Private Gang 4 U & Me
กลอนธรรมะเตือนใจ


Glitter Text @ Glitterfy.com



....โทษคนอื่น    มองเห็น   เท่าภูเขา
....โทษของเรา   มองเห็น   เท่าเส้นขน
....ตดคนอื่น    เหม็นเบื่อ   เราเหลือทน
....ตดของตน    แสนเหม็น   ไม่เป็นไร





*



ยิ่งหลง     ยิ่งวิ่งเข้า     กองไฟ
ยิ่งรัก     ยิ่งอาลัย     ยิ่งกลุ้ม
ยิ่งโกรธ     ยิ่งร้อนใจ     ทนทุกข์
ยิ่งโง่     ยิ่งห่อหุ้ม     จิตให้มืดมัว




เงิน คือ นายที่ปลอมมา เป็นทาส......
....................เงิน คือ ทาสที่ปลอมมา เป็นนาย
money is Boss which be facked servant..!....[^O^]....!money is Servant which be facked boss











ฟังเพลง โหลดเพลง mp3 ที่นี่

โบวี่ - ยอมจำนนฟ้าดิน.mp3



Create Date : 27 มกราคม 2552
Last Update : 19 กรกฎาคม 2553 12:54:31 น. 14 comments
Counter : 3051 Pageviews.

 
ดีมากเลย เป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจ ไม่มีประโยชนแก่คนที่ไม่สนใจ


โดย: พระครูอมรศีลวิสุทธิ์ IP: 122.155.36.165 วันที่: 26 กรกฎาคม 2554 เวลา:21:34:09 น.  

 
ขอบคุณกลอนเพราะๆ ที่นำมาแบ่งปันนะค่ะ




โดย: greennyi13 วันที่: 23 กันยายน 2554 เวลา:14:17:04 น.  

 
ใครก็ได้ช่วยตอบให้ด้วย.. มีเว็บไหนบ้างที่สามารถเขียนวิจารณ์ได้อย่างอิสระพอสมควร.. โดยไม่มีผู้ที่มากลั่นแกล้งบล็อคโดยไม่มีเหตุผล.. เช่น FB.ของบุญนิยมทีวี ถ้าเราเขียนวิจารณ์บางอย่างที่ไม่ตรงกับทัศนะทางการเมืองและมุมมองทางศาสนาของเขา มักจะโดนบล็อคอยู่เสมอ.. ซึ่งไม่รู้ว่าทางFB.หรือทางเพจเป็นผู้บล็อคกันแน่.. ทำให้อึดอัดใจมาก เพราะทำให้ไม่มีช่องทางที่จะแสดงความเห็นได้อย่างอิสระใจเลย..(ของทาง"เว็บพันทิบ"นั้น เราใช้ไม่เป็น,เข้าระบบเขาไม่เป็นครับ)


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.136.52 วันที่: 24 กรกฎาคม 2565 เวลา:2:24:01 น.  

 
ชาวโซเชี่ยลช่วยกันดูหน่อย.. เมื่อสักครู่นี้ แค่เราโพ้สต์ข้อความข้างล่างนี้.. ที่"เพจบุญนิยมทีวี" ก็ยังถูกบล็อคเลยอ่ะ.. แปลกจริงๆนะ.. สำหรับ"โคโคนัทแลนด์"ยุคนี้..(ไม่รู้เลยว่าผิดตรงไหน.. จึงถูกบล็อค?)..
_________________________

เคยมีคำพูดที่คนมักพูดกันมาก.. คือ..”ระยะทางพิสูจน์(ฝีเท้า)ม้า..กาลเวลาพิสูจน์(น้ำใจ)คน”..

ซึ่งก็ยังคงใช้ได้อยู่.. แต่ยุคนี้คำพูดนี้มักไม่ถึงใจคนดู.. ซึ่งมักจะใจร้อน..

แต่เราอยากขอเสริมว่า.. ควรดัดแปลงคำภาษิตนี้เสียใหม่ให้ทันยุคทันสมัยว่า..

“ระยะทางพิสูน์ม้า.. คำถามที่มีปัญญาจะพิสูจน์คน”..

อย่างนี้น่าจะเหมาะสมและเข้ากับยุคสมัยมากกว่า.. หรือไม่?

ปล.เราหมายถึง..พิสูจน์คนผู้ถูกตั้งคำถามว่าจะตอบอย่างไร?.. ไม่ใช่พิสูจน์คนที่ตั้งคำถามนะครับ..
_________________________



โดย: อัมพวัน IP: 171.96.158.123 วันที่: 28 กรกฎาคม 2565 เวลา:19:46:01 น.  

 
ช่วงนี้ การเมืองไทยเข้มข้น สื่อถึงความไม่จริงใจของคนการเมืองบางกลุ่ม ที่ซ่อนมีดไว้ข้างหลัง นานวันเข้าก็ค่อยเผยธาตุแท้ออกมา มีเซเล่บ เช่น ชูวิทย์ โพ้สต์เนื้อเพลง"ไว้ใจ"ของหนุ่ย อำพล เราอยากขอให้ใครก็ได้ที่เข้ามาอ่าน ช่วยโพ้สต์คลิปเพลง"ฉากสุดท้าย"ของพัณนิดา ไปที่เว็บการเมืองใดก็ได้ เพราะดูจะเป็นอีกเพลงที่ซาบซึ้ง สามารถสื่อสารบรรยากาศในช่วงนี้ได้(เพราะเพจเฟสบุ๊คของเราถูกบล็อค6เดือน,เพราะเราพูดจี้ใจของบางคน,บางกลุ่ม,บางคณะตรงเกินไป..และตั้งเงื่อนไขจะให้เราส่งใบหน้าจริงของเราไปยืนยันตัวตน,แต่เราไม่ได้ส่งไป,เพราะไม่รู้ว่าเฟ้สบุ๊คจะมาไม้ไหน?


โดย: อัมพวัน IP: 124.122.17.8 วันที่: 3 สิงหาคม 2566 เวลา:1:08:47 น.  

 
เพิ่มเติมข้อมูลครับ..

คลิปเพลง"ฉากสุดท้าย"..ตามลิ้งค์นี้ครับ..

https://www.youtube.com/watch?v=uHCTaa6fNHE


โดย: อัมพวัน IP: 124.122.17.8 วันที่: 3 สิงหาคม 2566 เวลา:1:14:26 น.  

 
ประชาธิปไตยที่เยิ่นเย้อและระเบียบมาก(ทำให้เสียเศรษฐกิจ,เสียเวลาของประเทศ,และเสียเวลางบประมาณ,และหมดเงินไปกับกลไกของรัฐเพื่อตรวจสอบ อย่างมากมาย) ทำให้พวกฉลาดซิกแซ็กมีช่องทุจริตเพื่อพวกพ้อง(ประโยชน์ทับซ้อน,ซับซ้อน) ควรสร้าง"ระบบใหม่"(= "สภาประชาชน")ให้ประชาชนมีสิทธิ์ร่วมตัดสินใจในประเด็นสำคัญของประเทศ(ใช้"ระบบซูม"ก็ได้) แต่ต้องมีภาพตัวตนจริง(ถ้าต้องจำกัดจำนวนคน,ให้ใช้ระบบสุ่มจับฉลากโดยใช้ระบบอัตโนมัติ,เพื่อไม่ให้เกิดการจับกลุ่มหาพวกมา"ล็อคโหวต"เพื่อ"ประโยชน์แก่"บางกลุ่ม"ที่จัดตั้งด้วย"ระบบทุน"หรือ"ระบบอำนาจปกครองดั้งเดิม"ได้) และให้มีการโหวต"รับหรือไม่รับ"เรื่องใดๆที่เป็นปัญหาของการบริหาร,ด้านสังคม,ด้านตัดสินถูกผิด,การฮั้วประมูล,การล็อคสเป๊ค,การแต่งตั้งโยกย้าย,การอนุมัติงบต่างๆ,และการออกกฎหมายและกฎระเบียบ,กฎกระทรวงต่างๆได้ทุกเรื่อง และมีผลทางกฎหมายได้ทันที


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.120.222 วันที่: 21 สิงหาคม 2566 เวลา:4:53:21 น.  

 
“นักธุรกิจการเมือง”(บางคน)เขาไม่เคยคิดว่า จริงๆประชาชนส่วนมากดูลักษณะความ”เหลี่ยมกล”จากใบหน้า,ท่าทาง,แววตาของเขาออกทั้งหมด แต่อาจมีเพียง”นักธุรกิจการเมืองบางคน”ที่พอฉลาดรู้ได้บ้าง แต่เพราะเขาคิดว่า เขามีกลุ่ม,มีพวก,มีทรัพย์,มีอิทธิพลมากพอ เขาจึงไม่ได้คิดแคร์ต่อความรู้สึกของประชาชนแต่อย่างใดเลย “คนการเมืองบางคนนี้”.. เขาอาจคิดประมาณว่า.. ถึงประชาชน”อ่านใจ”ฉันออกว่า"ฉันมุ่งหมายอะไร?” แต่ฉันก็ไม่แคร์ไง? ก็ประชาชนต่อให้รู้เท่าทันฉัน แล้วจะมาทำอะไรฉันได้ ก็เป็นแค่ประชาชนทั่วไป ประมาณนั้น.. เรา(และอีกหลายๆคน)ก็”รู้เท่าทันนักธุรกิจการเมือง”ได้เท่าๆกับ”ชูวิทย์” แต่เพราะ”ชูวิทย์”มีทั้งประสบการณ์จริง,มีเทคนิค,มีไหวพริบ,มีทรัพย์เพียงพอที่จะต่อสู้,และยังมีความกล้าสูงมาก เขาจึง”แฉเพื่อชาติ”ได้อย่างน่ายกย่อง.. ต้องขอขอบคุณ”คุณชูวิทย์”ที่คุณช่วยทำหน้าที่แทนเราหลายๆคน ที่ไม่มี”กำลัง,ความพร้อมต่างๆ”พอที่จะทำแบบคุณได้..


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.120.222 วันที่: 21 สิงหาคม 2566 เวลา:5:23:31 น.  

 
(เราคิดแบบเรา)(คิดไม่ยาก).. ถ้าเป็นเรานะ.. ถ้าเสียงสมาชิกในพรรคกำหนดให้เราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้,แต่เมื่อเราเห็นว่าไม่ตรงกับอุดมการณ์ที่เราเคยรับปากกับประชาชนตอนหาเสียงไว้,เราก็ต้องรักศักดิ์ศรี,รักสัจจะ,รักจุดยืน,รักอุดมการณ์ของเรา.. โดยเราจะประกาศลาออกจากพรรคตั้งแต่วันที่ถูกทางสมาชิกของพรรคกำหนด(บีบ)ให้เราต้องทำตามในวันนั้น,นาทีนั้นเลย,ก็จบ.. เราก็อาจไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ที่พรรคอื่นต่อไป.. แต่ถ้าเราต้องทำตามสมาชิกของพรรคเพื่อให้จุดประสงค์ของทางพรรคสำเร็จก่อน,แล้วจึงค่อยลาออกทีหลังตามคำพูดที่เคยรับปากกับประชาชนไว้แล้วนั้น,โดยจะได้รับตำแหน่งรมต.มาแทน,ในการที่เราต้องตระบัดสัตย์(บางประการที่ไม่ตรงกับจุดยืนหรืออุดมการณ์ของเราที่เคยพูดตอนหาเสียงกับประชาชนไว้แล้ว)กับประชาชน,เช่นนั้น.. ถ้าเป็นเรา,เราจะไม่ทำเด็ดขาด,เพราะอาจถูกสายตาประชาชนมอง(ซึ่งอาจมองผิดหรือมองถูกก็ตาม)ว่า.. อาจมีการตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่า.. ถ้าต้องตระบัดสัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลให้ได้,ก็จะมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาลเป็นการตอบแทน..ก็เป็นได้(หรือไม่?)...(เพราะในมนุษย์นั้น,การรักษาสัจจะหรือจุดยืนหรืออุดมการณ์,ย่อมสำคัญยิ่งกว่าผลประโยชน์อื่นใดที่จะได้รับตอบแทนมาทั้งสิ้น)..


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.114.244 วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:0:47:58 น.  

 
ขอสดุดี”บิ๊กโจ๊ก”ในนาม”ตัวแทนตำรวจไทย”.. จากกรณีติดตามจับกุม”คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์”ที่สร้างปม”หลอกลวงเงินจากเหยื่อ”จนเป็นเหตุให้ครอบครัวของเหยื่อต้องมีเหตุที่”หัวหน้าครอบครัว”ต้อง”เครียด,คิดสั้น,ไม่มีทางออก”จนถึงขั้น”ทำร้ายคนในครอบครัว”จน”เสียชีวิตถึง3ศพ”,และ”ทำร้ายตนเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส”โดยทำการสืบสวนจับกุม”เครือข่ายผู้กระทำผิด”ได้อย่างรวดเร็ว.. โดยขอสดุดีดังนี้.. “ตำรวจไทย”ถ้าประสงค์จะให้บรรลุเป้าหมายในเรื่องใดๆ.. ขอสดุดีว่า.. “ภายใต้ขอบฟ้านี้..ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้”.. และอยากขอเสนอให้เร่งรีบ”แก้ไขกฎหมาย”ในกรณีของ”แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไร้จิตสำนึก”(มี”DNAสมองทราม”)ในการ”ทำร้ายผู้คนในสังคม”ในการ”โกงเงินด้วยเลศเล่ห์,กลวิธีต่างๆ”ทางระบบอินเตอร์เน็ต”และเชื่อมสู่”ระบบธนาคาร”.. โดยที่มี”เหยื่อจำนวนมาก”ที่ไม่รู้เท่าทันใน”กลเหลี่ยมสารพัด”.. จนเป็นเหตุถึงขั้น”ทำร้ายจิตใจและสุขภาพจิตของเหยื่อ”อย่างสาหัส.. โดยต้องการ ให้เปลี่ยนแปลง”โทษสูงสุด”กับ”แก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้”ให้ถึงขั้น”ประหารชีวิต”ด้วยครับ..


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.114.244 วันที่: 1 กันยายน 2566 เวลา:2:48:32 น.  

 
“สังคมไทย”ต้องยอมรับว่ามี”ความลำบากแบบไทยๆ”.. ไม่เหมือน”สังคมฝรั่ง”หรือ”กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย”.. ทาง”การเมืองฝรั่ง”ไม่ค่อยมีเรื่องการ”แซะนั่น,แซะนี่ของสื่อ”มากมายนัก.. แต่สังคมไทยนั้นมีสื่อจำนวนมากเกินไป.. เมื่อสื่อมีมากก็ต้องแข่งขันหาเรตติ้งเฉพาะตัวของแต่ละสื่อ.. ต้องหาประเด็นให้เป็นข่าวเพื่อมาทำคอนเท้นต์ต่างๆ.. กลายเป็นการ”ตีปลาหน้าไซ”หรือ”ชี้โพรงให้กระรอก”หรือ”สอนจระเข้ว่ายน้ำ”หรือ”เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน”หรือถึงขั้น”สอนหนังสือสังฆราช”ไปเลยนั่นเทียวก็เป็นได้?.. หรือมีการตั้งคำถามให้นักการเมืองหาช่องหลบเลี่ยงจากปมที่สังคมสงสัย.. หรือแม้แต่”เซเล่บทางการเมืองบางท่าน”ก็คล้ายต้องการ”วิเคราะห์ทางการเมือง”นั่น,นี่,นู่น,ตามที่มีสื่อต้องการเชิญมาออกรายการด้วย.. หลายครั้งก็อาจพูดถึงประเด็นล่อแหลมต่างๆ.. เช่น เรื่องของอดีตผู้นำบางท่าน.. ทำไปทำมาก็เหมือนไป”ชี้โพรง”ว่าจะลดโทษได้อีกมั้ย?.. ครั้นถ้า”คุณเซเล่บ”จะพูดต้าน,ก็กลัวถูกมองว่าไปแอนตี้เขาเป็นส่วนตัว.. ก็เลยเหมือนถูกผลักให้พูดไปอีกทาง,เชิงสนับสนุน,คล้ายกึ่งประชดว่าสามารถลดโทษลงไปได้อีกอย่างนั้นอย่างนี้..ประมาณนั้น.. แต่สังคมแบบ”นักการเมืองไทย”โดยมากเขาก็จะคิดแต่มุมที่เขาได้ประโยชน์, ไม่ว่า”คุณเซเล่บการเมือง”(ซึ่งอาจอยู่คนละฝ่าย)จะพูดในมุมไหนก็ตาม.. เขาก็จะเลือกหยิบฉวยเฉพาะที่เขาได้ประโยชน์มาทำตาม,แบบทำบรื้อๆไป,เหมือนเช่นที่เห็นอยู่หลายครั้งนั่นเอง.. โดยเขาไม่แคร์หรอกว่าจะถูกหาว่าทำไปตามการชี้นำของ”เซเล่บการเมืองบางท่าน”นั้นแต่อย่างใดดอก?..(จะดีกว่ามั้ย?.. ถ้า”เซเล่บการเมือง”หรือ”สื่อทั้งหลาย”จะเลิกการถามแบบ”ชี้นำประเด็น”หรือ”ชี้โพรงต่างๆ”ให้กับ”นักการเมือง”.. แต่ปล่อยเขาคิดจะทำอะไรก็ให้เขาทำไปก่อนเลย.. ถ้า”นักร้องทั้งหลาย”มีประเด็นที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง..ก็น่าจะนำเรื่องไปที่ปปช.นั่นเลย..จะดีกว่ามั้ย?.. เพราะไม่มีการสงครามใด ,ที่แต่ละฝ่ายจะมาพูดเปิดเผยแผนของตัวเองให้อีกฝ่ายเขารู้ล่วงหน้า,เพื่อให้เขาไปหา”กลยุทธ์เพื่อสกัดแผนการรบนั้นๆ”ดอก?..ใช่หรือไม่?)..


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.110.93 วันที่: 4 กันยายน 2566 เวลา:4:16:13 น.  

 
การเมืองไทยน่าห่วง,เพราะมี”วาระซ่อนเร้นทางการเมือง”,ของ”อำนาจดั้งเดิม”ที่ไม่ต้องการให้”พรรคหัวก้าวหน้าบางพรรค”ขึ้นมาบริหารบ้านเมือง,เพราะคงกลัวว่า”พรรคดังกล่าว”จะมาโจมตี”ผลประโยชน์ในบ้านเมือง”ที่”กลุ่มธุรกิจผูกขาด”และ”กลุ่มอำนาจเก่า”เคยครอบครองอยู่มาแต่เก่ากระมัง?.. จึงใช้”กลเกมการเมือง”มาผลักไสให้”พรรคหัวก้าวหน้าบางพรรค”ต้องไปเป็น”ฝ่ายค้าน”,ทั้งๆที่ควรจะให้เขาได้เป็น”ฝ่ายรัฐบาล”ตามกติกาปกติมากกว่าหรือไม่?.. การเหล่านี้.. จึงอาจทำให้ปฏิกิริยาของ”พรรคหัวก้าวหน้าบางพรรค”รวมทั้งผู้สนับสนุน”พรรคดังกล่าว”ก็เลยออกฤทธิ์ในการรบราผ่าน”โซเชี่ยล”กับ”บางท่าน”ที่แสดงแนวคิดที่ไม่กินเส้นกัน.. ทำให้”บางท่าน”อย่างน้อยที่เห็นขณะนี้,มีบุคคลที่เริ่มออกลักษณะ”ศูนย์(อารมณ์)ไม่มั่นคง”.. คือ.. 1.มี”พิธีกรบางช่อง”ที่สนับสนุน”พรรคบางพรรค”ก็ออกอาการตอบโต้แทน”พรรคบางพรรค”(เพราะทำตัวเป็น”นักแบก”มาตลอด)จนดูว่า..”กสทช.”ควรจะพิจารณาตรวจสอบ”จรรยาบรรณสื่อ”และ”ความประพฤติ”ในการแสดงออกในการใช้อารมณ์,ในสถานะ”พิธีกรข่าวที่เกินขอบเขต?”?,หรืออาจดูไม่เป็น”ตัวอย่างที่ดี?”ต่อ”เยาวชนผู้รับชมรายการดังกล่าว”หรือไม่?.. 2.อดีตผู้ที่เคยมีคนนับถือมาก,เพราะเคยต่อสู้กับนักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายมาหลายคน,แต่เพราะภายหลัง,อาจเพราะผิดหวังในการเลือกตั้งที่ผ่านไป.. ดังนั้น.. เมื่อหลุดความเห็นที่ไม่ถูกใจ”บางด้อม”ออกไป.. จึงถูก”บางด้อม”สวนกลับหรือทัวร์ลง.. จึงทำให้มีการตอบโต้คืนกับหลายบุคคล,หลายกลุ่ม.. จนดูแล้วคนที่เคยนับถือในตัวท่าน,ก็อาจจะคลายความศรัทธาไปพอสมควรก็เป็นได้?.. เพราะแม้กับเยาวชน,ลูกหลาน,ท่านก็ตอบโต้อย่างหนักแบบแทบไม่มองข้ามประเด็นเล็กๆน้อยๆ(ที่ควรมองผ่าน,ให้อภัย)เลย.. ...ด้วยความเคารพทุกๆท่านครับ...


โดย: อัมพวัน IP: 27.145.110.93 วันที่: 5 กันยายน 2566 เวลา:4:18:56 น.  

 
(1)“สังคมไทยเสื่อม”เพราะ”ผู้ใหญ่ในสังคม”(บางส่วน)ต่าง”เอาหูไปนา,เอาตาไปไร่?”กันซะมาก?.. ไม่มีใครอยากยุ่ง,สนใจกับเรื่อง”อาชญากรรม”และ”ความฉ้อฉล”ในสังคมเรา.. ว่าเกิดมาจากอะไร?(เช่น.. จากสุรา,ยาเสพติด,การพนัน,คอร์รัปชั่น,อื่นๆ,แล้วมีการ”ฟอกเงิน”กันอย่างกว้างขวาง?..ใช่หรือไม่?).. พอมี”ข่าวอาชญากรรมบางข่าว”.. เช่น.. พ่อไปทำอาชญากรรม,โซเชี่ยลวิจารณ์พ่ออย่างหนัก,ลูกก็เลยพาลไม่กล้าไปโรงเรียนไปเลย.. นี่คือผลกระทบในสังคม,จริงๆลูกอาจไม่ได้มีส่วนกับสิ่งที่พ่อได้ทำไป,ที่สังคมประณาม.. แต่ถ้าคิดเรื่อง”กรรมของพุทธ”,ก็คืออาจมี”กรรมร่วมกับพ่อ”จึงมาเกิดกับ”ครอบครัวนี้”,จึงต้องร่วมรับผลด้วย..ประมาณนั้น.. โดยเฉพาะถ้าเป็น”เพศหญิง”.. สังคมไทยโดยมาก,”เพศหญิง”มัก”ถูกครอบงำ”ทั้งทาง”ความคิด”และ”เชิงอำนาจ”จาก”เพศชาย”ที่เป็นคนใกล้ชิดกันทั้งนั้น.. ในเชิงวัฒนธรรมสังคมในยุคที่ผ่านมา,จึงไม่นิยมที่จะให้”หญิงเป็นหัวหน้าหน่วยงาน”ที่ต้อง”ควบคุมอำนาจ”ใน”ระดับสูงต่างๆ”(เพราะมองว่า..”จิตหญิงไม่เที่ยง,ไม่หนักแน่น,มักโอนเอียงตามคำพูดของเพศชายที่ใกล้ชิดได้ง่าย)..นั่นไง(?).. โดยมาก..สังคมไทยมัก”ให้เกียรติ,ยกย่อง,กระทั่งเกรงกลัว”ต่อ”คนมีเงินมาก”หรือ”มีฐานะร่ำรวย”.. คนจึงพากัน”แสวงหาทรัพย์”ไว้มากๆ,เพื่อให้คน”เคารพยำเกรง”หรือ”เกรงใจ”.. เฉพาะ”ผู้ชาย”หาทรัพย์มาเพื่อ”เอาใจหญิง”(ที่เป็น”คู่ครอง”),ซี่งบางส่วนก็เป็น”ทรัพย์สีเทาๆ?”.. บางทีก็มี”ภรรยาหลายคน”,บางคนก็มีไว้เพื่อ”ฟอกทรัพย์นั้น?”(และ”สื่อบางส่วน”อ้างว่าเป็น”เรื่องส่วนตัว”,ไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือวิเคราะห์วิจารณ์ใดๆ,แต่จริงๆไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย,เพราะ”เด็ดดอกไม้ย่อมสะเทือนถึงดวงดาว”..นั่นไง?)..(ต่อที่2)


โดย: อัมพวัน IP: 171.97.73.75 วันที่: 14 กันยายน 2566 เวลา:10:58:36 น.  

 
(2)ส่วน”หญิง”(บางส่วน,จำนวนไม่น้อย)มักไม่ได้ดู”ผู้ชายที่จะมาแต่งงานด้วย”อย่างละเอียด,ขอแต่”ผู้ชายมีทรัพย์,มีสถานะทางสังคม”,ก็มักจะ”ยินดี,ปรีดา”,แม้รู้ว่าเขามีภรรยาอยู่แล้ว,และจะไม่”จดทะเบียนสมรสกับตัวเอง”ก็ยังยอม(?).. คือเชิงการมองของสังคม,มักมองว่า”เพศหญิงไม่ได้มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมเพศชาย”(เหมือนดังที่”หลักสิทธิมนุษยชน”เขากำหนดไว้).. คือขอให้”ผู้ชาย”มีปัญญาหาเงินมา”เลี้ยงดูเธอและลูก”ให้”มีความสุข,มีหน้ามีตา,ต่อสังคมแวดล้อม”(ไม่ว่าเงินนั้นจะได้มาอย่างไรก็ตาม?..),เธอก็มักยินดี,ไม่ปริปากพูดอะไร?(ตามคติ..ประมาณว่า..”ภรรยารังแกฉัน?”..ประมาณนั้น?).. เราจึงพบว่า..”อาชญากรรมที่เกิดขึ้นในสังคม,โดยมาก..”ผู้ก่ออาชญากรรม”มักมี”ภรรยา”เป็นตัวเป็นตนกันทั้งนั้น.. ซึ่งก็จะมีคำถามว่า..แล้วทำไม”หญิง”จึงยอมให้กับ”สามี”?,หรือยอม”อยู่ร่วมชีวิตกับสามี”ที่เป็นคนยุ่งเกี่ยวกับ”อาชญากรรมต่างๆ”เช่นนั้น?..(แม้กระทั่ง..”เซเล่บบางท่าน”,และ”ดาวระยิบฟ้าบางดวง?”ด้วยก็ตาม..ก็ยังมีปรากฏตาม”หน้าข่าว”อยู่บ่อยๆ?) นั่นเพราะ”ชายมีอำนาจครอบงำหญิง”ให้”ยอมรับตนเองได้”..นั่นเอง(?).. และ”หญิง”(บางส่วนหรือส่วนมาก)เมื่อ”คลุกคลี,หรือทำงานร่วมอยู่ใกล้ชาย”,ก็มักตกอยู่ภายใต้”อำนาจการชี้นำของชาย?”ไปโดยอัตโนมัติ,ตามธรรมชาติ(ของ”หญิง-ชาย?”)..นั่นเอง????..


โดย: อัมพวัน IP: 171.97.73.75 วันที่: 14 กันยายน 2566 เวลา:11:17:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

i'm jaya
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Born to Be Free



Photobucket



Photobucket



New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i'm jaya's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.