|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เขาตาปู and เขาพิงกัน
link ของตอนแรกค่ะ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=salamigirl&group=2
การเดินทางของวันที่สอง
หลังจากที่เราดื้อแอนด์รั้นจะไปอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาให้ได้ เราก็ได้ไปสมใจอยาก ระยะทางเพียงแค่ 50 km กลายเป็น ตั้ง 50 km. ไปซะอย่างนั้นเพราะถนนมีแค่ 2 เลน เส้นทางที่เราเลือกขาไปผ่านอำเภอเมืองด้วยล่ะ เพราะอุทยานแห่งนี้อยู่ใกล้กับอำเภอเมือง
เราหลงขับรถตามป้ายไปเรื่อยๆ เจอป้ายป้ายหนึ่งชี้ให้เลี้ยวขวาไปในซอยเล็กๆ ที่ยิ่งขับลึกเข้าไปก็ยิ่งเล็กและขรุขระขึ้นเรื่อยๆ รถที่เราเอามาก็ไม่ใช่รถลุยๆเสียด้วยสิ ถ้าเจออย่างนี้ตลอดทางก็แย่แน่เลยตัดสินใจย้อนกลับ พอขับไปสักพักก็เอาอีกเลี้ยวขวาตามป้ายอีก คราวนี้สองข้างทางที่ขับเข้าไปเป็นป่ายชายเลน ถนนเป็นถนนลูกลังที่ฝุ่นไม่มากนักเพราะน้ำจากป่าชายเลนขึ้นมาถึง ท่วมเป็นหย่อมๆ เรายังแอบสงสัยกันว่าถ้าขากลับน้ำขึ้นท่วมทางหมดเราจะเอาชีวิตรอดออกไปได้อย่างไร แต่เมื่อขับไปสักพักเราก็ทะลุออกมาเจอทางลาดยางสายเก่าที่เราขับมา
โอ้
ตะลึง
เรือที่จะเช่าไปเที่ยวนั้นก็จะอยู่แถวอุทยานนั่นแหละ มีมากมายหลายเจ้า แข่งกันโฆษณา ใครชอบใจถูกชะตากับเจ้าไหนก็เลือกกันไป
เรือมีหลายราคา หลายขนาดให้เลือก แต่เราเลือกเรือหางยาวขนาด 8 ที่นั่งราคา 800 บาท เป็นเรือเล็กที่สุดมีหลังคาแต่ไม่สามารถบังแดดได้ 555 เพราะแดดมันส่องมาจากด้านข้างน่ะสิ ไม่ใช่ด้านบนเสียหน่อย
เราจะนั่งเรือผ่านป่าชายเลนสองด้านนานพอควรก่อนจะถึงปากอ่าวเห็นทะเล น้ำบริเวณนี้เป็นสีกาแฟ ขุ่นพอสมควร
เขาหมาจู จุดแรกที่จอดเรือแวะดู แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนสักที
คนขับเรือจะพาเราแวะดูสิ่งที่น่าสนใจ เริ่มจากถ้ำเล็กๆ มองเห็นรูปวาดอยู่ด้านใน เป็นภาพคนหาปลา พี่ขับเรือบอกว่าภาพนี้วาดมานานแล้ว แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่านานเท่าไหร่ ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ก็ดีใจแล้วเพราะถ้าพี่ไม่ชี้หนูก็ไม่เห็น ...แล้วก็ผ่านไป
รูปภาพที่วาดในผนังหิน มองออกไหมเอ่ยว่ารูปอะไร
จากนั้นเราจะผ่านถ้ำลอด ที่ถ้ำนี้ถ้าคุณมากับทัวร์ คุณอาจจะได้พายเรือคายักโดยจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อยรอบๆเขา เป็นบริเวณที่ร่มรื่นเหมาะกับการพายเรือเล่นมาก มีเขาเล็ก-ใหญ่อยู่รอบๆ แต่ทะเลที่นี่ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำนะคะ เพราะน้ำค่อนข้างขุ่น และสีของน้ำทะเลจะออกเป็นสีเขียวต่างจากบริเวณเขาหลักที่เราพักอย่างชัดเจนที่น้ำบริเวณนั้นจะใสและเป็นสีออกโทนฟ้า-น้ำเงิน
เรานั่งเรือผ่านถ้ำลอดแล้วคนขับเรือก็พาเรามุ่งไปเขาตาปู ไฮไลต์ของวันนี้ทันที ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเราทั้งสองคนไม่เคยมาเห็นเขาตาปูของจริงมาก่อน ก็จินตนาการเอาไว้ว่าใหญ่โตไม่เบา แต่เมื่อเห็นของจริงก็อดผิดหวังเล็กน้อยในด้านขนาดไม่ได้ แต่เรื่องความสวยนี่โอเค
ผ่าน
เขาตาปู หนึ่งในเป้าหมายหลัก
นักท่องเที่ยวมากมายกว่าที่คิดไว้มากนัก เราต้องลงจากเรือเดินข้ามเขาไม่ไกลนัก และลุยน้ำทะเลอีกหน่อยเพื่อจะไปยังจุดที่เห็นเขาตาปูได้อย่างชัดเจน และจุดนี้เราก็จะพบที่ซื้อของฝาก ทำจากเปลือกหอยขนาดต่างๆ ตั้งแต่เล็กจนถึงมโหฬาร เราก็เลยถามแม่ค้าว่าหอยนี่เอามาขายเค้าไม่จับเหรอ เค้าก็ตอบว่า โฮ้ย
อันนี้เอามาจากอินโด เมืองไทยไม่มีใหญ่ขนาดนี้หรอกน้อง
มานั่งตีความหมายกันดีกว่านะคะ
ประเด็นที่หนึ่งคือ ไม่ว่าหอยนั้นจะเอามาจากที่ไหนก็ไม่ควรเอามาไม่ใช่เหรอ มันเป็นสมบัติของท้องทะเลนะคะ
ประเด็นที่สอง เมืองไทยไม่มีหอยใหญ่ขนาดนี้เพราะคนไปเก็บมันมาใช่ไหมคะ หอยมันคงไม่หายจนหมดทะเลแน่ถ้าเป็นการกระทำปกติตามระบบนิเวศ
ประเด็นสุดท้าย พี่ไม่เสียใจเหรอว่าบ้านเราไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนเคย แล้วเรายังพยายามจะไปทำให้ทะเลบ้านอื่นเขาเหี่ยวแห้งเหมือนบ้านเราอีก
แต่สิ่งที่น่าดีใจคือ มีคนเพียงน้อยนิดที่สนใจซื้อของพวกนี้
เราเดินไปดูเขาพิงกัน เป็นแผ่นหินเรียบขานดใหญ่ (ก็เขานั่นแหละ) มันพิงหิน (เขา) อีกลูกหนึ่งอยู่ เขาว่าเพราะมีการเลื่อนตัวของพื้นใต้ทะเลทำให้หินนี้แยกจากกัน และหินแผ่นหนึ่งจึงเอนมาซบหินอีกก้อนหนึ่ง
เขาพิงกันค่ะ
ความรู้ใหม่อีกอย่างหนึ่งคือชาวต่างชาติจะรู้จักเขาตาปูในนาม Jame Bonds island เพราะสมัยปี 1972 เคยมาถ่ายหนังเรื่องนี้ที่นี่ เขาเลยเรียกกันอย่างนี้มาตลอด
ขากลับเราผ่านหมู่บ้านปันหยี เป็นหมู่บ้านประมง เอาไว้แวะทานข้าวและซื้อของฝากซึ่งเราสองคนไม่สนใจเลยกลับ เบ็ดเสร็จทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไป 3 ชั่วโมงไม่รวมเวลาขับรถไป-กลับ
ขากลับเรากลับอีกทางนึง ก็ลองขับมาเรื่อยๆเพราะโปรแกรมวันนี้เราหมดแล้ว ไม่รีบเลย
แวะหาข้าวกิน ก็ได้ร้านน้องโอ๋ เป็นร้านข้าวข้างทางที่ดูดีทั้งร้านและรสชาติ ร้านร้านนี้นี่คนในพื้นที่รับรองเลยนะว่าอร่อย
เราตัดสินใจแวะอุทยานแห่งชาติ เขาหลัก-ลำรู่ใกล้ที่พัก จุดนี้เป็นเหมือนต้นของชายหาดเขาหลัก จอดรถเสร็จเราก็มองเห็นป้ายจุดชมวิวชี้เข้าไปในป่า เราก็เอาเว้ย
ไหนๆก็มาแล้วก็เดินเข้าไป
เดินไกลมากกกก น่าจะเกิน 500m ตามที่ป้ายชี้แล้วด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ถึงที่หมายเสียที เห็นแต่ทะเลอยู่ด้านข้างไกลๆ ทางที่เดินก็ใช่จะดีเพราะทางเดินค่อนข้างแคบ ข้างหนึ่งต้นไม้และอีกข้างเป็นเหวที่ถ้ากลิ้งลงไปก็ไปเก็บกันข้างล่างได้เลย แต่ถ้าโชคดีอาจไปติดต้นไม้รอดตายได้บ้าง เดินไปเกือบชั่วโมงไม่มีวี่แวว เราเลยเดินกลับก็เดินจะถึงยอดเขาอยู่แล้ว ทางก็ไม่ได้เป็นทางเดินคนปกติแล้ว เดินเหยียบหญ้าอ้อมต้นไม้ น่าจะดูผจญภัยเกินกว่าจะเป็นทางที่ใช้ไปจุดชมวิว
ขากลับฉันยังแอบซนจะไต่เขาชันๆลงไปหาทะเลที่เห็นลิบๆ แต่โตคงเป็นห่วงว่าฉันก็ใช่ว่าจะคล่องแคล่วเดี๋ยวกลิ้งโค่โร่ลงไปละก็แย่แน่ๆเลยห้ามและดึงๆกันกลับ
เราตัดสินใจเดินไปร้านข้าว (เปลี่ยนชื่อทริปเรียกว่าทริปเห็นแก่กินน่าจะดี) สั่งน้ำมาดื่มแล้วก็ถามน้องที่นั่น น้องบอกว่าเราเดินไกลไป มันเดินเข้าไปนิดเดียวแล้วก็ไต่ลงไปข้างล่างก็จะมองเห็นแล้ว
โอ้
เขางอกแล้วฉัน เขางอกแล้ว
จากมุมนี้มองลงไปเห็นจุดชมวิวที่โขดหินปลายสุดนั่นไง เป็นหินที่เราไปไม่ถึง 555
เราตัดสินใจไม่ไปต่อ กลับที่พักกันดีกว่าเรา แล้วพอเย็นๆเราก็ไปที่นางทองพลาซ่า เป็นถนนที่สองข้างทางเป็นร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ร้านข้าว ก็เป็นร้านเสื้อ และที่มากที่สุด ต้องยกตำแหน่งชนะเลิศให้ก็คือร้านดำน้ำที่เยอะจริงๆ เยอะจนเหลือเชื่อเลย
เราเลือกร้าน la muan นั่งหม่ำๆกันจนพุงกางแล้วก็กลับบ้านกระทิงนอนพักผึ่งพุง เก็บแรงพร้อมลุยกันพรุ่งนี้ต่อไป
สิมิลัน!!!!!!!!!!
Create Date : 09 พฤษภาคม 2549 |
|
11 comments |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2549 12:47:13 น. |
Counter : 1702 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: JewNid 9 พฤษภาคม 2549 19:19:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: yusaku IP: 158.108.132.237 10 พฤษภาคม 2549 19:10:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: news_tp 20 พฤษภาคม 2549 11:47:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: opleee 21 พฤษภาคม 2549 21:26:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: สตางค์ IP: 222.123.219.154 9 พฤษภาคม 2550 14:21:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: เครื่องเสียงกลางแจ้ง IP: 124.122.81.224 11 ตุลาคม 2552 12:32:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: จ๋าจ้า IP: 202.139.223.18 24 ตุลาคม 2552 19:18:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: บอมแบม IP: 182.53.209.207 14 พฤศจิกายน 2554 12:59:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|