Group Blog
ตุลาคม 2553

 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
11
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
30
31
 
 
All Blog
The Matrix Really บทที่ ๑๑ มนุษย์ ทั้งหลาย - เกิดขึ้นมา บนโลกนี้ - มิได้มี ปัญญา - ติดตัว มากัน . v

.
จาก The Matrix Really


บทที่ ๑๐


“ ชีวิต ” เหมือนกับ “ การกินอาหาร ”


ต้องดำรงอยู่ ดำเนินไป “ ด้วยปัญญา ” ไม่ใช่ “ ตามสัญชาติญาณสัตว์ ”



ในเรื่องของ


“ การกินอาหาร ”


เหล่ามวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง


เกิดขึ้นมา พร้อมกับ พลังแห่งจิต พลังสมอง โดยไม่มีพลังแห่งปัญญา ติดตัว


มาด้วย


“ ปัญญา ”


เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น มีตามมาในภายหลัง


เหล่ามวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้นมา


พร้อม ๆ กับ “ สัญชาติญาณสัตว์ ” คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความ


ทุกข์


แรกเริ่มเดิมที เหล่ามวลมนุษย์


กินแต่อาหารที่มีรสชาติดี เอร็ดอร่อย ถูกปาก ถูกอก


ถูกใจพวกตน ไม่กินอาหารที่มีรสชาติไม่ดี ไม่เอร็ดอร่อย ไม่ถูกปาก ไม่


ถูกอกไม่ถูกใจ แต่เพียงอย่างเดียว


พอนานวันเข้า


หลายวันเดือนปี ผ่านไป ด้วยพลังแห่งจิต และพลังสมอง


อันสูงส่ง มากกว่าสัตว์ใด ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ ที่มีอยู่ เหล่ามวล


มนุษย์ จึงได้เริ่มเกิดมี “ ปัญญา ” ซึ่งเปรียบประดุจดั่งแสงสว่าง โผล่ขึ้นมา


ทำให้รู้ เห็น และเข้าใจได้ว่า อาหารที่มีรสชาติดี เอร็ดอร่อย หลายอย่าง


หลายชนิด เป็นสิ่งที่มีพิษ มีโทษ มีภัยต่อร่างกาย ซ่อนตัวอยู่ ส่วนอาหารที่


พวกตนไม่อยากแตะต้อง เก็บเอามากิน เหลียวแลมองดู เพราะมีรสชาติที่ไม่


ดี ไม่เอร็ดอร่อย ไม่ถูกปาก ไม่ถูกอกไม่ถูกใจ หลายชนิด หลายอย่าง


สามารถเสริมสร้าง ความแข็งแรง รักษาโรคภัย ให้แก่ร่างกายของพวก


ตนเอง ได้เป็นอย่างดี


“ ปัญญา ” เกิดจากอะไร ?


ปัญญา เกิดจากการคิด พิจารณา ศึกษา และเรียนรู้


มีสิ่งต่าง ๆ ( เช่นความผิดพลาด ) ได้เป็นครู ทำให้รู้ว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์


หรือว่ามีโทษ พิษสงภัยร้าย ซ่อนตัวอยู่ภายใน


ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า


ผู้ที่ไม่มีปัญญา จะกินอาหาร ไปตาม “ สัญชาติญาณสัตว์ ”


คือ กินอาหารที่เอร็ดอร่อย มีรสชาติดี ถูกปาก ถูกอกถูกใจ ของตนเอง


เป็นหลัก


ส่วนผู้ที่มีปัญญา ก็จะกินอาหาร “ ด้วยปัญญา ” เป็นหลัก


คือ กินอาหารที่มีประโยชน์ ปราศจากโทษ ไม่มีพิษ ไม่มีภัย ไม่มีผลเสีย


ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง รักษาโรค ป้องกันภัยในร่างกาย ไม่ให้ความ


ทุกข์ทรมาณ นานาชนิด เข้ามากล้ำกราย ให้มากที่สุด เท่าที่ตนเองจะ


สามารถกระทำได้


ในเรื่องของ “ ชีวิต ”


ก็เช่นเดียวกัน เหมือนประดุจดั่ง กับ “ การกินอาหาร ”


เหล่ามวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง


เกิดขึ้นมา พร้อมกับ พลังแห่งจิต พลังสมอง โดยไม่มีพลังแห่งปัญญา ติดตัว


มาด้วย


“ ปัญญา ”


เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น มีตามมาในภายหลัง


เหล่ามวลมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง เกิดขึ้นมา


พร้อม ๆ กับ “ สัญชาติญาณสัตว์ ” คือ อยากได้ความสุข เกลียดกลัวความ


ทุกข์


แรกเริ่มเดิมที เหล่ามวลมนุษย์


ก็พากันเอาแต่ แสวงหาความสุข หลีกหนีความทุกข์ยาก ลำบากกายของ


ตนเอง แต่เพียงอย่างเดียว


พอนานวันเข้า


หลายวันเดือนปี ผ่านไป ด้วยพลังแห่งจิต และพลังสมอง


อันสูงส่ง มากกว่าสัตว์ใด ๆ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ ที่มีอยู่ พวกเหล่ามวล


มนุษย์ เริ่มเกิดมี “ ปัญญา ” ซึ่งเปรียบประดุจดั่งเป็นแสงสว่าง นำทางให้แก่


ชีวิต โผล่ขึ้นมา ทำให้รู้ เห็น และเข้าใจได้ว่า ความสุขความสบาย หลาย


อย่าง หลายชนิด เป็นสิ่งที่มีพิษ มีโทษ มีภัยต่อพวกตน ซ่อนตัวอยู่ ส่วน


ความทุกข์ยากลำบากกาย ที่พวกตนไม่อยากแตะต้อง ไม่อยากสัมผัส


ไม่อยากสนใจ ลองทำดู เพราะว่า มันไม่สนุกสนาน ไม่เพลิดเพลินจำเริญ


หัวใจ หลายชนิด หลายอย่าง สามารถสร้าง สามารถทำ ชีวิตของพวกตนเอง


ให้มั่นคง ดำรงอยู่บนโลกนี้ ได้อย่างไม่ทุกข์ร้อน ปั่นป่วน วุ่นวาย ปราศจาก


ภัยร้าย เข้ามากล้ำกราย ตนเอง และสังคมโดยส่วนรวม ได้เป็นอย่างดีกัน


นั่นเอง


“ ปัญญา ” เกิดจากอะไร ?


ปัญญา เกิดจากการคิด พิจารณา ศึกษา และเรียนรู้


มีสิ่งต่าง ๆ ( เช่นความผิดพลาด ) ได้เป็นครู ทำให้รู้ว่า สิ่งใดเป็นประโยชน์


หรือว่ามีโทษ พิษสงภัยร้าย ซ่อนตัวอยู่ภายใน


ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า


ผู้ที่ไม่มีปัญญา จะดำรงชีวิต ไปตาม “ สัญชาติญาณสัตว์ ”


คือ แสวงหาความสุข หลีกหนีความทุกข์ ของตนเอง แต่เพียงอย่างเดียว


เป็นหลัก


ส่วนผู้ที่มีปัญญา ก็จะดำรงชีวิต “ ด้วยปัญญา ” เป็นหลัก


คือ ทำแต่สิ่งที่มีประโยชน์ ปราศจากโทษ ไม่มีพิษ ไม่มีภัย ไม่มีผลเสีย ต่อ


ตนเอง หรือผู้อื่น ให้มากที่สุดเท่าที่ตนเองจะสามารถกระทำได้กัน นั่นเอง






Free TextEditor





Create Date : 13 ตุลาคม 2553
Last Update : 13 ตุลาคม 2553 17:56:13 น.
Counter : 445 Pageviews.

4 comments
  
ความคิดเห็นจากบท ๑๑ ในบล๊อคภาพยนตร์เมื่อวานนี้

I've seen you babbling so many times.
Are you trying make yourself an epic?
What are you? - the philosopher of the century?
What are you writing, the universal truth?

Nonsense.

Come back to reality.

โดย: crazyfantasy IP: 160.253.0.7 วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:22:50:27 น.


.
คุณจะว่าวอังกฤษไปทำไมกันล่ะ คุณเครซี่

อ่านภาษาไทยออกไม่ใช่เหรอ ภาษาอังกฤษของผมยิ่งไม่

ค่อยจะแข็งแรงอยู่

ดีนะที่มีอาจารย์จีจี้ ( GG = google ) คอยช่วยเหลือ

จึงแปลความหมายออกมาได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่

โดย: samma วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:17:53:17 น.
โดย: samma วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:18:11:02 น.
  
ขอโทษค่ะ
ถ้าอยู่ในที่ๆ พิมพ์ไทยได้ พิมพ์ไปแล้ว
ไม่ได้อยากจะอวดเก่ง

เห็นไปตั้งพันทิปหลายกระทู้แล้ว
คนกดลบไปหลายครั้งก็ยังจะดันทุรังตั้งต่อ
มีคนด่าก็ยังจะตั้งต่อให้มันรกบอร์ด
ตอนแรกก็ดูดี แต่ตอนหลังเหมือนจะยัดเยียดให้คนคิดตามแบบตัวเอง
ทั้งๆ ที่เขียนมานี่มันก็เป็นแค่คำพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานสนับสนุนอะไรทั้งสิ้น
สิ่งที่พูดมาสูงส่งยิ่งใหญ่ถูกต้องและดีงาม ถ้าคิดแบบอื่นนี่ผิดหมด อ๋อเหรอคะ

เอาแค่เรื่องที่
คนมีปัญญาสูงส่งมาก จึงเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
แต่สัตว์นี่โง่แล้วตามใจปาก
นี่ก็ตกม้าตายแล้ว

รู้ไว้ค่ะ คนนี่แหละ ที่กินตามปาก สัตว์ถูกแบ่งเป็นประเภทๆ จะ carnivore หรือ herbivore ก็กินตามแบบของมัน
ถูกสร้างมาแบบไหน ก็กินแบบนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับมีปัญญาหรือไม่มีปัญญา
เอาง่ายๆ non-viscous fiber ที่ว่าช่วยการขับถ่ายนักหนา
คนแห่กินกันเข้าไปเนี่ย ถ้า "คน" มีปัญญาจริงก็น่าจะรู้ว่าร่างกายของคน
ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ย่อยและเอาสิ่งนี้ไปใช้งานได้เต็มที่
กินเข้าไปเยอะก็มีกากที่ย่อยไม่ได้เยอะ
ถ้าโหมกินเข้าไปมากเกินปัญหาเรื่องลำไส้ระยะยาวมาแน่ๆ

แล้วไอ้ที่ว่ารู้จักเลือกกินอาหาร ลองมองไปรอบๆ ตัวนะคะ
ปัญญาของมีส่วนคนช่วยให้เลือกกินได้แบบที่ดีบ้างหรือเปล่า
สักแต่ว่ารู้ แต่ไม่ปฎิบัติ มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกไร้ปัญญาหรอกค่ะ

สัตว์ก็มีสัญชาตญาณของสัตว์ เอาเข้าจริงมันมีปัญญาเลือกกินดีกว่าคนอีกค่ะ
ดมดูก็รู้แล้วว่าตัวเองกินได้หรือไม่ได้ ควรกินหรือไม่ควรกิน
มี enzyme ย่อยเนื้อได้ก็กินเนื้อ มี enzyme ย่อยพืชได้ก็กินพืช
ต้องให้สัตว์ทุกไฟลั่มกินอาหารครบ 5 หมู่เหมือนคนหรือคะถึงจะเรียกว่ามีปัญญา ตื้นไปนิดมั้งคะ

คนนี่ล่ะค่ะ ที่มีปัญญาต่ำกว่าสัตว์ ไม่รู้อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ
และสิ่งที่คุณเขียนไม่ได้เกี่ยวอะไรซักนิดกับ The Matrix
แล้วก็ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์หรือหลักอะไรมาสนับสนุนแม้แต่น้อย

เอ้าแปลเป็นไทยให้ก็ได้
นี่คือแบบที่อยากจะสื่อจริงๆ

เห็นพล่ามมาหลายครั้งแล้ว
อยากทำให้ตัวเองเป็นบุคคลสำคัญ
จะเป็นนักปราชญ์ศาสดาเอกของโลกหรือคะ
ที่เขียนๆ ออกมานี่คือสัจจะแห่งสากลโลกเลยว่างั้น

ไร้สาระค่ะ

กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แล้ว

ก็อบเอาไปโพสในพันทิปต่อได้ค่ะ ไม่ว่ากัน
ก็อบเอาไปโพสต่อในบล็อกทุกครั้งที่เขียนด้วยก็ได้
อยากเอาข้อมูลอะไรไปอ้างอิงในการเขียนบทต่อไปก็ได้
เผื่อจะได้เป็นรองนักปราชญ์กับเขาบ้าง
โดย: crazyfantasy IP: 173.66.26.34 วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:10:40:45 น.
  

เถียงกับคุณเครซี่ ในนี้ มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

เสียเวลาทำมาหากิน เอาเวลาไปทำประโยชน์อย่างอื่นดี

กว่า

เพราะกระทู้มันเก่าไปแล้ว ถ้าจะให้ดีไปแสดง

ความเห็น ในบทความผมได้ที่กระทู้ใหม่ ห้องสมุด ศาสนา

หว้ากอ เฉลิมไทย จะดีกว่า จะได้เป็นความรู้ให้คนอื่นได้

ทราบกันด้วย

ที่หว้ากอ ธรรมดา เขาไม่ค่อยลบกระทู้ผมกันแล้ว

แต่คราวก่อนผมบอกไปว่า ไม่ได้โพสท์ที่หว้ากอ และ

เหลิมไทยอย่างเดียว ที่ศาสนา กับ ห้องสมุดปรัชญา ก็มี

ด้วย เลยเจอคนไม่ทราบจุดประสงค์ ลบเอาสองหนติด

แล้ว แต่ก็ยังดีที่อยู่ได้ หลายชั่วโมงกว่าจะถูกลบ

ไม่ถูกลบในทันทีทันใด เหมือนในสมัยก่อน

จุ๊บ จุ๊บ รักนะเด็กโง่ ( เอ... หรือ ๘๐ กว่าแล้วหว่า )

หวังว่าคงไม่นะ ถ้างั้นก็ต้อง หวัดดีครับยาย ไหว้ลาละครับ

คุณป้า
โดย: samma วันที่: 14 ตุลาคม 2553 เวลา:18:11:11 น.
  
slksdkfoifuiortjekjlgjklg0t052j;ou flifydrul;kl;

kfjsdl;fusdp[ jkl;fy7 jl; id7fop9df8
โดย: sdlfduo ljk9sdy IP: 58.9.164.228 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:9:48:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

samma
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]