กดปุ่มที่หัวเกียร์ เท่าที่จำเป็น ควรศึกษาระบบการล็อกคันเกียร์ในรถยนต์ของตนเองว่า การเลื่อนจากตำแหน่งใดไปยัง ตำแหน่งอื่น ต้องกดหรือไม่ต้องกดปุ่ม ที่หัวเกียร์ แล้วจำให้ให้แม่นยำ เช่น จาก P หรือ N ไป R ต้องกดปุ่ม (หรือเท้าอาจต้องกดเบรกด้วย), จาก R ไป P หรือมา N, จาก N ไป-มากับ D ต้องกดปุ่มหรือไม่ ฯลฯ
โดยทั่วไปการเลื่อนคันเกียร์จาก N มา D ขับเคลื่อนเดินหน้า จะไม่ต้องกดปุ่ม เพราะผู้ผลิต ต้องการให้สะดวก ดังนั้นก็ไม่ต้องกดปุ่ม เพราะถ้ากดปุ่มจาก N มา D ก็อาจเลื่อนเลยลงมา เกียร์ต่ำกว่า D ได้ หรือกรณีจะผลักจาก D กลับไป N ก็อาจเลยไป R โดยไม่ตั้งใจได้
หากต้องจอดแล้วติดเครื่องยนต์ไว้ และต้องลงจากรถยนต์ โดยมีผู้อื่นอยู่ในรถยนต์ (โดยเฉพาะเด็กๆ) นอกจากควรดึงเบรกมือไว้และเข้าเกียร์ P ไว้ด้วย โดยไม่ควรเข้าเกียร์ N ไว้ เพราะอาจมีใครดันมาเป็นเกียร์ D ได้
ถ้าต้องกดปุ่ม นั่นก็คือ ต้องตั้งใจเข้าเกียร์ นั้นๆ ไม่ใช่การพลั้งเผลอ เพราะไม่มีทางที่จะเลื่อนโดยไม่กดปุ่ม โดยเฉพาะเกียร์ R อย่างในข่าว
อย่าไว้ใจเบรกมือ เมื่อดึงเบรกมือจนสุด หากรถยนต์ปกติ การเข้าเกียร์ค้างไว้ที่ D หรือ R โดยไม่แตะคันเร่ง รถยนต์จะต้องไม่ไหล แต่ไม่มีความแน่นอนว่าเมื่อไรจะไหล เช่น สายสลิงเบรกมือยืดตัวรอบกระตุกเพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อการทำงาน
การจอดติดไฟแดง มีผู้ขับอยู่ตามปกติ หากจอดไม่นาน ควรแตะเบรกและค้างไว้เกียร์ D เพื่อไม่ให้เกียร์มีการสึกหรอจากการสลับไป มาระหว่าง N-D หรือถ้าจอดนานสักหน่อย จะค้างไว้ที่ D พร้อมดึงเบรกมือไว้ก็ได้ ไม่อันตราย
ไม่จำเป็นต้องเลื่อนเกียร์จาก D ผ่าน N R ผ่านไปยัง P เพราะขณะนั้นมีผู้ขับควบคุมอยู่ การเลื่อนไป P ต้องผ่าน R ไฟถอยหลังจะสว่างขึ้นชั่วครู่ จะสร้างความสับสนต่อผู้ที่ขับรถยนต์จอดอยู่ข้างหลัง เมื่อต้องออกตัวครั้งต่อไป ก็ขาดความฉับไว เพราะต้องเลื่อนผ่านหลายเกียร์และไฟถอยหลังก็จะสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง
ในกรณีเกียร์ P ที่จะมีสลักหรือตัวล็อก ในชุดเกียร์ควบคุมไม่ให้รถยนต์ไหล และจะหักถ้ามีรถยนต์คันอื่นมาชนอย่างแรง ก็ไม่ต้องกลัวมากว่าสลักนั้นจะพัง หากจอดไม่ขวางใคร เพราะการใส่เกียร์ P พร้อมเบรกมือ คือการป้องกันไม่ให้รถยนต์ไหล ได้ดีที่สุด ดีกว่าใส่ เกียร์ N +พร้อมเบรกมือที่มีโอกาสเสี่ยงมากกว่า โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นที่สามารถผลักจากเกียร์ N มา D ได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม รถยนต์เสีย ซ่อมได้คนตายแล้วตายเลย
สรุป จริงๆแล้ว ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนเลย เริ่มจากตรวจสอบว่ารถยนต์รุ่นที่ขับอยู่ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้นอกเหนือจากที่เกียร์อยู่ P หรือ N ได้ไหม รวมถึงถ้าคร่อมอยู่กับ R หรือ D จะเป็นเช่นไร หากสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้ถือว่าผิดปกติ ต้องรีบซ่อมแซม
ในการใช้งานจริง ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรต้องแน่ใจว่าอยู่ที่เกียร์ P หรือ N ตรงล็อกจริงๆ ไม่คร่อมอยู่กับเกียร์อื่น
การจอดขณะติดเครื่องยนต์แล้วต้องการลงจากรถยนต์ นอกจากดึงเบรกมือให้สุดแล้ว ควรเข้าเกียร์ P ไว้ นอกจากจะป้องกันรถยนต์ไหลได้ดีแล้วยังไม่มีความเสี่ยงที่ใครจะผลักจากเกียร์ N มา D
ไม่ต้องกลัวว่าเกียร์ P จะเสียหาย ใช้เมื่อจำเป็นอย่างเหมาะสม ไม่ใช่ใช้แต่ดึงเบรกมือกับเกียร์ว่าง-N เพราะยังไงก็ไม่แน่นอนเท่าเกียร์ P พร้อมดึงเบรกมือจนสุด
ไม่ควรเชื่อมั่นเบรกมือมากเกินไป ตามปกติแล้วหากเข้าเกียร์ขับเคลื่อนและปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานรอบเดินเบา หากดึงเบรกมือสุด รถยนต์จะต้องไม่ไหล ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นก็ควรปรับตั้งหรือซ่อมระบบเบรกมือ แต่ก็ไม่ต้องชะล่าใจว่าจะเอาอยู่ ดังนั้นถ้าต้องจอดขณะติดเครื่องยนต์และไม่มีผู้ขับ ควรเข้าเกียร์ P ควบคู่กันด้วย
ถ้าคิดว่าเสียงเตือนเมื่อเข้าเกียร์ถอย-R มีประโยชน์ ก็สามารถหาติดตั้งได้ในค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาท เกียร์ AUTO ต้องถูกควบคุมด้วยคน ดังนั้นความปลอดภัยหลักก็อยู่ที่.....คน