@@ไต้หวันเดือนเมษา ตะลอนทัวร์ทั่วเกาะ ตอนที่ 3 หลงทางในเกาชุง @@
วันนี้เราจะนั่งรถไฟไปเที่ยวเมืองเกาชุงกันค่ะเมืองเกาชุงหรือที่คนไทยเรียกว่า เกาสง เป็นเมืองท่าอยู่ทางตอนใต้ของไต้หวันค่ะแต่ก่อนจะไป กองทัพต้องเดินด้วยท้องใช่มั้ยคะ เราออกจากที่พักไปหาของกินกันก่อนดีกว่าค่ะ คุณนายพาเดิน ไปจนถึงแผงนี้เห็นคนผลุบหายเข้าไปในตึก ด้วยความอยากรู้ เราต้องตามไปดู 555มันคือตลาดสดค่ะ ชั้นใต้ดินนี่ เป็นของสดส่วนชั้นข้างบน เป็นของแห้งที่ไม่เหมือนบ้านเรา คงเป็นแผงนี้ออกมาจากอาคารที่เป็นตลาด เจอร้านขายก๋วยเตี๋ยวตอนเช้าเจรจากันอยู่พักใหญ่ได้ อันนี้มา แล้วก็ชามนี้ เส้นก๋วยเตี๋ยวจะเหมือนกับเส้นอุด้งค่ะพอคนขายรู้ว่า เราเป็นคนไทย มีถามด้วยว่า เราสีอะไร แหง่ม ไม่มีสีหง่ะสั่งผักมากินหน่อย อิ่มแล้ว ก็ไปเอาของไปสถานีรถไฟกันผ่านเรดเฮ้าส์ แวะถ่ายรูปซะหน่อย ไปถึงสถานีไทเปเมนสเตชั่น คนเยอะมากๆ นึกดีใจที่เมื่อวานแวะซื้อตั๋วไว้ก่อนทางเข้ารถไฟหัวจรวด ก่อนจะเข้าไป เช็คตารางว่า จวนถึงคิวขบวนของเรามาหรือยังได้ที่นี่เข้าไปแล้ว ตั๋วที่จองไว้ล่วงหน้า ให้ไปขึ้นบันไดเลื่อนทางซ้ายที่ platform 1ถ้าเป็นตั๋วนอนรีเสิร์ฟ ให้ไปทางขวา เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมปฏิบัติหน้าที่บนรถไฟนั่งรถไฟชั่วโมงเศษๆ เกือบสองชั่วโมงได้ ก็ถึงสถานีปลายทาง จั่วยิง ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของเมืองเกาชุง พอรถไฟจอดให้คนลงหมด เจ้าหน้าที่จะรีบกั้นป้ายทำความสะอาด เพื่อเปลี่ยนปลอกผ้าหนุนหัวที่เบาะพอเสียบตั๋วออกจากชานชาลารถไฟความเร็วสูง ก็จะเห็นป้ายบอกทางไปเอ็มอาร์ที ซึ่งอยู่ติดๆกันการเดินทางในไต้หวันสะดวกมาก และเป็นแบบนี้แทบทุกเมือง นอกจากรถไฟใต้ดินแล้ว บริเวณนี้ ก็ยังเป็นสถานีรถไฟ และที่จอดรถบัสไปยังจังหวัดต่างๆ แถมยังเป็นป้ายรถเมล์อีกด้วยไปซื้อบัตรขึ้นรถไฟใต้ดินที่เกาชุงค่าบัตร 200 NT ใช้ได้ 100 NT บัตรคืนไม่ได้ แต่มีอายุใช้งานสิบปีบัตรอันนี้ใช้กับรถเมล์ได้ด้วย เหมือนที่ไทเปหรือถ้าคิดว่า วันนึงจะเดินทางมากๆ ก็ซื้อตั๋วแบบวันเดย์พาสก็ได้ ราคา 200 NT เหมือนกันขึ้นได้ทั้งรถไฟรถเมล์ เรือข้ามฟาก ยกเว้น เรือล่องเลิฟริเวอร์เท่านั้น ภายในสถานี คนรอรถไฟไม่มากเท่าที่ไทเป รถไฟก็รอนานกว่ากันนิดนึง ที่นี่เวลารถไฟมา จะมีเพลงดัง เหมือนสัญญาณริงโทน 555 บางสถานี ก็มีไฟกะพริบเหมือนที่ไทเปด้วยเวลาขึ้นรถเมล์ก็เหมือนกัน กริ่งรถเมล์ จะเป็นเสียงเพลง เหมือนริงโทน ก๊ากก เรียกว่า ยังไงๆ คนขับก็ต้องได้ยินแล้วสิ่งที่กังวลก็มาถึง เมื่อเราขึ้นจากสถานีรถไฟใต้ดิน มาถึง สถานีเกาชุงเพราะว่า ไปคราวนี้หลายเมืองมาก ทำให้ทำการบ้านเรื่องเกาชุงน้อยไปหน่อย รู้แค่ว่า โรงแรมอยู่แถวๆ สถานีรถไฟใต้ดินเกาชุงนี่แหละแต่ไม่ได้รู้เลยว่า สถานีรถไฟใต้ดินเกาชุง กับสถานีรถไฟเกาชุง นั้น หันหลังชนกัน แต่เดินผ่านทะลุกันไม่ได้พอออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ก็หลงทิศ ไม่เห็นถนนชื่อเดียวกับที่อยู่หน้าโรงแรม เพราะว่า โรงแรมอยู่หลังสถานีรถไฟใต้ดิน หรืออีกนัยหนึ่งคืออยู่หน้าสถานีรถไฟนั่นเองยืนงงอยู่นาน ก็เลยลากกระเป๋าไปทางท่ารถเมล์ถามคนแถวนั้น ด้วยภาษาที่พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้ความว่า ให้ขึ้นรถเมล์สาย 60 ไป ค่ารถเมล์คนละ 12 NTไม่สามารถเดินไปได้ เพราะว่า ถนนที่ว่า ต้องข้ามทางด่วนไปสองคนยืนยันเหมือนกัน เราก็เลยต้องเชื่อต่อแถวขึ้นรถเมล์ ก่อนขึ้นรถก็เอาแผนที่ยื่นให้คนขับ แล้วก็บอกว่า ถ้าถึงตรงนี้ ให้บอกด้วยนะคนขับพยักหน้าหงึกๆ แล้ว เราเลยขึ้นนั่งกันด้านหลังรถขับผ่านเมืองใหญ่ ทำเอาเราตาลาย ตึกย่านการค้าที่เกาชุง ท่าทางจะเยอะกว่าไทเปซะอีกสายตาก็สอดส่ายหาหน้าตาตึกที่พอจะเหมือนรูปหน้าโรงแรมที่เคยเห็นไปด้วยสักพัก ก็เห็นว่า รถเมล์เลี้ยวเข้ามาถนนที่เราต้องการแล้วแต่เอ คนขับยังไม่เรียก ไม่ใช่แยกนี้หล่ะมั้งคนขับยังขับต่อไปจนกระทั่งถึงทางเลี้ยว คนขับก็เรียกเรา ขอเอาแผนที่ไปดูอีกที แล้วก็เริ่มงงว่ามันแยกไหนกันแน่เราเห็นคนขับงง ก็เลยเอาเมล์ที่คุยกับโรงแรมให้ดู หัวกระดาษมีชื่อโรงแรมแพลมมาหน่อยนึงเจ๊ที่นั่งข้างๆ กำลังจะลงพอดี ยื่นหน้าเข้ามาดู แล้วก็คุยอะไรอีล้งช้งเช้งกับคนขับไม่รู้ เดาเอาว่า คงเลยมาแล้วคนขับกับเจ๊ข้างๆ ปรึกษากันอยู่พัก แล้วก็บอกให้เราลงกับเจ๊ แง๊ ไรเนี่ยพอลงมาได้ เจ๊ก็ถามเราใหญ่เลย ไม่ได้รู้เลยว่า อีนี่พูดจีนไม่รู้เรื่อง 555เราก็เลยบอกว่า ไท่กั๋วเว๊ย ฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ เจ๊พยักหน้าหงึกหงัก รับรู้ แต่ก็ยังคงพูดจีนเป็นชุดกับเราต่อไป 555เจ๊จูงมือเราข้ามถนน ไอ้เราก็นึกว่า จะพาไปป้ายรถแล้วให้เราขึ้นรถย้อนกลับที่ไหนได้ ฟากตรงข้ามเป็นโรงพักหง่ะ แหว่วววเจ๊พาเข้าไปแล้วก็บอกตำรวจว่าเราจะไปไหน ให้ตำรวจช่วย ตำรวจสามสี่คน ขำเรากันใหญ่ (แม่มม ตูขำไม่ออกนะเฟ้ย) แล้วก็บอกว่า บายแท๊กซี่ โอเคมาเราพยักหน้าหงึกๆ ตำรวจต่อสายเรียกแท๊กซี่ให้ อธิบายทางเรียบร้อยแล้วก็หันมาบอกเราว่า ให้รอตรงนี้แหละสามนาทีเสียดาย มัวแต่ตกใจ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูกัน เผื่อใครหลงทาง จะได้เข้าสถานีตำรวจถูก 555เพราะว่า ยืนคุยกันตั้งนาน มารดาอิฉันยังไม่รู้ตัวว่า ขึ้นโรงพักเลย 5555 คุณนายว่า ไม่เห็นเหมือนโรงพักตรงไหน (แหง่ม ชีเห็นเจ๊โจวลินยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าโรงพักน่ะเอง)พอมาถึงที่พักได้ เปิดม่านหน้าต่างออกมา ภาพที่เห็นก็คือสถานีรถไฟนั่นเอง ที่เกาชุงนี่ เราพักที่โรงแรม คิงสทาวน์โรงแรมหรูดูดี ใช้โปรโมชั่นจากเว็บโฮเทลคลับจอง เหลือคืนนึงแค่เก้าร้อยกว่าบาท เสียดายว่า เราจองไว้แค่คืนเดียว พออีกคืนมาจองทีหลัง ห้องเต็มหมดแล้ว เหลือแต่ห้องเดี่ยว แต่เป็นเตียงคู่นอนได้สองคน คืนละพันแปดร้อยเอ็นที มีโต๊ะทำงานให้ด้วย แล้วก็มีถุงผ้า ไว้ให้ช็อปปิ้งด้วยตอนเช้าๆ ยังมีนสพ. มาส่งที่ประตูห้องต่างหาก 55หายตกใจกันแล้ว เราก็ออกไปเที่ยวต่อ ประเด็นก็คือ เราจะกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดินได้ยังไงเราเลยออกไปสำรวจสถานีรถไฟฟากตรงข้ามโรงแรมกันนี่ด้านบนสถานีรถไฟ มันเดินทะลุเข้าไปไม่ได้เพราะว่าเราไม่มีตั๋ว แล้วจะไปทางไหนล่ะเนี่ย เดินวนไปวนมา ก็เจอป้ายอันนี้ แอบๆ อยู่ใต้ทางด่วน เดินเลาะตามป้ายและรั้วเขียวไปจะเจอสะพานลอย คือว่า มันเป็นสะพานลอยที่ข้ามรถไฟที่วิ่งอยู่ข้างล่างทั้งหมดน่ะค่ะข้ามมาแล้ว หันมองกลับไป เห็นตึกโรงแรมอยู่ไหวๆ ตึกสีน้ำตาลตรงกลางนั่นแหละ ข้ามมาแล้วก็เกิดหิวเนาะ เต้าหู้เมื่อเช้าย่อยหมดแล้ว 555เดินหาร้านอาหารแถวนั้น เจอร้านนี้ เป็นร้านออกแนวแฟรนไชนส์ชื่อร้านออลเวย์ ชามนี้ของคุณนาย ส่วนจานนี้ของอิฉันเอง อิ่มแล้ว ก็นั่งรถไฟใต้ดินกลับไปที่สถานี Ecological District ออกที่ทางออก 2 ที่ไต้หวันจะมีจักรยานให้เช่าหลายเมืองอยู่เหมือนกัน วิธีเช่าก็ใช้หยอดเหรียญค่ะ รู้สึกจะใช้บัตรเครดิตได้ด้วยนะแต่อิฉันขี่ไม่เป็นน่ะ จักรยาน 555 ไปรถเมล์แล้วกันนะไปคันนี้ค่ะ สาย R51 ใช้บัตรแตะได้เลย แตะบัตรแล้วก็เหมือนเดิม เอารูปชี้ให้คนขับดู แล้วบอกว่า จะไปที่นี่ ถึงแล้วบอกด้วยนั่งรถไม่นานก็ถึงแล้วค่ะ Lotus pond ถ้าขี่จักรยานได้ คงดี คงจะไปได้รอบสระ แต่พอดีขี่ไม่ได้ เดินเล่นอยู่พักใหญ่ ก็หาทางกลับเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์เดิม (จริงๆน่าจะต้องขึ้นป้ายตรงข้าม)มีรถเมล์วิ่งมาคันนึง โผล่หน้าขึ้นไปถามว่า ไปเอ็มอาร์ทีมั้ย คนขับงงๆ ไม่รู้จักเอ็มอาร์ที แงคนนั่งพอพูดอังกฤษได้ช่วยสปีคให้ แต่เราทำการบ้านน้อยไปจริงๆ เขาถามว่าจะไปเอ็มอาร์ทีสถานีไหนล่ะ เออ วุ้ย ลืมอ่ะ งง 555กำลังงงอยู่ ไอ้รถเมล์สายเดิมก็วิ่งมา เราเลยวิ่งไปขึ้นคันหลังแทนอ้าว คนขับคนเดิมเลยเฮะ บอกเขาว่า ไปเอ็มอาร์ที เขาก็คงงงๆ แหละ แต่เอามันกลับมาด้วยแล้วกัน 555 จริงๆ รถเมล์สาย R 51 จะวิ่งระหว่างสถานีจั่วยิงกับสถานี Ecological districtเลยเท่ากับว่า เราต้องย้อนกลับไปสถานีจั่วยิง แล้วก็นั่งรถไฟใต้ดินไปที่สถานีฟอร์โมซา บูเลอวาร์ดค่ะ เป็นสถานีตัดระหว่างรถไฟฟ้าสายสีส้มกับสีแดงทุกสถานีจะมีป้ายข้อมูลทางออกไว้ละเอียดลออทีเดียว ไปออกทางออกที่ 11 ค่ะ ไปไนท์มาร์เกตประจำเมืองเกาชุงกัน liouhe night market บรรยากาศภายในสถานีเป็นรูปดาวกระจายค่ะ มีโถงกลมอยู่ตรงกลาง แล้วแยกไปทางออกเป็นแฉกๆ มีลานแสดงดนตรีในสถานีด้วยนะคะ โผล่ออกมาก็เจอไนท์มาร์เก็ตเลยส่วนตัวแล้ว ชอบไนท์มาร์เก็ตที่นี่ มากกว่าที่ไทเปค่ะ สุดถนนจะเป็นร้านนี้ค่ะ อัญมณีแห่งท้องทะเล ไข่ปลาโอตากแห้งอาหารคืนนี้ค่ะ ข้าวต้มทะเล กับเนื้อก้ามปูผัดสองจานนี้ ราคารวมกัน 200 NT ค่ะขากลับ เดินผ่านร้านนี้ แขกสองคนนี้ ขายไอติมตัก แต่ลีลาเหลือเฟือ ร้องเรียกคนซื้อลั่นถนนแต่เราไม่ได้ซื้อค่ะ มาซื้อไอติมโคนร้านนี้แทนอิ่มแล้วก็กลับโรงแรมไปนอนดูผู้ชาย ได้ข่าวว่าละครฉายวันแรกด้วย 555 พรุ่งนี้ไปเที่ยวเกาสงกันต่อค่ะ