++ใครทำอะไรที่ไหน ขอไปร่วมวงด้วยคน++
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ตามตรูดแก๊งเอฟไป (หลงทาง) ติดๆ part 4 @ จูไห่ - ฮ่องกง

วันรุ่งขึ้น สองคนพี่น้องเตรียมตัวจะกลับบ้าน เอ๊ย ไม่ใช่ กลับไปมาเก๊า เพราะว่าตอนบ่ายสี่โมงเย็น คุณนาย(แม่) กับเพื่อน จะตามมาสมทบ

กำลังจะเก็บกระเป๋า ความหายนะก็มาเยือนอีกครั้ง แง๊ กระเป๋าเขาปริอ่า สงสัยใบมันจะเล็กเกินไป ทำไงดี เอาวะ เอากระเป๋าผ้ารองข้างในไปก่อน เดี๋ยวลองไปหาดูที่ด่านแล้วกัน

จัดการเช็คเอ้าท์ ร่ำลากับพนักงานจนเป็นที่เรียบร้อย พ่อหนุ่มคนเดิมเรียกแท๊กซี่ให้บอกที่หมายให้เสร็จสรรพ

พอขึ้นนั่งได้สักพัก ก็เอาอีกแล้ว แท๊กซี่ถามอีกแล้วว่าจะลงตรงไหน นั่งอึกอักอยู่นาน แล้วก็นึกได้ว่าเมื่อวานตอนซื้อสนู้ปปี้กระป๋องมีบิลนี่นา ก็เลยรีบควักบิลส่งให้แท๊กซี่ ชี้โลโก้ห้าง บอกว่าไปตรงนี้ๆ แท๊กซี่พยักหน้าฮ่อๆ อ่ะนะ รอดไป

ไปถึงด่านก็ลากกระเป๋าไปฝากตามที่หาข้อมูลไป เขาบอกให้ลงบันไดเลื่อนลงไปอีกชั้น แต่ว่า พอลงไป เอ๊ะ ทำไมมันเป็นไปรษณีย์รับส่งของอ่า เขาจะรับฝากกระเป๋าเราเหรอว้า ไม่ใช่เอากระเป๋าฉันส่งออกไปไหนนะ แต่ดูในรูปมันก็ใช่อ่ะนะ



ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่พัก ก็งัดเอาภาษาจีนที่อาศัยน้องแถวๆนี้เขียนให้ แล้วเดินไปชี้ให้เจ้าหน้าที่ในห้องดู เขาพยักหน้าตกลง เรียกเราให้เอากระเป๋าเข้าไป ค่าฝากกระเป๋าใบละห้าหยวน

ใต้ถุนด่านตรงนี้เป็นที่จอดรถทัวร์ คิดว่าน่าจะไปจังหวัดอื่นๆ ของเมืองจีนด้วย

ก่อนจะกลับออกจากจูไห่ ได้อาหารมื้อสุดท้ายเป็นข้าวหน้าเป็ด(มั้ง) จากการเอานิ้วไปจิ้มๆๆๆ หน้ากระจกร้าน แต่ ได้ข่าวว่า ก็ยังไม่ได้กินแบบที่ต้องการอยู่ดี งืออ ทำไมมันเข้าใจอะไรยากเย็นอย่างงี้

จานนี้ เก้าหยวน


อิ่มแล้วก็เดินช็อปเสื้อยืดร้านจิออดาร์โนมาฝากน้องชายที่เมืองไทยท่ามกลางสายฝน

ประมาณเที่ยงๆ ได้ เราก็หลุดออกจากจูไห่ ที่ด่านออกจากเมืองจีน ตม.ทำงานช้าโคดๆ ต่างกับขาเข้าเมาเก๊าลิบลับ

เดินตามผู้คนมาเรื่อยๆ สุดท้าย เราก็กลับมาที่ด่านกงเป่ยฟากมาเก๊าอีกครั้ง

ฝนยังตกปรอยๆ ตลอดทาง ลงบันไดเลื่อนไปข้างใต้ตรงที่ยืนอยู่นี่ จะเป็นท่ารถเมล์ แล้วเราก็จับรถเมล์สาย 3 ได้ โดยบังเอิญ เพราะว่ามันดันมาจอดตรงทางลงบันไดเลื่อนพอดี ฮี่ๆ (มาหลายวันแล้ว ความฉลาดไม่ได้เพิ่มขึ้นเล๊ย)

จุดหมายของเรา คือท่าเรือเฟอรี่ไปฮ่องกง ฝากกระเป๋าไว้เรียบร้อยที่ท่าเรือ (ค่าฝากกระเป๋าแพงเอาเรื่องอยู่ ต่อรองได้นิดหน่อย แต่เทียบกับฟากจูไห่แล้วผิดกันลิบ) ตั้งใจว่าจะไปพิพิธภัณฑ์รถแข่ง แต่ว่าฝนตกหนักมากก

กะเหรี่ยงสองตัวเลยเดินตามทางคล้ายๆ สะพานลอยยาวๆ จากท่าเรือไปห้างนิวเยาฮัน

เดินเข้าห้างมาจนถึงฟู้ดคอร์ท หิวน้ำ ก็เลยว่าจะนั่งกินน้ำหน่อย

หลังจากไปยืนสังเกตวิธีการซื้อของชาวบ้านมาพักใหญ่ ก็เลยได้โค้กมากินกับขนมจีบ (ไม่เข้ากันเลยวุ้ย) แล้วก็หนวดปลาหมึกคั่วเกลือ ประมาณนั้น อาหารที่นี่ แพงเอาเรื่องอยู่ สามอย่างแค่นี้ รู้สึกจะ 42 mop

วิธีการสั่งอาหารของฟู้ดคอร์ทที่นี่ คือเราต้องไปดูก่อนว่าเราจะกินอะไร แล้วก็จำเบอร์ไว้ มาบอกที่แคชเชียร์ (อิฉันใช้วิธีเขียนเลขเบอร์ส่งให้เขา) จ่ายตังค์แล้วเขาก็จะให้สลิปมา เราก็เอาสลิปนั่นไปยื่นที่ร้าน แล้วก็รออาหารของเรา

คนที่นี่ เขาชอบเล่นเกมอะไรกันสักอย่างไม่รู้ (เห็นตั้งก่าขึ้นเครื่องมาแล้ว)

ตั้งหน้าตั้งตาเล่นกันแบบเอาเป็นเอาตายมาก

ของในห้างที่มาเก๊านี่ แพงมากๆ เห็นขนมจากเมืองไทยไปวางขายด้วย

พอได้เวลา เราก็เดินกลับไปท่าเรือ เพื่อจะไปขึ้นรถเมล์ไปสนามบิน รับคุณนายแม่ กับเพื่อนของคุณนาย

รอรถอยู่นานเหมือนกัน ด้วยความสับสน เพราะว่าไม่รู้ว่าไอ้เอพี 1 คันไหน มันจะไปสนามบิน แล้วคันไหนมันมาจากสนามบิน 55

แต่แล้วพอขึ้นรถเอพี 1 ได้ น้องก็สะกิด จะอะไรซะอีก ลุงคนขับอ่ะจิ คนเดียวกันกับวันที่เรามาถึงเลยอ่ะ

เพราะมัวแต่สับสนกับรถเมล์นานไปหน่อย แล้วฝนก็ดั๊นตกไม่เลิก ทำให้รถโคดจะติด เราสองคนก็เลยไปถึงสนามบินช้า

เวลาเครื่องลง สี่โมงสิบนาที เราไปถึงช้าไปสิบนาทีได้ รีบดูที่จอ เครื่องแลนตั้งแต่สามโมงห้าสิบห้า

แล้วแม่กับน้า หายไปไหนอ่ะ สนามบินมาเก๊ามันไม่ได้กว้างขนาดจะหากันไม่เจอนี่นา

วิ่งขึ้นวิ่งลงหากันจนทั่ว จะห้าโมงแล้ว เป็นไปไม่ได้อ่ะ ทำไมจะผ่านตม.นานขนาดนั้นล่ะ ดิวตี้ฟรีข้างในตอนเรามาก็ไม่เห็นมีนี่นา

วิ่งขึ้นไปชั้นบนอีกที เห็นเหมือนออฟฟิศของแอร์เอเชียอยู่ แต่เข้าไปไม่ได้ มีคุณป้าคนนึงนั่งขวางอยู่ พอบอกว่าแอร์เอเชีย แกก็ยื่นเบอร์โทรให้ อิฉันก็วิ่งไปโทรศัพท์สาธารณะแถวนั้น แต่ทำไมมันโทรไม่ได้หว่า ไม่เอาดีกว่า วิ่งลงมาที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชียข้างล่าง เจ้าประคู้ณ ขอให้เจอแอร์คนไทยซักกะคนเถ๊อะ


ตอนที่เราไปที่เคาน์เตอร์แอร์เอเชีย มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่พูดไทยไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว ทำไม้ทำมืออยู่นานก็ยังไม่ได้เรื่อง เอาใบปริ๊นท์ตั๋วแอร์เอเชียที่ปริ๊นไปต่างหากอีกชุดนึงส่งให้ บอกให้เขาช่วยเช็คให้หน่อย เขาก็ยังไม่เข้าใจ

ในที่สุด นางฟ้าของเราก็มาถึง แล้วถามเราว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย โอ้พระเจ้า พูดภาษาไทยได้อ่ะ

แอร์ของแอร์เอเชียคนนี้เป็นคนมาเก๊า แต่ว่าเคยบินไฟล์ทไปเมืองไทย เลยพูดภาษาไทยได้ อธิบายให้ฟังว่าแม่หาย ไม่รู้บินมาจากกรุงหรือยัง เนี่ยชื่อเนี๊ย เขาก็ช่วยสปีคกับพ่อหนุ่มคนตะกี๊ให้ ได้ความว่า เช็คอินมาแล้วนะคะ

เช็คอินมาแล้ว แล้วตัวไปไหนล่ะ นี่มันจะห้าโมงครึ่งแล้วนะ แล้วนี่ก็มาเก๊า ไม่ใช่กรุงเทพ จะได้ไปแอบเดินเล่นตลาดนัดไหนได้อีก งืออ แม่หายยย ช่วยด้วย

ลงมานั่งละห้อยละเหี่ยตรงทางออกสักพักใหญ่ ผู้โดยสารล็อตใหญ่ก็ทยอยเดินออกมา โห คนเต็มเลย แม่ตรูล่ะ แม่ตรู เฮ้ยย นั่นไง แม่มาแล้ว อ้าว แล้วน้องฉันไปหนายยย เง้อออ

สอบถามได้ความว่า ฝนมันตกหนัก เขาก็เลยไม่ให้ลงจากเครื่อง ต้องนั่งรออยู่ในเครื่องเกือบชั่วโมง มิน่า คนทะลักเลย

ดูสิว่าฝนหนักแค่สะพานข้ามเกาะมาเก๊าหายไปกับตาแค่นั้นเอง เง้อ


สมาชิกครบแล้วก็ออกเดินทางกันดีกว่า โน่นๆ รถเมล์มาแล้ว จ๊ากก ลุงคนเดิมอีกแล้วอ่ะ เหอๆๆ

เพราะว่าคนเยอะ อาเจ๊คนนึง เดาว่าต้องมาจากแผ่นดินใหญ่แน่ๆ เบียดขึ้นรถไปก่อนเพื่อน แถมเอาเงินหยวนหยอดลงในกล่อง

ลุงคนขับรถของเรา 55 กลายเป็นของเราไปและ รีบลุกมาจากที่นั่งคนขับ แล้วเอากระดาษแบบโบรชัวร์แมคโครโลตัส อะไรประมาณนี้ ม้วนๆ แล้วเขี่ยๆ เหรียญออก แล้วโวยวายๆ อะไรก็ไม่รู้อ่า เจ๊คนนั้นหน้าจ๋อยๆไปหน่อย แล้วก็เลยต้องขอแลกเงินกับคนแถวนั้นแทน

เพราะว่าแม่ลงมาจากเครื่องไม่ได้ ทุกอย่างก็เลยดีเลย์ไปหมด ไปถึงท่าเรือ เขาก็ขายตั๋วเรือเที่ยวทุ่มนึงแล้ว เสียตังค์แพงเลย แต่ยังดีกว่าอีกกรุ๊ปนึงที่ไปเจอตอนขึ้นเรือ นั่นเขาซื้อตั๋วเรือไว้ล่วงหน้า แล้วมาไม่ทัน(ลงเครื่องไฟล์ทเดียวกับคุณนาย) เสียฟรีไปเลย

ซื้อตั๋วเรือเสร็จก็เดินงงๆ ไปตามทางที่เขาบอก พร้อมกับส่งใบอิมมิเกรชั่นใบที่เท่าไหร่ของทริปแล้วไม่รู้ให้ตม.

ทางลงเรือคนรอคิวเต็มแล้ว ก็เลยไปต่อคิวเขา แต่เอ๊ะ ทำไมคนที่เขามาทีหลังเรา เขาเดินเข้าไปเลยอ่ะ

น้องเดินไปเซอร์เวย์รอบแรก กลับมาบอกว่า อ๋อ นั่นเขาตั๋วคนละคลาสกับเรา ประมาณว่าเขาตั๋วชั้นวีไอพี สักพักคนก็ยังเดินเข้าไปอีก เอ๊ะยังไงล่ะเนี่ย วีไอพีเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

กว่าจะรู้ว่า ไอ้แถวที่ยืนน่ะ มันรอบทุ่มสิบห้า ก็เล่นเอาแทบจะไม่เหลือที่นั่งบนเรือให้เราแล้ว เลยต้องนั่งแยกกันหมดเลย ฮ่วยย

เอาล่ะ บ๊ายบายอีกทีนะมาเก๊า เราจะไปเที่ยวฮ่องกงกันแล้วว

นั่งเรือโคลงเคลง ท่ามกลางพายุฝนมาได้ชั่วโมงนิดๆ เรือก็มาเทียบท่าที่ฮ่องกงจนได้

ลากกระเป๋าจากท่าเรือไปสถานีรถไฟใต้ดินนี่มันก็ไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ยิ่งกระเป๋าปริๆด้วย แง๊

พอถึงสถานี จัดการซื้อบัตรปลาหมึกใบใหม่ กับเติมเงินใบเก่า เรียบร้อยแล้วก็พร้อมลุย

แต่ทว่า กระเป๋าคุณน้าท่าจะใหญ่เกินไป แล้วทีนี้จะผ่านเข้าช่องรถไฟฟ้ายังไงล่ะเนี่ย

กว่าจะลากกระเป๋าต่อรถไฟขึ้นมาถึงสถานีจิมซาจุ่ยได้ ก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน อะไรไม่ร้ายเท่า สถานีปลายทางมะมีบันไดเลื่อน งือออ หนักนะเนี่ย

ที่พักที่เราเลือกไว้ เป็นโฮสเทลย่านจิมซาจุ่ย ชื่อ ซีแลนด์เกสต์เฮ้าส์ อยู่ตึกตรงข้ามทางออกบี 2 ชั้นแปด แค่ออกจากสถานีมาข้ามถนนเล็กๆ ก็ถึงทางขึ้นตึกเลย สะดวกมากๆ

ห้องพักก็น่าร๊ากกกกกก กะทัดรัด สมตัวคนพักซะเหลือเกิ๊นนน 555

เก็บข้าวเก็บของแล้ว ก็ลงมาหาอาหารกิน

ตอนแรกตั้งใจว่าจะหาร้านเกี๊ยวกุ้งยักษ์ ที่คุณป๊อบเคยไปแนะนำแก๊งเอฟไว้ แต่กางโฉนดเดินวนแล้ววนอีกก็ยังหาไม่เจอ เลยนั่งโซ้ยบะหมี่ลูกชิ้นปลาที่ร้านนี้แทน อร่อยเหมือนกันน๊า



อิ่มแล้วก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางเห็นคนกำลังเชียร์บอลคู่ลิเวอร์พูลกับเอซีมิลานอยู่เต็มไปหมด

ก่อนถึงที่พักแค่ไม่กี่ช่วงตึก ก็ได้กระเป๋าเดินทางใบใหม่มา คนขายบอกสี่ร้อยเหรียญ ต่อเหลือสามร้อยเหรียญ

ใบใหญ่สะใจเลยทีเดียว

การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล(จริงๆ นะ)วันนี้ก็จบลงท่ามกลางสายฝน แต่เพียงเท่านี้แหละจ้า เฮ้อ เหิ่นเล่ยนะเนี่ย อิอิ



Create Date : 20 พฤษภาคม 2551
Last Update : 10 มีนาคม 2552 15:42:59 น. 0 comments
Counter : 1015 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ร่วมวงด้วยคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ร่วมวงด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.