|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เขาหลัก
ทริปนี้เป็นทริปใหญ่ของเราเลยนะ เราจะเริ่มที่เขาหลัก อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา และปิดท้ายที่หมู่เกาะสิมิลัน
เราจะเริ่มต้นกันที่การเดินทางไปเขาหลัก เป้าหมายแรกของเรา
6 โมงเช้าวันอังคารที่ 28 มีค. 2006 เป็นเวลาฤกษ์งามยามดีที่ล้อรถเริ่มหมุนมุ่งหน้าสู่จังหวัดพังงา จังหวัดทางภาคใต้ที่ถ้าบอกว่าไกลสุดกู่ก็คงไม่ผิดมากนัก ที่เลือกเดินทางในตอนเช้าเพราะพนักงานขับรถ (แฟนของฉันเอง) บอกว่าจะได้ไปถึงพังงาตอนเย็นๆ จากการคำนวณซึ่งรู้ทีหลังว่าผิดพลาดนิดหน่อยเนื่องจากสาเหตุทางเทคนิคที่จะเล่าในตอนท้าย เรากะว่าระยะทางจากกรุงเทพ (บ้านแถบลาดพร้าว) จนถึงบ้านกระทิง ที่อยู่ที่เขาหลักซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางน่าจะใช้เวลาในการเดินทาง 9 ชั่วโมงกับระยะทาง 750 km.
ในการเดินทางครั้งนี้เรายึดทางหลวงหมายเลข 4 คือถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าตรงลงใต้ไปเรื่อยๆ เราเสียเวลาในกรุงเทพไปไม่มากนักเนื่องจากเป็นช่วงเช้าที่การจราจรยังโล่งสบาย แต่เรากลับเสียเวลาพอดูเมื่อถึงนครปฐมเพราะรถใหญ่เยอะเหลือเกิน ถนนดีเกือบทั้งเส้นแต่มาตกม้าตายช่วงก่อนเข้าประจวบ ประมาณปลายๆของจังหวัดเพชรบุรีที่มีการซ่อมถนน ทางแคบและเป็นหลุม-บ่อมากมาย ขับรถผ่านช่วงนี้เราทำความเร็วได้ไม่มากนัก แต่พอประมาณเที่ยงนิดๆเราก็ถึงชุมพร ประตูสู่ภาคใต้ ใจเราก็เริ่มชื้นนิดนึงเพราะนั่งรถมานานมากแล้ว (แต่ก็ไม่กล้าบ่นเพราะเราก็แค่นั่งเฉยๆ แฮะแฮะ) และที่ชุมพรนี่เองที่มีทางแยกไปทางระนองถ้าหากต้องการใช้ถนนเบอร์ 4 เหมือนเดิมแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางขับตรงมาใช้ถนนเบอร์ 41 แทนซึ่งหันหน้าไปทางจังหวัดสุราษฏร์เนื่องจากเรากะจะแวะเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) นี่เป็นสาเหตุที่เราใช้เวลานานกว่าที่กะไว้และเป็นการเพิ่มระยะทางอีกด้วย เราต้องแยกไปใช้ถนนเส้นเล็กลงคือ เบอร์ 401 ซึ่งเป็นถนน 2 เลน รถแค่วิ่งไป-สวนกันได้เท่านั้น อากาศเริ่มที่จะครึ้มขึ้นมานิดหน่อย แดดไม่จัดจ้าเหมือนเดิม
การจะแวะเข้าไปเที่ยวที่เขื่อนก็ไม่ใช่ทางผ่านเสียทีเดียวเพราะจะต้องอ้อมจากทางหลักที่เรามาเข้าไปอีกประมาณ 12 km. จะผ่านชุมชนเล็ก 2 ข้างทางวิวเป็นทุ่งหญ้าสลับกับต้นไม้เขียวๆพอให้เพลินตา พอถึงเขื่อน (ที่เราเข้าใจว่าคงมีแค่นี้)ก็อดผิดหวังไม่ได้ว่าไม่เห็นสวยเลย มันก็เหมือนเขื่อนทั่วๆไป เหมือนเขื่อนศรีนครินทร์ที่กาญจนบุรีที่เราก็เคยเห็นแล้ว ไม่เห็นเหมือนที่แม่ของฉันโฆษณาเลยว่าสวยอย่างนั้นอย่างนี้ กุ้ยหลินเมืองไทยเชียวนะลูก เรานี่แสนจะเซ็ง เลยตัดสินใจกลับทั้งที่ไม่ได้ขับรถไปดูรอบๆเลย
เพิ่งมารู้ทีหลังจากพี่ต้น (ผู้จัดการของบ้านกระทิง) และแม่ที่หัวเราะและบอกว่ามันต้องนั่งเรือเข้าไป เข้าไปพักข้างใน ไปแบบผ่านๆจะเอาให้สวยสักแค่ไหนกัน
เรานี่แสนจะเสียดายว่าแวะไปแล้วแต่ก็ไม่ได้เที่ยวให้เต็มที่ ไม่ได้พักที่นั่นแต่แค่นี้ตามกำหนดการของเราก็ใช้เวลาไปประมาณ 5 วันแล้ว ได้แต่สัญญากับตัวเองว่าวันนึงจะไปเที่ยว ไปพักค้างคืน แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพราะโปรแกรมก็เยอะเหลือเกินแล้วตอนนี้
เมื่อเราย้อนกลับออกมาเข้าทางสายเดิมคือเส้น 401 ฝนเริ่มตกลงมาพรำๆทำให้การเดินทางลำบากขึ้นไปอีกนิด และไปตกหนักบนเขา (อ้อ
ลืมบอกไปว่าทางจะต้องผ่านเขา หลายโค้ง หลายชัน เป็นการเพิ่มความตื่นเต้นและอุปสรรคเล็กๆน้อยๆในการเดินทางครั้งนี้) เมื่อไต่ขึ้นเขายิ่งลึกยิ่งไม่มีบ้านคนเลยเพิ่มความน่าสะพรึงกลัวของการเดินทางยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อบวกกับฝนที่ตกราวกับฟ้ารั่วทีเดียว ทางก็มองเห็นไม่ถนัดนัก ถนนบางช่วงด้านหนึ่งเป็นเขา ด้านหนึ่งเป็นเหว!!!!! เราผ่านเขาไม่รู้ว่ากี่ลูกแต่ที่รู้ๆคือ 2 ลูกคือเขาพนมกับเขาสก (ป้ายบอกว่าอย่างนั้น) ขับมาเรื่อยๆ (มันเป็นทางบังคับอยู่แล้วล่ะ) จะเจอกับถนนเส้นหลักหมายเลข 4 ที่เรายึดมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพ ทางจะเชื่อมกันที่ตะกั่วป่า ขับไปเรื่อยๆจะเริ่มเจอทะเล แต่รีสอร์ทที่เราจะไปพักนั้นอยู่ทางด้านต้นๆ (หรือปลายหว่า
เอาเป็นว่าอยู่ด้านที่ไกลจากกรุงเทพละกัน)
บัตรเข้าพักบ้านกระทิง ถ้าทำหายนี่จบเห่เลยนะเนี่ย
บ้านกระทิงเป็นรีสอร์ทที่เจ๋งมากเลย เพราะพอเราเลี้ยวเข้าไปในที่จอดรถเราจะไม่มีทางเห็นเลยว่าแล้วตูจะไปซุกหัวนอนตรงไหนฟระ ก็เท่าที่เห็นนั้นแสนจะแคบ เล็ก มีเพียงเรือนกระจกที่เป็น office เท่านั้น แต่เมื่อเข้าไปเช็คอินดื่ม welcome drink ผลไม้รวมเย็นเจี๊ยบชื่นใจ เขาก็พาเราไปบ้านพักซึ่งต้องเดินลงไปทางด้านหลัง office นั้น โอ้โห
ความเป็นส่วนตัวจะสูงอย่างที่คุณคาดไม่ถึง ถ้าคุณต้องการหลบปาปาราซชี่ละก็ที่นี่เหมาะมาก เพราะไม่มีทางที่ตาสีตาสาจะดินลงไปโดยไม่ผ่านการมองเห็นและสอบถามจากพนักงาน บ้านที่เราพักเป็นบ้านไม้สร้างแบบเก๋กู้ด
เจ๋งสุดยอด บ้านแต่ละหลังมองเห็นทะเล และบ้านแยกกันเป็นสัดส่วนให้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก เพราะถึงแม้เราจะมานั่งเขียนไอ้นู่นไอ้นี่อยู่ที่ระเบียง (กว้างโครต)ของบ้านเรา และฝรั่ง 2 คนจะจู๋จี๋กันอยู่ที่ระเบียงบ้านข้างๆแต่ก็ไม่อึดอัด (ถ้าไม่แอบมองก็จะไม่เห็นหรอกว่าบ้านข้างๆเขาทำอะไรกัน 555)
ที่ชอบที่สุดคงเป็นห้องน้ำที่ทำจากไม้ทั้งหมด ขนาดใหญ่เกือบจะเท่าห้องนอนเลย สระว่ายน้ำก็เจ๋งเพราะมองจากสระลงไปก็ทะเลเลยล่ะ ว่ายไปนอกจากความเพลินแล้วยังเสียวดีด้วย ก็มุมสูงสุดยอด (ดูรูปเอาละกัน)
pool @ Bann Kra-ting
หาดหน้ารีสอร์ทเราต้องเดินลงจากบ้านพักลงไป ทางเป็นบันไดไม้เดินสบายแต่ขาขึ้นจะเหนื่อยเพราะมันสูง (ตอนสึนามิมาเลยอยู่รอดตลอดรอดฝั่ง) หาดเป็นหาดหิน เล่นน้ำค่อนข้างยากสักนิดแต่สวยเพราะมันจะมีปลา ปูโดนขังอยู่ในแอ่งหินเวลาน้ำลง ก็เป็นที่เที่ยวอีกที่ที่ประทับใจและสัญญาว่าจะหาเวลาไปให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ เพราะฉันมันพวกหลงรักทะเลจนถอนตัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว
วิวยามเย็นที่ชายหาดหน้าบ้านพัก
เพื่อนๆหลายคนถามว่าไม่กลัวเหรอไปเขาหลัก แถมยังไปพักหน้าหาดอีก? ถ้าจะตอบว่า ไม่เล้ยยยย ไม่กลัวเลย นั่นก็โกหกแน่ๆ แต่มันไม่รู้สิเราไม่กลัวหรออกนะว่าจะเกิดสึนามิขึ้นอีกครั้ง แต่เรากลัวสิ่งที่เค้าเรียกว่าผีไง 555 แต่เราก็มั่นใจว่าเราไม่ไปรบกวนใครแน่ๆ เราไม่เคยเจอ และไม่อยากเจอด้วยประการทั้งปวงไม่ว่าดีหรือร้ายก็ตาม ครูอู๋ (ครูสอนดำน้ำของเราเอง)บอกว่าถ้าเค้ามาหาได้เค้าคงไปหาหมอพรทิพย์ว่าร่างเค้าอยู่ตรงนี้ตรงนั้น จะเสียเวลามาหาพวกเราทำไม เออ
ก็จริงของครู แต่พอไปถึงมันไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรชวนให้นึกถึง บรรยากาศดีไม่น่ากลัว ไม่วังเวง กลับให้ความรู้สึกสุขและสงบมากๆ
บรรยากาศยามเช้าจากระเบียงหน้าบ้านพัก ตอนประมาณ 6 โมงเช้า
วันรุ่งขึ้นเราไปจองทัวร์เพื่อจะเดินทางไปสิมิลัน เราเลือกเม็ดทรายทัวร์ (เพราะขับรถเข้าไปเจอก่อน อีก 3 เจ้าอยู่ถัดมา เจ้านี่ก็เลยโชคดีไป
หรือเปล่า? ) ตอนแรกก็นึกว่าจะจองแค่เรือข้ามไปกลับราคา 1800 บาท แต่ผู้นำทริปของเรา (แฟนดิฉันเอง) เป็นเผด็จการไม่ถามความเห็นใดๆทั้งสิ้น จองเป็นแพกเกจคนละ 4000 บาท ราคานี้จะรวมค่าเรือ อาหาร ที่พักและค่านำเที่ยวดำน้ำตื้นดูปะการัง 3 วัน 2 คืน ลองคำนวณดูคุณจะรู้ว่าสะดวกกว่าต้องจัดการนู่น-นี่เองทั้งหมด แต่เมื่อคุณไปคุณจะโครตเหนื่อยเลยเพราะเค้าจะจัดตารางให้คุณแบบโครตคุ้ม ชีวิตเราจะต้องเป็นโปรแกรมยิ่งกว่าวันปกติที่มหาลัยเสียอีก ฉันนี่ป่วยเลย แอบหนีอู้นอนสบายๆบนเกาะก็หลายทริปอยู่ เรื่องสิมิลันนี่เอาไว้ตอนถัดไปละกัน แต่บอกไว้เลยว่าสวยสุดใจไปเลยค่ะ
ถามน้องที่นั่นว่าวันนี้ทั้งวันเราจะไปเที่ยวไหนดี น้องบอกว่าเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ หรือไปดูเรือรบหลวงที่โดนน้ำพัดข้ามไปติดอยู่อีกฝั่งถนนเมื่อตอนเกิดสึนามิก็ได้ แต่เราถามถึงอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา น้องเขาก็ว่าไกลอย่าไปเลย
แต่เรามันดื้อ ไม่ฟังคำห้ามปรามแต่อย่างใด ระยะทางแค่ประมาณ 50 km. จะไกลได้อย่างไร? และเราก็พบว่ามันไกลจริงๆค่ะ ไกลมาก แล้วจะเล่าเรื่องอุทยานนี่ในวันถัดไปนะคะ
//www.baankrating.com/
bann kra-ting 's website
//www.similanthailand.com/
Metsine travel and tour's website
Create Date : 08 พฤษภาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2549 12:46:27 น. |
Counter : 752 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: JewNid 8 พฤษภาคม 2549 16:33:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
บรรยากาศดีมากๆเลยนะ
เดี่ยวพี่จะเข้ามาอ่านอีกทีจ้ะ ดูจาปรูปสวยมากๆเลยจ้ะ
ตะกี้พี่คลิกมา ไม่เจอหน้านี้อะจะ