++ใครทำอะไรที่ไหน ขอไปร่วมวงด้วยคน++
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
9 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
บันทึกหน้าสุดท้ายของ White

เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ไวท์ย้ายมาอยู่บ้านเราพร้อมๆ กับเพื่อนอีกสองตัว คือ ตุ๊ยตุ่ย กับ เรื้อน (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเรนนี่)

ความที่มาสามตัว ลูกหมาก็หน้าตาคล้ายๆ กัน สีดำสนิททั้งสามตัว ทำให้ยากต่อการแยกแยะ เราก็เลยเรียกชื่อตามลักษณะเด่นของแต่ละตัว

นั่นคือ ตุ๊ยตุ่ย มีปากหนากระโหลกใหญ่กว่าเพื่อน หน้าตาตุ่ยอยู่ตัวเดียว ก็เลยได้ชื่อนี้ไป

ส่วนเรื้อน คงไม่ต้องบอกว่า เพราะอะไร จึงได้รับชื่อนั้นมา

สำหรับไวท์ มีขนด่างสีขาวนิดนึง(ย้ำว่านิดนึงจริงๆ)ตรงหน้าอก เราก็เลยเรียกไวท์ว่าไวท์

ทั้งๆ ที่ไวท์เป็นหมาสีดำ แต่มันก็ชื่อไวท์ ทำเอาใครต่อใครที่ได้พบเห็นในภายหลัง พากันสงสัย ว่ามันขาวตรงไหนฟระ

อยู่มาได้ปีกว่าๆ ตุ๊ยตุ่ยก็ประสบเหตุให้ต้องจากไปก่อนวัยอันควร เหลือเพียงเรื้อนกับไวท์ อยู่ที่บ้านกับสมาชิกหน้าใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา

เดือนสิงหาปีที่แล้ว ไวท์มีอาการผิดปกติที่ขาด้านหลัง คือเดินกระเผลกๆ

เราเข้าใจว่า ไวท์อาจจะวางมวยกับใครสักคนในบ้าน จนเกิดอาการบาดเจ็บ

หรืออาจจะเป็นอย่างป้าพิม ที่กระดูกขาหลังหลุดจากเบ้า เพราะว่า อุบัติเหตุ

เรารีบเอาไวท์ไปโรงพยาบาล เพราะว่า ถ้าเป็นอย่างป้าพิม การไปพบหมอได้เร็ว อาจจะช่วยหลีกเลี่ยงการผ่าตัดได้

แต่คุณหมอ คลำขาไวท์แล้ว คิดว่าไม่น่าจะใช่ คุณหมอให้ยามา แล้วนัดมาหาในสัปดาห์ต่อไป

เราก็แอบงงกันเล็กน้อยว่าทำไมหมอไม่เอ็กซเรย์ แต่ไม่เป็นไร หมอว่าไงก็ว่าตามกันแล้วกัน

อาทิตย์ถัดมา ไวท์ก็ยังอาการไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร คุณหมอส่งต่อไปให้ศัลย์แพทย์ดูแทน คราวนี้หมอส่งไปเอ็กซเรย์

ภาพเอ็กซเรย์ที่ได้ บอกให้เราและคุณหมอรู้เพียงว่า ข้อขาที่สะโพกของไวท์หลวม อาจจะเป็นด้วยวัย ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพ คนกับหมาก็เป็นโรคไม่ต่างกัน

คุณหมอสั่งยาบำรุงข้อให้ไวท์ ตอนนั้นเห็นราคากระปุกละสี่ห้าพัน กินได้เดือนนึง
ดูตัวยาแล้วก็เอ เหมือนกับยาที่สมาชิกในบ้านกินอยู่ โดสก็เท่าๆ กัน

ก็เลยขอว่า ไม่ซื้อยา แต่จะไปใช้ยาที่บ้านแทน

จากนั้นก็ไปจองคิวว่ายน้ำตามที่คุณหมอแนะนำให้ว่ายน้ำอาทิตย์ละครั้ง ได้คิวมาต้นเดือนตุลา

พอถึงวันนัด เราก็พาไวท์ไปว่ายน้ำ ยังมีรายการทีวีมาถ่ายด้วยซ้ำ

แต่ไวท์ก็ยังไม่ดีขึ้น

วันที่ 23 ตุลา เป็นวันหยุด ไวท์ก็เลยไม่ได้ไปว่ายน้ำ จนกระทั่งวันที่ 30 ตุลา

เราพาไวท์มาว่ายน้ำอีกครั้ง แต่ไวท์เดินไม่ค่อยสะดวกแล้วต้องอุ้มกันเป็นพักๆ

เราตัดสินใจพาไวท์เข้าไปให้คุณหมอดูอีกที แล้วก็ต้องพบคำตอบที่แทบช็อค

เพราะว่า ขาของไวท์ลีบลง เราคิดว่าเพราะมันไม่ได้ใช้งาน ไม่ได้ลงน้ำหนัก กระดูกก็เลยปูดออกมา

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ กระดูกที่เราเห็น คือก้อนมะเร็งก้อนใหญ่

คุณหมอส่งไวท์ไปเอ็กซเรย์อีกครั้ง ก้อนมะเร็งก้อนนั้น ใหญ่จนเกินกว่าจะผ่าตัดเพื่อทำการรักษาใดๆ ได้

หมอบอกให้ทำใจ..

สิ่งเดียวที่ทำได้ คือประคองให้ไวท์ใช้ชีวิตอยู่ได้นานที่สุด และเจ็บปวดน้อยที่สุด

เราหันไปยิ้มกับไวท์ ทั้งที่ในใจกำลังร้องไห้ บอกมันว่า ไม่เป็นไร แค่เป็นมะเร็งเอง

ไวท์ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น มันยังใช้ชีวิตตามปกติ

ชีวิตของสิ่งมีชีวิต ที่ยังอยากมีชีวิตรอด โดยไม่รู้เลยว่า ความตายได้คืบคลานมาอยู่กับมันแล้ว

ไวท์จะคลานหนีทุกครั้ง ที่เห็นเราถอยรถเข้าบ้าน เรารับรู้ได้ว่าไวท์กลัวตาย ไวท์ไม่อยากตาย

อาการของไวท์ทรงๆ ทรุดๆ บางวันกินข้าวได้ บางวันก็ทรุดหนัก

บางวันก็อาเจียนแทบไม่หยุด

เราต้องหาทางป้อนอาหารไวท์ ตัดสินใจซื้อหน้าอกไก่มาต้มให้ไวท์กินแทนอาหารเม็ดที่ไวท์แทบไม่แตะ เพราะคิดว่าน่าจะเป็นอาหารที่ย่อยง่ายที่สุด (แต่บางวันไวท์มันก็ไม่กินไก่)

ต้องรับรู้ว่า อาการของมันทรุดลงยังไง
ก้อนเนื้อร้ายที่ฝังในกระดูก ได้แพร่กระจายไปถึงจุดไหนแล้วบ้าง

ไวท์มักจะอาเจียนในตอนเช้า คุณหมอบอกว่า เพราะเนื้อร้ายทำให้น้ำย่อยของไวท์มากผิดปกติ เราต้องตื่นเช้าทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด เพราะถ้าเราตื่นมาไม่ทันให้อาหารและยาลดกรดในตอนเช้า ไวท์จะอาเจียนๆๆๆ และอาการก็จะทรุดลง

จนกระทั่งวันที่ 8 มกรา เช้าที่เราตื่นมาแล้วได้ยินเสียงไวท์อาเจียนรุนแรงมาก

ทั้งที่วันก่อนหน้านั้น ไวท์กินอาหารได้ดีมาก กินอาหารเม็ดสำเร็จรูปเองด้วยซ้ำ

เช้าวันนั้น เราขับรถออกมาทำงานด้วยใจกังวล

ไวท์ยังไม่ได้กินอาหารและยาใดๆ เลย ไม่สามารถป้อนอะไรให้ไวท์ได้เลย

สายๆ วันนั้น เรากลับบ้านหลังจากได้รับโทรศัพท์จากน้องชาย ว่า ไวท์ท่าจะไม่รอด

สภาพของไวท์ที่เห็น กลายเป็นหมาขาวสมชื่อแล้ว

คือทุกส่วนของร่างกายไวท์ซีดไปหมด เราเข้าไปกอดปลอบไวท์ บอกว่าไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัวนะ แม่รักไวท์นะ ไม่เป็นไรลูก นอนซะนะ

แต่คราวนี้ไม่มีรอยยิ้ม น้ำตามันช่างกลั้นยากเย็นเสียจริงๆ กับภาพตรงหน้า

บอกให้ไวท์ท่องพุทโธๆ เอาไว้ ใจคิดแค่ว่า ชาติหน้าจะได้ไม่เป็นโรคทรมานแบบนี้อีกนะลูกนะ

ช่วงบ่าย เราออกจากบ้านไปทำธุระ ไวท์มองตาม แววตาไวท์เศร้าและหวาดกลัวอะไรบางอย่าง เราบอกไวท์ว่า ไม่ต้องกลัวนะไวท์ เดี๋ยวมานะลูก

แต่น้องชายหันไปบอกไวท์ว่า ไม่ต้องรอนะไวท์นะ

กลับมาอีกที ไวท์หลับอย่างสงบไปแล้ว ไม่ต้องทุกข์ ไม่ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว

และนี่คือบันทึกหน้าสุดท้ายของไวท์
และเป็นการปิดตำนานการต่อสู้กับมะเร็งร้ายที่ยาวนานกว่าสองเดือน




Create Date : 09 มกราคม 2552
Last Update : 9 มกราคม 2552 11:07:42 น. 2 comments
Counter : 501 Pageviews.

 
สมัยเด็ก...ผมเคยฝังร่างลูกไก่ที่จากไปตัวหนึ่ง และปลูกต้นหูกวางไว้ใกล้ ๆ จำได้ว่าน้ำตาซึม

ความรักระหว่างคนกับสัตว์โดยเฉพาะหมาแสนรู้นั้น มีเรื่องเล่าอยู่มากมาย...

ยังไงผมก็เชื่อว่าเขารู้สึกว่าโชคดีนะ ที่มีเจ้าของเอาใจใส่ และรักเขาขนาดนี้


โดย: p_pyai วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:11:33:43 น.  

 
มาอาลัยกับไวท์ ไปสบายนะไวท์ อยู่ในที่สงบที่ไวท์จะมีความสุขนะ


โดย: mukie IP: 202.149.25.241 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:0:53:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ร่วมวงด้วยคน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ร่วมวงด้วยคน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.