++ใครทำอะไรที่ไหน ขอไปร่วมวงด้วยคน++
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
24 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ตามตรูดแก๊งเอฟไป (หลงทาง) ติดๆ part 6@ฮ่องกง

เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นมาแล้วค่อยๆ แง้มม่านหน้าต่างดูข้างนอกแบบลุ้นสุดชีวิต ตกมั้ยตก ตกมั้ยตก

โว้ว ฝนไม่ตกเฟร้ยยย อย่ากระนั้นเลย รีบไปกันดีกว่าเน้

เป้าหมายหลักของวันนี้ คือวัดโปลิน แต่ก่อนจะถึงวัด ขอแวะสวนสนุกหน่อยเถอะ

นั่นไง รถไฟมาแล้นนนน



ถึงแล้ว ดีสนี่ย์แลนด์
เจอทั้งลุงๆ ป้าๆ ก็เลยวนอยู่แต่แถวนี้ไม่ไปไหน



อยู่ได้สักพักก็กลับ 555 ประหยัด คุ้ม ก๊ากก

นั่งรถกลับมาที่สถานีตุงชุง กินข้าวเช้าให้ห้างตรงสถานี ที่เขาว่ามีเอาท์เลทเยอะๆ แต่ได้ข่าวว่าไม่เสียตังค์นะ ห้างนี้ อิอิ

มื้อนี้เป็นเคเอฟซี ที่ไม่เหมือนเดิม มีทั้งสตูไก่ และแกงกะหรี่ไก่ เหอๆ

กินอิ่มแล้ว รีบไปซื้อตั๋วนองปิง กลัวไม่ได้ขึ้นจัด

ระหว่างรอคิว มีฝรั่งผู้ชายสามคนตัวโตมากกกกก ยืนรออยู่ข้างหน้า

ไอ้เราก็ลุ้นว่ากระเช้านึงเขาให้ขึ้นกี่คนนะ ไม่เอานะไม่ขึ้นกับไอ้ข้างหน้านี่นะ

โชคดี เจ้าหน้าที่เห็นเรามาสี่ เรียกให้ไปยืนอีกแถวนึง

อิฉันก็มองฝรั่งสามคนนั่น ขึ้นกระเช้าไป ไม่มีใครยอมนั่งฟากตรงข้ามเลย นั่งฟากเดียวกันหมด แล้วเจ้าหน้าที่ก็ไปกวักมือเรียกซิ่มสามคนเดินขึ้นไปนั่งฟากตรงข้าม ยังก่าบิวตี้แอนด์เดอะบีสต์ เอ๊ย ไม่ใช่ แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์กับคนแคระทั้งเจ็ด (มันเรื่องเดียวกันมั้ยอ่ะ ชักงงและ)

อาซิ่มทำหน้าหวาดๆ แต่ก็ขึ้นไป ไอ้คนยืนมองก็ได้แต่ลุ้น กระเช้ามันจะเอียงมั้ยฟระ จารอดมั้ยฟระ

นั่งไปได้ซักพัก ทำไมกระเช้ามันเย็นๆ ฟระ โห ลมมันลอดรูมานี่เอง

แล้วร้ายกว่านั้น นางมารร้ายมันตามมาแล้วววววว เปาะแปะๆๆ แง๊ จะรีบตกไปหนายยยยย



นั่งต่อไปอีกหน่อย ก็จะเห็นคนเดินป่าอยู่ข้างล่าง

พี่ค๊าบ ระวังกระเช้าหล่นใส่หัวนะค๊าบบ

นั่งอกสั่นขวัญผวาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็ถึง

เฮ้อ คิดว่าไม่รอดซะแล้ว

โชคยังดีที่ฟ้าครึ้มขนาดนี้ ยังมองเห็นองค์พระอยู่

กางร่มถ่ายรูปได้สักพัก เล็งแล้วว่า ไม่มีปัญญาไต่กระไดแน่ๆ

กลับกันดีกว่าเนะ



นั่งรถสาย 23 กลับมาที่สถานีตุงชุงเหมือนเดิม คราวนี้เราจะแวะที่ Lai Chi Kok ที่ใครแถวๆ นี้แนะนำอ่ะ

จำได้แค่ซาโนวบอกว่า ออกจากสถานีแล้วเลี้ยวขวา เดินๆ ออกมา มีแต่ร้านซ่อมรถอะไรไม่รู้ อย่างกับหลังจุฬาเลย สงสัยจะออกผิดทางซะแล้ว ฝนก็ตกหนักซะด้วย

แต่เดินวนไปวนมา สุดท้ายก็เจอห้างขายส่งจนได้

เดินเข้าไปปุ๊บ เจอกระเป๋ากองๆ อยู่ เข้าไปจับๆ ใบละหกสิบหรือแปดสิบเหรียญเนี่ยแหละ แต่พอถามว่า ฮาวมัช อาเจ๊หันมาทำตาเขียว แล้วตอบว่า โฮลเซลๆ ถามต่อว่าต้องซื้อกี่ใบล่ะ โฮลเซลเนี่ย เจ๊บอกหกใบ โห ไม่เอาก็ได้ ชิ

เดินเซ็งๆ อยู่ได้สักพัก ก็มีเสียงทักเราว่า คนไทยหรือเปล่าคะ โอ้ พระเจ้า เจอคนขายเป็นคนไทยแล้ว กิ๊ดดด

พี่คนขายเขาเห็นจตุคามที่ห้อยคอคุณน้าอยู่ ก็เลยรู้ว่า คนไทยแน่ กรำจริงๆ

เขาก็เลยขายกระเป๋าให้แบบไม่ต้องซื้อเป็นโหลๆ แต่หยิบไปหยิบมา ก็ได้มาเกือบโหลเหมือนกัน

ถามไถ่ได้ความว่า บ้านคนขายอยู่แถวรามอินทรา แต่งงานกับคนฮ่องกงเลยมาทำมาค้าขายที่นี่ แถมมีแลกเบอร์กันไว้เรียบร้อย อย่างกับว่าจะโทรสั่งออร์เดอร์ทางโทรศัพท์กันเลย

ซื้อกันจนเต็มถุงดำใบใหญ่ กร๊าก มะใช่ขยะนะ แต่ถุงมันใหญ่เท่าถุงขยะเลย สงสัยไปเที่ยวต่อไม่ได้แล้ว ต้องเอาของไปเก็บก่อน

คนขายก็แสนดี เดินไปส่งถึงทางลงสถานีรถไฟฟ้า ทั้งที่ฝนตกหนัก คงกลัวกะเหรี่ยงไปหลงทางน่ะเอง

กลับมาเก็บของเสร็จ ก็นั่งรถไฟกลับไปที่ sham shui po วันนี้เราใช้บัตรวันเดียว ขึ้นย้อนไปย้อนมาก็ไม่เป็นไร สบายมาก

โผล่ขึ้นไปจากสถานี นึกว่ากลับมาบ้านหม้อเมืองไทยแล้ว เหมือนจริงๆ อ่ะ

งานนี้คุณน้าได้ร่มพับมาสองคัน คันนึงสิบเหรียญเท่านั้น ไม่มีโยกโย้ ลังเล เพราะมันถูกมาก แต่ก็ยังไม่วาย เอ๊ะ เอาสีไหนดีนะ สีฟ้าดี หรือสีชมพู ฮ่ะๆๆ

จากนั้นก็เดินหาห้างดราก้อนตามลายแทง ที่คนในห้องบีพีนี่แหละแนะนำ

เดินเข้าไปเริ่มไม่แน่ใจ เอ๊ะ ห้างแถวนี้เขามาหาดูอะไรกันนะ เพราะว่าสุดท้ายก็ลงที่ร้านจิออร์อยู่ดี กร๊ากก

กระบะนี้กำลังเซลด้วย สี่ตัวร้อยเหรียญหรือไงเนี่ยแหละ เลยแบ่งกับคุณน้า สอยมาสองตัว

ส่วนพ่อน้องชายกับคุณนายแม่ เข้าไปลองกุงเกงยีนส์ พ่อล่อมาสามตัวสามสี หลังจากที่เล็งลีวายส์มาหลายร้านแล้วมันแพงอ่า ซื้อไม่ลง

จากนั้นก็หาข้าวกิน จะบอกว่า ข้าวในห้างที่ฮ่องกงเนี่ย ส่วนใหญ่(ที่เจอ) ไม่อร่อยเลยอ่า ควรกินข้างทางมากกว่า เอิ๊กก

อุตส่าห์ว่ากินร้านยาชิโนย่า มันก็เคยได้ยินชื่อในห้องนี้นี่นา แต่กลับไม่อร่อยเท่าไหร่ แถมคุณนายได้บะหมี่ลูกชิ้นปลาไส้ไข่เค็ม จ๊ากก ทำไมเราช่างสั่งเก่งขนาดนี้ฟระ เฮ้ออ

ออกจากห้างดราก้อนได้ นั่งรถไฟต่อไปถนนเทมเปิ้ลสตรีท หรือว่าบางคนก็เรียกว่า เจดมาร์เกต เข้าใจว่าเขาคงขายหยกเยอะมั้ง

พอโผล่ขึ้นไปปุ๊บ ก็เห็นป้าย นอร์ท เทมเปิ้ลสตรีท เอาฟระ เดินนอร์ทก่อนก็ได้ แล้วค่อยๆ ไล่ไป ขาตูจะไหวมั้ยน้อ แต่เอาหน่ะ สู้ตาย

เลี้ยวขวับไป เฮ้ย อะไรอ่ะ ทำไมตำรวจเต็มเลย รถตำรวจก็เพียบบบ ร้านก็หายไปไหนหมดไม่รู้ กิ๊ด ไรอ่า

แต่ถึงจะเหลือร้านแค่สามสี่ร้าน เราก็บ่ ยั่น สอยทั้งถุงเท้าและหมวกมามากมายราวกับได้ฟรี

โดนชาวคณะบ่นหน่อยๆ ว่าไม่เห็นมีอะไรเลย ไอ้เราก็เหวอไป เออ นั่นสิ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว เดินๆ ไปแล้วกัน ตรงปลายทางเห็นร้านขายอาหารหลายร้านเชียว หูย ตูไม่น่ารีบกินมาจากห้างเลย น่ากินๆ ทั้งนั้นเลย

ตรงร้านอาหารนี่แหละ มีรถเข็นขายถุงเท้าเด็ก เขาก็แพคคู่ไว้สองคู่ สิบเหรียญ คุณน้าแกก็เกิดอยากได้ไปฝากหลาน แต่ความที่อิฉันดันไปบอกให้ต่อเขาเยอะๆ นะ แกก็เลยบอกให้ต่อให้หน่อย เอาสองแพคสิบเหรียญได้มั้ย โห นี่ฮ่องกงนา มะใช่เสิ่นเจิ้น หรือว่าจูไห่อ่า

พออ้าปากเท่านั้น อาแปะสะบัดหน้าพรืด งี๊ด อีไม่ขายเลยอ่า

พอสุดทาง มันก็เหมือนเป็นสวนสาธารณะอะไรสักอย่าง แต่มื๊ดมืด ดีนะที่ตำรวจตรึมเลยวันนี้ เดินลัดเลาะไปตามสวนสาธารณะ ในที่สุด เราก็เจอเทมเปิ้ลสตรีทของจริงแล้ว เย้ๆๆ

แต่ว่า ทำไมมันเหมือนไนท์บาซ่าบ้านเรางี้ฟระ

คุณน้าอีก็คร่ำเคร่งกับการหาพวงอะไรสักอย่าง ไปฝากเพื่อนแก เห็นว่าไฮโซด้วย แล้วจะหาข้างถนนเจอมั้ยล่ะเนี่ย

กระเป๋าก๊อปแถวนี้ มากมายก่ายกองจนเลือกไม่ถูก ต่อก็ไม่ถูกด้วย ไม่รู้จะต่อเท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก

สุดท้ายได้สายจูงหมามาอันนึง เป็นเชือกถักๆ เจ๊แกบอกสามสิบห้าเหรียญ น้องมันลากไปช่วยกันต่อ จนได้ยี่สิบเหรียญ เจ๊โอเคแบบหน้าหงิกสุดฤทธิ์ แถมทอนตังค์มาเป็นเหรียญลูกเด็กเล็กแดงเต็มไปหมดเลย แหง่งๆ ไม่อยากขายก็ไม่ต้องขายสิเจ๊

คืนนั้นกว่าจะกลับถึงที่พักได้ก็ดึกเอาเรื่อง ขางี้แทบจะเดินไม่ออกเลย หูก็ชามากด้วย เพราะคุณน้าพร่ำพรรณนา เสียดายถุงเท้าเด็กมาตลอดทาง จนแทบจะบอกว่า เอาตังค์มา เดี๋ยวหนูกลับไปซื้อให้

ตะว่า มะให้คุณน้าไปด้วยนะ เสียเวลา กร๊ากก



Create Date : 24 พฤษภาคม 2551
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 23:56:19 น. 0 comments
Counter : 973 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ร่วมวงด้วยคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ร่วมวงด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.