อย่างกรณีทำไส้กรอก   ทำอาหารต่างที่ปนสารพิษออกมาขายให้คนไทยกิน

ไปตรวจมาแว้ววผลคือมีสารเคมีปนอยู่เกินมาตราฐาน

แล้วเจ้าหน้าที่รัฐจะมีหน่วยงานไหนหรือใครกล้าไปหจับกล้าปิดโรงงานมั้ย

ในเมื่อธุกิจพวกนี้ขยายตัวขึ้นมาก และมีสายสัมพันธ์มีการจ่ายใต้โต๊ะให้ข้าราสชการมายาวนาน

มีการส่งคนของตนไปลงเป็นนักการเมืองเป็นรับมนตรี

อยากรู้ว่าใครจะกล้าจับ

ถ้าเป็นต่างประเทศโดนปิดโรงงานโดนปรับย้อนหลังรายวันแล้ว

และก็จะม่คนกินเป็นล้านคนมาฟ้องศาลแล้ว  แต่ในไทยใครจะกล้าฟ้องศาล

ฟ้อง จนท. ฟ้องไปมีหวังโดนอุ้มฆ่า โดนข่มขู่จากบริษัทพวกนั้นแน่ๆ 

เพราะพวกนี้ก็มีผลประโยชน์มหาศาลให้ข้าราชการพวกนี้ ให้ทั้งทหารตำรวจไปนักเป็นกรรมการบริษัท

คยรวยพวกนี้

เค้าไม่คิดถึงชีวิตของคนไทยหรอก   นักธุรกิจพวกนี้เอาเงินเป็นที่ตั้ง

มีเงินคือตัวเลขความร่ำรวยที่มาโชว์ในแต่ละปี   

คนรวยในประเทศรวยขึ้นทุกปีทึกปี  แต่คนไทยก็จนจมดินลงทุกปี 

ค่าแรงปรับขึ้น แทนที่จะมีเงินเหลือแต่พวกบริษัทค้าอาหาร ขายอาหารพวกนี้ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่เจ้าของเดียวกัน

ก็ขึ้นราคาสินค้ามารอไว้ล่วงหน้าแล้ว..

และการขึ้นค่าแรงจะขึ้นเท่าไหร่คนไทยก็ไม่รวยขึ้น

ราคาคอนโดก็ปั่นขึ้นไปรอๆๆๆๆ เป็นราคาชาติหน้าแล้ว

และกลุ่มธุรกิจพวกนี้ต่อไปจะเอาต่างชาติมาแทรกแซงกดดันประเทศไทย

โดยแบ่งประโยชน์กัน

และสุดท้ายถ้าประเทศไทยเกิดวุ่นวายหนักจนคุมไม่ได้  

พวกคนรวย พวกเจ้าสัวพวกนี้ก็แค่ ย้ายเงินเท่าที่ได้ออกไปนอกประเทศ             ก็แค่นั้นเอง

เงินมันย้ายง่ายจะตายสมัยนี้

อย่างการปั่นราคาที่ดิน ขายทรัพย์สินเข้ากองทุนต่างๆ  การระดมทุนแล้วไปซื้อกิจการในต่างประเทศ

ก็เหมือนการเอาผลกำไรความมั้งคั่งจากไทย ไปสร้างฐานใหม่ยังประเทศเพือ่นบ้าน

เพราะประเทศเพือ่นบ้านยังขยายตัวได้อีกเยอะ

แต่ไทยเรามันอิ่มตัวแล้ว  มันไม่เจริญไปกว่านี้แล้ว

ราคาอสังหา  ที่ดินถูกดันมาจนไม่มีใครอยากจะรับต่อแล้ว

ต่างชาติก็ย้ายฐานเพราะสู้ราคาที่ดินไม่ไหว ถ้ามาตั้งในไทย

โรงงานเก่าขายที่ดินทิ้ง  เอากำไรไปตั้งที่ประเทศอื่นดีกว่า..

แล้วลองคิดดู ประเทศไทยเด็กรุ่นต่อไป   คนไทยในรุ่นต่อไป               จะต้องเจอกับสังคมแบบไหน.

หลักสูตรโตไปไม่โกงอย่าสอนในโรงเรียนเลย  ให้สอนว่าทำเงินอย่างไรให้ได้มากที่สุดโดยที่กฏหมายเอาผิดไม่ได้จะดีกว่า.ฟ