมีการจัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้น ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จัดทำ
แบบเรียนภาษาไทยขึ้นชุดหนึ่ง มี ๖ เล่ม คือ มูลบทบรรพกิจ วาหนิติ์นิกร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจน์พิจารณ์ และพิศาลการันต์
พระยาศรีสุนทรโวหารได้นำกาพย์เรื่อง พระไชยสุริยา มาแทรกไว้ในมูลบทบรรพกิจด้วย
เมื่อเริ่มต้นเรียนในแม่ ก กา ท่านสุนทรภู่สอนให้ศิษย์ไหว้พระ ไหว้พ่อ แม่ ครู และเทวดาเสียก่อน เพื่อความเป็นสิริมงคล
ก่อนเริ่มเรียนหนังสือ เมื่อครั้งผู้จัดทำยังเด็ก เมื่อเรียนเสร็จก็ต้องกราบหนังสือเรียนเสียก่อนเก็บเข้าที่ และต้องเก็บไว้ในที่สูง ไม่เดินข้าม
หนังสือ สมัยนี้คงไม่ใคร่นิยมปฏิบัติกันเสียแล้วกระมัง

แม่ ก กา
(ยานี๑๑)
๏ สะธุสะ จะขอไหว้ พระศรีไตรสะระณา
พ่อแม่แลครูบา เทวะดาในราษี
ข้าเจ้าเอา ก ข เข้ามาต่อ ก กา มี
แก้ไขในเท่านี้ ดีมิดีอย่าตรีชา
จะร่ำคำต่อไป พอล่อใจกุมารา
ธระณีมีราชา เจ้าพาราสาวะถี
ชื่อพระไชยสุริยา มีสุดามะเหษี
ชื่อว่าสุมาลี อยู่บูรีไม่มีไภย
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอะฌาศัย
พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา
ไพร่ฟ้าประชาชี เชาบุรีก็ปรีดา
ทำไร่เขาไถนา ได้เข้าปลาแลสาลี

อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวะนารี
ที่หน้าตาดีดี ทำมะโหรีที่เคหา
ค่ำเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอฬ่อกามา
หาได้ให้ภะริยา โลโภพาให้บ้าใจ
ไม่จำคำพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา
คะดีที่มีคู่ คือไก่หมูเจ้าสุภา
ใครเอาเข้าปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
ที่แพ้แก้ชะนะ ไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดี ไล่ด่าตีมีอาญา
ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระยำ
ภิก์ษุสะมะณะ เล่าก็ละพระสะธำม์
คาถาว่าลำนำ ไปเร่ร่ำทำเฉโก
ไม่จำคำผู้ใหญ่ ศีรษะไม้ใจโยโส
ที่ดีมีอะโข ข้าขอโมทะนาไป
พาราสาวะถี ใครไม่มีปรานีใคร
ดุดื้อถือแต่ใจ ที่ใคร่ได้ใส่เอาพอ
ผู้ที่มีฝีมือ ทำดถดื้อไม่ซื้อขอ
ไล่คว้าผ้าที่คอ อะไรฬ่อก็เอาไป
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มิได้ว่าหมู่ข้าไทย์
ถือน้ำร่ำเข้าไป แต่น้ำใจไม่นำพา
หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปราณี
ฝีป่ามากระทำ มระณะกำม์เชาบุรี
น้ำป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาศัย
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี

(ฉบัง๑๖)
๏ พระไชยสุริยาภูมี พาพระมะเหษี
มาที่ในลำสำเภา
เข้าปลาหาไปไม่เบา นารีที่เยาว์
ก็เอาไปในเภตรา
เถ้าแกเชาแม่แซ่มา เสนีเสนา
ก็มาในลำสำเภา
ตีม้าฬ่อฉ้อใบใส่เสา วายุพายุเพลา
สำเภาก็ใช้ใบไป
เภตรามาในน้ำไหล ค่ำเช้าเปล่าใจ
ที่ในมหาวารี
พระสุธาอาศัยไม่มี ราชานารี
อยู่ที่พระแกลแลดู
ปลากะโห้โลมาราหู เหราปลาทู
มีอยู่ในน้ำคล่ำไป
ราชาว้าเหว่หฤไทย วายุพาคลาไคล
มาในทะเลเอกา
แลไปไม่ปะพะสุธา เปล่าใจไนยนา
โพล้เพล้เวลาราตรี
ราชาว่าแก่เสนี ใครรู้คะดี
วารีนี้เท่าใดนา
ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา ว่าพระมหา
วารีนี้ไซร้ใหญ่โต
ไหลมาแต่ในคโค แผ่ไปใหญ่โต
มะโหฬาล้ำน้ำไหล
บาฬีมิได้แก้ไข ข้าพระเจ้าเข้าใจ
ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ามา
ว่ามีพระยาสกุณา ใหญ่โตมะโหฬา
กายาเท่าเขาคีรี
ชื่อว่าพระยาสำภาที ใคร่รู้คะดี
วารีนี้โตเท่าใด
โยโสโผผาถาไป พอพระสุริไส
จะใกล้โพล้เพล้เวลา
แลไปไม่ปะพะสุธา ย่อท้อรอรา
ชีวาก็จะประไลย
พอปลามาในน้ำไหล สะกุณาถาไป
อาศัยที่ศีรษะปลา
ฉะแง้แลไปไกลตา จำของ้อปลา
ว่าขอษะมาอไภย
วารีที่เราจะไป ใกล้ฤาว่าไกล
ข้าไหว้จะขอมรคา
ปลาว่าข้าเจ้าเยาวภา มิได้ไปมา
อาศัยอยู่ต่อธระณี
สะกุณาอาลัยชีวี ลาปลาจระลี
สู่ที่ภูผาอาศัย
ข้าเฝ้าเล่าแก่ภูวไนย พระเจ้าเข้าใจ
ฤไทยว้าเหว่เอกา
จำไปในทะเลวรา พยุใหญ่มา
เภตราก็เหเซไป
ลมก็เกเอาเสาใบ ทะลุปรุไป
น้ำไหลเข้าลำสำเภา
ผีน้ำซ้ำไต่ใบเสา เจ้ากำม์ซ้ำเอา
สำเภาระยำคว่ำไป
ราชาคว้ามืออรไทย เอาผ้าสะไบ
ต่อไว้ไม่ไกลกายา
เถ้าแก่เชาแม่เสนา น้ำเข้าหูตา
จระเข้เหราคร่าไป
ราชานารีร่ำไร มีกำม์จำใจ
จำไปพอปะพะสุธา
มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา เข้าไปไสยยา
เวลาพอค่ำร่ำไร ฯ




แม่ กน
(สุรางคนางค์๒๘)
๏ ขึ้นใหม่ในกน ก กาว่าปน ระคนกันไป
เอ็นดูภูธร มานอนในไพร มณฑลต้นไทร แทนไพชยนต์สฐาน
๏ ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยู่งาน
เฝ้าอยู่ดูแล เหมือนแก่ก่อนกาล ให้พระภูบาล สำราญวิญญา
๏ พระชวนนวนนอน เข็ญใจไม้ขอน เหมือนหมอนแม่นา
ภูธรสอนมนต์ ให้บ่นภาวนา เย็นค่ำร่ำว่า กันป่าไกยพาล
๏ วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร
๏ เย็นฉ่ำน้ำฟ้า ชื่นชะผะกา วายุพาขจร
สาระพรรณ์จันอิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคล้อร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน
๏ จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไก่เถื่อน เตือนเพื่อนขานขัน
ปู่เจ้าเขาเขิน กู่เกริ่นหากัน สินธุพุลั่น ครื้นครั่นหวั่นไหว
๏ พระฟื้นตื่นนอน ไกลพระนคร สะท้อนถอนฤไทย
เช้าตรู่สุริยน ขึ้นพ้นเมรุไกร มีกำม์จำไป ในป่าอารัญฯ




แม่ กง
(ฉบัง๑๖)

๏ ขึ้นกงจงจำสำคัญ ทั้งกนปนกัน
รำพรรณ์มิ่งไม้ในดง
๏ ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตลิงปลิงปริงประยง
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง
๏ มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
๏ เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
๏ เขาสูงฝูงหงษ์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
๏ กลางไพรไก่ขันบันเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
๏ ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสะดาลขานเสียง
๏ กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พระยาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
๏ ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
๏ ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง คางแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
๏ ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึงโผง
โยงกันเล่นน้ำคล่ำไปฯ




แม่ กก
(ยานี๑๑)
๏ ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนลำบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
รอนรอนอ่อนอษฎงค์ พระสุริยงเย็นยอแสง
ช่วงดังน้ำครั่งแดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
ลูกนกยกปีกป้อง อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
แม่นกปกปีกเคียง เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
ภูธรนอนเนินเขา เคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์
ตกยากจากศฤงคาร สงสารน้องหมองภักตรา
ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
อยู่วังดังจันทรา มาหม่นหมองลอองนวล
เพื่อนทุกข์ศุขโศกเศร้า จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
มิ่งขวัญอย่างรัญจวน นวลภักตรน้องจะหมองศรี
ชวนชื่นกลืนกล้ำกลิ่น มิรู้สิ้นกลิ่นมาลี
คลึงเคล้าเย้ายวนยี ที่ทุกข์ร้อนหย่อนเย็นทรวงฯ




แม่ กด
(ยานี๑๑)
๏ ขึ้นกดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนขะเยื่อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่ บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พันละวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจากกุฎิ วิ่งอุดตลุดฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
พวกวัดพลัดเข้าบ้าน ล้านต่อล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่างโจนโผนหกหัน
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกระริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
สององค์ทรงสังวาส โลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดูรฯ




แม่ กบ
(ยานี๑๑)
๏ ขึ้นกบจบแม่กด พระดาบศบูชากูณฑ์
ผาศุกรุกขมูล ภูลสวัสดิ์สัถาวร
ระงับหลับเนตรนิ่ง เอนองค์อิงพิงสิงฃร
เหมือนกับหลับสนิทนอน สังวรศีลอภิญญาณ
บำเพ็ญเล็งเห็นจบ พื้นพิภพจบจักระวาฬ
สวรรค์ชั้นวิมาน ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
เข้าฌานนานนับเดือน ไม่ขะเยื่อนเคลื่อนกายา
จำศีลกินวาตา เป็นผาศุกทุกเดือนปี
วันนั้นครั้นดินไหว เกิดเหตุใหญ่ในปะถะพี
เล็งดูรู้คะดี กาลกิณีสี่ประการ
ประกอบชอบเป็นผิด กลับจริตผิดโบราณ
สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
โลภลาภบาปบ่คิด โจทย์จับผิดฤษยา
อุระพะสุธา ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
บันดาสามัญสัตว์ เกิดวิบัตรปัติปาปัง
ไตรยุคทุกขตะรัง สังวัจฉะระอะวะสานฯ




แม่ กม
(ฉบัง๑๖)
๏ ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์ เอ็นดูภูบาล
ผู้ผ่านภาราสาวัดถี
ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนี กลอกกลับอัปรี
บุรีจึงล่มจมไป
ประโยชน์จะโปรดภูวไนย์ นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสสำเร็จเมตตา
เปล่งเสียงเพียงพิณอินทรา บอกข้อมรณา
คงมาวันหนึ่งถึงตน
เบียดเบียนเสียดส่อฉ้อฉล บาปกำม์นำตน
ไปทนทุกข์นับกัปกัลป์
เมตตากรุณาสามัญ จะได้ไปสวรรค์
เป็นสุขทุกวันหรรษา
สมบัติสัตว์มนุษย์ครุทธา กลอกกลับอัปรา
เทวาสมบัติชัชวาลย์
สุขเกษมเปรมปรีดิ์วิมาน อิ่มหนำสำราญ
ศฤงฆารห้อมล้อมพร้อมเพรียง
กระจับปี่สีซอทอเสียง ขับรำจำเรียง
สำเนียงนางฟ้าน่าฟัง
เดชพระกุศลหนหลัง สิ่งใดใจหวัง
ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
จริงนะประสกสีกา สวดมนต์ภาวนา
วันหน้าจะได้ไปสวรรค์
จบเทศเสร็จคำรำพรรณ์ พระองค์ทรงธรรม์
ด้นดั้นเมฆาคลาไคลฯ




แม่ เกย
(ฉบัง๑๖)
๏ ขึ้นเกยเลยกล่าวท้าวไทย์ ฟังธรรมน้ำใจ
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ
เห็นไภยในขันธสันดาน ตัดห่วงบ่วงมาร
สำราญสำเร็จเมตตา
สององค์ทรงหนังพยัคฆา จัดจีบกลีบชะฎา
รักษาศีลถือฤาษี
เช้าค่ำทำกิจพิธี กองกูณฑ์อัคคี
เป็นที่บูชาถาวร
ปะถะพีเป็นที่บรรฐร เอนองค์ลงนอน
เหนือขอนเขนยเกยเศียร
ค่ำเช้าเอากราดกวาดเตียน เหนื่อยยากพากเพียร
เรียนธรรมบำเพ็ญเคร่งครัน
สำเร็จเสร็จได้ไปสวรรค์ เสวยสุขทุกวัน
นานับกัปกัลป์พุทธันดร
กุมารการรุญสุนทร ไว้หวังสั่งสอน
เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน
ก ข ก กา ว่าเวียน หนูน้อยค่อยเพียร
อ่านเฃียนผสมกมเกย
ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยิกซ้ำช้ำเฃียว
อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจำ
บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบทำ
แนะนำให้เจ้าเอาบุญ
เดชะพระมหาการุญ ใครเห็นเป็นคุณ
แบ่งบุญให้เราเจ้าเอยฯ





Create Date : 01 สิงหาคม 2553
Last Update : 1 สิงหาคม 2553 14:29:45 น. 1 comments
Counter : 1528 Pageviews.  
 
 
 
 
วันนั้นครั้นดินไหว เกิดเหตุใหญ่ในป{พี
เล็งดูรู้คะดี กาลกิณีสี่ประการ
ประกอบชอบเป็นผิด กลับจริตผิดโบราณ
สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม
ช่วยแปลให้กน่อยสิคะ
 
 

โดย: PIM IP: 118.172.119.114 วันที่: 13 กันยายน 2553 เวลา:7:08:43 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ถนอมครับ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]














ยินดีต้อนรับทุกท่านที่มาเยี่ยมชม
[Add ถนอมครับ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com