|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อลูกไม่สบาย (รอบสอง)
วันนี้คุณสามีไปทำงานไม่ได้เพราะว่าหมอสั่งเจาะเลือดเจ้าแก้มหนที่สอง รำเพยก็เลยได้โอกาสเอาเครื่องคอมพ์ของเค้ามาพิมพ์ blog เอาไว้อ่านในความทรงจำน่ะค่ะ
คืนวันศุกร์ที่ 20 เจ้าแก้มไข้ขึ้นประมาณ 38 องศา แม่ก็เลยให้กินยาพาราไป .8 มิล และก็เช็ดตัวให้ ไข้ก็ลงไปหน่อย แต่เพราะว่าแก้มเคยเป็น คาวาซากิ มาก่อน พอเช้าวันเสาร์ พ่อกับแม่ก็เลยว่าจะพาไปหาหมอสักหน่อย
วันสาร์ที่ 21 พาแก้มไปหาลุงหมอไกรศร ที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ ลุงหมอเคยดูแลแก้มตอนที่เป็นคาวาซากิ ครั้งนี้แม่ก็เลยพามาตรวจเพราะจะได้นัดให้ลุงหมอทำ echo ตรวจดูหลอดเลือดหัวใจไปพร้อมๆกันซะเลย เด็กที่เป็นคาวาซากิ ควรได้รับการตรวจหลอดเลือดหัวใจเป็นระยะๆ ไปจนกว่าจะโต เพื่อให้แน่ใจว่าหลอดเลือดไม่โป่งพองค่ะ เช้านั้นลุงหมอก็ตรวจไม่พบอะไร แต่นัดให้มาทำ ekg วันพุธที่ 25 แทน พร้อมกับให้ยาลดไข้ กับยาละลายเสมหะมาชุดนึง
วันอาทิตย์ที่ 22 คืนวันเสาร์แก้มไข้สูงเกือบ 40 องศา แม่ก็เห็นท่าว่าไม่ได้เรื่องละ ขืนอยู่บ้านเดี๋ยวชักไปจะยุ่งกันใหญ่ เช้าวันอาทิตย์ก็เลยกลับมาที่สมิติเวชอีกรอบ วันนี้หมอคนใหม่ ชื่อคุณหมอ วิมล คุณหมอบอกว่าอาการไม่ชัด เพราะตัวร้อนอย่างเดียว ไม่มีอาการน้ำมูกหรือไอจามอะไรเลย แต่หมอสงสัยว่าอาจจะเป็นไข้เลือดออก เพราะช่วงนี้เด็กเป็นกันเยอะ ก็เพียงแต่บอกให้คอยระวังและเช็ดตัวให้เมื่อไข้ขึ้นเท่านั้น ไม่ได้สั่งยาอะไรให้เพราะว่าในประวัติก็บอกว่าเพิ่งจะได้ยาไปจากลุงหมอไกรศรเมื่อวาน
ช่วงอาทิตย์กลางวัน เจ้าแก้มก็ยังดูซ่าๆ แต่มีไข้ต่ำๆ แต่ตอนกินข้าวเย็นนี่สิที่ทำให้แม่เป็นห่วง เพราะเจ้าแก้มไม่กินอะไรเลย ทั้งๆที่อาหารก็อร่อยนะ (แม่คิดว่าแม่ทำอร่อยอะ) วัดไข้อีกที ไข้พุ่งไป 40 อีกแล้ว ไม่ไหวละ บึ่งมาสมิติเวชตอนสองทุ่ม หมอให้นอนโรงพยาบาลดูอาการ พร้อมๆกับสั่งให้น้ำเกลือด้วย เพราะว่าแก้มไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งวัน แม่ให้ admit ในชื่อของป้าหมอ พรรณวดี เพราะป้าหมอพรรณวดีกับลุงหมอไกรศรเคยเป็นเข้าของไข้ของแก้มเมื่อปีนึงมาแล้ว
วันจันทร์ที่ 23 วันนี้ป้าหมอมาเยี่ยมแต่เช้า... เจ้าแก้มพอเห็นหน้าป้าหมอก็ร้องแว๊กลั่นห้อง ไข้ไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังไม่ลงดี แม่ขอป้าหมอว่าอย่าเพิ่งเจาะเลือดเลย เพราะว่าถ้าเป็นแค่ไข้ธรรมดา คืนวันจันทร์ผ่านไปจะเป็นคืนที่ 4 ถ้าไข้ลงก็ไม่ต้องเจ็บตัวเปล่าๆ ไม่อยากให้ลูกมีประสบการณ์ที่เลวร้ายมากนักกับโรงพยาบาล มากี่ทีๆ ก็เจาะเจ็บๆ แขนหนูก็เล็กนิดเดียว ป้าหมอก็เห็นด้วย เพราะว่าถ้าเป็นไข้เฉยๆ วันที่ 4 แล้วก็น่าจะหาย เพียงแค่ว่าอยากให้อยู่โรงพยาบาล เพราะว่าถ้ามีอะไรฉุกเฉินจะได้ใกล้หมอเท่านั้น
คืนนั้นไข้ของเจ้าแก้มก็ขึ้นๆลงๆ เป็น roller coaster เดี๋ยวร้อนมาก เดี๋ยวปกติ ในใจแม่ก็คิดว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้เจาะเลือดแน่ๆเจ้าแก้ม ไม่ไหวละขืนเป็นแบบนี้ทิ้งไว้นานๆไม่ดี
วันอังคารที่ 24ป้าหมอมาเยี่ยมแต่เช้า วันนี้ลุงหมอไกรศรก็มาเยี่ยมด้วย เจ้าแก้มยิ่งร้องหนักกว่าเก่าด้วยความกลัวคุณหมอไกรศรอยู่แล้ว เช้านี้แม่เล่าอาการของแก้มตอนกลางคืนให้คุณหมอฟัง และก็ขอให้เจาะเลือดดูซะหน่อยว่าเป็นอะไร ... (เสร็จแน่ลูก)... พ่อก็ต้องเข้าไปในห้อง "รีดเลือด" กับลูก เพราะแม่จับไม่อยู่แน่ๆ (แถมกลัวเข็มอีกตะหาก)
ที่ว่ารีดเลือดน่ะ ก็เพราะว่าอาการในการเจาะคือบีบให้เลือดหยดออกมา ใครเคยได้ยินคำว่า รีดเลือดกับปู มาเห็นภาพเจ้าแก้มกำลังโดนรีดเอาเลือดออกมาจากตัวเนี่ยจะต้องนึกถึงคำนี้เลยค่ะ รีดเลือดเสร็จ แก้มก็ได้ถุงเท้ามาเพิ่มอีกข้าง ข้างแรกเป็นสายน้ำเกลือ ส่วนข้างนี้พยาบาลบอกว่าขอเปิดเส้นไว้ก่อน เผื่อสายน้ำเกลือเส้นแรกมันมีปัญหาอะไรก็จะได้ใช้เส้นนี้แทน ที่ต้องเจาะที่ขา ก็เพราะว่าเส้นที่แขนนั้นเล็กมากเกินไปเจาะไม่ได้เอาเลย
บ่ายนั้นผลเลือดก็ออกมาว่าลักษณะเป็นการอักเสบที่เกิดจากเชื้อ ไวรัส ... เอาละสิ จะเชื้ออะไรละเนี่ย ไวรัสมีตั้งมากมายก่ายกอง แถมไม่มียารักษาอีก เพราะโดยปกตินั้นไวรัสมันเป็นเองแล้วก็หายเอง จะรักษาก็ได้ตามแต่รักษาอาการที่เป็นผลของไวรัสนั้นๆเท่านั้น เช่น โดนไวรัสทำให้เป็นหวัด แล้วมีไข้ .... ก็กินยาลดไข้ มีน้ำมูก.... ก็กินยาลดน้ำมูก เรื่องที่จะกินยาฆ่าไวรัสนั้นไม่มีทางเอาซะเลย ป้าหมอก็บอกได้ว่าต้องรอดูอาการไปเรื่อยๆ วันสองวันไข้ก็น่าจะลดแล้ว เพราะดูแล้วว่าไม่ใช่ไข้เลือดออกแน่ๆ .... เอ้า รอก็รอ
วันพุธที่ 25 เมื่อคืนไข้ลงไปจนแทบจะปกติแล้ว แต่พอตีสามก็ไข้ขึ้นนิดหน่อย แม่เรียกผู้ช่วยพยาบาลมาให้เช็ดตัวแล้วก็ให้แก้มนอนต่อ วันนี้แก้มดูดีขึ้น แต่ที่น่าห่วงก็คือว่ายังไม่ยอมกินอะไรเหมือนเดิม
คืนวันพุธเป็นคืนของความเงียบ...ไม่มีไข้ และ เจ้าแสบก็นอนได้สนิทดี
วันพฤหัสที่ 26 ช่วงเช้าของวันนี้ป้าหมอก็บอกว่าเอาละ ถ้าวันนี้ไม่มีไข้อีก พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว (เย้!!!) แต่ขอดูให้แน่อีกวันเพราะว่าผลเลือดของเค้ามีการอักเสบที่เกิดจากไวรัสอยู่ ป้าหมอก็อยากให้สบายใจทั้งพ่อแม่และหมอ ส่วนเจ้าแสบ...ไม่รู้ว่าติดใจอะไรโรงพยาบาลเพราะคืนนั้นไข้ก็พุ่งสูงเกือบ 40 อีกแล้ว เป็นอันว่าที่วางแผนไว้ว่าจะได้กลับวันศุกร์ ก็ท่าทางจะอดอีกตามเคย
วันนี้ดีหน่อย พ่อซื้อชาชูเมงของฮะจิบังมา เจ้าแสบกินข้าวเย็นได้เยอะขึ้น
วันนี้ วันศุกร์ที่ 27 เป็นอย่างที่แม่คิดไว้ ป้าหมอพรรณวดีกับคุณหมอศศิธร (หมอพิเศษ จากโรงพยาบาลจุฬา) ขอให้เจาะเลือดอีกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าไข้ขนาดนี้จะเป็น คาวาซากิ ซ้ำสองหรือไม่ พ่อกับแม่ก็เครียดจัด เพราะเป็นคาวาซากิทีนึงอย่างน้อยๆก็เสียเป็นแสนบาท นี่นอนโรงพยาบาลยนี้มาหลายวันแล้ว คราวนี้มันคงเกือบสองแสนแน่ๆ ....ปวดหัว
ผลเลือดตัวแรกออกมา เกล็ดเลือดไม่สูงมากนัก.... แสดงว่าโอกาสเป็นคาวาฯ ก็ลดลงไปหน่อย เพราะถ้าเป็นคาวาฯ เกล็ดเลือดจะสูงมาก ทำให้เลือดแข็งตัวและอุดตันเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจได้ .... ป้าหมอพรรณวดีก็บอกว่าถึงจะยังไงก็วันนี้ขอตรวจปอดด้วย เพราะไข้มันหลายวันแล้วอาจจะต้องดูว่าเชื้อไวรัสมันไปที่ไหนบ้าง ....ตอนที่เขียน blog นี้อยู่ แม่ก็ยังรอผลเลือดกับผล xray อยู่ว่าจะเป็นยังไง
เฮ้อ.........
ทำไมสมัยนี้โรคภัยไข้เจ็บมันถึงได้เยอะนัก โรคประหลาดๆก็เยอะ คนเป็นแม่จะทำอะไรได้นอกจากคอยดูลูกเรา ตอนกลางคืนก็อยู่โรงพยาบาลกับลูกสองคน คอยดูอาการเค้าทั้งคืนจนแม่จะไม่สบายตาม น่าแปลกใจที่ลูกตัวเล็กนิดเดียวแต่มีความอดทนสูงมาก โดนเจาะไม่รู้กี่รอบ โดนเช็ดตัวแรงๆให้ไข้ลง หรือถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในโรงพยาบาล มีสายน้ำเกลือห้อยต่องแต่ง เค้าก็ไม่บ่นถ้าเค้ายังเห็นหน้าแม่อยู่ด้วย พ่อกับแม่ซะอีกที่เบื่อแทนลูก แต่ก็ต้องทน ถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่ยังบ่นให้ลูกเห็น ลูกก็คงทนไม่ได้เหมือนกัน
จริงไหม
Create Date : 27 มิถุนายน 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 16:38:41 น. |
Counter : 1740 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: คนแก่ ... คนเดิม!! (คนแก่ขี้เหงา ) 27 มิถุนายน 2551 17:05:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: คีตาญชลี 27 มิถุนายน 2551 20:38:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: s.o.s 27 มิถุนายน 2551 23:36:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: homfung 29 มิถุนายน 2551 1:50:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: phaclam (phaclam ) 30 มิถุนายน 2551 1:01:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: moomoji 1 กรกฎาคม 2551 11:26:27 น. |
|
|
|
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
สมัยนี้หลายสิ่งเจริญขึ้น แต่ก็กลับให้วิวัฒนาการของร่างกายมนุษย์เสื่อมถอยลงในเรื่องภูมิต้านทาน
อาจเป็นเพราะถูกลิขิตมาให้ต้องใช้จ่ายปัจจัยแลกกับการที่จะต้องอยู่รอดให้ได้บนโลกใบนี้
ขอให้เจ้าแก้มหายวันหายคืน
และคุณรำเพยกับครอบครัวก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน