Group Blog All Blog
|
The Matrix Really บทที่ ๓ สิ่งที่สูงส่ง และยิ่งใหญ่ที่สุด . บทที่ ๓ สิ่งที่สูงส่ง และยิ่งใหญ่ที่สุด ขอต้อนรับ สู่ความจริงแห่งธรรมชาติ ของชีวิตทั้งปวง อยากรู้มั๊ยว่า อะไรคือ เมทริกซ์ ที่แท้จริง แท้จริงแล้วทุก ๆ ชีวิต ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ไม่ได้มีร่างกายเป็นของตัวเองเลย มีแต่เพียงจิตใจดวงเดิมของตนเอง ที่เป็นตัวเป็นผู้ควบคุมร่างกายนี้ อยู่ในวัฏจักรแห่งชีวิต เวียนว่ายตายเกิด โดยไม่รู้ว่าตัวเองเกิดมาจากไหน ไม่รู้ว่าทำไมคนเราจึงเกิดมาแตกต่างกัน ไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาหน้าตาดี บางคนหน้าตาไม่ดี บางคนรวย บางคนจน บางคนโรคมาก บางคนโรคน้อย บางคนโชคดี บางคนโชคร้าย ไม่รู้ว่าเมื่อตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันต่อไป เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิด ไปเรื่อย ๆ นับหมื่น นับแสน นับล้านล้านปี อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะได้รู้ เห็น และเข้าใจ ใน กฎของธรรมชาติ ซึ่งเป็นความลับของธรรมชาติ คือ สัจจะธรรมความจริงของธรรมชาติ เป็นความจริงที่อยู่คู่กับธรรมชาติ เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ตกอยู่ ใต้อำนาจ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปกี่หมื่น แสนล้านปี มากมายแค่ไหนกันก็ตาม ความจริงก็ยังคงเป็นความจริงเช่นนี้ ตาม กฎของธรรมชาติ เหมือนเดิม มิมีเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด กฎของธรรมชาติ ( God ) คือ สิ่งที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล เป็นสิ่งที่คอยก่อกำเนิด ควบคุม สร้างสรรค์ ให้รางวัล ลงโทษ และทำลาย สิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ให้เป็นไปตามกฎ ของธรรมชาติ คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผล เช่นนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน แต่มีพลังที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ไม่ใช่พลังงานทางกาย แต่เป็น พลังงานทางจิต พลังแห่งจิต พลังสมอง พลังแห่งปัญญา เป็น ความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น เป็นความว่าง เป็นพลังงานแสงสว่าง อยู่เหนือกาลเวลา ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจ ไม่เปลี่ยน แปลงไปตามกาลเวลา เป็นอมตะ ( ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ ) ตั้งอยู่ ( ไม่ หมุนวนเป็นวงกลม เป็นวัฏจักรแห่งชีวิต เหมือนกับเหล่ามวลมนุษย์และสรรพ สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงบนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ) ................... ภาคจบสุดท้าย ของ เมทริกซ์ The Matrix Really เมทริกซ์ ( สิ่งที่ลวงตา กักขังจิตใจของทุก ๆ ชีวิต บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ) ที่แท้จริง ................... โลกที่พวกเราอาศัยอยู่นี้ คือ โลกแห่ง matrix ( สิ่งที่ลวงตา กักขังจิตใจของทุก ๆ ชีวิต บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล ) ที่แท้จริง โดยแท้จริง อย่างแท้จริง ไม่ได้อ้างอิงนิยาย หรือแต่งขึ้นมา เพื่อ สร้างเป็นภาพยนตร์ มู๊วี่ เรื่องเล่าเช้านี้ แต้มสีเติมสัน เพิ่มความมันใส่เข้าไป แต่ประการใด บทที่ ๑ เมทริกซ์ คืออะไร ? บทความในหนังภาพยนตร์ ที่มอเฟียสอธิบายให้กับนีโอได้ทราบ ในตอนต้นของเรื่องถึงความหมายของ เมทริกซ์ ว่ามันคืออะไร ผมถอด คำพูดจากในหนังออกมาทั้งหมดทุกพยางค์ได้ดังนี้ เจ้าเมทริกซ์อยู่ทุกแห่งหน มันอยู่รอบตัวเรา ตอนนี้มันก็อยู่ใน ห้องนี้ด้วย คุณเห็นมันเมื่อมองไปนอกหน้าต่าง หรือเมื่อคุณเปิดโทรทัศน์ คุณสัมผัสมัน ตอนคุณไปทำงาน ตอนคุณไปโบสถ์ ตอนคุณเสียภาษี มันเป็น โลก ที่ถูกดึงลงมา ปิดตาคุณไว้จากความจริง , ความจริงเหงอ , ว่าคุณเป็น ทาสคนนึง นีโอ เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เกิดมาเพื่อถูกจองจำ เกิดมาในคุกที่ คุณไม่อาจสูดดม ลิ้มรส รึว่าแตะต้อง เป็นเรือนจำขังจิตใจคุณ น่าเสียดาย ไม่มีใครบอกได้ ว่าเมทริกซ์ มันคืออะไร คุณต้องเห็นด้วยตาของคุณเอง ข้อความด้านบนคือความหมายของเมทริกซ์ ในหนังภาพยนตร์ ส่วนความหมายของ The Matrix Really เมทริกซ์ ที่แท้จริง เมทริกซ์ในโลกแห่งความเป็นจริง ความหมายก็คล้ายกันกับเมทริกซ์ ในหนังภาพยนตร์ มาก มีดังนี้ คือ เจ้าเมทริกซ์อยู่ในที่ทุกแห่งหน มันอยู่รอบ ๆ ตัวเรา ตอนนี้มันก็อยู่ ในห้องนี้ด้วย คุณเห็นมันเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง หรือเมื่อคุณเปิด โทรทัศน์ คุณสัมผัสมัน ตอนคุณไปทำงาน ตอนคุณไปโบสถ์ ไปวัด ตอนคุณ เสียภาษี มันเป็นโลก ที่ถูกดึงลงมา ปิดตาแห่งปัญญาของคุณไว้ จากความ จริง ว่าคุณเป็นทาสคนนึง เหมือนกับคนอื่น ๆ ทุก ๆ ชีวิต บนโลกนี้ และทั่วทั้ง จักรวาล ที่เกิดมาพร้อม ๆ กับการถูกจองจำทางจิตใจ เกิดมาในคุก ที่คุณไม่ อาจสูดดม ลิ้มรส รึว่าแตะต้อง มองเห็นจิตใจเดิมแท้ ของตัวคุณเอง เป็น เรือนจำขังจิตใจคุณ ให้ตกเป็นทาส อยู่ใต้อำนาจของสัญชาติญาณสัตว์ คือ ความต้องการทางร่างกาย น่าเสียดาย ไม่มีใครสามารถบอกให้เข้าใจอย่าง ละเอียด ได้ว่า จิตใจเดิมแท้ของตัวคุณเอง ที่เป็นธาตุแห่ง พุทธะ ( God ) เป็นอมตะ ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ อยู่เหนือโลก เหนือความสุข และความ ทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง เป็นความบริสุทธิ์ สะอาด สงบ ร่มเย็น มันคืออะไร มีลักษณะเป็นอย่างไร เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตนที่แท้จริง คุณต้องเห็นด้วยตาแห่งปัญญา ของตัวคุณเอง เท่านั้น ................... บทที่ ๒ นับล้านปี ที่ทุก ๆ ชีวิต ไม่รู้ ? ไม่ใช่แค่ร้อยพัน หรือหมื่นปี แต่ว่านับแสนนับล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านปี ฯลฯ ผ่านมาแล้ว ที่สรรพชีวิต ทุก ๆ ชีวิต บนโลกนี้ และทั่วทั้งจักรวาล เกิดขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าตัวเองมาจากไหน ? ไม่รู้ว่าทำไมคนเราจึงเกิดมาไม่เหมือนกัน ? บางคนเกิดมาหน้าตาดี บางคน หน้าตาไม่ดี บางคนรวย บางคนจน บางคนโรคมาก บางคนโรคน้อย บางคน โชคดี บางคนโชคร้าย ไม่รู้ว่าเมื่อตายแล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันต่อไป ? สัตว์ชนิดหนึ่งบนโลก คือ เหล่ามวลมนุษยชาติ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีสมอง มีปัญญา มีความคิด มีอารยธรรม สูงที่สุด ในหมู่สัตว์ ทั้งหลายทั้งปวง บนโลกนี้ จึงได้มีการคาดเดา วิเคราะห์ คิดค้น ค้นพบ หรือ มีการเชื่อกันไปต่าง ๆ นานา เกิดเป็นศาสนา เป็นลัทธิขึ้นมาสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่ยุคอดีตกาล เช่น สมัยยุคหิน ที่คนเราอยู่ป่าอยู่ถ้ำ มาจนถึงยุคอวกาศ ยุคไฮสปีดอินเตอร์เน็ต 3G , 4G อยู่บ้าน อยู่คฤหาสน์ หรือ ตึกคอนโด โด่เด่ สูงล้ำกว่าภูเขา เทียมฟ้าท้าดิน เช่นในยุคปัจจุบันนี้ ความไม่รู้ก่อให้เกิดความเชื่อ ความเชื่อเกิดขึ้นมาจากความไม่รู้ เมื่อความรู้เข้ามาแทนที่ ความเชื่อก็จะค่อย ๆ เลือนลางหายไป เช่น สมัย ก่อน ในทุก ๆ ประเทศทั่วโลก จะเชื่อกันว่า บนฟ้าจะมีเทพเทวดา อาศัย อยู่บนก้อนเมฆ ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเชื่อของแต่ละท้องที่ถิ่นฐาน ประเทศของตน เพราะวิทยาการของคนเรา ยังต่ำอยู่ ยังไม่สามารถบินได้ ยังไม่รู้ว่าบนก้อนเมฆ มีอะไรอยู่ จึงได้มีการคาดเดาเชื่อกันไปต่าง ๆ นานา ในทุก ๆ ประเทศทั่วโลก ว่า บนฟ้าบนก้อนเมฆ มีสวรรค์ มีเทพเทวดา ส่วนใต้ หล้า มีนรก มีภูตผี ปีศาจ ยมบาล ยมทูต นานับชนิดอยู่ ปัจจุบันเมื่อวิทยาการของคนเราก้าวหน้า ความเชื่อเหล่านี้ ก็ค่อย ๆ เลือนหายไป เพราะคนมากมายเริ่มมีความรู้เข้ามาแทนที่ ว่าบนก้อน เมฆไม่ได้มีอะไรอยู่ ส่วนใต้หล้าผืนแผ่นดิน เมื่อเจาะลงไปลึกมาก ก็ยังไม่มี ใครเจอนรก เจอยมบาล มัจจุราช หรือ ยมทูต อยู่ใต้ดินซะที แต่ยังมีคนมาก มายทั่วโลก หลายร้อยล้านคน ไม่ทราบจำนวนแน่นอน ที่ยังเชื่อยังนับถือ ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นับถือเทพเทวดา ฟ้าดิน สิ่งลี้ลับสารพัดรูปแบบกันอยู่ เพราะ ว่า ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ที่คนเรายังไม่รู้ การเชื่อถือ การนับถือสิ่งที่ ศักดิ์สิทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ ก็เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นสิ่งที่ดีงามอย่างหนึ่งของ คนเรา ถ้าสิ่ง ๆ นั้น ไม่ไปเบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่นให้ได้รับความเดือด ร้อน และเป็นสิ่งที่คอยชี้นำ ชี้ทาง สั่งสอนให้แก่เหล่ามวลมนุษย์ทั้งหลาย ได้ทำแต่ความดี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เห็นแก่ส่วนรวม มากกว่าประโยชน์สุข ส่วนตัว ................... |
Link |
รวมเป็นหนึ่งกับน้ำทั้งกายและใจ
ปลดปล่อยตนเองไปตามลำธารเปลี่ยว
โดดเดี๋ยวคนเดียวเหลียมมองดูรอบกาย
โดด-เดี่ยว-เดียว-ดาย กระหายพบเพื่อนร่วมทาง~
ล้วนเฝ้าฟัน เพียงหลุดพ้น
ฟันฝ่าดั้นด้น สุดไม่ถึงแม้นชายป่า
.
.
.
นิพานัง มรนังสุขัง อาเมน