ลักษณะพิเศษของนักล่านกแห่งผาพญาครุฑ

ในอาณาจักรบุราทิศตอนเหนือมีดินแดนที่เรียกว่าเขตผาสูง ทุกปีมักจะได้รับความเดือดร้อนจากการล่ากินของพาฬปักษ์ ซึ่งเป็นนกยักษ์ที่มีนิสัยก้าวร้าว ดุร้าย เจ้าเล่ห์และกินไม่เลือก พาฬปักษ์จะอพยพลงมาทำรังในเขตผาสูงช่วงระหว่างกลางฤดูฝนจนถึงสิ้นเหมันต์หลังจากนั้นพาฬปักษ์จะอพยพขึ้นเหนือข้ามหุบเขาเทพเจ้ากลับไปยังเขตถิ่นอาศัยเดิมของมันในฤดูร้อนก่อนจะอพยพลงมาอีกครั้งเป็นประจำทุกปี ในช่วงนี้เองทำให้ชาวบุราทิศต้องเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับฝูงพาฬปักษ์ที่กำลังหิวโซ แม้บางฝูงจะฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกับชาวเทพ แต่ทุกปีก็ปรากฎการปะทะกันระหว่างชาวบุราทิศและการโจมตีของฝูงพาฬปักษ์อยู่เนืองๆ

ในตอนนี้เองตามเขตชุมชนในเขตผาสูงจึงมักจะว่าจ้างนักล่าพาฬปักษ์มาคุ้มครองเมืองของตนเองในทีแรกมีชาวเทวะไม่น้อยต้องเอาชีวิตไปทิ้งในการต่อกรกับพาฬปักษ์ เพราะแม้แต่วิหคพาหนะอย่างสดายุยังกลายเป็นอาหารมื้อโอชะของพาฬปักษ์ที่แข็งแรงและบินได้ทนกว่าไม่ว่าจะในเวลากลางวันและกลางคืนจนพวกมันได้รับสมญานามอีกอย่างหนึ่งว่ามันเป็น นกกินนก

กระทั่งในที่สุดพาฬปักษ์ที่ดุร้ายฝูงหนึ่งก็ได้พบกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันที่ผาพญาครุฑชาวเทพที่อาศัยในละแวกนี้สามารถหยุดยั้งการโจมตีของพาฬปักษ์ มิหนำซ้ำยังจับพาฬปักษ์ได้เป็นๆ หลายตัว มูลเหตุที่สำคัญที่ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่กลายเป็นอาหารมื้อล่าสุดของเหล่าพาฬปักษ์เพราะชาวเทพแห่งผาพญาครุฑไม่เพียงแต่สามารถฝึกสดายุจนมันบินได้ข้ามขีดจำกัดของตนเองทว่าการเชี่ยวชาญในการบังคับนกในขั้นสูง วิธีล่าที่เสี่ยงตาย และการทำงานร่วมกัน คือปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขามีชัยเหนือพาฬปักษ์จนได้รับการขนานามในภายหลังว่า หมู่บ้านนักล่านก แต่ชื่อที่ติดหูกว่าคือ ลมบ้าแห่งผาครุฑ ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการล่าพาฬปักษ์ที่เสี่ยงอันตรายถึงขั้นบ้าบิ่นของพวกเขานั่นเอง

การฝึกเป็นนักล่านก

ตามปกติหมู่บ้านนักล่านกไม่ได้จำกัดการฝึกฝนการล่านกไว้เฉพาะคนของตัวเองหากเปิดกว้างแก่เทพนักรบหรือชาวเทพที่สนใจนอกหมู่บ้านตน และไม่จำกัด ทุกเพศ วัย ไม่นับสาแหรก ทว่าด้วยมาตรฐานที่สูง น้อยรายนักจะสามารถผ่านการฝึกของหมู่บ้านนักล่านกเพราะนอกจากจะเป็นผู้มีพื้นฐานการบังคับวิหคอยู่ในขั้นเยื่ยมยอดอยู่แล้วต้องมีวิหคพาหนะที่แข็งแรงและใจสู้ไม่แพ้กัน แต่ถึงกระนั้นในเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมามีนักล่านกและวิหคเทพต้องจบชีวิตในระหว่างการล่าพาฬปักษ์เป็นจำนวนไม่น้อย

ภาพด้านบนคือ ชุดที่เหล่าเทพเวนไตยใช้ล่าพาฬปักษ์ นักล่านกจะสวมเครื่องแต่งกายคล้ายกันจะแตกต่างที่ลวดลายที่ปรากฎบนหน้ากากนักล่าที่เรียกว่า เนตรครุฑ* ซึ่งจะมีหลายระดับชั้นแตกต่างกันตามหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย ประกอบด้วย 

หน่วยจู่โจมระยะไกลซึ่งมักเป็นหน้าที่ของนักล่านกระดับฝึกหัด ที่จะมีหอกยาวเกินความปกติเป็นอาวุธ 

พวกที่อยู่ในขั้นกว่าในระดับกลางจะอยู่ในกลุ่มช่วยเหลือซึ่งจะมีถุงบรรจุหินขนาดย่อมเพื่อใช้ป้องกัน โจมตี หรือหลอกล่อเวลาที่นักล่านกโจมตีพลาด หรือกระทั่งเป็นหน่วยสำรองกรณี นักล่านกตัวจริงบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

กลุ่มสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ นักล่าพาฬปักษ์ที่มีทักษะสูง นักล่ากลุ่มนี้จะไม่มีน้ำหนักของอาวุธเป็นตัวถ่วงเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการไล่ล่า กลุ่มแนวหน้านี้ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงภัยที่สุดเพราะตัองเผชิญหน้ากับพาฬปักษ์ในระยะอันตราย

*เพิ่มเติม: นอกจากเนตรครุฑจะใช้สวมเวลาล่าพาฬปักษ์แล้ว นักล่านกบางคนอาจเป็นเทพนักรบแห่งวิหารสูง ซึ่งเวลาออกรบต้องสวม เนตรครุฑของวิหารครุฑมาน ซึ่งเป็นลำดับสูงสุดของหน้ากากเผ่าเวนไตย

กริชเวนไตย

อาวุธที่ขึ้นชื่อที่สุดของนักล่านกกลับเป็นกริชเวนไตย ที่มีความยาวเพียงศอกกว่า แม้กริชเวนไตยจะไม่ได้เป็นอาวุธหลักเพื่อใช้ล่าพาฬปักษ์ที่ทำให้ผาพญาครุฑกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วแต่ใช้เพื่อประลองฝีมือในการต่อสู้กระชั้นชิดแบบตัวต่อตัว หากด้วยลักษณะพิเศษของใบมีดที่มีลวดลายคล้ายเมฆหมอกอันเป็นเอกลักษณ์และความสามารถของโลหะเวทที่เป็นความลับประจำเผ่าทำให้กริชชนิดนี้เป็นที่โด่งดังทั้งในด้านความสง่างามและความร้ายกาจไม่แพ้อาวุธเอกใดๆในดินแดนอื่น

---

ตัวเนื้อเรื่องหลักและอารมัน นักรบเผ่าเวนไตย สามารถอ่านต่อได้ใน จัณฑวาตา ค่ะ