การศึกษา,แคลคูลัส,ข้อสอบทั่วไป,อย่างเก่งภาษาอังกฤษ,การเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น,เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์,แวดวงอินเทอร์เน็ต เรื่องน่ารู้,วิทยาศาสตร์น่ารู้,ประวัติศาสตร์น่ารู้,การใช้ชีวิตให้มีความสุข ,ความรัก คืออะไร?,เรื่องขำขำ,เกร็ดความรู้,การถ่ายภาพ,สิ่งแวดล้อม, คุณธรรมจริยธรรม,มาคุยกันเรื่องธรรมะ,จิตวิทยา,นิยาย เรื่องสั้น,เรื่องลี้ลับ,เทคนิคการเล่นกีฬา,สุขภาพ,อาการของโรคภัยไข้เจ็บ,ข่าวสารกีฬา,Sex สุขภาพ,สมุนไพรเพื่อสุขภาพ,ผู้หญิง ความงาม,การลดความอ้วน,ครอบครัว แม่และเด็ก,บ้านและสวน,การใช้รถรักษารถ,เคล็ดลับการใช้โทรศัพท์,อาหารของญี่ปุ่น,ขนมและอารหาร,รวมสูตรการทำแยมผลไม้,สูตรการทำแซนวิชที่อร่อย,เคล็ดลับการทำสลัด,เคล็ดลับในครัว,ผลไม้,ผัก แปรรูป,โภชนาการ,นานาสาระ,อภิสิทธิ์แสงแพง
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ลบรอยแผลเป็นที่เป็นรอยดำ




ใครที่มีรอยแผลเป็นแล้วกลายเป็น รอยดำ ไม่รู้จะรักษายังไง มีวิธีรักษามาบอกกัน....

รอยแผลเป็นที่เป็นรอยดำ ตามธรรมชาติแล้วจะจางลงเรื่อย ๆ แต่ใช้เวลานานเป็นปี
ระยะเวลาก็ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับรอยแผลด้วยว่าดำมากหรือน้อย, อายุ
ถ้าเป็นในผู้ใหญ่รอยดำก็จะจางช้ากว่าในเด็ก
ดังนั้น การป้องกันก่อนที่จะเกิดรอยดำจะดีที่สุด โดยถ้าเป็นจากถูกยุงกัดหรือแมลงกัดก็ใช้ยาทาป้องกัน
เมื่อถูกกัดเป็นตุ่มคันให้รีบทายาแก้คันบริเวณจุดนั้น

การรักษา
ควรใช้ยาทาลบรอยดำ, ใช้มอยซ์เจอไรเซอร์บริเวณรอยดำ
และพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด, ไม่เกาหรือแกะซ้ำ เพราะจะทำให้รอยดำยิ่งดำขึ้น

เลเซอร์ที่ใช้รักษารอยดำ จะได้ผลดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สีผิว
ถ้าสีผิวคล้ำมักจะได้ผลไม่ดีเท่าคนผิวขาว
หลังจากทำเลเซอร์แล้วถ้ายังไม่จางลง จะทำซ้ำอีกครั้งในช่วง 1-2 เดือน และลองปรึกษาคุณหมอดู
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.



การรักษาสิวที่ดี คือการป้องกันการเกิดสิว
และการป้องกันรอยดำคือ การหยุดการอักเสบให้เร็วที่สุดค่ะ

หมอมีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณควรปฏิบัติ เมื่อคุณเป็นสิว เช่น

1. อย่าไปแกะ ไปบีบสิวเล่นนะคะ เพราะนอกจากจะทำให้สิวชอกช้ำ ทำให้หายช้าแล้ว
ยังทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายและอาจกลายเป็นแผลตามมาได้

2. พยายามหลีกเลี่ยงการรบกวนผิว ไม่เช็ด ไม่ถูหรือขัดนวดใบหน้า
รวมทั้งไม่จับหรือสัมผัสหน้าตัวเองบ่อยๆ

3. ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ อย่างน้อย 8-10 แก้ว
เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย

4. นอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง

5. ทำความสะอาดผิวหน้าทุกวัน
แม้จะเหนื่อยล้า อ่อนเพลียเพียงใด ก็ไม่ควรเข้านอนทั้ง ๆ ที่ยังมีเครื่องสำอางอยู่บนใบหน้า
โดยไม่ได้ล้างออก

6. รับประทานวิตามินเสริม อาทิเช่น วิตามินบี เพื่อช่วยลดความเครียด
วิตามินซี เพื่อช่วยเร่งการหายของแผล และแร่ธาตุสังกะสีจะลดการอักเสบของสิวได้

7. หลีกเลี่ยงการรับประทานและฉีดยาคุมกำเนิด
แต่หากจำเป็นจริง ๆ ก็ควรเลือกชนิดที่มีฮอร์โมนที่มีโปรเจสเตอโรนต่ำ

8. เวลาใช้เครื่องสำอางสำหรับเส้นผม ควรระวังอย่าให้มาสัมผัสกับใบหน้า
เช่น บริเวณหน้าผากหรือข้างแก้ม
เพราะไม่ว่าจะเป็นเจล โฟม สเปรย์หรือน้ำมันใส่ผม อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้

9. หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะรังสีอุลตร้าไวโอเลตจะทำลายรูขุมขนและท่อต่อมไขมันใต้ผิว
ยิ่งทำให้สิวอักเสบเพิ่มมากขึ้น
ทางที่ดี คุณควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของไทเทเนี่ยมไดออกไซด์
ที่สำคัญ เมื่อรักษาสิวจนหายดีแล้ว ก็ควรใช้ยาทาป้องกันสิวเป็นปกติด้วยนะคะ

ข้อมูลโดย พญ.สุขสมาน ห่วงมาก และเดลินิวส์


ที่มา :
//www.dailynews.co.th
//www.panclinic.com
//www.junjaowka.com


Create Date : 16 ตุลาคม 2554
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 19:06:37 น. 1 comments
Counter : 1699 Pageviews.

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 3 เมษายน 2557 เวลา:23:45:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apisit.az
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








Friends' blogs
[Add apisit.az's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.