พลีชีพเพื่อชู้ ผู้แต่ง พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ
เรื่องย่อ...
หลวงบวรภักดีแต่งงานอยู่กินกับนางนงนุชมานานถึง6 ปีแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีบุตรแต่แล้วเช้าตรู่ของวันหนึ่งก็มีเสียงเด็กทารกร้องไห้จ้าอยู่หน้าประตูเรือนด้วยความที่ทั้งสองคนยังไม่มีบุตรและมีความปรารถนาที่จะมีบุตรจึงรับเลี้ยงเด็กคนนี้ในฐานะบุตรบุญธรรมและให้ชื่อว่าภักดี
ต่อมาภายหลังหลวงบวรภักดีและนงนุชถึงได้รู้ว่าความจริงแล้วภักดีเป็นลูกของน้อยซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ยของขุนคชบาลและเมื่อความทราบถึงขุนคชบาล ขุนคชบาลจึงร้องต่อศาลว่าภักดีต้องตกเป็นทาสของตนเพราะตนเป็นนายเงินของน้อยแต่หลวงบวรภักดีก็ไม่ยอมแพ้ชี้แจงต่อศาลว่าเขาและภริยาได้ตัวภักดีมาด้วยความสุจริตอีกทั้งยังรับเป็นลูกบุญธรรมและเลี้ยงดูมาอย่างดี
ในที่สุดศาลตัดสินยกคำฟ้องภักดีตกเป็นกรรมสิทธิของหลวงบวรภักดีและภริยา นงนุชสงสารและเห็นใจน้อยจึงมอบเงินเพื่อให้น้อยนำไปไถ่ตัวเองจากการเป็นทาสของขุนคชบาลและเมื่อเป็นไทแล้วให้กลับมาทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงแก่ภักดีแต่มีข้อแม้ว่าภักดีต้องเป็นลูกของนงนุชและหลวงบวรฯน้อยจะอ้างสิทธิเป็นแม่ภักดีไม่ได้น้อยยินดีที่ลูกได้รับการอุปการะเป็นถึงลูกคุณหลวงสร้างความตื้นตันใจและดีใจแก่น้อยเป็นยิ่งนัก
ภายหลังจากเลี้ยงดูภักดีในฐานะบุตรบุญธรรมมาได้ 5 ปี นงนุชก็ตั้งท้องและคลอดลูกชายจึงให้ชื่อว่าบวรแต่ความรักและการปฏิบัติที่หลวงบวรภักดีและนงนุชมีต่อภักดีก็ไม่เคยเปลี่ยนแปรเลยทั้งสองยังรักภักดีไม่ต่างจากลูกแท้ๆ นั่นยิ่งทำให้น้อยรู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง...
บางช่วงบางตอน...
อาสาศึกจนสิ้น...............เสร็จงาน
รวมพวกพลทวยหาญ.......มั่นไว้
ให้เกรงว่าอาจราญ...........ชิงราชย์
นั่นแหละจึงจะได้.............เกียรติแท้แน่นอน
"ถ้าพ่อทำได้อย่างคำโคลงที่ผูกขึ้นใหม่ข้างหลังนี้ ป่านนี้พ่อก็คงเป็นพระยานาหมื่น หรือเป็นสมุหกลาโหม หรือสมุหนายกทีเดียว นี่เป็นความบกพร่องอย่างร้ายแรงอันหนึ่งที่พ่อไม่ได้ทำ เพราะเชื่อความสัตย์สุจริตและจงรักภักดีอย่างเดียวจึงเป็นเช่นนี้"
"ไม่มีอะไรจะเป็นที่พึ่งของเราดีกว่าตัวเราเอง ไม่มีอะไรที่เราสมควรเชื่อถือยิ่งไปกว่าตัวเราเอง บุคคลที่เราควรจะทุ่มเทความไว้วางใจให้มากที่สุดคือตัวเราเอง ถ้าไปทุ่มเทให้คนอื่นแล้ว ก็จะต้องรับเคราะห์กรรมอย่างที่พ่อได้รับอยู่เวลานี้"
พลีชีพเพื่อชู้ ผลงานที่ทรงค่าอีกชิ้นหนึ่งของท่านพลตรี หลวงวิจิตรวาทการ เป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เนื้อหาเข้มข้น โดยเนื้อเรื่องเน้นเหตุการณ์ในสมัยอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 1 ปี พ.ศ. 2112 จนกระทั่งสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาทรงปกครองในนามของเมืองประเทศราชของพม่า โดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ บุเรงนอง
เหตุการณ์ความวุ่นวายและการแสวงหาผลประโยชน์ในราชสำนัก นายทหารผู้ซื่อสัตย์ต้องกลายเป็นเหยื่อของคนฉลาดแต่คดโกง ที่ทำอะไรก็ได้ขอให้ได้เป็นใหญ่ การแก่งแย่งชิงดี ความไม่ปรองดองของคนในชาติ นำมาซึ่งความหายนะของบ้านเมือง
สำหรับเนื้อเรื่องนั้นจะชี้ให้เห็นเหตุการณ์ในยุคสมัยนั้น วิถีชีวิตของทาส ที่พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากความเป็นทาส และเรื่องราวของความกตัญญูของคนคนหนึ่ง ทีมีต่อผู้มีพระคุณ ยอมสละแม้กระทั่งชีวิตตนเองได้
พลีชีพเพื่อชู้ อ่านจบแล้วทึ่งค่ะ ไม่คิดว่านิยายสมัยก่อนจะผูกเรื่องได้ขนาดนี้ ไม่มีน้ำเน่าตบยุงเลยสักนิดอ่านไปก็เดาเนื้อเรื่องไม่ถูกว่าผู้แต่งจะดำเนินเรื่องไปในทางใดหลังจากที่นงนุชคลอดบวร ก็ไม่ได้รักลูกตัวมากกว่าลูกเลี้ยง(น้ำเน่าส่วนใหญ่ต้องลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด) และพอถึงความจำเป็นก็บอกความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของภักดีอย่างละมุนละม่อม (ไม่ได้ปิดบังไว้เฉลยตอนจบ) ส่วนหลวงบวรฯก็ใช้ความจงรักภักดีที่มีต่อเจ้านาย มีต่อชาติต่อแผ่นดิน อีกทั้งยังมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง แต่สุดท้ายกลับต้องตายในคุกอย่างอัปยศ เพราะความโง่ ไว้ใจคนมากเกินไป น้อยกับภักดีก็มีแต่ความจงรักภักดีคิดแต่จะสนองคุณผู้อุปการะทั้งสองสุดท้ายก็ได้แทนคุณสมใจแต่ก็สะเทือนใจคนอ่าน สรุปแนะนำค่ะเล่มนี้ อ่านแล้วสอนใจได้ดี