การศึกษา,แคลคูลัส,ข้อสอบทั่วไป,อย่างเก่งภาษาอังกฤษ,การเขียนโปรแกรมภาษาซีเบื้องต้น,เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์,แวดวงอินเทอร์เน็ต เรื่องน่ารู้,วิทยาศาสตร์น่ารู้,ประวัติศาสตร์น่ารู้,การใช้ชีวิตให้มีความสุข ,ความรัก คืออะไร?,เรื่องขำขำ,เกร็ดความรู้,การถ่ายภาพ,สิ่งแวดล้อม, คุณธรรมจริยธรรม,มาคุยกันเรื่องธรรมะ,จิตวิทยา,นิยาย เรื่องสั้น,เรื่องลี้ลับ,เทคนิคการเล่นกีฬา,สุขภาพ,อาการของโรคภัยไข้เจ็บ,ข่าวสารกีฬา,Sex สุขภาพ,สมุนไพรเพื่อสุขภาพ,ผู้หญิง ความงาม,การลดความอ้วน,ครอบครัว แม่และเด็ก,บ้านและสวน,การใช้รถรักษารถ,เคล็ดลับการใช้โทรศัพท์,อาหารของญี่ปุ่น,ขนมและอารหาร,รวมสูตรการทำแยมผลไม้,สูตรการทำแซนวิชที่อร่อย,เคล็ดลับการทำสลัด,เคล็ดลับในครัว,ผลไม้,ผัก แปรรูป,โภชนาการ,นานาสาระ,อภิสิทธิ์แสงแพง
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ทานอะไรเมื่อฟื้นไข้




"ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ"หรือพูดเป็นภาษาบาลีว่า "อโรคยา ปรมาอาภา"
แต่ในชีวิตจริงคงหาคนที่มีลาภอันประเสริฐ ไม่เจ็บไม่ไข้ชั่วนาตาปีได้ยากยิ่ง
บางคนถึงกับพูดแบบทีเล่นทีจริงว่า ขอแค่เจ็ดวันดีปีละสี่วันไข้ก็น่าจะเป็นลาภพอประมาณแล้ว

เชื่อว่าหลายคนคงเคยสังเกตว่า เวลาเป็นไข้เรามักรู้สึกเบื่ออาหารไม่อยากกินอะไร
ยิ่งของมันๆ ด้วยแล้ว แค่เห็นก็เกิดอาการผะอืดผะอมขึ้นมาทีเดียว เจ้าอาการเบื่ออาหารที่ว่านี้
ศาสตร์แห่งสุขภาพบางสายวัฒนธรรมอธิบายว่า เกิดจากการเสียสมดุลของระบบย่อยอาหาร
พูดง่ายๆ คือระบบย่อยอาหารชักจะไม่ค่อยยอมทำงานตามปกติที่เคยเป็น ถ้าเรียกเป็นไทยๆ
หน่อยก็เรียกว่าไฟธาตุพร่องหรือไฟธาตุหย่อน ถ้ามองในแง่หนึ่งก็พูดกันว่าเป็นกลไกธรรมชาติ
ของร่างกายที่ต้องการพักผ่อน ซึ่งหมายถึงระบบย่อยอาหารด้วย คือคล้ายๆกับกระเพาะลำไส้
ของเราก็ต้องการพักเหมือนกัน ไม่อยากจะรับอะไรเข้าไปอีก เลยทำให้ไม่รู้สึกอยากกินอะไร

บางคนอาจคิดว่าเมื่อร่างกายเจ็บไข้ไม่สบายและอ่อนเพลียยิ่งต้องบำรุงกันหน่อย แต่ถ้าสังเกต
ให้ดีจะพบว่า การกินข้าวในช่วงที่กำลังมีไข้นั้นจะฝืดคอมาก ลิ้นแทบจะไม่รู้รสอาหารเลย
ต่อให้เป็นอาหารจานโปรดสุดๆที่เคยกินก็ตามเถอะ ถามว่าแล้วควรทำอย่างไร คำตอบที่อาจจะ
ฟังดูกำปั้นทุบดินสักหน่อยก็คือ ในเมื่อไม่หิว ในเมื่อไม่รู้สึกอยากกิน ก็ไม่ต้องกินสิ

การรักษาไข้ตามวิถีธรรมชาติหลายสายมีข้อปฏิบัติตรงกันว่า ควรเริ่มจากการอดอาหาร
เพื่อให้ระบบย่อยอาหารได้พัก รวมทั้งได้เผาผลาญและดูดซึมสารอาหารที่อยู่ในระบบร่างกาย
ต่อเมื่อร่างกายเริ่มฟื้นจากไข้แล้ว จึงค่อยเริ่มกินอาหารอีกครั้ง

วิธีที่ดีที่สุดคือสังเกตจากปฏิกิริยาของร่างกายว่า ชักจะเริ่มหิวแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละ
พอรู้สึกหิวแล้วไม่ใช่ว่าจะไปกินข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ทอด
หรือข้าวเหนียวทุเรียนให้สมอยากทันที ถ้าทำอย่างนั้นรับรองว่าไข้กลับแน่

อาหารมื้อแรกที่เหมาะที่สุดสำหรับคนเพิ่งฟื้นไข้ก็คือ น้ำข้าวต้ม เพราะมีคุณค่าจากข้าวซึ่งถือว่า
เป็นสุดยอดแห่งอาหารจากผืนแผ่นดิน ที่ทำเป็นข้าวต้มก็เพื่อให้ย่อยง่ายนั่นเอง ประเภทกินปุ๊บ
ร่างกายก็ดูดซึมไปเลี้ยง ไปซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอไป ในช่วงที่มีไข้ได้รวดเร็ว
ไม่ต้องให้เปลืองไฟธาตุที่ต้องใช้ในการย่อย ซึ่งช่วงฟื้นไข้ไฟธาตุก็ยังไม่คืนสภาพปกติอยู่แล้ว
หลังจากมื้อแรกแล้ว ไฟธาตุจะค่อยๆ เข้าที่ ทีนี้เขาแนะนำให้ตามด้วยข้าวต้ม
โดยเริ่มจากข้าวต้มมีน้ำมากกว่าเมล็ดข้าว พอมื้อต่อๆ ไปก็ค่อยเพิ่มปริมาณข้าวลงไป
แล้วค่อยเป็นข้าวสวยในที่สุดเมื่อระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติดีแล้ว

การค่อยๆกินข้าวโดยเริ่มจากน้ำข้าวล้วนๆ แล้วค่อยเพิ่มปริมาณเมล็ดข้าวเข้าไปเท่ากับเป็นการกิน
อาหารตามสภาพของร่างกายที่ค่อยๆ เริ่มฟื้นตัว เรียกว่าเป็นการกินให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรา
ขณะเดียวกันก็เป็นการช่วยให้ระบบย่อยอาหารค่อยๆ ปรับตัวไปด้วย
ระหว่างที่อยู่ในช่วงฟื้นไข้ร่างกายยังไม่หายเป็นปกติดีจะกินน้ำต้มผัก น้ำต้มกระดูกด้วยก็ได้

อาหารบำรุงหลังฟื้นไข้ที่ดีมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถั่วเขียวต้มให้เละๆ จะเรียกว่าซุปถั่วเขียวก็คง
ใกล้เคียงอยู่ คือเอาถั่วเขียวมาแช่น้ำสักสิบห้านาที แล้วล้างให้สะอาดอีกสักเที่ยวสองเที่ยว
จากนั้นใส่น้ำให้มากๆ ต้มเคี่ยวนานๆ ด้วยไฟอ่อนๆ จนถั่วเขียวเปื่อยยุ่ย
ประมาณว่าไม่เหลือสภาพของความเป็นเมล็ดถั่วเขียวเลยยิ่งดี เพราะจะยิ่งย่อยง่ายขึ้น
ถ้าจะเติมน้ำตาลทรายแดงให้พอหวาน เอ้า! แถมขิงไปอีกหน่อย
ทีนี้คุณก็จะได้ซุปถั่วเขียวหวานอร่อยเจือด้วยรสเผ็ดร้อนของขิง ทั้งเรียกเหงื่อ ทั้งบำรุงร่างกาย
และที่สำคัญบำรุงไฟธาตุด้วย พอเริ่มหายจากไข้ดีแล้ว และรู้สึกว่าร่างกายต้องการอาหาร
อยากจะแนะนำอีกตำรับหนึ่งที่ทั้งบำรุงร่างกายและรสชาติอร่อย
แม้ไม่ถึงกับขนาดขึ้นเหลา แต่ก็เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี

เอาข้าวกล้องไปปั่นให้หยาบๆ 1 ส่วน เติมน้ำ 16 ส่วน แล้วใส่นมอีก 4 ส่วน
ต้มด้วยไฟอ่อนถึงปานกลาง จนข้าวสุกดี(จะเละเหมือนโจ๊ก)
แล้วเอาเมล็ดกระวานมาตำให้แหลก ใส่ลงไปพอประมาณ เติมลูกเกดสีดำหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
แล้วต้มให้เดือดอีกสักพัก และเติมน้ำตาลพอหวาน

สูตรนี้เป็นสูตรของอินเดีย แต่ตอนนี้ผ่านการชิมโดยสมาชิกมูลนิธิสุขภาพไทยหลายปาก
เมื่อครั้งที่เสวนาเรื่องข้าวกล้อง ถือว่าสอบผ่านได้หลายคนบอกว่าจะเอาไปทำกินที่บ้านบ้าง
ใครจะไปดัดแปลงสูตรให้พลิกแพลงได้มากกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน
เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่กระเพาะเริ่มเรียกร้องอยากทำงานแล้ว
ขืนปรุงอาหารไม่ถูกใจ เดี๋ยวร่างกายประท้วงหยุดงานกันอีก พาให้ไข้กลับมาอีกจะยุ่งกันใหญ่



Create Date : 07 ตุลาคม 2554
Last Update : 7 ตุลาคม 2554 23:56:27 น. 1 comments
Counter : 840 Pageviews.

 


โดย: น้องเมย์น่ารัก วันที่: 3 เมษายน 2557 เวลา:23:21:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

apisit.az
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]








Friends' blogs
[Add apisit.az's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.