Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

20100301 วิพากษ์ MAN. UNITED vs ASTON VILLA in Carling Cup Final

รูนี่ย์ หัวดี...อ่านอะไรก็ออก

สวัสดีครับ ทุกๆท่าน มาพบกันอีกครั้งกับวิพากษ์หลังสนามนิวเวมบลีย์นะครับ (เมื่อวานวันหยุด ไม่ได้มาเขียนครับ) จากการแข่งขันฟุตบอลคาร์ลิง คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเรา ต้องโคจรมาพบกับแอสตัน วิลล่า ของมาร์ติน โอนีล อดีตเชือกกล้วยเก่าที่บัดนี้กลายเป็นเชือกรัดคอเราไปแล้ว สำหรับถ้วยใบนี้ ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันพอสมควร เมื่อท่านเซอร์เปลี่ยนใจ จัดลูกทีมชุดเต็มพิกัดลงบู๊กับอริร่วมเมืองทั้งสองนัดเหย้าเยือนในรอบก่อนหน้า ทั้งๆที่ถ้วยใบนี้ ท่านเซอร์สงวนสิทธิ์ไว้ให้เด็กๆได้ชิมลางกันทุกปี แต่ปีนี้เด็กผีดันไปทะลึ่งตกรอบเอฟ เอ คัพ ตั้งแต่ไก่โห่ แถมในถ้วยเล็กนี้ก็ยังต้องมาดวลเกือกกับทีมร่วมเมืองที่เริ่มจะดังข้ามหน้าข้ามตา ป๋าจึงต้องการออกแรงปรามๆเอาไว้บ้าง และนัดนี้ เมื่อถึงรอบชิงอีกครั้ง จึงเป็นที่จับตามองของกูรูทั้งหลายว่า ท่านเซอร์จะจัดทัพอย่างไรกันแน่ โดยมิต้องพูดถึงอีกฝั่งที่ เอานะ เอานะ แน่ๆอยู่แล้ว

กับกระแสก่อนเกม ที่ออกจะดูเงียบๆไปนิดหนึ่ง เนื่องจากเกมนี้ถึงแม้จะเป็นนัดชิงชนะเลิศ แต่ด้วยการที่เป็นถ้วยใบเล็กที่สุดของประเทศนี้ ประกอบกับมีอีกศึกหนึ่งที่ดันถูกจับตามองมากกว่า นั่นก็คือศึก Battle of The Bridges ที่กรุงลอนดอนก่อนหน้านี้หนึ่งวันนั่นเอง ทำให้เกมนัดชิงฯ นึ้ถูกกลบกระแสลงไปพอสมควร เกมนี้ทางฝั่งแชมป์เก่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาพอสมควร จากการบาดเจ็บของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และโทษแบนนัดสุดท้ายของนานี่ ทำให้ต้องปรับกันพอเป็นพิธี ผู้รักษาประตูหลังจากให้บิ๊กเบนได้ลงสนามไปเมื่อกลางสัปดาห์ เกมนี้จึงเป็นคิวของโทมัส คุสแซ็ค แผงหลังสี่คนไล่เรียงไปด้วย ราฟาเอล ดา ซิลวา, เนมานย่า วิดิช, โจนาธาน เอแวนส์ และ ปาทริซ เอวร่า แผงกลางสี่คนมี อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล คาร์ริค, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และ ปาร์ค ชี ซอง คู่กองหน้าวันนี้ป๋าเลือกส่ง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กับ ไมเคิล โอเว่น ลงล่าตาข่ายคู่กัน

มาดูอีกฝั่งหนึ่งกันบ้าง เกมนี้ มาร์ติน โอนีล กุนซือผู้ร้อนแรงของเกาะอีกคนในขณะนี้ ได้ตัวสติลิยัน เปตรอฟ ฟิตกลับมาลงสนามได้ทัน แต่ยังมีการชั่งใจระหว่างการจะส่ง แบรด กูซาน ที่ได้ลงเฝ้าเสามาตลอด หรือจะเอาชัวร์ด้วยการส่ง แบรด ฟรีเดล ลงมา ซึ่งสุดท้าย โอนีลเลือกที่จะส่งฟรีเดลลงสนาม แผงหลั้งสี่คนประกอบไปด้วย การ์ลอส กวยยาร์, เจมส์ คอลลินส์, ริชาร์ด ดันน์ และ สตีเฟ่น วอร์นอค โอนีลวันนี้วางระบบ 4-4-2 ตามถนัดลงมาสู้กับ 4-4-2 ของป๋าช่วงช่วง โดยแผงกลางสี่คนของโอนีล ประกอบด้วย แอชลี่ย์ ยัง, เจมส์ มิลเนอร์, สติลิยัน เปตรอฟ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง วางคู่กองหน้าเป็น กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ และ เอมิล เฮสกี

เริ่มเกม วิลล่าเปิดฉากบุกทันที โดยอาศัยการวางบอลขึ้นหน้าให้ตัวจี๊ดริมเส้นอย่างดาวนิ่ง และยัง จี้เข้าหากองหลังยูไนเต็ด ร่วมด้วยช่วยกันกับบอลยาวที่มีเป้าข้างหน้าคือเฮสกี และอักบอนลาฮอร์ เกมของยูไนเต็ดยังไม่ทันได้ตั้งหลักอะไรก็เสียท่าไปก่อน จากการลอยดันเกมขึ้นสูงของแผงหลังแชมป์เก่า วิลล่าได้จังหวะวางบอลสวนยาวขึ้นหน้าจากแอชลี่ย์ ยัง ที่มีเพียงแค่อักบอนลาฮอร์ยืนเป็นเป้าตัวต่อตัวกับวิดิชเท่านั้น อักบอนลาฮอร์อาศัยความเร็วควบแซงวิดิชและได้เหลี่ยมที่ดีกว่า บังบอล เข้าไปในกรอบโทษ ก่อนจะโดนวิดิชที่ตามมาข้างหลังทั้งเบียดทั้งดึงและกวาดจนแก๊บบี้เสียหลักล้มลงไป พร้อมๆกับเสียง ปรี๊ดดดดดด จาก ฟิล ดาวด์ นั่นกลายเป็นลูกจุดโทษทันทีตั้งแต่นาทีที่ 4 เท่านั้น แต่โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ดาวด์ไม่ลงโทษวิดิชแม้แต่เหลืองอ่อนๆ แต่อย่างใด ทั้งๆที่หากมองตามตัวกติกาเป๊ะๆแล้วนั้น วิดิชได้กระทำ โปรเฟสชันนั่ล ฟาล์ว นะครับ จากการเป็นกองหลังตัวสุดท้ายที่สกัดทำฟาล์วกองหน้าคู่แข่งในจังหวะที่หลุดเข้ามายิงประตู หรือจะมีใครปฏิเสธว่า ในจังหวะที่ถูกกวาดล้มไปนั้นแก๊บบี้ไม่มีจังหวะยิง

ผมมองว่า ลูกปัญหานี้ ได้ก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนใจหลายอย่างต่อ ดาวด์ หนึ่งเลยก็คือ ตามกติกาสากลแล้ว มันคือ โปรเฟสชันนั่ล ฟาล์ว แน่นอน และโทษของมันก็คือ แดงแจ๊ดแจ๋อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ แต่ แต่ ข้อสอง คือนี่มันเพิ่งสี่นาทีเองนะไอ้ทิด กรูยังวิ่งไม่ทันเหงื่อตกเลย แล้วนี่บอลนัดชิงนะเว้ยเฮ่ย จะให้ควักไอ้แดงออกมาตั้งกะสี่นาทีแรกเลยรึไง แล้วยังมีตัวช่วยข้อที่สามอีก อย่างการที่แก๊บบี้ ขืนตัวเองไว้ได้ในจังหวะแรก เพื่อพยายามล็อกดึงจังหวะหนีวิดิช ที่ทำให้วิดิชตามมาทันและล้มตัวกวาดจากด้านข้างแทนที่จะกลายเป็นจากด้านหลังเต็มๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ผมมองว่า แชมป์เก่าโชคดีมากจริงๆ ที่ดาวด์ดันพิจารณาออกมาในแง่นี้ และไม่ลงโทษวิดิชแต่อย่างใด ถึงแม้เจมส์ มิลเนอร์ จะยิงจุดโทษเข้าไปได้ แต่การที่วิดิชไม่ได้รับแม้แต่ใบเหลือง (ถ้าให้เหลืองก็ตลกหมือนกัน เพราะโทษของการฟาล์วแบบนี้ คือแดงอย่างเดียว เช่นเดียวกับที่เบลเล็ตติโดน และเช่นเดียวกับที่ ฮูเปียเคยโดนตั้งแต่นาทีไก่โห่ในเกมแดงเดือดเมื่อกาลก่อนโน้น) ตรงนี้ทำให้รูปเกมของแชมป์เก่าไม่เสีย ทรงบอลยังเหมือนเดิม และที่สำคัญไม่ได้ก่อความได้เปรียบกับวิลล่า อย่างที่มันควรจะเป็นไป

ผลจากลูกโทษปัญหานี้ ส่งให้วิลล่าออกนำตั้งแต่ห้านาทีแรกของเกม แต่ผลของการไม่โดนลงโทษจากสีเหลืองหรือแดง ทำให้โมเมนตัมของเกมไม่เสียไป วิดิชยังคงได้รับอนุญาตจากท่านเปา ให้ยืนลั่นกุญแจแก๊บบี้ต่อไปด้วยการไร้ซึ่งแรงกดดันจากโทษานุโทษที่พึงมี และเกมของวิลล่าก็เริ่มเฝดเอาท์ไปเรื่อยๆตามนาทีที่ผ่านเลยไปสวนทางกับเกมรุกของแชมป์เก่า ที่เริ่มจูนกันติดมากขึ้น และเริ่มประสานงานกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเกมตรงกลางสนาม วิลล่าอาศัยเพียงลูกยาวเพื่อคุกคามแผงหลังยูไนเต็ด แต่ถูกวิดิชเก็บกินเรียบ ในขณะที่แผงกลางวิลล่าไม่ค่อยได้ต่อบอลกันงามๆเท่าไหร่นัก มีเพียง มิลเนอร์คนเดียวที่พล่านเดินเกมให้วิลล่าไปทั่วทั้งสนามในสไตล์เพลย์เมกเกอร์ ร่วมกับอักบอนลาฮอร์ เกมรุกของวิลล่าที่ผมเห็นมีเพียงเท่านี้จริงๆครับ ประตูนำเพียงลูกเดียวในขณะที่รูปเกมทั้งสองฝั่งยังขี่กันไม่ลงเท่าไหร่ แต่ริชาร์ด ดันน์ ของวิลล่า กลับทำให้ทุกอย่างมันพังลงง่ายๆซะงั้นหลังจากที่เพิ่งออกนำไปไม่กี่นาที

ในนาทีที่ 14 ขณะที่ริชาร์ด ดันน์ เก็บบอลได้หน้ากรอบโทษตัวเองทางด้านขวา และกำลังจะพาบอลขึ้นไปนั้น ก็กลับชะล่าใจจนทำให้ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ พรวดเข้ามาพัวพันและแย่งบอลจากเท้าไปได้หน้าตาเฉยก่อนจะควบขึ้นหน้ามุ่งเข้ากรอบโทษ ดันน์กวดตามไปสไลด์บอลไว้ได้ แจ่บอลเจ้ากรรมกลับกลิ้งหลุนๆออกมาตรงกลางหน้ากรอบที่มีเบบี้ โกล์ควบตะบึงตามมาเก็บแถวสอง โอเว่นยิงสวนด้วยขวาทันทีส่งบอลพุ่งเรียดผ่านมือฟรีเดลเสียบโคนเสาสองอย่างสุดสวยให้แชมป์เก่าตามตีเสมอได้สำเร็จ นี่คงเป็นประตูในนัดชิงชนะเลิศของโอเว่นในรอบหลายๆปีเลยทีเดียวนะ จากการคาดเดาของผม//หยอกเย้า และเป็นประตูที่ยิงโชว์คาเปลโล่ต่อหน้าต่อตา หลังจากที่คาเปลโล่เพิ่งกระชุ่นโอเว่นไปหมาดๆว่า ถ้าอยากไปแอฟริกา จงลงสนามบ่อยๆ นั่นเอง ดูเจ้าตัวเองก็มีความสุขกับประตูนี้มากทีเดียว เหมือนเป็นการปลดปล่อยความกดดันหลายๆอย่างออกไปจากตัวได้สำเร็จนั่นเองครับ อ้อ...อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมไม่ทราบว่า ในสัญญาที่ทำกับสโมสรเรานั้น ประตูนี้ของโอเว่นจะมีมูลค่ากี่พันกี่หมื่นปอนด์กันนะ หากว่าสุดท้ายเรารักษาถ้วยแชมป์ใบนี้ไว้ได้สำเร็จ

หลังจากตีเสมอได้สำเร็จ แชมป์เก่าก็เริ่มค่อยๆคืนฟอร์ม และเริ่มตั้งลำได้ทีละเล็กละน้อย เฟล็ทเชอร์กับคาร์ริคสองคนช่วยกันกดแผงกลางของวิลล่าไม่ให้ทำเกมได้ถนัด รวมทั้งสกรีนบอลจากการแทงทะลุช่องของแผงกลางวิลล่าได้เรื่อยๆจนทำให้เกมภาคพื้นของวิลล่าทำอะไรไม่ค่อยถนัด ต้องอาศัยบอลยาวและการลากเลื้อยของผู้เล่นริมเส้นอย่าง ยังและดาวนิ่งแทน โดยมีตัวประสานงานข้างหน้าเป็นมิลเนอร์ที่แบกความหวังของทีมเอาไว้ มิลเนอร์นัดนี้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้วครับ ทั้งรับและรุก อยู่ริมเส้นทางขวาบ้าง ซ้ายบ้าง เพื่อประคองและเพิ่มออปชั่นเกมรุกทางริมเส้นซ้ายและขวา รวมทั้งพาบอลขึ้นหน้าด้วยตัวเอง เพื่อพยายามชงให้เฮสกีและอักบอนลาฮอร์ เห็นฟอร์มของมิลเนอร์แล้วผมก็ค่อนข้างแปลกใจนะ ที่โอนีลปลุกปั้นเขาจนได้ดิบได้ดีกับตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกในรูปแบบเกือบๆจะเป็นเพลย์เมกเกอร์อยู่แล้ว ทั้งๆที่ตอนขึ้นมาเล่นใหม่ๆสมัยหนุ่มๆ มิลเนอร์ดูจะไม่มีแววทางตำแหน่งนี้ และดูไม่มีบทบาทในเกมรุกมากนักด้วยซ้ำไป แต่โอนีลกลับเข็นมิลเนอร์ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ด้วยวัยเพียง 24 น่าจับตามองอนาคตของหนุ่มคนนี้มาก ว่าหลังจากหมดรุ่นของ เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด, แบร์รี่ หรือคาร์ริค ไปเนี่ย คงเป็นมิลเนอร์นี่แหละ ที่น่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักทดแทน หากเขาพัฒนาได้ต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อเกมของวิลล่าดูอันตรายและมีพิษสงน้อยลงเรื่อยๆ ประกอบกับแผงหลังยูไนเต็ดไม่ประมาทและเปิดช่องแบบไม่ดูตาม้าตาเรืออีก เกมของวิลล่าก็ค่อยๆถูกยูไนเต็ดกลืนหายไป จนในที่สุดก็เป็นเกมวันเวย์ของยูไนเต็ดจนได้ ครึ่งแรกนี้เกมของวาเลนเซียยังดูไม่ค่อยอันตรายนัก เพราะคู่ขาอย่างน้องหมูยังไม่ได้ลงสนามมา โอเว่นเองก็ไม่สามารถเบียดหรือบดบี้แผงกองหลังวิลล่าได้อย่างสูสีเท่าไหร่ ส่วนเบอร์บาตอฟเองก็ตามสไตล์ครับ ชอบเล่นปั้นเกมและดึงตำแหน่งกองหลังมากกว่าจะลอยค้ำเพื่อส่องประตู แนวรับวิลล่าจึงวางแนวป้องกันริมเส้นฝั่งนี้ได้ง่ายกว่า ทำให้ครึ่งแรกนี้ ตัววูบวาบของยูไนเต็ดกลับเป็นปาร์ค ชี ซองที่พาบอลคุกคามแผงหลังวิลล่าได้น้ำได้เนื้อกว่าใครและเล่นประสานงานกับเพื่อนๆในแดนหน้าโดยเฉพาะเบิร์บได้น่ากลัวมากทีเดียว อย่างที่ผมคาดไว้ครับ ตอนนี้ฟอร์มของปาร์คเริ่มจะกลับมาดูดีสูสีกับตอนพีคๆสมัยเล่น ชปล. ปี 2008 แล้ว ด้วยความเข้าใจเกมสูง การเล่นเป็นทีมเวิร์คแท้ๆ และไม่เห็นแก่ตัว เมื่อฟอร์มกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว ปาร์คก็นับเป็นอาวุธอันตรายที่ใช้เจาะแนวรับคู่ต่อสู้ทางภาคพื้นได้ดีมากๆ ยิ่งถ้านับถึงความขยันในการพล่านช่วยเกมรับด้วยแล้ว ปาร์คจึงเป็นจิ๊กซอว์หน่วยสนับสนุนอีกชิ้นที่ขาดไม่ได้ของทีมไปซะแล้ว

หลังจากป่วนเกมรับวิลล่าได้พักใหญ่ๆ ก็ถึงคราวซวยของโอเว่น ที่เกิดอาการเจ็บจากการสปริ๊นต์ไปรับบอลในกรอบโทษ สุดท้ายต้องถูกถอดออกมาในช่วงท้ายๆครึ่งแรกและแทนที่ด้วย เวย์น รูนี่ย์ และนั่นเองคือจุดเปลี่ยนอีกจุดหนึ่งของเกมเกมนี้ก็ว่าได้ การมีรูนี่ย์ในสนามนั้น เท่ากับเราสามารถคุกคามแนวรับวิลล่าเพิ่มเติมได้อีกสองสามแนวทางเลยทีเดียว นั่นคือ หนึ่ง รูนี่ย์สามารถพาบอลไปกับตัวด้วยความแข็งแกร่ง รวดเร็ว ในรูปแบบที่เบอร์บาตอฟและโอเว่นไม่สามารถทำได้ ทำให้ช่วยดึงกองหลังออกจากตำแหน่งมาหาตัวเองเพื่อเปิดทางให้เพื่อนๆมีที่ว่างมากขึ้น แทนที่จะรอเล่นชิ่งหนึ่งสองเพียงอย่างเดียว สองก็คือ รูนี่ย์มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ทรหดอดทน สามารถเบียด บดบี้ และไถกับกองหลังวิลล่าได้หนักกว่าเบอร์บาตอฟหรือโอเว่น ทำให้โอกาสที่จะได้เล่นในจังหวะสองในพื้นที่กรอบโทษมีมากขึ้นนั่นเอง และนั่นก็เท่ากับช่วยกดดันแผงหลังวิลล่าให้เล่นยากขึ้นเยอะ การสกัดบอลออกมาจากพื้นที่อันตรายก็ทำได้ยากขึ้น เมื่อถูกเบียดถูกบังจากผู้เล่นที่แข็งแกร่ง

ข้อที่สำคัญที่สุดก็คือ รูนี่ย์นั้น ค่อนข้างเข้าขากับวาเลนเซียมากแล้วในขณะนี้ และไม่ใช่แค่วาเลนเซียเท่านั้น แต่ยังมีนานี่อีกคน ที่สามารถเปิดบอลเข้าหัวรูนี่ย์ได้บ่อยครั้งในช่วงหลังๆ นี่คงไม่ใช่หมายความว่าวาเลนเซียหรือนานี่เก่งขึ้น แต่มันหมายถึงพัฒนาการในการเล่นลูกกลางอากาศ รวมทั้งการอ่านทิศทางของบอลที่พุ่งมาในอากาศ เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เหมาะสม ตรงนี้ครับ ที่รูนี่ย์พัฒนามันขึ้นได้มากในช่วงสองเดือนล่าสุดที่ผ่านมา กล่าวคือผู้เล่นปีกนั้น ธรรมชาติจะไม่ค่อยมีเวลาเงยหน้าหาเพื่อนในกรอบว่ายืนตรงไหน แล้วจะตั้งป้อมสวยๆเปิดให้ได้ทั้งน้ำหนักและทิศทาง มันไม่มีพื้นที่ไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกในจังหวะหนึ่งๆ สิ่งที่ปีกมักจะได้ทำบ่อยๆในเกมๆหนึ่งก็คือ การหาโอกาสหลุดขึ้นไปถึงเส้นหลัง แล้วรีบเปิดเร็วกลับเข้ามาในกรอบต่างหาก ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเรียกจุดที่บอลจะตกนั้นว่า จุดนัดพบ นั่นเอง และหน้าที่ของกองหน้าประเภทจ้าวเวหานั่นก็คือ การมีสัญชาตญาณรู้ว่าจุดนัดพบแต่ละครั้งนั้นควรจะอยู่ที่ไหน เพราะบอลที่โยนมาแต่ละลูก น้ำหนัก ทิศทางก็ต่างกันไป จุดนัดพบจึงแปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กองหน้าจึงต้องมีสัญชาตญาณที่ดีในการอ่านทางบอลตรงนี้ เพื่อพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ได้เปรียบ และตรงจุดที่บอลจะตก หรือจุดนัดพบนั่นเอง

ผมสังเกตมาหลายนัดแล้วว่า รูนี่ย์พัฒนาเรื่องนี้ขึ้นเยอะมากทีเดียว เมื่อก่อน การเปิดบอลด้านข้างไม่ใช่จุดเด่นของเราตั้งแต่หมดยุคเฮียเบ๊คส์ไป เราไม่สามารถหากินกับลูกครอสด้านข้างได้มากมายเหมือนก่อน บอลเปิดจากข้างจึงเหมือนการเสี่ยงดวง วัดดวงกันไป ตาดีได้ ตาร้ายเสีย และกองหลังก็มักจะได้เปรียบกว่ากองหน้า ในการยืนสกัดลูกเปิดวัดดวงแบบนี้ เพราะมีจำนวนผู้เล่นมากกว่า แต่เมื่อรูนี่ย์สร้างสัญชาตญาณตรงนี้ได้แล้ว ก็เท่ากับโอกาสจบสกอร์จากลูกครอสก็มีมากกว่าวัดดวง เพราะบอลที่ถูกเปิดมาแต่ละครั้ง มีโอกาสมากที่รูนี่ย์จะอยู่ถูกที่ถูกเวลา และได้โหม่งโล่งๆ สังเกตง่ายๆก็ตั้งแต่นัดกับมิลานมาแล้ว และเกมนี้ถ้าไม่ติดที่เสา รูนี่ย์ก็จะโหม่งโล่งๆเข้าไปถึงสองลูกจากลูกครอส แทนที่จะเป็นลูกเดียว ตรงนี้แหละครับ เมื่อรูนี่ย์พัฒนาจุดนี้ขึ้นมาได้แล้ว เขาจึงออกอาการหัวเสียทุกที เมื่อปีกเปิดบอลครอสเข้ามาแบบไร้หางเสือเหมือนที่นานี่โดนรูนี่ย์ด่าประจำนั่นแหละ เพราะหลายครั้งที่นานี่เปิดบอลข้ามไปเสาสามเสาสี่ หรือเปิดย้อนกลับไปไกลถึงกรอบโทษ ทำให้รูนี่ย์ที่ย่องเข้าไปในพื้นที่ ไม่มีโอกาสสัมผัสบอลนั่นเอง


การที่รูนี่ย์พัฒนาเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ประโยชน์ไม่ได้ตกที่ยูไนเต็ดฝ่ายเดียว แต่เป็นทีมชาติอังกฤษด้วย และเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้คาเปลโล่สามารถจิ้มเลือกเบ๊คแฮมติดธงสิงโตคำรามได้มากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย การที่รูนี่ย์เล่นลูกหัวได้ดี และเลือกตำแหน่งการยืนได้ถูกต้อง ย่อมไม่จำเป็นที่คาเปลโล่จะต้องเปลี่ยนตัวเอาปีเตอร์ เคราช์ลงมาแทนเพื่อเปลี่ยนแท็คติค แต่สามารถให้รูนี่ย์จับคู่กับคู่ขาคนใดก็ได้ เพราะรูนี่ย์เล่นได้ทั้งภาคพื้นและกลางอากาศ แม้กระทั่งจะเล่นหน้าตัวเดียว ก็ไม่มีปัญหา เพราะรูนี่ย์ปรับตัวตรงนั้นได้แล้วจากแท็คติคของป๋าเฟอร์กูสัน ที่เหลือก็แค่การที่คาเปลโล่จะจับใครมาป้อนให้รูนี่ย์ก็เท่านั้น นี่คือพัฒนาการของรูนี่ย์ที่เพิ่มความอันตรายให้เจ้าตัวขึ้นได้มากในช่วงหลังนี้ และเป็นจุดเปลี่ยนอีกจุดที่ผมกล่าวถึงเมื่อเขาถูกหย่อนลงน้ำมาแทนโอเว่นที่บาดเจ็บนั่นเองในช่วงท้ายๆครึ่งแรก

ในครึ่งหลัง รูปเกมยังคงตกเป็นของแชมป์เก่าอยู่ตลอด ชนิดที่ต้องบอกว่ากดอยู่ข้างเดียว วิลล่ามีโอกาสสวนกลับแต่ก็ไม่สามารถคุกคามได้มากนัก เฮสกีเก็บบอล พักบอลได้แต่เหมือนพยายามเล่นด้วยตัวเองมากเกินไป จนมักจะเสียบอลเองตลอด ส่วนอักบอนลาฮอร์ก็ถูกล็อกตายตลอดเวลาจนไม่สามารถคายพิษสงออกมาได้อีก แต่ข้อดีของแก๊บบี้วันนี้ก็คือ เขาดึงกองหลังมาหาได้ครั้งละสองคนตลอด เพียงแต่เพื่อนไม่สามารถฉวยโอกาสไว้ได้เท่านั้นเอง และนี่คือสิ่งที่โอนีลโมโห เพราะเขาคิดว่า ถ้าวิดิชถูกลงโทษตามกติกาซึ่งหมายถึงใบแดงแล้ว วิลล่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้แน่ๆ เพราะกองหลังที่เหลือ ไม่มีใครอีกแล้วที่บี้บดกับแก๊บบี้ได้สมน้ำสมเนื้อเหมือนวิดิช ยิ่งถ้าวิดิชโดนแดงไปจริง ทางเลือกของป๋าก็คงต้องถอดกองหน้าออก แล้วส่งบราวน์มายืนคู่เอแวนส์แทน ถ้าเป็นเช่นนั้น พี่ๆน้องๆคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นครับ ในเกมนี้

รูนี่ย์ลงมาก็ทำให้วาเลนเซียคายพิษสงได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยขึ้น รูนี่ย์ดึงตัวประกบหุบเข้าไปในได้มากขึ้น วาเลนเซียก็มีพื้นที่จะเล่นได้มากขึ้น รวมไปถึงการปรับหมากจากป๋าเล็กๆ ที่สั่งให้วาเลนเซียมีอิสระในการเล่นมากขึ้นด้วยการหุบตัวเองเข้ามาใน และลากบอลเข้าไปด้วยตัวเองบ่อยขึ้น ตรงนี้ทำให้กองหลังที่เคยดักทางขวาของวาเลนเซียต้องคิดมากขึ้น และไม่สามารถปิดทางได้ง่ายๆอีก ปิดกราบก็โดนลากหุบเข้าใน จะตามไปปิด ตัวเติมก็สอดเข้ามาแทน ปวดหัวครับ วิลล่าเล่นรับมากๆแบบนี้ ยิ่งเปิดทางให้เกมรุกของยูไนเต็ดได้ทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองไม่ค่อยมีโอกาสสวนกลับ แก๊บบี้ไม่ได้บอล เฮสกีไม่มีคนเล่นด้วย มิลเนอร์ต้องเล่นรับ คุสแซ็คยังไม่พลาด แค่นี้ก็จบข่าวสำหรับวิลล่า ประตูชัยของยูไนเต็ดก็มีที่มาจากกราบขวา เมื่อวาเลนเซียหลุดขึ้นมาถึงเส้นหลังก่อนเปิดครอสเข้ากลางไปเจอหัวรูนี่ย์ที่ปักหลักโขกย้อยย้อนทางเสียบสามเหลี่ยมเสาแรก หมดปัญญาที่ฟรีเดลจะป้องกันไว้ได้

แล้วรูนี่ย์ก็เกือบทำได้อีกครั้ง เมื่อวาเลนเซียได้เปิดจากกราบเช่นเดิมบอลหลุดมาเสาสอง ที่มีเพียงรูนี่ย์ยืนโล่งๆคนเดียว รูนี่ย์โหม่งเต็มๆบอลพุ่งกระทบเสาอย่างน่าเสียดาย ยูไนเต็ดบุกจนหวุดหวิดจะได้ลูกที่สามหลายครั้งหลายหนแต่ก็พลาดไปหมด แถมเกมนี้ราฟาเอลก็มีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นจากการสไลด์บอลสุดเหยียด จนป๋าช่วงช่วงต้องส่งแกรี่ เนวิลล์ลงมาแทนในช่วงก่อนที่ยูไนเต็ดจะได้ประตูออกนำเพียงเล็กน้อย และหลังจากบุกจนได้ประตูนำไปแล้ว โอนีลก็แก้เกมด้วยการส่งยอห์น คาริวลงมาแทน การ์ลอส กวยยาร์ เพื่อเพิ่มเกมรุก ในขณะที่ป๋าเฟอร์กี้ถอดเอาอาตี๋ดริฟท์คิงออกมา แล้วแทนที่ด้วย ดาร์รอน กิ๊บสัน เพื่อตรึงพื้นที่ตรงกลางสนามมากขึ้น รูปเกมจากนั้นกลายเป็นวิลล่าที่บุกมากขึ้นโดยยูไนเต็ดวางเกมรัดกุมและเล่นกับเวลา จนสุดท้ายหมดเวลา ยูไนเต็ดฟาดแชมป์แรกของซีซั่นได้สำเร็จที่นิวเวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 2:1 หนือแอสตัน วิลล่า

รายละเอียดได้พูดถึงไปหมดแล้ว จึงขอพูดเล็กๆน้อยๆถึงสิ่งที่ได้เห็นในเกมนี้ นั่นก็คือ ความเข้าอกเข้าใจกัน และการประสานงานในเกม ที่ปีนี้เริ่มจะมาดีขึ้นเอาในเดือนกุมภาพันธ์ (ไม่นับเกมพ่ายเอฟเวอร์ตันที่ห่วยแตก) หวังว่าการดร็อปบอลลีกไปเล่นเกมทีมชาติกลางสัปดาห์นี้ จะไม่ทำให้แพสชั่นดีๆมันหายไปนะครับ อุตส่าห์สร้างมาอย่างยากลำบากแท้ๆ เกิดมันหายไปดื้อๆผมคงเสียดายแย่ ตรงกลางสนาม ไมเคิล คาร์ริค เริ่มคืนฟอร์มได้มากขึ้น เฟล็ทเชอร์จึงต้องปรับบทบาทตัวเองลงไปตามธรรมชาติ แต่ก็ถือได้ว่าทำให้สมดุลเกมตรงกลางมันกลมกล่อมขึ้นมาก และคงเป็นตัวหลักในแผงกลางของทีมเราไปแล้วสำหรับคู่หูคู่นี้ การสลับกันรุกและรับอย่างเข้าอกเข้าใจกัน ซึ่งเราไม่ได้เห็นมานานหลังจากหมดยุคคีน-สโคลส์ ถึงแม้สองคนนี้จะไม่ แร๊งงงแรง เท่า แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาในตอนนี้ก็คือ ความสมดุลและความไหลลื่น รวมทั้งการเชื่อมเกมระหว่างรุก-รับ ที่เริ่มเข้าตามากขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป สองคนนี้จะพัฒนาตัวเองให้ก้าวขึ้นไปถึงระดับที่คีน-สโคลส์เคยทำไว้นะครับ

นอกจากนี้ เรายังเห็นว่า แผงกองหลังที่ได้วิดิชกลับมา ก็ยังออกอาการซวนเซให้เห็นอยู่ประปราย วิดิชเองผมบอกเสมอว่าจุดอ่อนของแกคือการเล่นดวลตัวตัวกับกองหน้าเร็วๆแบบนี้แหละ วิดิชเสียคนมานักต่อนักแล้ว โดยเฉพาะกับตอร์เรส วิดิชจึงจำเป็นต้องมีตัวรองครับ แต่เกมนี้ตัวรองมันดันไม่มาไม่ทัน วิดิชเลยเกือบซวยไป เอแวนส์เองก็มีแกว่งให้เห็น จ่ายบอลคืนหลังเกือบไปเข้าเท้าวิลล่า นี่ถ้าวิลล่าตั้งอกตั้งใจมีเวลาเล่นเกมรุกมากกว่านี้ เราเองก็คงเหนื่อยไม่น้อยนะครับ เอาล่ะ วันนี้ผมคงขอจบไว้ที่ตรงนี้ และหวังว่านักเตะทุกๆคนของทุกๆทีม จะคัมแบ๊คกลับมาจากทีมชาติแบบสมบูรณ์พร้อมกันถ้วนหน้า เพื่อให้การลุ้นแย่งแชมป์ได้ขับเคี่ยวกันเมามันต่อไป

แล้วมาลุ้นกันครับ


สงบใจ




 

Create Date : 02 มีนาคม 2553
0 comments
Last Update : 2 มีนาคม 2553 12:01:02 น.
Counter : 420 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.