@@ ไต้หวัน เดือนเมษา ตะลอนทัวร์ทั่วเกาะ ตอนที่ 12 Taroko @@
หลังจากที่เมื่อวานเราเจอพายุฝนจนออกไปไหนไม่ได้ แถมยังเจอแผ่นดินไหวให้ตื่นเต้นเล็กๆ อีกวันนี้ ทัวร์จะมารับเราที่โรงแรมตอนแปดโมงถึงแปดโมงครึ่ง (เขาว่างั้นนะ)อย่ากระนั้นเลย เราต้องรีบออกไปแต่เช้าตรู่ เพื่อไปดูวิวริมทะเลให้ได้ 55คิดได้อย่างนี้ ยังไม่ทันหกโมงดีเราก็รีบออกจากที่พักเลยค่ะ ดอกไม้ข้างทาง ร้านขายอาหารเช้าเดินออกมาทางเก่า เห็นวิวไกลๆ แบบนี้ มาไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว แย่จัง 555เดินไปตามทางที่ถามผู้ชายคนเมื่อวานแหละค่ะ สุดถนน ก็เจอสวนนี้พอดี กลางคืนคงมีของขายเยอะแยะ เดินพ้นแนวขายของไป นี่ไง ทะเล เจอแล้ว เย้ๆๆ พระอาทิตย์พยายามมากในการส่องแสงทะลุก้อนเมฆ ทางภูเขาด้านหลัง แดดส่องแล้ว จะใช่ทาโรโกะที่เราจะไปวันนี้หรือเปล่าไม่รู้ ริมทะเลที่นี่ มีเจ้าแม่กวนอิมด้วยค่ะคลื่นลมไม่ธรรมดาเลยทีเดียว อากาศก็มัวซัว คงไม่ได้เห็นทะเลสีสวยๆ แบบที่เคยเห็นในบล็อคชาวบ้านแน่ๆ เพราะว่าเราต้องไปแต่เช้าค่ะ ก็เลยให้เขาเสิร์ฟอาหารเช้าตอนเจ็ดโมงครึ่ง ซึ่งเป็นรอบที่เช้าที่สุดแล้ว เราก็เลยต้องรีบกลับขากลับเจอตลาดเช้าด้วย เสียดายที่เวลาน้อย ไม่งั้นจะเดินไปดูตลาดอีกด้านให้ทั่วกลับมาถึงที่พักปุ๊บ อาหารก็มาเสิร์ฟที่ห้องพักอันนี้ของร่วมวงฯ ค่ะ แซนวิช ส่วนอันนี้ของคุณนาย เป็นข้าวต้มกับ กินเสร็จยังไม่ทันไรเลยค่ะ พนักงานก็โทรมาตาม บอกว่า รถมาแล้ว แหว่วว ยังไม่แปดโมงเลยอ่ะดีว่าข้าวของเก็บตั้งก่าเมื่อคืน ตอนแผ่นดินไหว 55 เช้าก็เลยไม่มีอะไรมากแต่ถึงกระนั้น คุณนายก็ยังลืมองุ่นกับลูกพีชไว้ในตู้เย็น เลยอดกินเลย พนักงานโรงแรมช่วยบอกคนขับรถให้ค่ะ ว่าขากลับเราจะไม่กลับมาที่โรงแรม แต่ให้ไปส่งเราที่สถานีรถไฟแทนเพราะว่า รถบัสนี่ จะต้องแวะไปรับ-ส่ง คนที่สถานีรถไฟอยู่แล้วค่ะ จุดแรกที่รถมาจอดค่ะ เข้าใจว่า เป็นส่วนของ Visitor Information แต่วันนี้มันปิดหน่ะ เง้ออ จากนั้นรถก็ขับพาเราไปเที่ยวที่จุดถัดไปค่ะระหว่างทาง คนขับก็จะอธิบายไปด้วย แต่ว่า นะ โอนลี่ไชนิส เหอๆเพราะว่า เขาถามเราตั้งแต่ขึ้นรถแล้วค่ะ ว่าฟังรู้เรื่องมั้ย เราก็บอกว่ารู้เรื่องนิดหน่อย (นิดหน่อยมากๆ อ่ะ)เขาก็บอกว่า ดีแล้วเพราะว่า เขาจะพูดเป็นภาษาจีนอย่างเดียว ภาษาอังกฤษไม่มีนะเราก็เออๆ ทำใจ แต่สักพัก เขาวนไปรับที่โรงแรมอื่น ก็มีฝรั่งสองคู่ขึ้นมาค่ะ เราก็ได้แต่คิดในใจว่า แล้วคนขับจะทำไงฟระ ปรากฏว่าคนขับบอกฝรั่งเลยค่ะว่า คำบรรยายโอนลี่ไชนิสนะ 555ก็อาศัยคนในรถช่วยกันแปลบ้าง งงๆ บ้าง มั่วๆ บ้างค่ะ เล่นรวมเหล่าทั้งไทยจีนฝรั่งญี่ปุ่นเลย ไม่งงก็ให้มันรู้กันไปขอแค่ว่า ให้รู้เวลานัดหมายกลับมาที่รถเป็นใช้ได้แล้วค่ะ จุดต่อไปที่เขาแวะพัก คือ Buluowan ค่ะ เขาแวะให้เราชมวิวตรงนี้ก่อนค่ะ แล้วค่อยเดินไปตรงอาคาร โชคดีมากกกกกกกที่มาก่อนทัวร์ลงแป๊บนึง อาคารตรงนี้จะเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์แสดงชีวิตความเป็นอยู่ของชนพื้นเมืองค่ะที่ไต้หวันนี่ จะสังเกตได้ว่า เขาจะเน้นเรื่องชนพื้นเมืองของเขาแทบจะทุกพื้นที่เลยทีเดียว เรียกว่าจะเจริญยังไง ก็ต้องพยายามหารากของตัวเองเอาไว้ข้างในโป๋ลั่วหวาน จะเป็นแบบนี้ ส่วนอีกอาคารนึง มีหนังฉายด้วย แต่ไปไม่ทันรอบเขา ดูเวลาแล้ว คงไม่ทันขึ้นรถ ก็เลยไม่ได้ดูออกเดินทางกันต่อ คราวนี้ คนขับจอดให้เราลงเดิน 555คุณนายอิดออดจะไม่ยอมลง เข้าใจว่า ข้าวต้มย่อยหมดแล้ว แต่ว่า มาเที่ยวอ่ะนะ ไม่ได้มานั่งรถเล่น แล้วคนขับบอกว่า เดินไปจะไปทะลุร้านอาหาร (จริงๆ คงไม่ได้บอกอย่างนี้หรอก แต่แปลแล้วได้แบบนี้ไง 555)พอนึกว่าจะต้องเดินไปที่ร้านกินข้าว คุณนายก็เลยต้องลง ทิวทัศน์ข้างทางเป็นแบบนี้ แถมระหว่างทางยังมีอุโมงซึ่งมืดดดดดดมากคุณนายมีชะงัก บอกว่าไม่เข้าได้มั้ย อาศัยแฟลชกล้องกับไฟมือถือคนที่เดินข้างหน้า ก็หลุดจากอุโมงมาคุณนายออกไปได้ก่อน ยืนตะโกนเรียกอิฉันอยู่หน้าอุโมงพอออกไปได้ มีโวยว่าทำไมออกมาช้าจัง เรียกตั้งนานเอ๊า ก็มันมืดดดดดดดดดอ่ะแม่ 555สุดทางเดินจะมาโผล่ที่นี่ค่ะ ศูนย์นิทรรศการอะไรสักอย่าง (ซึ่งไม่ใช่ที่กินข้าวหน่ะ 555)คุณนายก็เลยงอน บอกว่า ให้ฉันรออยู่บนรถแต่แรกก็สิ้นเรื่อง อ่านะ ในนี้จะมีนิทรรศการนิดหน่อยค่ะ เกี่ยวกับดินหินอะไรในทาโรโกะนี่แหละแต่ดูเหมือนทุกคนจะหิวแล้ว ก็เลยไม่ค่อยจะสนใจนิทรรศการกันเลย ถึงเวลาอาหารแล้วค่ะ 555 ทัวร์นี้ ท่าทางจะคุ้มตรงอาหารนี่แหละผัดหน่อไม้ อันนี้รสชาติเผ็ดนิดๆ แต่สงสัยฝรั่งกับญี่ปุ่นกินไม่ได้อ่ะเพราะอีกโต๊ะนึง เหลือเต็มเลย ชามนี้เป็นต้มมะระกระดูกหมู มะระไต้หวัน ขาวชะมัด 55 จานนี้อร่อยค่ะ 555 ผักแบบเดียวกับที่ซันมูนเลค แต่ว่า ราดมายองเนสกับปลาแห้งคุณนายบอกว่า เป็นเมืองไทยก็ราดกะทิ จิ้มน้ำพริกกะปิแทน ผัดคึ่นช่าย สงสัยรู้ว่าคุณนายความดันขึ้น 555 อย่างสุดท้ายออกมาช้าไปหน่อยค่ะ เหลือบานเลย สงสารปลาอ่ะ อิ่มแล้วก็ออกเดินทางต่อค่ะ (เขาให้เวลากินน้อยไปนะเนี่ย แค่ 45 นาทีเองอ่ะ แหง่ม)ลงมาด้านล่างของโรงแรมที่เราไปกินอาหาร ก็คือเทียนเสี่ยงค่ะ แต่อิ่มแล้วก็ไม่อยากเดินเนอะ 555 เลยไม่ข้ามสะพานไปค่ะ ถ่ายรูปเล่นแถวนั้น แล้วมานั่งรอบนรถเห็นเจ้าหน้าที่เขากำลังเขย่าต้นนี่อยู่ คนเก็บกันใหญ่เลย แต่ว่า ขี้เกียจลงไปแย่งกับเขาน่ะ อาแปะที่มาทัวร์เดียวกับเรา เก็บมาได้บานเลยค่ะ เลยมาแจกคนในรถให้ลองชิมรสชาติเปรี้ยวๆ ฝาดๆ อ่ะ ไม่เห็นอร่อยเลย ใครรู้มั่งมั้ยคะ ว่ามันลูกอะไร 555กัดไปได้คำนึง ต้องแอบห่อกระดาษแล้วซุกไว้ในกระเป๋าแทน ออกจากเทียนเสี่ยงมา ก็ไม่รู้เขาพาไปไหนมั่งแล้วค่ะ แอบสัปหงกด้วยซ้ำ 555 ไม่รู้เขาให้แวะเดินลอดอุโมงอะไรอีก แบบว่า มันมีแต่อุโมงเยอะไปหมด คนก็เยอะ รถทัวร์ก็แยะ แทบจะหารถไม่เจอเลยทีเดียว ที่สุดท้ายที่ทัวร์พามาแวะ ก็คือตรงนี้ค่ะ Changchun Shineตรงจุดชมวิว มีห้องน้ำด้วย แต่คนเยอะมาก เห็นแล้วหายปวดเลย 55จบทริปแล้ว คนขับก็พาเราไปส่งที่สถานีรถไฟฮวาเหลียนค่ะก่อนไปมีแวะร้านขายหินอ่อนแกะสลักนิดหน่อยตามธรรมเนียม ไอ้สวยน่ะสวยนะคะ แต่เห็นราคาแต่ละชิ้นแล้ว ถอยดีกว่าค่ะ ทัวร์ส่งเราหน้าสถานีรถไฟ สี่โมงตรงเป๊ะซื้อตั๋วรถไฟกลับไทเปเที่ยวสี่โมงสี่สิบห้าค่ะ แล้วก็ให้ตกใจว่า ทำไมเขาให้ตั๋วเรามาเยอะจัง ต้องไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานีไหนหรือเปล่าก็เลยวิ่งมาถามเจ้าหน้าที่คนเดิมคนเดียวกับเมื่อวานค่ะ เขาก็คงงง ที่เราตกใจอะไร 555 เพราะว่า ตั๋วชุดนึงเนี่ย มันจะมีสองใบค่ะ มีใบเล็กกับใบใหญ่ ใบเล็กเอาไว้เสียบที่เก้าอี้ค่ะ เผื่อว่า เราหลับ เจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋วจะได้ไม่ต้องปลุกแต่ว่า ตั้งแต่เที่ยวมาทั้งทริปเนี่ย มันยังไม่เคยได้ตั๋วหลายๆ ใบในคราวเดียวนี่นากลับมานอนไทเปเป็นคืนสุดท้ายค่ะ คืนนี้เราแวะซื้ออาหารญี่ปุ่นที่สถานีไทเปเชอจ้านมากินเหมือนเดิมค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะพรุ่งนี้เราจะได้กลับบ้านแล้ว 5555คืนนี้เขาเลยให้นอนหลายเตียงเลยค่ะจบการเดินทางวันนี้แต่เพียงเท่านี้นะคะ
rungrasami@hotmail.com