Once Man United, Always Man United
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

20080128 วิพากษ์ เอฟเอ คัพ Man UTD vs Tottenam Hotspurs

The Road to Wembley Still Open



อรุณสวัสดิ์ครับผม พบกันหลังวันใจหายใจคว่ำอีกครั้งนะครับ อันเนื่องจากเกมเมื่อคืนนี้ ที่เป็นศึกบอลถ้วยอันเก่าแก่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเรา เปิดโรงละครต้อนรับการมาเยือนของไก่เดือยทอง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส ผลเป็นอย่างไรก็ทราบไปแล้ว เราจะมาคุยกันเรื่องในเกมกันเลยดีกว่านะครับ

ตอนเห็นการจัดตัวของท่านเซอร์และของกุนซือแชมป์บอลถ้วยจากสเปน ฆวนเด้ รามอสนั้น ก็ชักจะแปร่งๆในใจเล็กน้อยพอสมควร รามอสนั้นมีปัญหาเรื่องบาดเจ็บและแบน ทำให้ไม่สามารถส่งกองหลังชุดสมบูรณ์ลงสู้ศึกได้ ต้องใช้ ทอม ฮัดเดิลสตันลงยืนคู่กับไมเคิล ดอว์สัน และอี ยอง เพียว กับ เจมี่ โอฮาร่า เป็นฟูลแบ๊คในขณะที่แผงกลางกับแผงหน้าสามารถใช้ตัวอันตรายได้ นำทัพมาโดย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และร็อบบี้ คีน มีจีนาสทำเกมตรงกลางสนามกับเทนิโอ เป็นตัวรับ และใช้อารอน เลนน่อน กับ สตีด มาลบร็องก์ โลดแล่นตามกราบ ผู้รักษาประตู ยังคงดร็อปโรบินสันไว้ข้างสนาม เลือกใช้แซร์นี่ลงเล่นเป็นตัวจริงแทน

ส่วนท่านเซอร์นั้นเลือกที่จะทำให้กองเชียร์เสียวหัวใจเล่นๆ ด้วยการใช้ เวสลี่ย์ บราวน์ลงเล่นเป็นเซ็นเตอร์คู่กับริโอ เฟอร์ดินานด์ ดร็อปวิดิชไว้ และใช้จอห์น โอเช เป็นฟูลแบ๊คทางขวา ซ้ายใช้เอวร่า กองกลางเลือกใช้การจับคู่ระหว่างโอเว่น ฮาร์กรีฟส์ กับไมเคิล คาร์ริค ทางซ้ายใช้ไรอัน กิ๊กส์ ทางขวาใช้ โรนัลโด้ ส่วนคู่กองหน้าใช้เตเวซ และรูนี่ย์ ผู้รักษาประตูยังคงวางใจ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์เหมือนเดิม

ที่ผมบอกไปว่าแปร่งๆ นั่นก็เพราะผมค่อนข้างมั่นใจในนัดนี้ ว่าท่านเซอร์จะส่งตัวจริงเต็มพิกัด ไม่น่าจะกล้าเสี่ยงในแผงหลังเช่นนี้ เพราะชื่อชั้นของเบอร์บาตอฟ กับ ร็อบบี้ คีน มันธรรมดาซะที่ไหนกัน นอกจากนั้น ผมยังเชื่ออีกว่า ท่านเซอร์จะเลือกใช้บริการ อันแดร์สันในนัดนี้ มากกว่า คาร์ริค เพื่อช่วยในการตัดเกมบุกของสเปอร์ส เลือกใช้ความห้าว ความดุดัน และลูกขยันของอันแดร์สัน มากกว่าจะเลือกคาร์ริคที่จะลงมาคุมเกมสู้กันกับกองกลางของสเปอร์ส แต่กลายเป็นผมคาดผิดหมดเลยครับ

เมื่อผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มเกม ก็เหมือนการเปิดสงครามทันที ทั้งสองทีมต่างพากันดาหน้าเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว โดยที่แท็คติคที่กุนซือทั้งคู่เตรียมมานั้น น่าจะคล้ายๆกันในช่วงเริ่มเกม นั่นก็คือการฉวยโอกาสเร็วตอนที่เริ่มเกม ก่อนคู่ต่อสู้จะทันตั้งตัวได้ ทำให้เกมกลายเป็นบอลรุกเต็มพิกัดในช่วงสิบห้านาทีแรก ผลัดกันรุกอย่างต่อเนื่อง โดยแมนฯ ยูฯ มีโอกาสจากเวย์น รูนี่ย์ และโรนัลโด้ แต่ยังไม่เข้ากรอบ ส่วนสเปอร์สนั้น มาได้จากลูกโขกของเบอร์บาตอฟ แต่รูนี่ย์สามารถโหม่งเคลียร์ออกจากเส้นได้

หลังจากสิบห้านาทีแรกผ่านไป เกมก็ค่อยกลับเข้ามาสู่การคอนโทรลบอลอย่างจริงๆจังๆ ทั้งคู่เริ่มมีการชลอเกมลง และดูจังหวะมากขึ้น แต่ก็ยังคงเน้นเกมรุกอยู่เหมือนเดิม โดยผลัดกันครองบอล เปิดเกมรุกอยู่เรื่อยๆตามแต่โอกาสและพื้นที่ที่มองเห็น สเปอร์สเลือกใช้เกมทางกราบของ มาลบร็องก์ กับ เลนน่อน เป็นตัวป่วน และเดินเกมขึ้นหน้า มีคีน กับ เบอร์บาตอฟทำเกมข้างหน้าในขณะที่ ยูไนเต็ดก็ยังคงใช้โรนัลโด้, กิ๊กส์ และ เอวร่า เป็นตัวเคลื่อนบอลทางกราบตามถนัด และเตเวซ กับรูนี่ย์ สลับกันลงมาเล่นต่ำ เพื่อดึงกองหลังสเปอร์สลงมา

จากรูปเกมในช่วงนี้ เราจะเห็นแล้วว่าแมนฯ ยูไนเต็ด นั้น เลือกแท็คติคเดียวกันกับสเปอร์ส นั่นคือ บีบพื้นที่เร็ว และเพรสซิ่งตั้งแต่แดนกลางสนาม นี่เองที่ทำให้กองกลางของทั้งสองทีม ไม่สามารถเดินเกมตามถนัดได้มากนัก ต้องใช้ปีกซะมากกว่ากลาง เพื่อเดินเกมไปข้างหน้า สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ ในขณะที่ อี ยอง เพียวขึ้นมาเติมนั้น จะมีดอว์สัน คอยซ้อนตำแหน่งของเขาตลอด เวลาเสียบอล เพื่อสกรีนเกมทางกราบ ในขณะที่ เอวร่า เมื่อเติมขึ้นมา ทิ้งช่องโหว่เบ้อเริ่มไว้ข้างหลัง ที่เลนน่อนสามารถฉวยโอกาสเล่นได้บ่อยครั้ง และก็เป็นที่มาของประตูขึ้นนำ เมื่อเลนน่อน ที่วิ่งเร็วกว่าเอวร่า สามารถควบไปเอาบอลและเปิดเข้ามากลาง ให้ร็อบบี้ คีน ที่สอดเข้ามาคนเดียวระหว่างริโอ และบราวน์ แปเข้าไปง่ายๆ ถือเป็นความผิดพลาดของกองหลังเต็มๆครับ ตั้งแต่หลุดพื้นที่ของเอวร่า แล้วก็ไม่สามารถปิดการเปิดของเลนน่อนได้ อีกทั้งยังปล่อยให้คีนสอดเข้ามาโล่งๆได้อีก โทษตัวเองไปเต็มๆเลยครับ และก็คารวะในจังหวะเข้าทำช็อตนี้ของสเปอร์สที่ฉวยโอกาสได้อย่างเหมาะเจาะจริงๆ สำหรับประตูนี้

แต่หลังจากได้ประตูขึ้นนำไปแล้ว สเปอร์สกลับผ่อนเกมลง และถอนกำลังลงมาต่ำมากขึ้นเพื่อแพ็คเกมที่ยูไนเต็ดจะโหมบุกเข้าใส่ ซึ่งเกมหลังจากนาทีนั้นเป็นต้นมา เราจะเห็นรายละเอียดของแท็คติคเกมรุกท่านเซอร์มากขึ้น นั่นคือ การใช้เกมเพรสซิ่งสูง ตั้งแต่ในแดนสเปอร์ส และเลือกที่จะประกบกองหน้าอย่างคีน และ เบอร์บาตอฟ โดยการใช้คนตามประกบตามพื้นที่ที่ทั้งสองคนวิ่งไปมา ทั้งนี้ เกมของแมนฯ ยูฯ จะเล่นตามแท็คติคนี้จนจบเก้าสิบนาทีเลย และได้ผลค่อนข้างมาก สามารถปิดความอันตราย และความจัดจ้านของคีน กับเบอร์บาตอฟได้ค่อนข้างสนิท

แท็คติคดังกล่าว จะมอบหมายให้กองหลังและกองกลางที่อยู่ใกล้ๆคีนกับเบอร์บาตอฟแล้วแต่กรณีว่าใครอยู่ใกล้ คอยพัวพัน ไล่ประกบ และเบียดแซะกองหน้าสองคนนั้นอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น ริโอ, บราวน์, หรือฮาร์กรีฟส์ แม้แต่คาร์ริค ก็ไม่เว้นได้ตามประกบกันทั้งนั้น การตัดเอาทั้งสองคนออกจากการมีส่วนร่วมของเกมได้ ถือว่าทำให้งานง่ายขึ้นเยอะ อีกทั้งการเพรสซิ่งเร็ว และบีบพื้นที่ตั้งแต่กลางสนาม ยังทำให้การจ่ายบอล และการออกบอลของสเปอร์สไม่ค่อยแน่นอน บอลไม่ค่อยถึงกองหน้าซึ่งโดนประกบล็อคอยู่ตลอด ทำให้ไม่สามารถขึ้นเกมได้ถนัดอีกเลย ทำให้ต้องเปลี่ยนมาเป็นการวางบอลยาว ซึ่งก็มักจะโดนโหม่งสกัดออกมาได้เรื่อยๆ ผมมองว่า แท็คติคที่ท่านเซอร์วางมาในวันนี้ ได้ผลมากทีเดียวครับ

แต่แท็คติคนี้ ยังมีความเสี่ยงอย่างมากอยู่สองประการ ที่เราเห็นกันไปหลายครั้ง นั่นก็คือข้อแรก การเพรสซิ่งสูงเลยจากแดนตัวเองขึ้นไป ทำให้พื้นที่ในแดนหลังของเราค่อนข้างว่าง ถ้าสเปอร์สสามารถวางบอลยาวออกตามกราบได้อย่างแม่นยำ ให้เลนน่อน หรือมาลบร็องก์ที่ไม่ได้โดนประกบแล้ว ก็จะทำให้ปีกของสเปอร์สมีพื้นที่เล่นได้มากจริงๆ เราจะเห็นได้จากหลายๆจังหวะที่เลนน่อนสามารถหลุดขึ้นมาทางฝั่งของเอวร่าได้หลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าโชคดีที่การประกบคีนและเบอร์บาตอฟทำได้ดี ทำให้สเปอร์สไม่สามารถฉวยโอกาสจากการหลุดมาทางกราบได้น่ากลัวมากนัก

ในขณะที่ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งก็คือ การที่ต้องใช้คนคอยตามประกบคีนและเบอร์บาตอฟอยู่ตลอด ทำให้หลายครั้งที่เบอร์บาตอฟ กับคีน เลือกที่จะถอยลงมาต่ำยังกลางสนาม ซึ่งก็จะเป็นการดึงเอากองหลังยูไนเต็ดตามขึ้นมาด้วย จากนั้น ก็จะทำให้ตัวที่อยู่ตรงกลาง สามารถสอดทะลุสวนขึ้นมาหลุดเดี่ยวได้ง่ายๆ เราจะเห็นเลยว่า ทั้งเลนน่อน และจีนาส ต่างทะลุช่องสวนพรวดขึ้นมาได้สามสี่ครั้งหลุดทั้งกองกลางทั้งกองหลังมาดวลกับฟาน เดอร์ ซาร์ แต่เหมือนเจ้าบ้านพกโชคมาเต็มๆครับ ที่ทั้งสองคนไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้เลย

แมนฯ ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีเสมอจากการการที่ดอว์สันโหม่งสกัดลูกโด่งผิดเหลี่ยมและล้มลง ทำให้กิ๊กส์ได้บังอี ยอง เพียว ก่อนแตะเบาๆให้เตเวซวิ่งเข้ายิงง่ายๆ เป็นลูกตีเสมอ โดยลูกนี้ ต้องชม ไรอัน กิ๊กส์ จริงๆ ที่เลือกเล่นได้อย่างชาญฉลาดกับการรอจังหวะเมื่อเห็นเตเวซเข้ามา ในขณะที่ก็ต้องบอกว่าเป็นโชคร้ายของดอว์สันด้วยครับ ที่สกัดไม่ดี ทำให้เสียหลัก และบอลไปตกเข้าทางการบังบอลของกิ๊กส์พอดี ก็ต้องถือว่าเป็นประตูที่ทำให้ทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทางก่อนจะพักครึ่งนั่นเองครับ หากไม่ได้ประตูตีเสมอก่อนพักครึ่ง อาจทำให้สเปอร์สมั่นใจขึ้นมากกว่านี้ และเราจะเล่นยากขึ้นเยอะในครึ่งหลัง

พอกลับมาเข้าครึ่งหลัง ดูเหมือนรามอสจะไม่สามารถแก้แท็คติคการประกบกองหน้า และการเพรสซิ่งสูงของยูไนเต็ดได้มากนัก นอกจากการใช้ปีกทะลุตามช่องว่างตามกราบ แต่เนื่องจากกองกน้าโดนประกบสนิท ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้ถนัดนัก แต่จุดที่ยังใช้ได้ดีก็คือการสอดขึ้นมาของกองกลาง ส่วนการดึงกองหลังของคีนและ เบอร์บาตอฟ ให้ลอยขึ้นมา ยังคงทำได้ดีมาก แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ จีนาส กับเลนน่อน ไม่คมพอจะเปลี่ยนโอกาสเหน่งๆให้เป็นประตูได้เลยครับ เกมในแดนกลางเป็นของเจ้าถิ่นอย่างสิ้นเชิง เมื่อฮาร์กรีฟส์ ที่นัดนี้ ผมว่าเขาเล่นได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ย้ายเข้ามาเลยทีเดียว สามารถตามสกัดบอล ตามแย่งบอลอย่างมีอิสระทั่วทั้งสนาม สอดรับกับการเล่นของคาร์ริคได้ดีจริงๆ ถึงแม้นัดนี้ คาร์ริคจะแสดงให้เห็นถึงการคุมเกมและเปิดเกมบุกได้เป็นอย่างดี แต่ฮาร์กรีฟส์ ที่ไล่แย่งบอลจากนักเตะสเปอร์สตลอดเกม สามารถแย่งความเด่นของคาร์ริคตรงกลางสนามไปหมดเลย

ทั้งคู่มาเปลี่ยนตัวเอาเมื่อเกมมาถึงหนึ่งชั่วโมง โดยที่สเปอร์สนั้น เอาคริส กันเทอร์ลงมาเล่นแทน อี ยอง เพียว ในขณะที่ คาร์ริคถูกถอดออก เพื่อเอาสโคลส์ลงมาแทน กรณีของกันเทอร์ ถ้าผมจำไม่ผิด นี่น่าจะเป็นนักเตะที่เพิ่งซื้อเข้ามาใหม่ ทำให้ผมไม่อาจเดาใจรามอสได้ ว่าเป็นการเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขจุดไหน แต่กรณีของสโคลส์ ผมว่าน่าจะเป็นการคืนสนามให้จับจังหวะเกมหลังจากหายไปสามเดือน เพราะคาร์ริคเองก็ไม่ได้เล่นด้อยตรงไหน เพียงแต่จุดที่แตกต่างหลังจากสโคลส์ลงมาก็คือ เกมรุกจากตรงกลาง มีสปีดที่เร็วขึ้น สโคลส์เปลี่ยนบอลเป็นเกมรุกได้เร็วขึ้น จากการวางยาวที่แม่นยำ และการตัดสินใจที่เร็วกว่าคาร์ริค ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งในการเปลี่ยนตัวก็เป็นได้ เพื่อเปลี่ยนจากรับเป็นรุกให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ผมสงสารคาร์ริคเหมือนกัน ที่เจ้าตัวดูจะตั้งใจพิสูจน์ตัวเองกับทีมเก่าเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้ไม่ครบเก้าสิบนาที

หลังจากเสียประตูตีเสมอในครึ่งแรก สเปอร์สยังมาโชคร้ายอีกรอบ ที่เสียประตูที่สองจากความผิดพลาดของดอว์สัน ที่เบียดแย่งโหม่งกับรูนี่ย์ในจังหวะทะลุขึ้นมาโล่งๆ จากลูกเตะเปิดของ ฟาน เกอร์ ซาร์ ทำให้รูนี่ย์ได้จับบอล และดอว์สันเนื่องจากเสียหลักไปแล้ว ก็พุ่งขวางไว้แต่มือดันไปปัดโดนบอลเปลี่ยนทางจากจังหวะยิงของรูนี่ย์ ผู้ตัดสินจึงให้จุดโทษ และควักใบแดงให้ดอว์สันออกจากสนามไป ผมเห็นสีหน้าของดอว์สันแล้วก็ต้องบอกว่า น่าเห็นใจมากครับ ดูเหมือนดอว์สันเองก็รู้ตัวว่าพลาดที่เผลอตัวเผลอใจไปยื่นแขนออกไปเช่นนั้น และโรนัลโด้ก็สังหารลูกนี้ไม่พลาด เป็นประตูที่ 24 จาก 23 เกมในปีนี้

ลูกที่เสียประตูของสเปอร์สลูกนี้ ถือเป็นโชคร้ายของดอว์สันอีกครั้งครับ เพราะการที่เขาต้องเล่นกับรูนี่ย์โดยตลอด และรูนี่ย์ก็ใช้ความหนาของร่างกายเข้าสู้กับดอว์สันมาตั้งแต่นาทีแรกๆ เราจะเห็นว่า ดอว์สันลูงกว่าก็จริง แต่เมื่อมาเบียดกระแทกแย่งบอลกันแล้ว ดอว์สันมักจะมีปัญหาหลายต่อหลายครั้ง เพราะรูนี่ย์นั้น แข็งแกร่งและหนากว่าเยอะ ทำให้มักจะได้เปรียบดอว์สันอยู่เป็นประจำ นั่นอาจจะเป็นจุดที่เพิ่มความกดดันให้ดอว์สันมากขึ้นเรื่อยๆครับ จนทำให้เกร็งในทุกๆจังหวะที่ต้องเบียดกับรูนี่ย์ และมันคงไม่เป็นแบบนี้ ถ้ายังมีเล็ดลี่ย์ คิง ที่แข็งแกร่งกว่าเยอะ มาประกบกับรูนี่ย์แทนที่จะเป็นดอว์สัน ต้องถือว่าโชคร้ายจริงๆครับ

หลังจากนั้น เกมของสเปอร์ส ต้องเปิดแลกแล้ว เพราะต้องการทวงประตูคืน มีการเปลี่ยนเอา ปริ๊นซ์ บัวเต็งลงมาแทนเลนน่อน น่าจะเพื่อเน้นการเจาะทะลวงตรงกลางมากขึ้น และใช้ความหนาของร่างกายเข้าสู้ในจังหวะเบียดสอดเข้าไปตรงกลาง อีกทั้งน่าจะยังหวังในลูกกลางอากาศจากจังหวะตั้งเตะได้มากขึ้น เพราะดอว์สันก็ไม่อยู่ในสนามแล้ว นอกจากนั้น ช่วงสิบนาทีสุดท้าย ยังเปลี่ยนเอาเทนิโอที่ถูกดันลงไปยืนเซ็นเตอ์แทนดอว์สันออกไป โดยให้เดโฟลงมาล่าตาข่ายแทน ก็ถือเป็นการเสี่ยงตามสถานการณ์ที่ต้องแลก ในขณะที่อันแดร์สันของเจ้าบ้าน ถูกส่งลงมาในสิบนาทีสุดท้ายเช่นกัน โดยลงมาแทนเตเวซ เพื่อแพ็คแดนกลางและช่วยไล่บอลมากขึ้น

เกมกลายเป็นการรุกของสเปอร์ส เพื่อหวังทวงประตูคืน โดยต่างพากันบุกกระหน่ำเข้าใส่ยูไนเต็ด ทั้งทางกราบทั้งลูกบอมบ์ และการทำทางของเบอร์บาตอฟ กับคีน แต่ฮาร์กรีฟส์ กับ อันแดร์สันก็ยังสามารถช่วยเกมรับได้เป็นอย่างดี ไฮไลต์ของช่วงนี้ อยู่ที่การที่บราวน์สามารถแหย่ขาลอดขาของเบอร์บาตอฟสกัดบอลจากลูกเปิดทางซ้าย ถึงแม้จะโดนเสา แต่ผมยังเชื่อว่า ถ้าไม่มีบราวน์ ลูกนั้นเสร็จเบอร์บาตอฟค่อนข้างแน่ หลังจากนั้น เจ้าบ้านก็ได้ประตูย้ำชัยชนะ เมื่อโรนัลโด้พาบอลตัดเข้าในและยิงไปโดนขาของกองหลังอีกตัว ก่อนจะเปลี่ยนทางเล็กน้อยลอดตัวแซร์นี่เข้าประตูไป เป็นลูกที่ 25 จาก 23 นัด ของผู้เล่นตำแหน่งปีกครับ หลังจากนั้น ก็ถอดเอาเอวร่าออก ให้ซิมป์สันลงมาแทน

หลังจากจบเกม นอกจากจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผมยังนั่งนึกอยู่ว่า วันนี้ เราใช้โชคเยอะไปรึเปล่า ทั้งจังหวะที่เลนน่อน และจีนาส ต่างพากันยิงนกตกปลาจากจังหวะหลุดเดี่ยว หรือแม้แต่จังหวะที่บราวน์สกัดบอลโดนเสาโดยไม่เสียประตู ได้แต่หวังว่า โชคเราจะยังเหลืออยู่บ้างนะครับ ทุกๆคนก็ต้องยอมรับกันตรงนี้ว่า นอกจากจะอยู่ที่ฝีเท้าของนักเตะและแท็คติคของกุนซือแล้ว โชคนี่แหละ ที่มักจะเป็นตัวแปรอีกตัว ในการส่งทีมใดทีมหนึ่ง ขึ้นไปสู่บันไดของแชมเปี้ยนครับ

เกมนี้ ผมยังคงไม่มั่นใจ ว่าจะวิเคราะห์การเอาบราวน์ลงเซ็นเตอร์แทนวิดิชว่าอย่างไรดี เพราะความเร็วบราวน์มากกว่าวิดิชหรือเปล่า หรือเป็นเพราะวิดิชเจ็บก็ไม่ทราบ เพราะดูมุมไหน ลูกกลางอากาศ และความแน่นอน วิดิชนั้นวางใจได้มากกว่าบราวน์แน่ๆอยู่แล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะนัดที่แล้ว วิดิชพลาดเต็มๆ สองสามจังหวะในการเบียดกับกองหน้าเรดดิ้ง ทำให้อาจจะถูกดร็อปเพื่อพักร่างกาย ก็อาจเป็นได้ครับ อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่มีข่าววงในหลุดออกมาว่า บราวน์กำลังต่อสัญญาสี่ปีกับยูไนเต็ดในเร็ววันนี้ น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บราวน์ยังคงได้รับความไว้วางใจให้ยืนเซ็นเตอร์ตัวเลือกได้อยู่ครับ แต่นั่นอาจเป็นข่าวร้ายของปิเก้ก็ได้

สิ่งที่ดีที่เราเห็นจากนัดนี้ ก็คือ สโคลส์ ที่กลับมาเล่นได้อีกครั้ง ถึงแม้จะยังดูออกว่าความฟิตไม่เต็มถังจากจังหวะการวิ่งที่ยังไม่สุดๆเหมือนเดิม แต่ลูกวางบอลยาวและลูกยิง รวมทั้งการอ่านเกม และคุมจังหวะเกม ทำให้เรามั่นใจได้ว่า สโคลส์กลับมาแล้ว และการที่ฮาร์กรีฟส์เล่นได้อย่างนี้ในเกมนี้ เราคงมั่นใจในแท็คติคของท่านเซอร์ได้มากขึ้น เมื่อต้องเจอกับคู่แข่งที่เราต้องเน้นการใช้มิดฟิลด์ตัวรับแบบนี้ ผู้เล่นที่เล่นได้ดีก็ยังคงเป็นกิ๊กส์, เตเวซ, น้าซาร์ก็ยังคงเหนียวหนึบไว้ใจได้ เอวร่าก็ป้องกันลูกจ่ายทางกราบได้ดีมากๆ นอกจากจัหวะเติมแล้วหลุดแบบเดิมๆ ในขณะที่โรนัลโด้ ถึงแม้จะถูกซ้อนสองตลอด จนคายพิษสงแทบไม่ออก แต่ก็ยังฉวยโอกาสไม่กี่ครั้ง ทำประตูที่สองได้ ทำให้ผู้เล่นที่ควรเป็น MOM นัดนี้ ผมอยากให้คู่กัน ระหว่างเตเวซ และโรนัลโด้ โรนัลโด้ สำหรับการยิงสองประตู ส่วนเตเวซ สำหรับความขยัน ทุ่มเท การทำทาง และประตูแรกที่คลายล็อกทุกอย่างออกไป

ส่วนรูนี่ย์ นอกจากจะเล่นด้วยอารมณ์เกินไปในหลายๆครั้งจนหวาดเสียวต่อการถูกไฟเหลืองไฟแดงอยู่หลายครั้ง ก็ยังถือว่าความขยัน ทุ่มเท ยังคงเป็นแรงกระตุ้นที่ดีต่อทีม แต่การยิงประตู คงต้องให้คลายความกดดันลงบ้าง ดูแล้วเหมือนตั้งใจลงมายิงมากเกินไปซะจนกดดันตัวเองน่ะครับ สำหรับทางฝั่งสเปอร์ส นอกจากคีนกับเบอร์บาตอฟที่สร้างปัญหาอย่างมากในแดนหน้าแล้ว อี ยอง เพียว นี่แหละ ที่เป็นตัวชนทางกราบขวาทั้งกิ๊กส์ และ เอวร่า และยังเติมเกมอยู่เรื่อยๆ นอกจากนั้น ก็มีโอฮาร่า ที่เป็นตัวชนตัวแรกของโรนัลโด้ ก็ทำผลงานสุดยอดจริงๆ เลนน่อน กับมาลบร็องก์ ก็วูบวาบดี ครองบอลเหนียวแน่น และสร้างปัญหาตามกราบอยู่ตลอด ในขณะที่เทนิโอก็ช่วยแบ่งเบาเกมรับได้พอสมควร เกมนี้ ผมขอยกให้ คีน กับอี ยอง เพียว เป็นตัวที่เล่นได้ดีที่สุดของสเปอร์สครับ

จบเกมนี้ ในวันเสาร์เรายังต้องออกไปเยือนสเปอร์สอีกครั้ง ในเกมพรีเมียร์ลีก หลังจากต้องเปิดบ้านรับมือปอร์ทสมัธในวันพุธนี้ นับเป็นสองเกมหนักต่อเนื่องเลยทีเดียวครับ เพราะฟอร์มของปอร์ทสมัธ นั้นร้อนแรงจริงๆ มีเบนจานี่ แถมยังเพิ่งได้ตัว มิลาน บารอสมาอีกคน น่าจับตาดูมากว่าท่านเซอร์จะจัดตัวรับมืออย่างไร และเกมกับสเปอร์สในวันเสาร์ที่จะถึงนั้น เราก็จะมาดูกันว่า รามอส กับท่านเซอร์ จะวางหมากมาแก้เกมกันอย่างไรนะครับ หลังจากผลในนัดแรกเมื่อคืนปรากฏออกมาแบบนี้ไปแล้ว




 

Create Date : 28 มกราคม 2551
0 comments
Last Update : 28 มกราคม 2551 10:35:54 น.
Counter : 406 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สงบใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add สงบใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.