++ใครทำอะไรที่ไหน ขอไปร่วมวงด้วยคน++
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
ตามตรูดแก๊งเอฟไป (หลงทาง) ติดๆ Part 2 @ จูไห่

เช้าวันรุ่งขึ้น พี่แนนมาหาที่โรงแรมแปดโมงเช้า พอเอาของฝากทั้งที่เอาไปฝากและที่พี่เขาฝากซื้อให้พี่เขาแล้ว พี่เขาก็พาไปกินเกี๊ยวกุ้ง ร้านตรงเซนาโด้ หรือว่า ซันหมาโหล่ว สแควร์ ร้านเดียวกับที่แก๊งค์เอฟมากินโจ๊ก


ยืมรูปแก๊งค์เอฟมาแปะหน่อย

ร้านหาไม่ยาก จากทางเข้าเซนาโด้สแควร์ ร้านอยู่ซ้ายมือ ตรงข้ามเป็นแมคโดนัลล์

จากนั้นก็กลับไปเก็บของเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม แล้วพี่เขาก็พาไปส่งที่ป้ายรถเมล์ที่จะไปด่านกงเป่ย จากแถวนั้นก็นั่งสาย 5 ไปสุดสายที่ด่านเลย จะได้ไม่หลงทาง เหอๆๆ ขอบคุณพี่แนนไว้ตรงนี้ด้วยฮับ

นี่ๆ ดูให้ถนัด โควา หน้าตาเป็นแบบนี้ จะได้ไม่เข้าผิดอีก

ยืมรูปแก๊งค์เอฟอีกรอบนะ อิอิ


ไอ้รถเมล์เมืองนี้ก็แปลกๆ ทีไอ้รถคันใหญ่อย่างรถสาย 5 เนี่ย ไม่ต้องเสียค่าวางกระเป๋าวุ้ย แต่ทีรถไปสนามบิน คันเล็กโคดๆ แถมต้องเสียค่าวางกระเป๋าอีก

เดินตามๆ เขาไปที่ด่าน ไอ้เราก็ท่องแค่ว่า ให้มองทางซ้ายมือ จะมีประตูเหมือนทางหนีไฟ ขึ้นไปชั้นสองเพื่อทำวีซ่า



ไหนฟระ ทางซ้าย ไม่เห็นทางขึ้นไปไหนเลย เห็นแต่กรุ๊ปทัวร์ซัวเถาเต็มไปหมด แถมมีพวกเอเย่นต์มาถามว่าไปนั่นไปนี่มั้ย งี๊ดดด ตูจะรอดมั้ยฟระ

ทำเป็นเดินเนียนๆ ตามเขาขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้นสอง มันไม่เห็นมีทางไปไหนต่อเลย นอกจากเคาน์เตอร์ตม. ยาวเหยียด เอ แล้วตูจะทำวีซ่าตรงไหนอ่ะ

ยืนเฟอะๆ อยู่สักพัก ก็มีผู้หญิงคนจีนคนหนึ่งเข้ามาถาม แต่ไม่รู้ถามอะไรอ่ะ เข้าใจว่าเขาก็เป็นเอเย่นต์ทัวร์เหมือนกัน ได้ยินแต่จูไห่ๆ ก็เลยถามเขาว่า วีซ่าอ่ะ ทางไหน วีซ่าไจ้หนาหลี่ กร๊ากกก

ผู้หญิงคนนั้นเขาก็ชี้ไม้ชี้มือประมาณว่า ต้องเข้าไปข้างในก่อน ยืนงงอยู่นานว่าตม.มันจะยอมให้เราเข้าไปข้างในเหรอฟระ ก็ตูยังไม่มีวีซ่านี่นา แล้วความฉลาดก็แว๊บเข้ามาในหัว(มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา) เลยนึกได้ว่า อ๋อ ก็ต้องผ่านตม. ออกจากมาเก๊าก่อนนิ ถึงจะไปทำวีซ่าเข้าเมืองจีนน่ะ ว่าแล้วก็ขอบอกขอบใจคนจีนคนนั้น แล้วรีบไปต่อแถวกับเขา

บ๊ายบายชั่วคราวนะจ๊ะมาเก๊า เราจะไปหลงทางที่อื่นต่อแล้วล่ะ ฮ่ะๆ

พ้นตม. มาเก๊ามาได้ ก็จะมีทางเดินไปอีกอาคารนึงอยู่ข้างในด่าน อิฉันก็เดินทะเร่อทะร่าตามเขาไปเรื่อยๆ เห็นด่านเจ้าหน้าที่ยืนอยู่เหมือนกัน แต่ก็เห็นคนอื่นเขาเดินเข้าไปเฉยๆ นี่นา ไม่เห็นเจ้าหน้าที่เขาว่าอะไร ที่ไหนได้ พอถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่ก็ชี้มือให้กลับไปข้างหลัง

อ้าว ซวยแล้วมั้ยล่ะ จะให้ไปทางไหนเนี่ย จะถอยก็ถอยไม่ได้ คนเดินมาไม่หยุดเลยอ่ะ เจ้าหน้าที่เลยให้เดินอ้อมตัวเจ้าหน้าที่ย้อนกลับไป เหอๆ พอถอยกลับมาได้แล้วก็ยืนงงอยู่พัก ถึงได้รู้ว่าต้องกรอกใบตรวจโรคก่อน กว่าจะฉลาด เกือบไปแล้วมั้ยอ่ะ

พอพ้นด่านตรวจโรคเข้าไปข้างในได้ อิฉันก็เอาอีก มองซ้ายอย่างเดียว แล้วก็เดินดิ่งไปที่ห้องๆ หนึ่ง แบบมั่นใจมากว่าเนี่ย ห้องทำวีซ่าชัวร์ แต่เอ๊ะ ทำไมมันไม่ต้องขึ้นบันไดหนีไฟอ่ะ สงสัยมันย้ายที่แล้วแหงๆ เลย

พอโผล่หน้าเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่า วีซ่า? เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจะไปไหน ดีนะที่เจ้าหน้าที่ที่ด่านเมืองจีน พูดอังกฤษคล่องมาก ไอ้เราซะอีก ที่พูดไม่ได้ พอบอกเจ้าหน้าที่ไปว่า จะไปจูไห่ สองวัน เจ้าหน้าที่ชี้มือไปอีกด้านนึง แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนนึงเดินมาพาเราไปส่งกลางทาง อธิบายว่าถ้ายูทำตรงนี้มันจะแพงกว่า ให้ไปทำฟากโน้น

แหง่มม แล้วมันทางซ้ายยังไงฟระ ขวาชัดๆ

เราก็เดินออกประตูที่เจ้าหน้าที่ชี้ให้ไป โห บันไดไปชั้นสองทำไมมันหลายขั้นขนาดนี้ วนสองรอบอ่ะ กว่าจะถึงชั้นสอง(แถวบ้านเรียกสี่ชั้นนะนี่)

ข้างบนไม่มีใครเลยอ่ะ คนละบรรยากาศกับข้างล่างมากๆ โผล่หน้าไปบอกเจ้าหน้าที่ว่า จะทำวีซ่า ก็เจอคำถามเดียวกับข้างล่างเปี๊ยบ จะไปไหน อยู่กี่วัน กลับมาทางนี้หรือเปล่า ตอบคำถามเสร็จ ก็ส่งตังค์กับพาสปอร์ตพร้อมรูปถ่ายให้ เจ้าหน้าที่ส่งรูปคืนมา บอกว่าไม่ต้องใช้ ให้ไปนั่งรอก่อน ประมาณว่ากะเหรี่ยงจริงๆเลยเชียว สักพักเขาก็เรียกไปถ่ายรูปทีละคน แล้วก็ได้วีซ่ามาสมใจ พร้อมจะไปผจญภัยในแผ่นดินใหญ่แล้ว

อ้อ ค่าวีซ่า 150 เหรียญฮ่องกงนะคะ ถ้าใช้เงินหยวน ก็ 170 หยวนจีน

อ้ออีกที อันนี้เรทปีที่แล้วโน้น ถ้าใครจะไปตอนนี้เช็คเรทใหม่อีกทีนะคะ ตอนนั้นน้ำมันลิตรละไม่ถึงยี่สิบบาทน่ะ (เกี่ยวกันมั้ยอ่ะ)

พอได้วีซ่าแล้ว เราก็กลับลงมาข้างล่าง ด่านที่เมืองจีน มีช่อง ตม. เยอะมากกๆๆๆๆ ยี่สิบสามสิบช่องได้ แต่แถวก็ยังยาวอยู่ดี เวลาเข้าแถวต้องสังเกตดีๆ ว่าแถวนี้สำหรับนักท่องเที่ยวหรือเปล่า และไอ้คนที่ยืนๆ อยู่นั่นอ่ะ มันจะเข้าไปผ่านด่านหรือเปล่า เพราะว่าบางคน มันก็ไปยืนรอเพื่อนงั้นแหละ ไม่ได้จะเข้าไปผ่านด่าน จะนัดกันตรงอื่นไม่ได้หรือยังไงไม่รู้

พ้นจากด่านมาได้ ก็จะเจอแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่อยู่ใต้ถุนด่าน สภาพคล้ายๆ มาบุญครองบ้านเรา ด้วยความหิวน้ำ ก็เลยแวะซื้อ ไป๋ซื่อเข่อเล่อที่ร้านเคนตั๊กกี้ พอดีเหลือบไปเห็นว่าเคนตั๊กกี้ที่นี่ขายทาร์ตไข่ด้วย สงสัยจะได้รับอิทธิพลจากมาเก๊า ก็เลยซื้อมาลองชิมดู

ทาร์ตไข่ที่เมืองจีน ชิ้นละ 5 หยวน ตรงหน้าที่เป็นครีม มีผลไม้อย่างหนึ่งหั่นลูกเต๋าไว้ด้วย เดาว่าคงเป็นมะม่วง แต่จะพันธุ์อะไรนี่ สุดความสามารถ รู้แต่ว่า เป็นมะม่วงที่รสชาติไม่ได้เรื่องเอาซะเลย

ถนนหนทางก็ดูใหญ่โตดี แต่ว่า ฉ...หายแล้ว ไอ้ประเทศชาตินี้ขับรถกลับข้างกับเราฟุ้ย คว้าแผนที่ที่พี่แนนยกให้มาดู โรงแรมอยู่ตรงไหนฟระ

ยืนรอรถเมล์จนเหงื่อท่วม ก็ยังงงๆ ว่าจะไปสายไหนดี ก็เลยตัดสินใจไปแท๊กซี่ มิฉะนั้นอาจหลงทางอีกเหมือนเมื่อคืน เอิ๊กก

ว่าแล้วก็โบกแท๊กซี่ ยื่นที่อยู่ที่โรงแรมที่ปริ๊นมาให้ แท๊กซี่งงๆ อยู่พัก ก็พยักหน้าฮ่อๆๆ รู้เรื่องแน่เป่าฟระเนี่ย

แท๊กซี่ที่เมืองจีน เป็นรถโฟล์คซะทั้งหมด ค่าที่เมืองจีนเป็นผู้ผลิตเอง บางคันก็มีลูกกรงระหว่างคนขับกับคนนั่ง บางคันก็ไม่มี แต่ที่มีเหมือนกันทุกคันคือความโทรม กร๊ากกก

ประตูด้านหลังนี่ จะมีกลไกพิเศษ พอเขาจอดรับเราปุ๊บ เขาจะกดปุ่มไงมะรู้ ประตูข้างหลังมันก็จะเปิด แล้วที่คนขับจะมีมิเตอร์แบบปริ๊นสลิปออกมาด้วย เข้าใจว่ารัฐบาลคงจะเอาไว้เก็บภาษีมั้ง เพราะไม่เห็นมันให้สลิปเราเลยซักกะคันนึง

รถแท๊กซี่ขับปรู๊ดดดดดดดดดดดดด เบรคเอี๊ยดดดดดดดดด จ๊ากก เลยแล้วนี่หว่า ดูดิ ขนาดนั่งแท๊กซี่ ยังหลงอ่ะ กำจริงๆตู


โรงแรมที่พัก

เราได้ห้องพักชั้น 15 วิวก็พอมีให้ดูมั่ง แต่ว่า สงสัยจะเป็นเวรกรรม(อีกแล้ว) ที่เราไปเตรียมตัวเดินทางกันอยู่ในกระทู้ส้วม โรงแรมนี้เลยแวดล้อมไปด้วยร้านขายส้วม เง้ออ นับกันจริงๆ มีเป็นร้อยร้านได้เลยอ่ะ รอบโรงแรมเนี่ย

ค่าห้องพักที่นี่ คืนวันธรรมดา 180 หยวน ศุกร์-เสาร์ 200 หยวน ถูกกว่าโฮสเทลในฮ่องกงตั้งแยะเลย

แต่ทีวี ที่นี่ไม่ยักกะรับช่องไทยได้เหมือนมาเก๊าแฮะ

เข้าห้องพักมาเนี่ย อย่างกับอยู่ในฝันเลย ไม่ใช่ว่าสวยมากนะ แต่ว่าควันบุหรี่อ่ะ คลุ้งไปหมด ต้องเปิดเครื่องดูดอากาศไล่อยู่นาน นี่ขนาดจองโนสโมคกิ้งรูม เอ หรือว่า เขาจะนึกว่าอยากได้ห้องควันเยอะๆ ก็ไม่รู้

ล้างหน้าล้างตา เหยียดขาได้ซักพัก ก็ชวนน้องไป หยวนหมิงซิงหยวน

วิธีการไปก็ไม่ยาก แค่เอารูปในแผนที่ ยื่นให้พ่อหนุ่มที่เปิดประตูดู พนักงานที่นี่ ถึงพูดไม่รู้เรื่องแต่บริการดีโคด เขาจะวิ่งไปเรียกแท๊กซี่มาให้ แล้วก็บอกคนขับให้เสร็จว่าเราจะไปไหน

อ้อ ก่อนออกไป น้องที่เคาน์เตอร์รีบวิ่งมาร้องเรียก แล้วยื่นกระดาษให้ นึกว่าอะไร ที่แท้ก็นามบัตรที่โรงแรมน่ะเอง คงกลัวว่าเราจะไปเฟอะฟะแล้วกลับโรงแรมไม่ถูกแน่ๆ

ค่าแท๊กซี่จากโรงแรมไปหยวนหมิงซิงหยวนก็ 10 หยวนพอดี มิเตอร์ยังไม่ทันขยับเลย คือว่ามันใกล้น่ะ (ก็ใช่น่ะสิ ก็เลือกโรงแรมนี้เพราะว่ามันใกล้น่ะแหละ โธ่กะได้อาศัยวิววัง ดั๊นนน มีแต่วิวส้วมซะนี่)



ค่าเข้าชมหยวนหมิงซิงหยวนคนละร้อยหยวน แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

สภาพข้างหน้าโทรมกว่าที่คิดไว้นิดหน่อย แล้วก็มีขยะปลิวเป็นระยะ หง่ะ

หยวนหมิงซิงหยวน เหมือนเป็นพระราชวังจำลองอ่ะ จริงๆ แล้วมันน่าจะเป็นโรงละครที่จำลองเป็นพระราชวังมากกว่า งงมะ อิอิ

เป็นโรงละครที่ใหญ่มากกกก ดูจากแผนผังแล้วจะเดินรอบต้องข้ามเขาประมาณสี่ลูก งือออ

เดินจนเหนื่อย บ่ายสองแล้ว หาไรกินหน่อยดีกว่า หง่า มีแต่เพิงหมาแหงนอ่า ไม่เข้าก่าบรรยากาศเล๊ยยย

อาหารกลางวันมื้อนั้น เป็นบะหมี่ถ้วย (เพราะมันหาอะไรดีกว่านั้นกินไม่ได้แล้ว เง้อ) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่นี่ หน้าตาดีแต่ไม่อร่อยอ่ะ มาม่าอร่อยกว่าจมเลย

กินเสร็จก็เดินไปโรงละครที่อยู่ในบริเวณหยวนหมิงซิงหยวน
เล่นอะไรกันก็ไม่รู้ ฟังไม่ออก แต่ก็ฮาๆ ดี

ดูซักพัก เจ้าพนักงานก็ลงมาเรียกคนดูขึ้นเวที จ๊ากกก ม่ายเอาน่อ อั๊วพูดไม่รู้เรื่องน่อ



ประมาณยี่สิบนาทีละครก็จบ คนก็เริ่มทยอยออกจากโรงละคร

อากาศวันนั้นไม่เป็นใจเท่าไหร่ ร้อนมั่กๆ ผิดฟอร์มเมืองจีนอย่างแรง ก็เลยตัดสินใจว่าไม่ดูแล้วละครรอบค่ำ กลับโรงแรมกันดีกว่า

จากนั้นก็ออกจากหยวนหมิงซิงหยวนมา ลองเดินหาของกินข้างหน้า แต่ว่า เห็นสภาพแล้วกินไม่ลงซักกะร้าน ได้แค่ชาเขียวคนละขวดติดมือมา

แล้วก็เลยนั่งแท๊กซี่กลับโรงแรม ไอ้แท๊กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์ จนต้องสะกิด แล้วบอกว่ามิเตอร์ แท๊กซี่ แค่นหัวเราะ หึๆ แล้วพูดประมาณว่า โรงแรมใกล้แค่นี้เองไม่ต้องกดหรอกน่ะ เดาเอาตอนหลังอ่ะนะ แต่ตอนนั้นก็อึ้งๆ อยู่ คิดว่าจะโดนแท๊กซี่ฟันซะแล้ว ก็กะว่าถ้าถึงโรงแรมจะให้น้องที่เปิดประตูมาช่วยพูด

ปรากฏว่า แท๊กซี่เก็บสิบหยวนเท่ากับขาไป เข้าใจว่าที่ไม่ยอมกดมิเตอร์ เพราะว่า จะได้ไม่ต้องจ่ายภาษีตรงนี้ หรือไม่อีกทีก็เก็บค่าแท๊กซี่ไว้เอง คนโกงชาติโกงเมืองเนี่ย มันมีทุกประเทศจริงๆ เลยเชียว

พอกลับถึงโรงแรม อาบน้ำดูทีวีได้แป๊บเดียว น้องก็หลับคร่อกซะงั้น เลยได้แต่ดูทีวีรอ จนค่ำ เห็นไฟสีๆ อยู่ลิบๆ เออ ตรงนั้นต้องเป็นห้างแน่ๆ เดี๋ยวรอน้องตื่นแล้วเดินไปดูกันดีกว่า จะได้หาอะไรกินด้วย

มันตื่นมาซักเกือบทุ่มได้ เราก็ชวนกันเดินไปดู แต่ปรากฏว่าระหว่างทางที่เดินไปนั่น มีแต่ร้านขายส้วมอ่ะ ร้านส้วมล้วนๆ โฮ กะว่าจองโรงแรมใกล้พระราชวัง เผื่อจะได้วิววัง ดันได้วิวส้วมซะงั้น

จนกระทั่งมาเจอร้านขายของกินเข้าร้านนึง ไม่รู้เขากินไรกัน รู้แต่ว่าคนแน่นเต็มร้านเลย ของขาย ก็เสียบๆไม้ไว้ ทั้งผักทั้งเนื้อ แล้วก็มีน้ำซุปคงเอาไว้ต้มไอ้ไม้ๆ นั่น ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าร้านพักนึง เอาไงดีวะ กินดี ไม่กินดี จะกินก็แหยงๆ ท่าทางไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่เอ๊ะ คนก็กินเยอะนะ คงอร่อยมั้ง ระหว่างที่ยืนรอนั่นเอง อาเจ๊ที่นั่งโต๊ะหน้าร้าน ก็ยกชามน้ำซุปของตัวเอง เทลงข้างโต๊ะ ประมาณว่า น้ำซุปเยอะไปต้องเททิ้ง กิ๊ดดด แล้วมาเทอะไรตรงขาตูเนี่ยยย

สรุปว่าสองคนพี่น้อง ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เดินต่อไปอีกหน่อย จ๊ากกก น้องหนูอายุซักหกเจ็ดขวบ เดินๆ มาดีๆ ก็ถอดกุงเกงนั่งฉี่มันบนฟุตบาทนั่นเลย งืออ ไรกันวะ

ริมฟุตบาทแถวนั้น มีร้านขายของแบกะดินนิดหน่อย ผลไม้ก็เหี่ยวๆ ไม่น่ากินเลย มีที่ไม่เหี่ยวก็ทุเรียน เอิ๊กก แต่ปริเชียวนะ แต่ละลูกอ่ะ เดินวนสำรวจจนจะครบทุกตึกแถวนั้นแล้ว ไม่มีฟู้ดคอร์ทเลย งืออ อะไรกันเนี่ย หิวแล้วนะเฟร้ยย

ตัดสินใจข้ามถนนกลับมาที่ฝั่งโรงแรมจนสุดท้าย ก็ได้ร้านกินข้าว อยู่ปากซอยทางออกโรงแรม น้องได้กินข้าวหมูแดง จานละแปดหยวน กินตอนแรกก็บอกว่าอร่อยดี แต่กินไปกินมา รู้สึกว่ามันเลี่ยนอ่ะ (จริงๆ คือมันไม่มีน้ำกินด้วยไง มีแต่น้ำชาร้อน ใส่มาในแก้วพลาสติกแล้วใครจะไปกล้ากินของมันฟระ)

ส่วนของอิฉัน ชี้พรวดไปที่รูปข้างฝา บอกว่าเอาแบบนี้ แต่ไอ้จานที่มันมาวางให้ ไม่รู้ผิดโต๊ะหรือเปล่า หน้าตาไม่เหมือนกันเล๊ยย เป็นผัดเซอเลอรี่ กับเนื้ออะไรซักอย่างที่จนป่านนี้ก็ยังเดาไม่ออก จานนี้ สิบสามหยวน

ข้าวที่เมืองจีนก็คล้ายๆ ข้าวหอมบ้านเรา แต่มันไม่หอมเท่านั้นแหละ เขาตักมาเยอะมากกกก ข้าวจานนึง น่าจะกินได้ซักสามคน ไม่เสียดายมั่งหรือไงฟระ

พออิ่มแล้วก็กำลังจะไปเช็คบิล เห็นเด็กในร้านเก็บโต๊ะข้างๆอยู่ อาเจ๊ที่นั่งโต๊ะนั่นสูบบุหรี่ปุ๊ยๆ แล้วก็ปาก้นบุหรี่ลงบนพื้นตรงหน้าเด็กเลย

ส่วนอีกโต๊ะนึงก็โวยวายลั่นร้าน ไม่รู้ของที่สั่งไม่ตรงหรือไง รู้แต่เสียงดังมั่กๆ อย่างกับจะฆ่าพนักงานเสิร์ฟแน่ะ งือออ อะไรกันวะเนี่ย ประเทศชาติเนี้ย ตูจะรอดกลับบ้านได้ม้ายยย



Create Date : 16 พฤษภาคม 2551
Last Update : 16 พฤษภาคม 2551 19:16:53 น. 0 comments
Counter : 1598 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ร่วมวงด้วยคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ร่วมวงด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.