Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 

20100224 วิพากษ์ MAN UNITED vs WESTHAM UNITED

When The Difference is… Rooneyyyyyyyyy….


อรุณสวัสดิ์ครับ นับว่าวันนี้ผมโชคดีหลายๆเรื่องนะ ที่ได้มาเขียนบทความในที่สุด หลังจากร่ำๆว่าจะต้องไปประชุมสำคัญนอกสถานที่ในเช้าวันนี้ แต่สุดท้ายก็ร่นไปประชุมกันตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน เช้านี้เลยเหลือแค่สะสางงานจากการประชุมเมื่อวาน (ถึงจะมากมายจนน่าท้อใจก็เถอะ//หยอกเย้า) นอกจากนี้ กับการที่เมื่อคืนวันก่อนผมต้องอดนอนเลี้ยงลูกที่โยเยทั้งคืนยันเช้า ก็เลยตั้งใจไว้ว่าถ้าเมื่อคืนนี้น้องพราวโยเยอีกก็จะไม่ดูบอลแล้ว เพราะลุกมาไม่ไหวเหมือนกัน แต่สุดท้ายน้องพราวเมื่อคืนโยเยน้อยมาก ผมได้หลับตั้งแต่สี่ทุ่ม ตื่นนอนมาเที่ยงคืนกว่าๆ ป้อนนม แล้วได้หลับตอนเกือบตีหนึ่งจนมาตื่นตอนบอลมา สบายตัว...//ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เลยได้ดูบอลสมใจอยากครับ

สำหรับรายละอียดก่อนเกมระหว่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ดนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่า การเป็นเกมที่ต้องร่นขึ้นมาจากสุดสัปดาห์ที่จะถึง เนื่องด้วยภารกิจเวมบลีย์ของเจ้าบ้านนั่นเองครับ ยูไนเต็ดมีนัดล้างตากับวิลล่าที่เวมบลีย์เพื่อชิงถ้วยใบเล็กในวันอาทิตย์ ทำให้เกมนี้ถูกร่นขึ้นมาเตะก่อนเพื่อน ซึ่งทางฝั่งป๋าจอมซาลอนนั้น จัดทัพนัดนี้ขัดใจผมน่าดู ด้วยการส่งผู้เล่นชุดสำรองลงมามากมาย ทั้งๆที่เพิ่งถูกทอฟฟี่อัดยับมาแท้ๆเหมือนจะไม่เข็ด แต่อีกนัยยะหนึ่งก็คงเพื่อเก็บตัวหลักที่มีอาการล้ามากมายไว้พักบ้างนั่นเอง โดยเกมนี้ส่งเบน ฟอสเตอร์ นายทวารที่โลกลืมลงมาเฝ้าเสา แกรี่ เนวิลล์ยังได้โอกาสทางขวา ส่วนทางซ้ายเป็นขาประจำคือเอวร่า คู่เซ็นเตอร์ได้แก่ วิดิช กับบราวน์ มิดฟิลด์ตัวกลางสองคนเลือก สโคลส์-กิ๊บสัน มีวาเลนเซียทางขวา และแอนนี่ทางซ้าย คู่หน้าใช้รูน-เบิร์บ สะเดิ๊บตาข่าย สังเกตว่าเราเลือกตัวทดแทนส่งลงไปมากมาย ก็มี บิ๊กเบน/แกรี่/บราวน์/แอนนี่/กิ๊บสัน ห้าคนทีเดียวเชียวครับ ก็ส่งผลให้เกมที่เวมบลีย์ในวันอาทิตย์นี้น่าสนใจมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

สำหรับผู้มาเยือนจากลอนดอนนั้นเล่า นับแต่เปลี่ยนจากแฮร์รี่ เร้ดแนปป์ไป ก็เหมือนเดอะ แฮมเมอร์นั้น จะหมดลายการเป็นของแสลงของเราไปเยอะ อันนี้เท่ากับยืนยันว่า ของแสลงของเรานั้น ไม่ใช่อะไรทีมไหนหรอก แต่เป็นจ่าแฮร์รี่นี่เอง นับตั้งแต่แกคุม ปอมปีย์/แฮมเมอร์/สเปอร์ส นี่แกทำทีมของแกแสลงใจเราได้ตลอดเลยนะเนี่ย แต่มาถึงตอนนี้เมื่อกลายเป็น จิอันฟรังโก้ โซล่า (ผมไม่ชิน จานฟรังโก้//ฮ่าฮ่าฮ่า) มาคุม แกได้ปรับเปลี่ยนทีมๆนี้ไปมากมาย และลูกทีมเริ่มก็เล่นได้เข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ ฟอร์มชนะรวดสองนัดล่าสุดแบบคลีนชีตย่อมเป็นการส่งสัญญาณเตือนเป็นอย่างดีว่าให้ระวังไว้ โซล่าวันนี้ส่ง โรเบิร์ต กรีนเฝ้าเสา แผงหลังสี่คนมี ฌูเลียง โฟแบร์ – เจมส์ ทอมกินส์ - แม็ทธิว อัพสัน – โจนาธาน สเป็คเตอร์ กองกลางมิดฟิลด์สี่คนเลือก วาลอน เบห์รามี่ – ราโดสลาฟ โควัค – มาร์ค โนเบิล – อเลสซานโดร เดียมานติ ส่วนคู่กองหน้าเป็นกิลเยอร์โม ฟรังโก้ และ คาร์ลตัน โคล

รูปเกมในวันนี้ไม่มีอะไรมากให้ต้องมานั่งลงในรายละเอียดกัน ผมจึงจะขออนุญาตพูดถึงรูปเกมเพียงบางๆ แต่จะขอไปลงในส่วนอื่นแทนจะดีกว่านะครับ

เกมช่วงแรกค่อนข้างเดินเกมสู้กันได้สนุกอยู่ เจ้าบ้านต่อเกมกันได้ไม่ถนัดนัก เมื่อนักเตะส่วนมากดูเหมือนจะยังผสมผสานกันไม่ลงตัว โดยเฉพาะมิดฟิลด์และตัวริมเส้นฝั่งซ้ายที่ยังประสานงานกันไม่ติด ยิ่งแอนนี่ที่เล่นได้ไม่กี่นาทีก็ดันเกิดอาการเข่าบิด และต้องให้ทีมงานช่วยตรวจสอบอาการ แต่ทนฝืนได้ไม่นานก็เล่นต่อไม่ไหว ต้องเปลี่ยนตัวออกมาทั้งๆที่เพิ่งจะได้สัมผัสบอลไม่กี่ครั้ง โดยเอาปาร์ค ชี ซองลงมาทำหน้าที่แทน เกมในช่วงสิบห้ายี่สิบนาทีแรกยังคงห้าสิบ-ห้าสิบ ทั้งคู่มีโอกาสทำเกมรุก แต่ยูไนเต็ดเหมือนจะใกล้เคียงการจบสกอร์มากกว่าทีมเยือน เวสต์แฮมดูจะมีปัญหามากกับจังหวะเปิดป้อนที่ไม่ได้กดดันแนวรับเจ้าบ้านเท่าใดนัก ถึงแม้เดียมานติ กับเบห์รามี่จะทำเกมริมเส้นได้วูบวาบ แต่จังหวะสุดท้ายก็ทำเสียไปซะหมด ในขณะที่โนเบิล และโควัคเองก็สาละวนกับการต่อสู้ตรงกลางมากกว่าจะได้เดินเดมขึ้นหน้า ตรงนี้ทำให้พอเวลาผ่านไปพอเวสต์แฮมกดดันอะไรเจ้าบ้านไม่ได้ ก็ค่อยๆถูกเกมของเจ้าบ้านกลืนกินไปทีละนิดละหน่อย

ยูไนเต็ดค่อยๆตั้งลำขึ้นมาทีละเล็กละน้อย อาศัยที่นักเตะหลายคนเก๋าเกมและวูบวาบได้ดีกว่า ค่อยๆนวดแนวรับทีมเยือนไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการให้วาเลนเซียนวดทางริมเส้นฝั่งขวา ทีแรกเวสต์แฮมเหมือนจะต้านไว้ได้ดี เมื่อวาเลนเซียไม่สามารถทำงานได้ตามถนัด ถูกซ้อน ถูกคุมเก็บเรียบ แต่ท่านเซอร์ขยับเร็วครับ เราจะเห็นว่ายูไนเต็ดเริ่มเปลี่ยนมาเจาะตรงกลางจากเบิร์บและรูน โดยมีกิ๊บสันคอยเก็บตกยิงนกแถวหน้ากรอบ เพื่อดึงตัวริมเส้นเวสต์แฮมหุบเข้ามาคุมพื้นที่ตรงกลางมากขึ้น และมันก็ช่วยให้วาเลนเซียเริ่มมีพื้นที่ให้หายใจหายคอออกได้บ้าง ยิ่งพอเล่นไปเล่นมา เดียมานติยิ่งกดดันแกรี่ได้ไม่เท่ากับพิษสงที่เขามี ที่เราต่างหวาดระแวงกัน แกรี่จึงเริ่มที่จะเติมเกมได้สะดวกขึ้น และจากตรงนั้นเอง ที่ทำให้เกมริมเส้นทางขวาของเจ้าบ้านกลายเป็นอาวุธหนักไปในที่สุด จากการประสานงานของวาเลนเซีย-แกรี่-กิ๊บสัน ที่ผลัดกันเข้ามาป่วนเกมรับทางฝั่งสเป็คเตอร์เรื่อยๆ

เกมริมเส้นทางฝั่งขวาเมื่อทำงานได้ ก็เท่ากับเปิดไซเรนเตือนแนวรับทั้งแผงของเวสต์แฮมได้เลย เพราะมันคือการเปิดช่องทางการจู่โจมเข้าหน้ากรอบได้นั่นเอง ยูไนเต็ดใช้เกมริมเส้นทางขวาโจมตีหวุดหวิดจะได้ประตูหลายครั้ง จนมาสำเร็จเมื่อผ่านครึ่งชั่วโมงแรกไปไม่นานจากการขึ้นบอลตรงกลาง ปาร์คจ่ายขึ้นหน้าให้เบิร์บ แล้วเบิร์บหาช่องเปิดออกทางขวา วาเลนเซียที่ควบไปรับบอลแล้วไม่ต้องคิดมาก เมื่อเห็นกองหลังพากันเทตามมาก็จัดการแปบอลลอยสวนกลับเข้ากลางปากประตูทันทื กลายเป็นรูนี่ย์ที่ยืนกางมุ้งอยู่คนเดียว พุ่งขวิดเข้าไปโล่งๆอย่างง่ายดาย ของเรียกว่าลูกสูตร ซ้าย-ขวา-ซ้าย ก็แล้วกันนะครับ//ฮ่าฮ่าฮ่า หลังจากได้ประตูขึ้นนำ เกมก็ไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงมากนักแล้ว เวสต์แฮมต่อเกมรุกกันไม่ค่อยดีนัก ไปตายจังหวะหน้ากรอบแทบทั้งหมด ลูกโด่งที่เปิดให้โคลก็ถูกวิดิชเก็บเคลียร์หมดจด กลายเป็นเกมเกือบจะวันเวย์ของเจ้าบ้าน แต่เวสต์แฮมก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาส เพียงแต่ไม่สามารถฉวยจังหวะที่มีน้อยครั้งให้เกิดสกอร์ได้เท่านั้น บิ๊กเบนเองก็โชว์ฟอร์มเซฟแค่ไม่กี่ลูกด้วยซ้ำไปในเกมนี้

การที่มีปาร์คลงมาแทนแอนนี่ ถึงแม้รูปเกมอาจจะเปลี่ยนไปจากที่สิ่งตั้งใจจะให้แอนนี่ทำ แต่สิ่งที่ปาร์คทำออกมาก็นับว่ามีประโยชน์เหมือนกัน ถึงการออกบอลและครองบอลจะไม่ลีลาหรือหวือหวาเท่าแอนนี่ แย่งบอลไม่เก่งเท่า แต่เขาสามารถทำหน้าที่ทั้งรุกและรับ รวมทั้งประสานงานต่อบอลกับรูนี่ย์และเบิร์บได้ดีทีเดียว ผมเริ่มเห็นฟอร์มดีๆของปาร์คกลับมามากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ นับแต่หายไปเป็นปี หลังจากถูกหั่นชื่อทิ้งที่มอสโกนั่นแหละ เกมนี้ปาร์คพล่านทำเกมทางซ้ายได้ดีมากๆ ขยัน และทุ่มเทจนเกมทางด้านนี้ของเวสต์แฮมหายไปเลย ยิ่งการที่รูนี่ย์เริ่มถ่างออกมาประสานงานทางริมเส้นยิ่งช่วยปาร์คได้เยอะทีเดียว เกมนี้ผมอยากยกความดีความชอบให้บรรดาตัวริมเส้นทั้งสองฝั่ง ที่ช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็งเสียจนจุดอ่อนที่แดนกลางของเราแทบไม่ถูกแตะต้อง กิ๊บสันที่ถ้าไม่นับการยิงไกลและเปิดบอลสองสามครั้งในเกมนี้นั้น จริงๆก็ทำแค่ปั่นแปะอยู่ตรงกลางนั่นแหละ ภาระทุกอย่างกลายเป็นสโคลส์ที่แบกทีมทั้งรุกและรับ แต่ด้วยเกมทางริมเส้นนั่นเองที่แบ่งเบาภาระตรงนี้ออกจากกลางได้มากทีเดียว

เกมยังคงเป็นเช่นนั้นจนครบเก้าสิบนาที การเปลี่ยนตัวของโซล่าไม่ได้ช่วยให้รูปเกมดีขึ้นแต่อย่างใด การถอดฟรังโก้ที่ไม่มีบทบาทในเกมรุกแล้วแทนที่ด้วยมิโด้ในครึ่งหลังนั้นก็เหมือนเดิม มิโด้ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรในแนวรุกของเวสต์แฮม ตัวอันตรายก็ยังคงเป็นเบห์รามี่เพียงคนเดียวเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนจะแบกความหวังของทีมไว้ในวันที่เดียมานติไม่ได้อยู่ในฟอร์มเด่น ยูไนเต็ดยังคงเดินหน้าแบบวันเวย์จนมาได้ลูกที่สองหลังจากหวุดหวิดจะได้มาหลายครั้ง ลูกนี้ยูไนเต็ดขึ้นเกมมาทางขวา เบิร์บมารับบอลทางขวาก่อนจะแทงพรวดขึ้นหน้าให้วาเลนเซียที่สอดทะลุขึ้นไป วาเลนเซียเลาะขึ้นไปจนเกือบสุดเส้นหลังแล้วเปิดเข้ากลางประตู ไม่มีใครประกบรูนี่ย์ที่เทคตัวขึ้นโหม่งเดี่ยวๆอีกครั้ง ส่งให้เจ้าบ้านออกนำสองลูกในนาทีที่ 56 เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยังไม่มีอะไรมาก เจ้าบ้านดูผ่อนคันเร่งลงเล็กน้อย ในขณะที่ลูกทีมโซล่าก็ทำอะไรไม่ถนัด โซล่าตัดสินใจถอดเบห์รามี่ออกแล้วส่ง แจ๊ค คอลลิสันลงมาแทน แต่ก็เหมือนเดิมครับ ยังไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาจากเดิมนัก

เมื่อเหลือเวลาสิบห้านาที โซล่าก็ส่งคีรอน ดายเออร์ ลงมาแทน เดียมานติ เท่ากับตัวอันตรายของเวสต์แฮมที่โชว์ฟอร์มดีๆมาในปีนี้ แทบจะถูกถอดออกไปหมดแล้วสินะ พอเห็นดายเออร์ผมก็...แม่เจ้า มันยังมีชีวิต มันยังเตะบอลอยู่รึเนี่ย//หยอกเย้า เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ความหวังเรื่องฮาร์โก้เรืองรองขึ้นมาในบัดดล//ฮ่าฮ่าฮ่า ยูไนเต็ดเปลี่ยนบ้างโดยถอดรูน-เบิร์บออกมาพัก แล้วส่งพี่เว่นกับน้องยุฟลงมาแทน ซึ่งไม่ผิดหวัง เพียงจังหวะสัมผัสบอลไม่กี่ครั้งก็ส่งให้ยูไนเต็ดได้ประตูที่สาม จากจังหวะแย่งบอลกันธรรมดาๆทางกราบซ้าย ที่ผู้เล่นเวสต์แฮมเหมือนจะเสียหลักล้มลงแล้วแขนเจ็บ นอนอยู่ที่พื้น แต่ผู้เล่นเจ้าบ้านไม่ได้หยุดรอ จากจังหวะต่อเนื่องนั้น สโคลส์ชิพบอลขึ้นหน้าให้โอเว่นหลุดแนวรับเข้าไปเดี่ยวๆกับกรีนและก็ไม่พลาด ลูกบอลจากเท้าโอเว่นสวนตัวกรีนเข้าเสาสองอย่างสุดสวยในนาทีที่ 80 แล้วก็ไม่มีอะไรเพิ่มมากนักจนหมดเวลา ทำให้เจ้าบ้านเก็บสามแต้มจ่อรดต้นคอจ่าฝูงต่อไป

ปล. หัวกระทู้นั่นน่ะ มีความหมายนะครับ ผมต้องการสื่อให้เห็นว่า ในเกมที่ออกจะเนือยๆ เรื่อยๆ เนิบนาบๆ แบบนี้ สิ่งที่แตกต่างระหว่างทั้งสองทีม ก็คือ รูนี่ย์ นี่แหละ ทั้งๆที่รูปเกมไม่ได้หวือหวา หรือจัดจ้าน แต่รูนี่ย์สร้างแพสชั่นขึ้นมาให้ทีมได้ รูนี่ย์เคลื่อนที่ เล่นบอล ทำทาง แต่ละสิ่งละอย่างที่เขาทำมันเหมือนกับสามารถดึงอารมณ์ร่วมในเกมของเพื่อนๆให้ปะทุขึ้นมา ให้มันมีฟีลลิ่งขึ้นมา นี่แหละคือความแตกต่างที่รูนี่ย์สร้างขึ้นมาในเกมนี้ครับ นี่ยังไม่นับไอ้สองประตูด้วยนะเนี่ย

หลังเกมนี้ ผมให้นับถือหัวจิตหัวใจท่านเซอร์จริงๆพับผ่า เป็นผมนะ ผมคงต้องคิดหนัก เพราะเพิ่งพ่ายยับเยินมาเมื่อสามวันก่อน ทำให้นัดนี้เป็นเดิมพันที่สูงลิบต่อแชมป์สี่สมัยติดต่อกันทีเดียวเชียว หากนัดนี้เก็บชัยชนะไม่ได้ โอกาสที่จะถูกเชลซีทิ้งห่างไปเป็นเจ็ดแต้มในวันเสาร์ก็จะมีมากทีเดียว เพราะเชื่อได้เลยว่าเชลซีจะมีแรงฮึดขึ้นอีกเยอะ เมื่อเห็นเราพลาดสามแต้มติดๆกันแบบนี้ แต่เมื่อเราเก็บชัยชนะได้ ก็เท่ากับโยนความกดดันกลับไปให้เชลซีที่จะเปิดบ้านเตะกับแมนฯ ซิตี้ในค่ำวันเสาร์นี้ การที่แต้มเหลือห่างแต้มเดียวแถมประตูได้-เสียเรากลับมานำเชลซีแบบนี้ เชื่อได้เลยว่าลูกทีมของอันเชล็อตติก็ต้องกดดันบ้างไม่มากก็น้อยแหละ แต่ปัญหาคือการที่แมนฯ ซิตี้มีเกมกลางสัปดาห์รีเพลย์เอฟ เอ คัพ อีกเกมเนี่ยสิ ในขณะที่เชลซีก็ต้องออกไปเยือน จูเซ็ปเป้ เมียซซ่า ของอินเตอร์ ที่อาจส่งผลให้นักเตะล้ากันได้ ตรงนี้เราต้องไปลุ้นกันครับ ว่าใครจะแรงดีกว่ากัน

ส่วนทางฝั่งของเรา ก็ถือว่าทำหน้าที่ ทำงานได้ตามเป้าแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผลของคู่เชลซี-แมนฯ ซิตี้ แล้วล่ะ ว่าจะออกมาในด้านไหน ใครเป็นแฟนทีมไหน ก็ตามลุ้นตามเชียร์กันตามชอบใจตามสะดวกเลยนะครับ ส่วนในกระทู้นี้ คงจะขอวกกลับมาหลังเกมนี้กันต่อ ซึ่งผมเองพอเห็นรายชื่อนักเตะก่อนเกมก้ต้องยอมรับเลยว่า สามประตูที่ได้มา มันเกินความคาดหมายไปเยอะมากๆ ผมเองหวั่นใจเดียมานติกับเบห์รามี่เหลือเกิน เพราะเห็นมาหลายนัดแล้วว่าเป็นนักเตะที่คล่อง และมีทักษะฝีเท้าได้ทีเดียว สามารถเล่นด้วยตัวคนเดียวได้ดีทั้งคู่ ส่วนโควัคนั้นชื่อชั้นก็ไม่ธรรมดา คาร์ลตัน โคลเองก็ยิงได้เรื่อยๆ แถมเป็นกองหน้าสไตล์ที่กองหลังเราไม่ค่อยชอบซะด้วย ซึ่งก็คงต้องบอกว่าโชคดีมากมายครับ ที่รูปเกมเกมนี้มันไม่ออกมาในหน้านั้นอย่างที่ผมคิด

ผมเองคงขออนุญาตเดาเอาเองว่า ถ้าไม่ใช่ที่โซล่า ก็อาจเป็นที่ลูกทีมของเขานั่นแหละ ที่กริ่งเกรงชื่อชั้นแชมป์เก่าจนเกินไป หลายจังหวะเกมรุกของเวสต์แฮม ที่เราเห็นได้ชัดเจนว่า เขาสามารถกดดันแนวรับเราได้ดีมากๆ หากว่าโอกาสและจังหวะมันเอื้อ เพียงแต่ว่าลูกทีมโซล่า ไม่ค่อยสร้างโอกาสนั้นขึ้นมาสักเท่าไหร่ กลับเอาแต่เล่นเหมือนระแวง เหมือนกล้าๆกลัวๆ ตรงนี้ทำให้ท้ายที่สุด โมเมนตัมของเกมจึงค่อยๆถูกเหวี่ยงกลับมาทางเจ้าบ้านมากขึ้นจนเวสต์แฮมสูญเสียรูปเกมของตัวเองจนหมด ซึ่งถ้าหากว่าโซล่ากล้าๆที่จะให้ลูกทีมบดใส่ยูไนเต็ดมากกว่านี้ ผมว่าสถานการณ์อาจจะไม่ออกมาแบบนี้ก็เป็นได้ เพราะตัวกลางสองคนของเราที่เป็นสโคลส์-กิ๊บสันนั้นถูกบดไม่ได้เลยนะครับ น่าจะออกอาการตลอด เพราะคนหนึ่งก็ช้าลงเยอะ อีกคนก็ยังกระดูกอ่อนเหลือเกิน ผมยังแปลกใจพอควรที่ไม่เห็นเวสต์แฮมเปิดเกมหนักเข้าใส่เราเลยแม้แต่สักครั้งเดียว ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าโซล่าเองเป็นอิตาเลี่ยน แถมเป็นนักเตะสไตล์พรสวรรค์ภาคพื้นที่ตัวเล็ก อาศัยทักษะความสามารถเฉพาะตัวและความเร็ว เพื่อพาบอลไปข้างหน้ามากกว่าจะใช้เรี่ยวแรงหรือความดุดันเข้าสู้

ตรงนี้คงมีส่วนมากทีเดียว ที่ทำให้รูปร่างของแท็คติตของเขาออกมาเป็นแบบนี้ หากจะเทียบกันก็คงคล้ายๆกับมาร์ค ฮิวจส์ที่สร้างทีมที่เล่นหนัก ดุดัน บู๊ล้างผลาญ เหมือนสไตล์การเล่นของเขา ด้วยเหตุผลตรงนี้เอง ที่น่าจะมีน้ำหนักพอให้เชื่อได้ว่า ทำไมลูกทีมของโซล่าถึงไม่เอาลูกหนักเข้าต่อกรกับคู่ต่อสู้เลย มันก็เพราะไม่ใช่สไตล์ของโค้ชนั่นเองครับ การเลือกนักเตะสู่ทีมของโซล่าก็คงอิงข้อนี้ด้วยเหมือนกัน จึงไม่เห็นพวกสไตล์ดุดันอยู่ในทีมเขาสักเท่าไหร่ มาร์ค โนเบิล / โควัค / ฟรังโก้ / เดียมานติ / เบห์รามี่ / โฟแบร์ / สเป็คเตอร์ พวกนี้ไม่ใช่ฮาร์ดคอร์แม้แต่คนเดียว และคงไม่แปลกนัก หากผมจะขออนุญาตบอกโซล่าสักนิดว่า หากคุณจะเอาตัวรอดในลีกนี้ได้นานๆ คุณอาจต้องเพิ่มความดุเข้าไปมากกว่านี้นะครับ สไตล์บอลแบบนี้ ก็คือเก่งเล็ก ซึ่งเมื่อเจอเก่งใหญ่อย่างบิ๊กโฟร์ โอกาสรอดก็น้อยลง แล้วถ้าเจอกับบอลบู๊ล้างผลาญอย่างทีมสไตล์อิงลิชโบราณ โอกาสเจ็บโอกาสเจ๊งก็มีสูง ทีมฟุตบอลอย่างทีมของโซล่าจึงมักจะทำได้ดีกับทีมที่เล่นสไตล์คล้ายๆกันมากกว่าครับ ซึ่งโอกาสอยู่รอดในลีกยาวๆ ก็คงต้องวัดกันปีต่อปี ถ้าเป็นอย่างนั้น

กลับมามองฝั่งเราบ้าง นัดนี้ถือว่าโชคดีจริงๆที่ผู้เล่นชุดผสมของเรา มาเจอแท็คติคนุ่มๆของโซล่า ทำให้สามารถต่อกรและจัดการได้โดยไม่ต้องลุ้นให้หวาดเสียวมากนัก การเห็นวิดิชลงสนามแล้วเป็นหลักเป็นที่พึ่งให้บราวน์ได้เต็มๆเกม ก็นับเป็นสัญญาณที่ดี เช่นเดียวกับเคสของแอนนี่ ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้ อย่างน้อยสองคนนี้ก็ถือว่ายังมีโอกาสในทีมต่อไป ท่านเซอร์เองก็เป็นแค่คนแก่ขี้ใจน้อย โกรธง่ายหายเร็วเหมือนเดิม ใครที่หัวอ่อนหน่อย ยอมอ่อนมาขอโทษขอโพย ท่านเซอร์เองก็พร้อมที่จะให้โอกาสเสมอครับ ปีนี้ก็ปาไปสามคนแล้ว นับตั้งแต่ นานี่ – วิดิช – แอนนี่ สำหรับพวกเราก็ถือเป็นข่าวดีที่กำลังสนับสนุนของทีมยังคงอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา และพร้อมที่จะต่อสู้แก่งแย่งตำแหน่งตัวจริงอย่างเข้มข้นต่อไป

จริงๆในสายตาผม ผมว่าป๋าควรถอดเอวร่าสักเกมบ้างนะ หลังๆเริ่มเห็นเจ้าตัวตื้อบ่อยมาก ไม่ใช่เพราะฟอร์มแย่หรอกนะครับ แต่ดูเหมือนว่าจะล้าและไฟมอดมากกว่า เมื่อก่อนเราเคยเห็นพี่ติ๊กห้อไม่หยุด ลุยแหลก และเติมกระจาย แต่ช่วงเดือนกุมภาที่ผ่านมา แต่ละเกมนี่นับครั้งที่พี่ติ๊กเติมได้เลย ยิ่งเกมนี้ที่เราสามารถลุยทางริมเส้นได้ตลอด แต่พี่ติ๊กกลับไปไม่ถึงเส้นหลังสักครั้งเดียว นับว่าผิดประหลาดไปจากสไตล์พี่ติ๊กมากๆ หรือว่าป๋าสั่งเปลี่ยสไตล์พี่ติ๊กรึ ผมว่าไม่หรอก ป๋าไปสอยพี่ติ๊กมาก็ต้องเป็นเพราะชื่นชอบสไตล์การเล่นพี่ติ๊ก แล้วจะไปเปลี่ยนแกทำไมกัน ผมว่าเกมบางเกมดร็อปแกมั่งก็ได้ ทั้งเดอลาท ทั้งฟาบิโอก็พร้อมที่จะทดแทนอยู่แล้ว

จบจากเกมนี้ ก็คงไปเจอกันหลังสนามเวมบลีย์ในเช้าวันจันทร์ ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร ถ้วยแชมป์แรกของซีซั่นจะตกเป็นของใคร ไปติดตามกันได้คืนวันอาทิตย์ครับ


แล้วมาลุ้นกันครับ

สงบใจ




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
1 comments
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 11:27:10 น.
Counter : 573 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 24 กุมภาพันธ์ 2553 12:19:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.