Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
19 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 

20090219 วิพากษ์ MAN UNITED vs FULHAM

ขอลุงสโคลส์เด่นบ้างนะหลานๆ อิอิอิ




สวัสดีครับ ไม่ได้พานพบกันสิบวัน เนื่องจากติดสุดสัปดาห์เอฟ เอ คัพ ที่เขาเก็บไว้ดูเล่นกันเองในครอบครัว ทำให้ผมต้องนอนกอดหมอนน้ำตาซึม...เอ๊ยยยย นอนกอดเอฟเอ็มฟังรายงานสดด้วยความเซ็งอีกเกม ไม่ทราบเป็นไงนะครับ นอนกอดเอฟเอ็มทีไร ยิงกระจายทู้กกกกกที สิน่า ตั้งกะยิงแบล๊คเบิร์น มาสเปอร์ส มาดาร์บี้ ทำมายยยยยยเราต้องอดดูด้วยยยยย//หยอกเย้า เอาล่ะ กลับมาคุยเรื่องพรีเมียร์ลีก เกมตกค้างของเราเมื่อคืนกันต่อครับ คงสมหวังกันไปสำหรับชาวผีแดงทุกๆท่าน ที่สามารถคว้าสามแต้มแบบคลีนชีตได้อีกนัด ทำให้โกยแต้มหนีลิวเอร์พูลไปเป็นห้าแต้มได้สำเร็จ และตอนนี้ลงแข่งเท่ากันที่ 25 นัดแล้วด้วยครับ



ก่อนเกม เป็นที่ถกเถียงกันมากมายในวงกว้างว่า ท่านเซอร์จะจัดทัพอย่างไรในช่วงยี่สิบสามสิบวันนี้ เพราะตัวหลักเราทยอยกลับคืนมาจากเตียงพยาบาล มาสู่ทีมมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มจะมีเกมเตะถี่ยิบอีกครั้ง ป๋าเองก็เริ่มบ่นแล้วว่า รู้สึกผิดเล็กๆ ที่ต้องดร็อปใครออกจากทีม ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และทุกๆคนก็ยังอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกด้วย ครั้นพอเห็นทีมชีตเท่านั้นแหละครับ ผมก็อุทานในใจเลย งานเข้าแล้ว ฟูแล่มเอ๋ย... เพราะป๋าเล่นจัดชุดใหญ่เต็มถังลงสนามเลยทีเดียวครับ ผู้รักษาประตูเป็นน้าซาร์เจ้าเก่าที่จ้องจะฟันสถิติคลีนชีตของยุโรป ฟูลแบ๊คมีจอห์น โอเชียทางขวา และเอวร่าทางซ้าย คู่เซ็นเตอร์เลือกวิดิชและริโอ คู่กลางใช้คาร์ริคกับสโคลส์ ริมเส้นมีโรนัลโด้และปาร์ค คู่หน้ายังไว้ใจเตเวซและเบอร์บาตอฟต่อไป มีรูนี่ย์รอเสียบอยู่ข้างสนาม


สำหรับฟูแล่มของรอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือพเนจรคนหนึ่งในวงการ นัดนี้มีปัญหาพอสมควรเมื่อไม่สามารถใช้งาน พอล คอนเชสกี้, และแอนดี้ จอห์นสันได้ ซึ่งทั้งคู่เป็นตัวหลักของทีมเลยก็ว่าได้ ส่วนดากูร์ก็ยังเป็นสำรอง ทำให้ต้องส่งตัวแทนลงมาพร้อมปรับแท็คติคมาเน้นเกมรับมากกว่าปกติ โดยหากดูจากกราฟฟิกก่อนเกมจะเป็น 4-1-4-1 มีมาร์ค ชวาร์เซอร์เฝ้าเสา แผงหลังสี่คนประกอบไปด้วย คัลลิโอ, ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจส์ และ จอห์น เพนต์ซิล นอกจากสี่คนนี้แล้ว ฮ็อดจ์สันยังวางคริส แบร์ดไว้เก็บกวาดหน้าแผงหลังอีกหนึ่งคน แผงกองกลางสี่คนเลือกใช้ แดนนี่ เมอร์ฟี่, ไซม่อน เดวี่ส์, โซลตัน เกร่า และ คริส เดมพ์ซีย์ หน้าเดี่ยววันนี้ให้ บ๊อบบี้ ซาโมร่า ยืนค้ำ


เริ่มเกมมา ยูไนเต็ดพยายามเดินเกมกดดันเข้าใส่ทันที ในขณะที่ฟูแล่มผู้มาเยือนก็ไม่ได้เน้นเพรสซิ่งเร็ว หรือไล่บี้หนักๆอย่างที่ผมคาดว่าจะเจอ แต่ฟูแล่มกลับเลือกที่จะคุมโซน แล้วไล่ตามพื้นที่ และดูจะมีความพยายามเดินเกมรุกเข้าใส่เจ้าบ้านเป็นระยะๆ ไม่มีวี่แววว่าจะมาเน้นอุดประตูเอาซะเลย การเล่นลักษณะนี้ของฟูแล่ม มีแง่ดีให้มองอยู่พอสมควร นั่นคือซาโมร่ายังพอมีจังหวะกดดันกองหลังยูไนเต็ดได้บ้าง แถมยังมีโอกาสทะลวงตาข่ายสองสามครั้ง เพียงแต่ไม่คมพอจะจัดให้เข้ากรอบได้ แต่สองจังหวะของซาโมร่าที่เกิดขึ้นนั้นก็เล่นเอาน้าซาร์อมยิ้มเลยครับ ว่ารอดไปได้ยังไง เพราะน้าแกก็ไม่มีทางเซฟแล้วทั้งสองลูก หากว่ามันจะเบียดเสาเข้ามาอีกหน่อย

ฟูแล่มเองคงตั้งใจจะใช้ช่วงแรกของเกมมาท้าทายแนวรับเจ้าบ้านอย่างมุ่งมั่น แต่พอทำไม่ได้ แถมเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เจ้าบ้านก็ครองเกมไว้ได้เบ็ดเสร็จ จึงกลายเป็นว่า ฟูแล่มต้องเน้นเกมรับมากขึ้นกว่าเดิม เจ้าบ้านเริ่มหาช่องทางลำเลียงบอลเข้าไปโจมตีจากทุกๆช่องทางที่เป็นไปได้ เกมในครึ่งแรก ท่านเซอร์จัดโรนัลโด้ยืนทางขวา เล่นประสานกับโอเชีย ส่วนทางซ้ายเป็นปาร์คไว้คอยช่วยเอวร่า ถึงแม้เกมริมเส้นจะไม่ค่อยจัดจ้านนักในครึ่งแรก แต่การสอดประสานระหว่างกลางกับหน้ากลับลงตัวมากขึ้น การทำชิ่งทะลุทะลวง การผ่านบอล การให้บอล ดูไหลลื่น และ คล่องแคล่วมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าฟูแล่มเองก็ไม่เน้นเกมเพรสซิ่งอัดหนักเท่าไหร่ การคุมโซนไล่บีบตามโซนแบบนี้จึงทำให้เจ้าบ้านหาช่องต่อบอลง่ายขึ้นครับ



เจ้าบ้านมาได้ประตูแรกจากจังหวะที่แฟนแมนฯยูฯรุ่นเก่าๆคุ้นตา นั่นคือ การเปิดคอร์เนอร์ยาวย้อนกลับมาตรงกลางหน้ากรอบโทษให้มิดฟิลด์วอลเลย์สวนกลับเข้าไป เมื่อก่อนเราอาจเห็นคันโตน่า เห็นคีนทำได้ สโคลส์เองก็เคยทำได้มาก่อน วันนี้เขาทำได้อีกครั้ง เมื่อคาร์ริคเปิดย้อนกลับมาที่ระยะประมาณสี่สิบกว่าหลากลางประตูทีเดียว มิดฟิลด์ไดนาโมหัวแดงเพลิงขยับหาจังหวะเล็กน้อยก่อนจะหวดตูมด้วยขวาข้างถนัด ส่งบอลไซด์ก้อยพุ่งวาบทะลุช่องที่เปิดออกมาพอดี ลูกพุ่งมุดลงพื้นข้างหน้าชวาร์เซอร์ ทำเอาเจ้าตัวที่พุ่งมาทันแท้ๆ ตะครุบไม่ได้ แต่ต้องบล๊อคไว้ บอลที่ปลิ้นออกมายังติดไซด์ ค่อยๆกลิ้งหลุนๆเข้าประตูไป ส่งให้เจ้าบ้านนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 12 แหม...แต่ผมออกจะตะหงิดๆใจเล็กๆครับ ว่า ชวาร์เซอร์ประมาทไปนิดรึเปล่า ถึงออกลูกครึ่งๆกลางๆแบบนี้ หากตั้งใจจะปัดออกไปแต่แรก น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่เขาอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ครับ เพราะสโคลส์ยิงมาไกลพอดู

หลังจากเสียประตูแรกเร็ว ฟูแล่มยิ่งดูเหมือนหมดทางเลือกในการเล่นครับ จะเปิดเกมรุกเต็มตัวก็กล้าๆกลัวๆ แถมการออกบอลให้บอลยังติดๆขัดๆ จ่ายเสีย จ่ายขาด จ่ายเกินตลอด ยิ่งคาร์ริคและสโคลส์กลับมาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกครั้งนี่ ยิ่งทำให้งานฟูแล่มยากขึ้นไปอีกเยอะ คนหนึ่งขึ้น คนหนึ่งลง พออีกคนขึ้น อีกคนก็ลงแทน สอดประสานกันได้ลงตัวเหมาะเจาะ และยังปรับสมดุลระหว่างกันได้ดีมากๆ เกมนี้เมื่อสโคลส์ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีกว่า โดดเด่นกว่า คาร์ริคก็ถอยบทบาทตัวเองมารับมากขึ้น มาเป็นตัวประคองเกมมากขึ้น ปล่อยหน้าที่สร้างสรรค์เกมให้สโคลส์เต็มเม็ดเต็มหน่วย หากโดนฟูแล่มครองเกมเข้าใส่มากหน่อย ทั้งคู่ก็ถอยลงไปช่วยพร้อมๆกัน ทั้งหมดนี้ ทำให้ผมนึกถึงเกมในช่วงปีที่เรามีแค่สองคนนี้ตรงกลางจริงๆครับ มันเข้าขากันได้ดีมากๆ แถมทั้งคู่ยังประสานงานกับริมเส้นกับข้างหน้าได้ดีมากๆ ทำเอาฟูแล่มไล่บอลไม่ค่อยเจอเอาซะเลย



เจ้าบ้านยังมีโอกาสบวกประตูที่สองอีกหลายต่อหลายจังหวะ แต่ก็พลาดไปซะหมด ชวาร์เซอร์เองก็ช่วยเซฟได้หลายครั้ง ทั้งลูกยิงของโรนัลโด้ ของคาร์ริค ของเบอร์บาตอฟ นอกจากนั้น การครองเกมเข้ากดดันฟูแล่มยังทำได้ต่อเนื่องมากๆ แม้แต่โอเชียยังได้ลุ้นสอดมาส่องประตูจากการเติมเกมทางริมเส้น ประตูที่สองของเจ้าบ้านก็มาจากจุดนี้ครับ เมื่อยูไนเต็ดขึ้นเกมมาทางริมเส้นด้านขวา พอล สโคลส์ เล่นกับโรนัลโด้ ในจังหวะแรก แต่ติดแผงกองหลัง บอลยังทะลักกลับมาทางยูไนเต็ด โอเชียเติมเกมขึ้นมา สโคลส์ชิพบอลขึ้นหน้าไปทันที โอเชียตามขึ้นไปพร้อมๆกองหลังฟูแล่ม ประกอบกับที่ชวาร์เซอร์ปราดออกมาพยายามจะตัดบอล แต่โอเชียเหยียดขาสุดตัว จิ้มบอลหนีชวาร์เซอร์จนได้ บอลทะลักมาทางซ้าย ชวาร์เซอร์กลับตัวพุ่งมาสุดมือหวังป้องกันเต็มที่ แต่ดิมี่ก็โผล่มาพอดี ดิมี่ดึงจังหวะหลอกชวาร์เซอร์นิดนึงจนบอลไหลพ้นรัศมีชวาร์เวอร์แล้วจึงตวัดด้วยซ้ายเข้าไปได้ในนาทีที่ 30 ส่งให้เจ้าบ้านนำ 2-0 ลูกนี้ผมว่าชวาร์เซอร์อ่านจังหวะผิดเลยครับ ต่อให้ไม่ออกมา โอเชียก็ไม่มีทางได้ง้างแน่ๆ เพราะบอลมันไกลตัวแถมมีตัววิ่งเบียดไลน์ดีกว่าโอเชียเห็นๆอีกตัว เลยกลายเป็นชะงักทั้งคู่ไปซะงั้น

เกมในครึ่งหลังก็ยังคงเป็นแบบเดิม ฟูแล่มฉวยโอกาสต้นครึ่งหลังกดดันใส่เจ้าบ้านอีกระลอก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ยูไนเต็ดก็เริ่มผ่อนเกมลงตามลำดับ เน้นเคาะบอล ให้บอลตามช่อง รุกเมื่อมีช่องมีโอกาส และถอยเมื่อไม่มีช่อง โรนัลโด้สลับฟากกับปาร์คเป็นระยะๆ เจ้าบ้านเริ่มมีลูกล่อลูกชน ถอยเกมลงต่ำ ก่อนจะเปิดสวนแผงหลังขึ้นไปหลายครั้ง แม้จะไม่เร่งเกม แต่เจ้าบ้านยังสามารถหาโอกาสบวกสกอร์ได้เรื่อยๆ ก่อนที่จะเริ่มการเปลี่ยนตัว ท่านเซอร์ส่งรูนี่ย์ลงมาแทนเบอร์บาตอฟ และส่งอีแวนส์ลงมาแทนโอเชีย เมื่อประมาณชั่วโมงหนึ่งของเกม โดยที่โอเชียแสดงให้เห็นตอนเดินออกจากสนามเหมือนกับว่ามีอาการบาดเจ็บครับ และหลังจากนั้นเจ้าบ้านก็บวกประตูที่สามได้สำเร็จ เมื่อเอวร่าครอสบอลจากกราบซ้าย ข้ามหัวมาหมด ลูกมาตกที่ปาร์คเลยเสาสองไปพอสมควร ปาร์คซัดตูมลูกหลุดกรอบมาเสาแรกอีกครั้ง//หยอกเย้า แต่ดันมาเข้าทางปืนรูนี่ย์ที่สอดขึ้นมาพอดี//ฮ่าฮ่าฮ่า จึงแปเน้นๆเข้าประตูง่ายๆแค่หลาเดียว ส่งให้นำห่าง 3-0 ในนาทีที่ 63



หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ทยอยเปลี่ยนตัวจนครบ โดยยูไนเต็ดส่งดาร์รอน กิ๊บสันลงมาแทนคาร์ริคเป็นอันว่าครบโควต้าฝั่งเจ้าบ้าน ในขณะที่ฟูแล่มก็เริ่มเปลี่ยนบ้างโดยเอา โอลิวิเยร์ ดากูร์ลงมาเล่นตรงกลาง ถอดจอห์น เพนต์ซิลออก และปรับเอา คริส แบร์ด ถอยมายืนแบ๊คแทน จากนั้นช่วงท้ายเกม ก็เอาโรเบิร์ต มิลซั่ม ลงมาแทน แดนนี่ เมอร์ฟี่ ที่ต้องจำใจรับเสียงโห่ไปตามระเบียบ โทษฐานที่เคยฝังเจ้าบ้านมาก่อนในสีเสื้อลิเวอร์พูล โควต้าสุดท้ายคือการส่งเวย์น บราวน์ ลงมาแทน โซลตัน เกร่า ซึ่งเกมหลังจากที่ได้ประตูที่สามแล้ว ก็กลายเป็นว่า ยูไนเต็ดประคองเกมไปเรื่อยๆ รุกบ้าง ถอยบ้าง เคาะไปเคาะมาบ้าง ในขณะที่ฟูแล่มเองก็ดูเหมือนเลือกที่จะแพ้แค่นี้มากกว่าจะเสี่ยงสู้แล้วโดนสวนคืนครับ เพราะการสวนกลับวันนี้ เจ้าบ้านน่าจะบวกได้อีกหลายดอกเหมือนกัน แต่จบไม่ลง สีสันช่วงท้ายเกมจึงออกจะเรียบๆไปหน่อย

จบเกมก็คงต้องขอแสดงความยินดีกับน้าซาร์ที่ทำสถิติได้ยาวนานมากขึ้นไปอีก ข่าวล่าสุดคือเป็นเจ้าของแชมป์สถิติยุโรปคนใหม่ แต่ผมไม่ขอยืนยันนะครับ เพราะมันดูจะมีหลายสถิติเหลือเกินจนผมเองก็งงไปหมดแล้ว ส่วนอีกสามคนที่ผมขอชมตรงๆ คนแรกคือวิดิช ที่ปักหลักซดกับซาโมร่า และเดมพ์ซี่ย์ได้สุดเหยียดจริงๆ มีจังหวะก้ำกึ่งครั้งหนึ่ง ที่เจ้าตัวพยายามบล๊อคลูกเปิดพร้อมๆกับพยายามหุบแขนเข้าข้างลำตัวเต็มที่ แต่จากภาพช้าก็ก้ำกึ่งเหลือเกินครับ ว่าโดนตรงไหน โชคดีที่ยังมองเห็นความพยายามของเจ้าตัวในการหุบแขนเข้ามาแนบลำตัว ตรงนั้นน่าจะทำให้กรรมการตัดสินใจปล่อยเกมครับ




ส่วนอีกสองคนที่ต้องชมต่อก็คือสโคลส์ กับเบอร์บาตอฟ สโคลส์นั้นคงกลัวหลุดเฟรมครับ หลังจากที่กิ๊กส์รับบทนำไปสองเกมติดๆ เกมนี้เจ้าหนุ่ม(ยังหนุ่มรึ)หัวแดงจึงขอแสดงนำบ้าง ซึ่งผลงานก็คงต้องบอกว่า ผมยกให้สโคลส์เป็น mom ประจำเกมนี้ครับ อีกคนคือเบอร์บาตอฟ นัดนี้แสดงให้เห็นเลยว่า ฟอร์มของเจ้าตัวนั้น เริ่มจะกลับมาอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ จังหวะพลิกบอล จังหวะดึง จังหวะหลอกล่อ ก่อนจะคายบอล ต้องบอกเลยว่า (กลืนน้ำลายก่อน) สุโค่ยยยยยยย.... ครับ หากได้ความคมเต็มที่กลับมาเมื่อไหร่ ผมว่าทีมเราคงแจ่มขึ้นไปอีกเยอะครับ

สำหรับผู้เล่นที่เหลือก็เล่นได้ตามมาตรฐานตัวเอง มีเพียงเตเวซเท่านั้น ที่ครึ่งหลังพอรูนี่ย์ลงมากลับหายตัวไปซะเฉยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นยังเล่นร่วมกับเบอร์บาตอฟได้ดีมากๆอยู่เลยครับ เป็นสามตัวป่วนข้างหน้า เบอร์บา-เตเวซ-ปาร์ค ที่กดดันฟูแล่มได้ดีจริงๆ แต่พอรูนี่ย์ลงมามีส่วนร่วมกับเกมแดนหน้ามากขึ้น และทีมเริ่มผ่อนเกมลง เตเวซก็หายไปเฉยๆ คล้ายๆทับไลน์กันรึเปล่านะ เพราะเบอร์บามักจะเล่นบทเพลย์เมกเกอร์ในระยะหลัง ไม่ได้ยืนทับไลน์เตเวซ อ้อ...ไม่อยากจะบอกเพิ่มเลยว่า เกมนี้ผมขอชมโอเชียมากหน่อยก็แล้วกัน เพราะนอกจากจะแอสซิสต์ไปหนึ่ง ตลอดเกมยังไปตอดแย่งลูกจากเท้าผู้เล่นฟูแล่มได้หลายครั้ง สอดเติมเกมทางขวาสวยๆหลายครั้งเช่นกัน ทำให้ย้อนนึกไปถึงตอนที่รุ่งขึ้นมาใหม่ๆโน่นแน่ะครับ ว่าแต่...ทำไมตั้งแต่ปีที่แล้วเนี่ย เทพเราทยอยคืนสภาพกันหมดเลย ไล่มาตั้งแต่บราวน์, เฟล็ทเชอร์ มาตอนนี้ โอเชียก็เล่นดีมาหลายนัดติดต่อกันแล้ว ก็น่าคิดนะครับ...หรือว่า เป็นเพราะตำนานเทพตัวพ่อ อย่างริชาร์ดสัน ย้ายออกไปก็ไม่ทราบ//ฮ่าฮ่าฮ่า



หลังจากเกมนี้ ผมคงต้องลุ้นหนักหน่อยในวันเสาร์ เมื่อเราต้องเปิดบ้านรับแบล๊คเบิร์น ในขณะที่ลิวเอร์พูลเตะตามหลังเราในวันอาทิตย์ ก่อนที่เราจะถูกเลื่อนโปรแกรมพรีเมียร์ลีกเพื่อไปเตะลีกคัพนัดชิงในวันที่ 1 มีนาคม ทำให้กว่าเราจะได้เตะพรีเมียร์อีกทีหลังแบล๊คเบิร์นเสาร์นี้ก็โน่นเลย...วันที่ 4 มีนาคม กับการออกไปเยือนนิวคาสเซิล ของกุนซือหัวใจสะออน โจ คินเนียร์ ที่ผมว่าต้องลุ้นหนักหน่อย ก็เพราะอยากให้ทิ้งหงส์แดงเป็นแปดแต้มให้ได้ก่อนที่หงส์แดงจะเตะในวันอาทิตย์ ซึ่งมันจะทำให้เราอยู่หนาวๆข้างบนอย่างต่อเนื่องต่อไปได้ แม้หงส์แดงจะชนะที่ซิตี้ ออฟแมนเชสเตอร์และชนะในเกมที่เราถูกเลื่อนไปไม่ได้เล่นก็ตามครับ

และหากไม่มีอะไรผิดพลาด ทั้งผีแดง ทั้งหงส์แดง ก็คงฟาดสามแต้มเต็มๆสุดสัปดาห์นี้ทั้งคู่อยู่ดี แต้มก็จะเป็นห่างกันห้าแต้มแข่งเท่ากันหลังเกมวันอาทิตย์ และ ลิเวอร์พูลก็น่าจะตามมาเหลือแค่สองแต้ม เพราะจะได้ไปเยือนโบโร่ ในขณะที่เราต้องไปชิงลีกคัพ พอมาถึงเกมที่เราไปเยือนนิวคาสเซิล ลิเวอร์พูลก็จะเปิดบ้านรับซันเดอร์แลนด์ (ไม่เห็นเหลี่ยมพลาดเลย) ผมคงต้องลุ้นหนักอีกครั้งครับ เพื่อให้เรายังคงหนาววววอยู่ข้างบนต่อไป เพราะหลังจากเยือนนิวคาสเซิลจบแล้ว เราจะเปิดบ้านรับหงส์แดงต่อไปครับ...



แล้วมาลุ้นกันนะครับ

เริ่มตั้งแต่เสาร์นี้ เที่ยงคืนครึ่ง
กับเกมเปิดบ้านรับกุหลาบ (ของพ่อหมอ)




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2552
2 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2552 10:38:13 น.
Counter : 473 Pageviews.

 

ผมว่าการกลับมาของ เอฟร่า ช่วยเราได้เยอะเลยนะครับ

ทั้งการประสานงานกับปีกทั้งสอง และการสอดทะลุทะลวงในเกมรุก

คือเหมือนจะไม่เด่นในแมตช์ แต่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่สุดอันหนึ่งของเกมแมนยูฯ ชุดนี้เลย

 

โดย: จีโน่ IP: 202.142.193.15 20 กุมภาพันธ์ 2552 18:31:30 น.  

 


สวัสดีเจ้าค่ะอัพบล็อก

ใหม่แล้วเจ้าค่ะเพิ่มรูปเจ้าค่ะ

เพิ่งกู้คืนมาได้เจ้าค่ะมีความสุข

มากๆนะเจ้าค่ะรักษาสุขภาพด้วย

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมเสมอเจ้าค่ะ

 

โดย: yoja 21 กุมภาพันธ์ 2552 18:36:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.