Bloggang.com : ร่วมวงด้วยคน :

@@ ไต้หวัน เดือนเมษา ตะลอนทัวร์ทั่วเกาะ ตอนที่ 4 Love River @@

เช้าวันนี้ตื่นมาก็มีหนังสือพิมพ์มาส่งที่ประตูค่ะ
ไทเป ไทมส์ เห็นข่าวบ้านเราแว่บๆ

อาหารเช้าวันนี้ กินในโรงแรมที่พักค่ะ

เช้าวันอาทิตย์ ต้องเริ่มจากการไปโบสถ์ก่อน 55 เกี่ยวมะเนี่ย

ขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานีนี้ค่ะ สถานี central park ออกทางออกที่ 1

เดินออกมายืนงงๆ ข้างนอกสถานี แท๊กซี่บีบแตรเรียกหลายคันก็ส่ายหน้า ก๊าก

จากข้อมูลที่ทำการบ้านมาบอกว่า โบสถ์จะต้องเลาะไปทางสวน แล้วขึ้นรถเมล์สาย 33

เห็นคนขับรถเมล์ยืนสูบปุหรี่อยู่ที่ป้าย R 25 ลองเดินเข้าไปถาม เอารูปโบสถ์ Holy Rosary Cathedral ให้ดู

คนขับพยักหน้าหงึกๆ ทำนองว่าผ่าน แล้วโยนบุหรี่ทิ้งขึ้นสตาร์ทรถเมล์ (อ่านะ ประมาณว่ารอคนขึ้นอยู่ล่ะสิ)

รถเมล์ใช้บัตรแตะได้ค่ะ ถ้าค่ารถเมล์เป็นราคาเดียวก็แปะหนเดียวตอนขึ้น
แต่ถ้าค่ารถเมล์คิดตามระยะทาง ก็แปะทั้งขึ้นทั้งลงค่ะ

นั่งรถแป๊บเดียว คนขับก็หันมาเรียก แล้วชี้ให้ดูว่าโบสถ์อยู่ฟากตรงข้าม

เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ก็เลยมีคนไปทำพิธีที่โบสถ์กันหนาแน่น

ด้านนอกมีรูปปั้นพระแม่มาเรีย

ออกจากโบสถ์ ก็จะเห็นป้าย love river ให้เลี้ยวขวา
เอ ดูในแผนที่ไม่นึกว่าจะใกล้ขนาดนี้ ก็เลยเดินข้ามถนนกลับมาแล้วเดินไปทางเลี้ยวขวา ใช่ love river จริงๆด้วย

เดินเลาะเลียบแม่น้ำมาเรื่อย ๆ เห็นคนงานกำลังปลูกต้นไม้แซมเพิ่มเติมอยู่

ดอกไม้ใส่ถุงมาเป็นถุงๆ ตั้งทิ้งไว้ทุกล็อคเลย

เดินเลาะมาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดหมายที่สองของวันนี้

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เกาชุง เปิดทุกวันอังคาร - วันศุกร์ เวลา 9.00 - 17.00 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เปิด 9.00 - 21.00 น.
วันจันทร์ ปิด

เพราะเกาชุงเป็นเมืองเก่า ทำให้มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน
ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาตั้งแต่ยังเป็นชนเผ่าฟอร์โมซา มาจนปัจจุบัน

พ่อแม่จะพาเด็กๆ มาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ในวันหยุด ดีกว่าไปเที่ยวตามห้างเป็นไหนๆ

เห็นแล้วยังอยากให้พิพิธภัณฑ์บ้านเรามีมั่ง เผื่อเด็กๆ จะได้ซึมซับถึงรากของตัวเอง จะได้รักและหวงแหนความเป็นชาติมากยิ่งขึ้น

ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์ จะติดกับศูนย์แสดงดนตรี มีเด็กๆ แต่งตัวสวยงามเต็มไปหมด คงจะเตรียมไปแสดงอะไรสักอย่าง

เดินย้อนกลับมาทางพิพิธภัณฑ์อีกที แล้วเลี้ยวไปอีกทาง
จะเจอกับศูนย์แสดงสินค้าทางธุรกิจ

หันหลังให้ตึก จะเจอแยกนี้ ข้ามถนนไป

เดินไปอีกไม่ไกล จะเจอทางลงรถไฟใต้ดิน สถานี O2 (Yanchengpu)

ลงรถใต้ดินไปถึงสถานี O1 (Sizhiwan) เพื่อไปลงเรือข้ามฟาก

ออกจากสถานีมา ก็เจอร้านเค้กร้านนี้

ที่จริง ร้าน 85 มีทั่วไต้หวัน ข้างๆ โรงแรมที่พักก็มี แต่ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว กินก่อนแล้วกัน 55

พนักงานพูดกันไม่รู้เรื่อง เลยใช้จิ้มๆ เอา ของมารดาได้ชิ้นนี้มา
ของอิฉันเป็นทิรามิสุ แต่รูปเบลออย่างแรง

ได้ขนมรองท้องแล้วก็เดินทางต่อ ขึ้นรถเมล์ไปที่ท่าเรือ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะสาย O 31
รถเมล์จะวิ่งวนไปที่มหาวิทยาลัยอะไรสักแห่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว แล้วก็ยูเทิร์นเลียบชายฝั่งทะเลมาจนถึงป้ายท่าเรือ
ลงรถเมล์ที่ท่าเรือ เจอกับร้านนี้

เลยแวะกินน้ำแข็ง(นม)ไส ซะหน่อย

กินเสร็จแล้วไปลงเรือข้ามฟาก

ค่าเรือ คนละ 15 NT ผู้พิการ ผู้สูงอายุ (เกิน 65 ปีขึ้นไป) เหลือ 12 NT ค่ามอร์เตอร์ไซค์ข้ามฟาก คันละ 20 NT

แป๊บเดียวก็ถึงฟากกระโน้นแล้ว

ไหว้พระวัดเทียนโฮ่ว

เดินตามๆ เขาไปชายหาด ของขายตรึม

เยอะที่สุด ต้องยกให้ร้านปลาหมึกปิ้ง ราคาไม่แพงด้วย สองตัว สามตัว ห้าสิบ NT เท่านั้นนนน

ถึงแล้วชายทะเล Cijin
คนเพียบเลย มีทั้งมากับเพื่อน และมาเป็นครอบครัว
หาดเขาจะสีดำๆ หน่อย นัยว่าเนื่องมาจากถ่านหินที่อยู่ในภูเขาไฟ

ตอนนี้เขาเริ่มเอาต้นมะพร้าวมาปลูก แม่บอกว่า อีกหน่อยคงสวยกว่าทะเลเมืองไทย

เด็กๆ เล่นกองทรายกันเพลิดเพลิน

ดูความดำของหาดทรายกับน้ำทะเลใสๆ

นั่งรับลมทะเลอยู่พักใหญ่ก็ได้เวลากลับ
ระหว่างเดินกลับ เจอขบวนแห่อะไรสักอย่าง

ก่อนข้ามฟากกลับ อยากไปดูโรงไฟฟ้าพลังงานลม กับพิพิธภัณฑ์หอย
เข้าไปถามอินฟอร์เมชั่นในห้องเหลืองๆ เหมือนเคย
ได้คำตอบว่า ให้นั่งรถสาย 35 ข้างหน้าอินฟอร์เมชั่นนี่แหละ

ดูจากแผนที่แล้ว รถเมล์น่าจะวนขากลับ

แต่นั่งไปนั่งมา รถเมล์มาโผล่เอาแถวนี้

ซึ่งบังเอิญหันอีกที แล้วเจอกับทางลงรถใต้ดินอันนี้เข้า
เลยรู้ตัวว่า ได้ข้ามฟากกลับมาแล้ว 55
ก็เลยรีบวิ่งลงรถ

กลับไปสถานีเซ็นทรัลพาร์คอีกครั้ง เพื่อจะไปเลิฟริเวอร์อีกที

(จริงๆ ตอนแรกตั้งใจจะข้ามฟากกลับมาที่เลิฟริเวอร์เลย)

จากนั้นก็ขึ้นรถสาย R25 เหมือนเมื่อเช้าเลย แต่คราวนี้ไปลงที่หน้าโรงแรมแอมบาสเดอร์แทน

เพื่อจะมาล่องเรือในแม่น้ำ เลิฟริเวอร์ เรือจะเริ่มล่องตั้งแต่สี่โมงเย็นเป็นต้นไป

ค่าเรือคนละแปดสิบบาท ถ้าเป็นผู้สูงอายุ ก็เหมือนจะมีส่วนลดเช่นกัน

ลงเรือไปปุ๊บ เขาก็จะมาสาธิตวิธีการใช้ชูชีพ กรณีเกิดอุบัติเหตุ เหมือนเวลาขึ้นเครื่องเด๊ะๆ แล้วก็คอยบรรยายสองข้างทางไป ซึ่ง ฟังไม่รู้เรื่องเลยหง่ะ 555

เรือจะแล่นผ่านพิพิธภัณฑ์เมื่อเช้าไปหน่อยแล้วก็วนกลับไปถึงสะพานแถวๆ โบสถ์เมื่อเช้าเหมือนกัน

จากนั้นก็ได้เวลาหาทางกลับโรงแรม 55
ตอนแรกตั้งใจว่า จะไปขึ้นรถที่หน้าโบสถ์ แต่ดูที่ป้ายแล้ว ไฟวิ่งบอกว่า รถจะมาในอีกครึ่งชั่วโมงได้

พอดีกับที่ขานั่งรถเมล์มา เห็นข้างทางมีกระเป๋ากองโต เขียนไว้ว่า 100 NT
เลยแวะดูกระเป๋าดีกว่า

เลือกกระเป๋ากันอยู่นานสองนาน เราก็เอะใจว่าทำไมใครๆ มาดูๆ แล้วก็ไม่มีใครซื้อเลยฟระ ของก็ดี ราคาก็ถูกซะขนาดนั้น

พอได้กระเป๋าที่ต้องการ ก็เลยถึงบางอ้อ เพราะเราถือกระเป๋าไปให้คนขาย ถามว่าเท่าไหร่ เขาเอามือปิดศูนย์ตัวหลังกระเป๋าทิ้ง ประมาณว่าเหลือเท่านี้แหละ

แต่ไอ้ราคาก่อนปิดนั่น เจ็ดแปดเก้าพันทั้งนั้นเลยนะ บางใบเป็นหมื่นเลย

ก็เลยเซย์กู๊ดบาย

จริงๆ จะโทษคนขายก็ไม่ได้ เพราะป้าย เขาเขียนว่า 1000 NT แล้วก็กากบาทออก ชี้ลูกศรไปที่ 100 NT ไอ้เราก็อ่านภาษาเขาไม่ออกเองนิ

เดินกลับมาถึงเซ็นทรัลพาร์ค คุณนายคงเหนื่อยเลยมีงอแงนิดหน่อย เพราะงั้นคืนนี้คงไม่ได้เที่ยวต่อแล้ว
ก็นั่งรถกลับโรงแรมกัน

ไปหาข้าวกินแถวหน้าโรงแรม

นี่ปีกไก่ใหญ่ยักษ์ ไม่รู้เขากินยังไง

เพราะว่าเราจองโรงแรมสองวันไม่พร้อมกันค่ะ
คืนนี้เราก็เลยต้องย้ายห้อง
แต่ว่า ตอนเช้าเราคืนกุญแจที่เคาน์เตอร์ไปแล้ว เขาก็จะจัดการย้ายของให้เราเสร็จสรรพ พร้อมกับบอกเบอร์ห้องไว้
ตอนกลับมา เราก็เลยแค่ไปเอากุญแจห้องพร้อมกับคูปองอาหารเช้าเท่านั้น
หมดแรง หลับฝันดีนะคะ