Group Blog
 
 
เมษายน 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
8 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
มูซาชิจากประวัติศาสตร์ สู่วรรณกรรม จากวรณกรรมสู่การ์ตูนเรื่องเยี่ยม




วันที่ 15 กันยายน ปี ค.ศ. 1600 ณ ทุ่งเซกิงาฮาร่า ผมได้รู้จักบุคคลประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น “ทาเคโซ” หรือที่เรารู้จักในนาม ”มิยาโมโต้ มูซาชิ “(ค.ศ.1584-1645) ยอดซามุไรอัจฉริยะผู้ผ่านการต่อสู้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาไม่ต่ำกว่าหกสิบครั้ง และไม่เคยแพ้แม้แต่ครั้งเดียว มูซาชิยื่นดาบเข้าฟาดฟันสมรภูมิชีวิตต่อหน้าผมผ่านลายเส้นสวยๆใน “VAGABOND” การ์ตูนสุดคลาสสิคของ อ.ทาเคฮิโกะ อิโนะอุเอะ (ผู้เขียน Slamdunk) ที่ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกถึงความเหนือชั้นของลายเส้นและอภิปรัชญาที่แฝงมากับการขัดเกลาตนเองสู่ มรรคาแห่งดาบ ของมูซาชิ


ในวัยสิบเจ็ดปีมูซาชิและมาตาฮาชิเพื่อนรักของเขา ได้เข้าร่วมกับฝ่ายโอซาก้าในฐานะทหารเลว ณ สงครามทุ่งเซกิงาฮาร่า ผู้ชนะในครั้งนั้นคือฝ่ายโตกุงาว่า อิเอยาสุ ทำให้มูซาชิต้องหลบหนีกลับบ้านเกิดในฐานะผู้แพ้สงคราม ถูกทหารฝ่ายตรงข้ามตามล่าและถูกนางโอสุหงิ ผู้เป็นแม่ของมาตาฮาชิ ตามจองล้างจองผลาญอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะเข้าใจผิดคิดว่ามูซาชิพาลูกนางไปตาย (จริงๆแล้วมาตาฮาชิยังไม่ตายแต่หลบหนีไปอยู่กินกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พบกันระหว่างหลบหนีข้าศึก) มูซาชิในวัยหนุ่มเปรียบเสมือนสัตว์ป่ากระหายเลือดต่อสู้ฆ่าฟันผู้คนมากมายเพื่อให้ตัวเองรอด จนได้มาพบกับ ทาคุอัน พระนิกายเซ็นผู้ช่วยให้มูซาชิรอดพ้นจากการตามล่าของทางการและทำให้เขาได้ออกมาใช้ชีวิตพเนจรเพื่อมุ่งสู่หนทาง“หนึ่งในปฐพี”การท้าดวลโดยสัญชาติญาณดิบทำให้เขาชนะคู่ต่อสู้มากมายแต่เมื่อยิ่งเจอคู่ต่อสู้ที่เก่งขึ้นเรื่อยๆเขาก็ยิ่งตระหนักว่าแท้จริง วิถีบูชิโด(การเข้าสู่อภิมรรคด้วยวิชาดาบ)ที่เขาไฝ่ฝันนั้นยังห่างไกลยิ่งนัก สัญชาติญาณการฆ่าฟันและพละกำลังไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เป็นหนึ่งในปฐพีได้



ในคืนที่เขาลอบไปในปราสาทของ ยางิยู เซคิซูไค เขาได้สัมผัสถึงสภาวะ”ดาบอยู่ที่ใจ”จากกระแสจิตของปรมาจารย์ดาบสายยางิวอย่างเซคิซูไค ทำให้มูซาชิเข้าใจว่าหนทางที่จะเป็นจอมดาบอันดับหนึ่งนั้นยังอีกยาวไกล หลังจากนั้นเขาได้ย้อนกลับมาสู่การฝึกฝนสภาวะภายใน น้อมจิตสู่ภาวะธรรมชาติ ยึดเอาภูเขา สายน้ำเป็นอาจารย์ และแล้วโชคชะตาก็นำพาเขามาพบกับ “โคเอ็ทสุ”ช่างตีดาบผู้มีอัจฉริยะในศิลปะ โคเอ็ทสุผู้นี้เองได้นำพามูซาชิมาสู่โลกแห่งศิลปะซึ่งก็ทำให้เขาได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้วศิลปะไม่ว่าแขนงใดๆกรวมไปถึงวิชาดาบล้วนต้องอาศัยกายและจิตที่ประสานรวมกันเป็นหนึ่ง การฝึกฝนศิลปะเป็นอุบายหนึ่งเพื่อขัดเกลาจิตใจและร่างกายให้หลอมรวมกัน (จากหลักการอันนี้เมื่อเขาได้เห็นการตีกลองญี่ปุ่นในงานรื่นเริงแห่งหนึ่งและได้เห็นการใช้สองมือตีกลอง วิชาดาบคู่ของมูซาชิจึงถือกำเนิดขึ้น) คู่ต่อสู้คนสุดท้ายของมูซาชิคือ ซาซากิ โคจิโร่ นักดาบผู้มีชื่อเสียงในยุคนั้น ท่าไม้ตายของเขาคือ นกนางแอ่นเหินลม เป็นการตวัดดาบสองจังหวะโดยใช้ดาบที่มีความยาวพิเศษกว่าดาบทั่วไป ก่อนการปะลองในครั้งนี้มูซาชินั่งวาดภาพไปเรื่อยๆเพื่อให้จิตใจของเขาได้ปลดปล่อยเป็นอิสระหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ระหว่างนั่งเรือไปยังสถานที่นัดประลองเขานำพายมาตัดเป็นดาบยาว ด้วยการเดินทางแบบเรื่อยๆเอื่อยๆทำให้เขามาถึงที่ประลองช้าไปถึงสองชั่วโมง (เพราะมัวแต่นั่งวาดภาพ) สภาพจิตใจที่สงบนิ่งเป็นหนึ่งเดียว กับดาบที่เหลามาด้วยตัวเองทำให้เขาเอาชนะ โคจิโร่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ต่อสู้กับใครอีกเลย (ในตอนนั้นมูซาชิอายุประมาณยี่สิบเก้าปี เขากล่าวว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงหาคู่ต่อสู้ที่เก่งเท่าโคจิโร่ไม่ได้อีกแล้ว)




ชีวิตในช่วงต่อมาเขาอยู่กับงานศิลปะทั้งวาดภาพ แกะสลัก และฝึกฝนวิชาดาบ (มีลูกศิษย์ด้วยครับ)จนเมื่ออายุได้ห้าสิบเขาจึงรู้ว่าตนเองได้บรรลุมรรคาแห่งดาบแล้ว ผลงานสุดท้ายในชีวิตมูซาชิคือคัมภีร์ห้าห่วง(โกะรินโนโฉะ) ซึ่งเขาเรียกวิถีแห่งดาบเขาว่า “นิเท็นอิจิริว”(ทวิภพบรรจบเป็นหนึ่งเดียว) มีส่วนของการฝึกฝนใจตนเอง ซึ่งเป็นประโยชน์มากแม้ในปัจจุบัน คนรุ่นเราก็สามารถนำมาใช้ได้ (ถ้ามีโอกาสจะนำหลักการฝึกตนในคัมภีร์ห้าห่วงมานำเสนอต่อไปนะครับ)



ทั้งหมดที่ร่ายมายาวเนี่ยเป็นแค่ส่วนหนึ่งในช่วงชีวิตอันยาวของ มูซาชิ (ในการ์ตูนยังไม่จบนะครับ มีทั้งความรัก ความแค้น ฯลฯ) รายละเอียดที่ทำให้ผมเข้าใจเนื้อเรื่องได้ลึกซึ้งกว่าเนื้อหาในการ์ตูนก็เพราะปกการ์ตูนที่เขียนว่า”จากบทประพันธ์เดิมเรื่อง มิยาโมโต้ มูซาชิ โดย เอจิ โยชิกาว่า” เลยทำให้ไปหาอ่านฉบับแปลที่ใช้ชื่อว่า “มูซาชิ ฉบับท่าพระจันทร์” ความหนาประมาณ 600 หน้า (ซึ่งย่อมาจากต้นฉบับซึ่งมีถึง 1,500 หน้า)แต่อ่านแล้วก็ทำให้เข้าใจมุมมองของมูซาชิ รวมถึงการวางกลยุทธ์จนสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้






เนื้อหาที่มีการตีความแตกต่างกันของฉบับท่าพระจันทร์และฉบับการ์ตูนมีดังนี้

-โคจิโร่ตัวจริงไม่ได้เป็นใบ้และหูหนวกแถมยังมีนิสัยขี้อิจฉาริษยามูซาชิตลอด โดยเขาเป็นคนดั้นด้นเรียนวิชาดาบกับ"คาเนมากิ จิไซ"เองไม่ได้ถูกจิไซเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเด็ก

-ในบทประพันธ์ดั้งเดิมไม่มีการกล่าวว่าโคจิโร่เคยร่วมเดินทางฝึกวิชาไปกับจอมดาบยะโกโร่ลูกศิษย์ของจิไซ

-โยชิโอกะ เซจูโร่เจ้าสำนักจอมสำราญแห่งสำนักโยชิโอกะ ไม่ได้ถูกมุซาชิสังหารแต่ถูกมูซาชิฟันแขนจนพิการจับดาบไม่ได้อีกตลอดชีวิต (และตัวละครในบทประพันธ์ดั้งเดิมก็ไม่ได้เก่งขนาดฟันมุซาชิซะจนเป็นแผลทั่วตัวอย่างนั้นแต่เรียกว่าอ่อนสุดๆ)

-เด็นชิจิโร่ประลองกับมุซาชิจริงแต่แอบขี้โกงตอนประลองโดยให้คนในสำนักลอบมาแทงมูซาชิด้านหลัง แต่มูซาชิไหวตัวก่อนจึงสังหารเจ้านั่นตามติดด้วยเด็นชิจิโร่อย่างรวดเร็ว (ในบทประพันธ์ไม่มีญี่ปุ่นมุงโยชิโอกะจึงทำการโกงหน้าด้านๆ)

-พอเจ้าสำนักทั้งสองหนึ่งหมดสภาพหนึ่งสิ้นชีพ ศิษย์โยชิโอกะทั้งหมดจึงท้าประลองกับมูซาชิแบบหมาหมู่ โดยตั้งให้เด็กน้อยซึ่งเป็นญาติของโยชิโอกะมาประลองแทนแต่เพียงในนาม แถมมีการขี้โกงแอบเอาพลแม่นปืนไปซ่อนตัวบนต้นไม้ด้วย (ขี้ขลาดจริงๆแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นหูพ้นตาพระเอกของเรา)

-การประลองกับเหล่าโยชิโอกะแบบหมาหมู่ทำให้มูซาชิเผลอใช้ดาบคู่ออกมาโดยบังเอิญ ทำให้เขาเริ่มคิดค้นวิชาดาบคู่ซึ่งจะกลายมาเป็นท่าวิชาประจำตัวอันโด่งดังของเขาในภายหลัง (ส่วนโคจิโร่จะมีท่า"เพลงดาบนกนางแอ่น"ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับดาบซามูไรที่ยาวมากซึ่งเป็นอาวุธประจำตัว)

-ในนิยายไม่ได้มีการกล่าวถึงว่าอะก็อน(ลุงของมาตาฮาชิ)ถูกโรนินสองคนทำร้ายจนเสียชีวิตระหว่างที่เขาไปเตร็ดเตร่อยู่แถวป่าของชิชิโดะ ไบเค็ง

-ชิชิโดะ โบเค็งในบทประพันธ์ไม่ได้มีฝีมือสะท้านฟ้าแบบนั้น (แต่ที่เหมือนกันคือเป็นน้องของโจรป่าที่พระเอกฆ่าตอนแรกมาสวมรอยแทนที่ไบเค็งคนเดิมและมีวิชานินจา)

-ในบทประพันธ์การประลองกับโยชิโอกะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของมูซาชิเท่านั้น ต้องใช้เวลาอีกเป็นสิบปีกว่าที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังและได้มีโอกาสประลองกับโคจิโร่

-ในนิยายมุซาชิเคยปลีกวิเวกไปทำไร่นาและสอนหนังสือด้วยล่ะ

-ตอนไปเที่ยวงานวัดมุซาชิเห็นคนกำลังถือไม้กลองคู่ตีกลองยักษ์อยู่เขาจึงฉุกคิดและนำมาปรับเป็นวิชาดาบคู่อันลือลั่น

.......ยังมีอีกมากมายถ้าสนใจหา มูซาชิ ฉบับท่าพระจันทร์มาอ่านเพิ่มเติมได้ครับ..........
เนื้อหาในส่วนความแตกต่างของบทประพันธ์เดิมกับการ์ตูน นำมาจากคุณเจไดหนุ่ม ในพันทิปครับ

//www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5611174/A5611174.html


Create Date : 08 เมษายน 2552
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 17:58:04 น. 11 comments
Counter : 5023 Pageviews.

 
แปลกดี.น่สนใจ
ไว้จะไปหาอานเพิ่มเติมค่ะ
ขอบคุณท่นำมาฝากกน

GO TO PROFILEYOURPAGE.COM
PROFILEYOURPAGE.COM


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:0:33:24 น.  

 
ขอบคุณ ครับ น่าสนใจมากเลย


โดย: คนอ่านVAGABOND IP: 119.42.65.21 วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:13:10:33 น.  

 
Photobucket


โดย: hiansoon วันที่: 11 เมษายน 2552 เวลา:7:16:23 น.  

 

คำพยากรณ์สงกรานต์ไทยปี 2552 นี้ ตรงกับปีฉลู
เป็นมนุษย์ผู้ชายธาตุดิน
วันที่ 14 เมษายน เป็นวันมหาสงกรานต์
ทางจันทรคติตรงกับ"วันจันทร์" แรม 4 ค่ำ เดือน 5 เวลา 01.13 น. 14 วินาที
สุริยคติปฏิทินสากลเป็น"วันอังคาร"




นางสงกรานต์นามว่า โคราคะเทวี พาหุรัด ทัดดอกปีบ
อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหารน้ำมัน
พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า
เสด็จไสยาสน์หลับเนตรมาเหนือหลังพยัคฆะ หรือเสือ เป็นพาหนะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:12:18:54 น.  

 
สุดยอด..นักเขียนเลยคับ


โดย: auwddee วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:23:50:06 น.  

 
ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมรายไตรมาสนะคะ

บล๊อกสุดยอด ได้ความรู้สุดๆ


โดย: river (ริเวอร์ ) วันที่: 29 เมษายน 2552 เวลา:23:18:30 น.  

 
อ่านแร้วเหมือนกันฉบับท่าพระจันแต่มันจบลงถึงตอนที่มูซาชิสู้กัยโคยิโร่เรื่องราวหลังจากนั้นก้ไม่เหนจะมีใรคนำมาแปลต่อเรยอยากรู้เรื่องราวชีวิตของมูซาชิหลังจากนั้นจนถึงบั้นปลายของชีวิตแต่โยรวมชอบเนื้อหาในกาตูนมากกว่าเพระาในหนังสือ(ฉบับท่าพระจัน)มูซาชิไม่ค่อยโชกโชนเท่าในการตูนแระดูอวดอ้างสรรพคุนไปนิสนึง ในหนังสือไม่ค่อยได้พูดถึงเซคิซูไคสักเท่าไหร่ทั้งๆที่เซคิซูไคเปนนักดาบที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์แต่ในการตูนมูซาชิมักจะนึกถึงท่านเซคิซูไคอยุ่บ่อยๆๆคนที่นำเรื่องนี้มาลงคนที่ชื่อว่าเจไดอ่สงสัยว่าคงจะอ่านเซ็นอย่างมูซาชิมาด้วยถึงได้ตั้งชื่อเจได้แระนำเรื่องนี้มาลงกระมัง5 5 5


โดย: โอซือ IP: 124.122.230.129 วันที่: 13 ธันวาคม 2552 เวลา:21:28:54 น.  

 
สวัสดีครับ แจ่มครับ ยาวดี ขยัน ๆ จัง


โดย: anut IP: 124.122.247.94 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:16:10 น.  

 
//sarashare.bloggang.com

ฝากบล๊อกผมด้วยคับ อิอิ


โดย: anut IP: 124.122.247.94 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:0:17:10 น.  

 
หะเฟด


โดย: ฟิล IP: 192.168.100.8, 113.53.232.164 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:12:46:54 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาแจมด้วยนะคะ

...........................

หลับฝันดีค่ะ


* กลบทสารถีชักรถ ๒ *

ละอองสายหล่นล่องละอองสาย
สู่ถิ่นฝันผายรินสู่ถิ่นฝัน
สัมพันธ์ฝนเวียนวนส่งสัมพันธ์
จากวารนั้นใฝ่ฝากหวานจากวาร

อักษรรสจำหลักรอยอักษร
พบ,ผ่าน,จรร่ายลบรสพบผ่าน
เนิ่นนานหวังรอยเพลินไกลเนินนาน
หอมนัยหวานครากล่อมยังหอมนัย

จำเผยวันเรียงคร่ำครุ่นจำเผย
สงสัยเอยหักหลงความสงสัย
อาลัยรอยปรารถนายังอาลัย
แพ้พรชัยผ่าวแผลเหลียวแพ้พร

ระเหยกลิ่นแหงนเงยหอมระเหยกลิ่น
นั่งสลอนทอถิ่นพรั่งพร้อมนั่งสลอน
ลีลาจรไคลคลาลีลาจร
ทั่วแดนรอนหล่นรั่วหอมทั่วแดน

สายฝนพิรี้พิไรร่ายท่าสายฝน
ถวิลแสนมนต์หนถิ่นหวงถวิลแสน
ทดแทนหมายในพจน์คิดทดแทน
ไม่มีแม้นผ่าวไหวคล้ายไม่มี


โดย: ญามี่ วันที่: 1 กันยายน 2554 เวลา:20:40:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อรหันต์นิทรา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




 

New Comments
Friends' blogs
[Add อรหันต์นิทรา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.