บทความนี้ดัดแปลงมาจาก "การใช้โน้ตบุกกับเทบเบลตพีซีร่วมกับ Microsoft Windows XP เพื่อติดต่อสื่อสารและเพิ่มผลผลิต ที่บ้าน ที่ทำงานและในขณะเดินทาง" แต่งโดย Andrew Fuller และ Ravipal Soin
คุณสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำสองสามประการนี้ เพื่อช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีคุณภาพดีและทำงานได้โดยไม่ติดขัด
บทความนี้พูดถึงการใช้เครื่องมือต่างๆที่มีอยู่ใน Windows XP Service Pack 2 (SP2) เพื่อดูแลคอมพิวเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ และปกป้องความเป็นส่วนตัวในขณะที่คุณทำงานแบบออนไลน์
เพิ่มเนื้อที่ฮาร์ดดิสก์หลังจากที่คุณเพิ่มเนื้อที่ว่างในฮาร์ดดิสก์แล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม ยูทิลิตี้ Disk Cleanup จะช่วยเพิ่มเนื้อที่ว่างในฮาร์ดดิสก์ของคุณได้ ยูทิลิตี้ดังกล่าวช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่าคุณสามารถลบไฟล์ใดทิ้งไปได้อย่างปลอดภัยบ้าง จากนั้นให้คุณเลือกว่าคุณจะลบไฟล์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่เครื่องมือระบุเอาไว้
คุณสามารถใช้ Disk Cleanup เพื่อ- ลบไฟล์ชั่วคราวของอินเทอร์เน็ต
- ลบไฟล์โปรแกรมที่ดาวน์โหลดมา (อาทิเช่น Microsoft ActiveX controls และ Java applets)
- ลบไฟล์ใน Recycle Bin
- ลบไฟล์ชั่วคราวของ Windows
- ลบคอมโพเน้นต์บางส่วนของ Windows ที่คุณไม่ได้ใช้
- ลบโปรแกรมที่คุณติดตั้งเอาไว้แต่ไม่ได้ใช้อีกต่อไป
คำแนะนำ: โดยปกติไฟล์ชั่วคราวของอินเทอร์เน็ตใช้พื้นที่มากที่สุด เนื่องจากบราวเซอร์ทำแคชแต่ละเพจที่คุณเคยเข้าไปเยี่ยมชมเพื่อช่วยให้คุณเรียกใช้เพจเหล่านั้นได้เร็วขึ้นในภายหลัง
วิธีการใช้ Disk Cleanup1. คลิก Start ชี้เมล์ไปที่ All Programs ตามด้วย Accessories จากนั้นไปที่ System Tools แล้วคลิกที่ Disk Cleanup ถ้าหากมีไดร์ฟหลายไดร์ฟ ระบบจะขอให้คุณระบุว่าต้องการทำความสะอาดไดร์ฟไหน Disk Cleanup ทำการคำนวณพื้นที่ที่คุณสามารถทำความสะอาดได้
2. ในกรอบของ Disk Cleanup ให้เลือกไปยังรายการ Files to delete เลือกไฟล์ที่คุณต้องการลบ
3. ยกเลิกการกาเครื่องหมายหน้าชื่อไฟล์ที่คุณไม่ต้องการลบ จากนั้นคลิก OK
4. เมื่อโปรแกรมถามยืนยันว่าคุณต้องการลบไฟล์ที่กำหนดเอาไว้หรือไม่ คลิก Yes
หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที ขั้นตอนจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ แล้วกรอบของ Disk Cleanup จะปิดไป ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือคอมพิวเตอร์ของคุณจะสะอาดมากขึ้นและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
เพิ่มความเร็วในการเรียกใช้ข้อมูลข้อมูลที่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆในฮาร์ดดิสก์จะทำให้พีซีของคุณมีประสิทธิภาพที่ลดลง ถ้าหากข้อมูลของไฟล์ถูกจัดเก็บเอาไว้ในที่ต่างๆ แล้วคุณต้องการเปิดไฟล์ คอมพิวเตอร์ต้องค้นหาตามจุดต่างๆเพื่อนำเอาชิ้นส่วนของไฟล์มารวมกัน ซึ่งทำให้เวลาในการตอบสนองนานขึ้นกว่าเดิมมาก
Disk Defragmenter เป็นยูทิลิตี้บน Windows ที่รวมเอาเศษของไฟล์ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆในฮาร์ดดิสก์มารวมกัน เพื่อทำให้ไฟล์และโฟลเดอร์ใช้พื้นที่ที่ต่อเนื่องกันในฮาร์ดดิสก์ ถ้าหากไฟล์ถูกจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง (โดยไม่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆ) การอ่านและการบันทึกข้อมูลลงไปในฮาร์ดดิสก์ก็จะรวดเร็วขึ้น
เมื่อใดที่ควรสั่งงาน Disk Defragmenterนอกเหนือจากการสั่งงาน Disk Defragmemter ตามช่วงเวลาที่กำหนดแล้ว (น่าจะทำทุกเดือน) เหตุการณ์บางอย่างอาจบังคับให้คุณสั่งงานยูทิลิตี้ตัวนี้นอกช่วงเวลาที่กำหนดเอาไว้ในแต่ละเดือนได้เช่นกัน
คุณควรสั่งงาน Disk Defragmenter ภายใต้สภาพเหตุการณ์ดังต่อไปนี้
เมื่อคุณใส่ไฟล์จำนวนมากลงไปในฮาร์ดดิสก์
คุณทำให้พีซีมีส่วนที่ว่างเกิดขึ้นเกือบร้อยละ 15
คุณติดตั้งโปรแกรมใหม่หรือ Windows เวอร์ชันใหม่
วิธีการใช้ Disk Defragmenter1. คลิก Start ชี้เม้าส์ไปที่ All Programs ตามด้วย Accessories แล้วชี้ไปยัง System Tools จากนั้นคลิกที่ Disk Defragmenterคลิกที่ Analyze เพื่อเริ่มต้นการจัดระเบียบข้อมูลในฮาร์ดดิสก์
2. ในกรอบถามตอบของ Disk Defragmenter คลิกที่ไดร์ฟที่คุณต้องการจัดระเบียบข้อมูล จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Analyze
หลังจากทำการวิเคราะห์ฮาร์ดดิสก์เสร็จแล้ว จะมีกรอบข้อความปรากฏขึ้นมาเพื่อบอกให้คุณทราบว่า คุณควรจัดระเบียบข้อมูลในไดร์ฟที่ทำการวิเคราะห์หรือไม่
คำแนะนำ: คุณควรทำการวิเคราะห์โวลูมก่อนที่จะทำการจัดระเบียบข้อมูล เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าขั้นตอนการจัดระเบียบข้อมูลจะต้องใช้เวลาคร่าวๆมากน้อยเพียงใด
3. ถ้าหากต้องการจัดระเบียบข้อมูลในไดร์ฟที่เลือกเอาไว้ตั้งแต่หนึ่งไดร์ฟขึ้นไป ให้คลิกที่ปุ่ม Defragment
หลังจากขั้นตอนการจัดระเบียบข้อมูลเสร็จแล้ว Disk Defragmenter จะแสดงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบ
4. ถ้าหากต้องการทราบข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับดิสก์ไดร์ฟหรือพาร์ทิชันที่ถูกจัดระเบียบข้อมูลให้คลิกที่ View Report
5. ถ้าต้องการปิดกรอบ View Report คลิก Close
6. ถ้าต้องการปิดยูทิลิตี้ Disk Defragmenter คลิกที่ปุ่ม Close บริเวณไตเติลบาร์ของวินโดวส์ช่องนี้
ย้อนกลับไปด้านบนสุดของหน้า
แยกแยะและซ่อมแซมความผิดพลาดในฮาร์ดดิสก์นอกเหนือจากการใช้ Disk Cleanup และ Disk Defragmenter เพื่อที่ให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีประสิทธิภาพดีขึ้นแล้ว คุณควรตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ที่จัดเก็บเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์โดยใช้ยูทิลิตี้ที่ชื่อว่า Error Checking
ในขณะที่คุณใช้ฮาร์ดดิสก์ มันอาจจะสร้างเซกเมนต์เสียขึ้นมา เซกเตอร์เสียจะทำให้ฮาร์ดดิสก์ทำงานช้าลง และในบางครั้งทำให้การบันทึกข้อมูล (อาทิเช่นการเซฟไฟล์) ยุ่งยากหรือไม่อาจทำได้ ยูทิลิตี้ Error Checking จะทำการสแกนหาเซกเตอร์เสียในฮาร์ดไดร์ฟ รวมทั้งสแกนหาความผิดพลาดของไฟล์ เพื่อดูว่าไฟล์หรือโฟลเดอร์บางชิ้นไปอยู่ผิดที่ผิดทางหรือไม่
ถ้าหากคุณใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวัน คุณควรใช้ยูทิลิตี้ตัวนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
วิธีการใช้ยูทิลิตี้ Error Checkingหมายเหตุ: ปิดไฟล์ทุกไฟล์ก่อนที่จะมีการสั่งงานยูทิลิตี้ Error Checking
1. คลิก Start จากนั้นคลิกที่ My Computer
2. ในวินโดวส์ My Computer คลิกเม้าส์ปุ่มขวาไปยังฮาร์ดไดร์ฟที่คุณต้องการค้นหาเซกเตอร์เสีย จากนั้นคลิก Properties
3. ในกรอบ Properties คลิกที่หัวข้อ Tools
4. คลิกที่ปุ่ม Check Now
5. ในกรอบ Check Disk กาเครื่องหมายหน้าหัวข้อ Scan for and attempt recovery of bad sectors จากนั้นคลิก Start ถ้าหากเป็นการทำงานส่วนใหญ่ ให้เลือกหัวข้อ Scan for and attempt recovery of bad sectors ก็พอแล้ว
6. ถ้าหากเจอเซกเตอร์เสียให้เลือกหัวข้อทำการซ่อมแซม
คำแนะนำ: เลือกกาหัวข้อ Automatically fix file system errors เฉพาะเมื่อคุณคิดว่าฮาร์ดไดร์ฟของคุณมีเซกเตอร์เสียเท่านั้น
ปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากสปายแวร์สปายแวร์ทำการรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยที่คุณไม่ทราบและไม่ได้ขออนุญาติคุณก่อน ข้อมูลที่สปายแวร์รวบรวมเอาไว้มีตั้งแต่รายการของเว็บไซต์ที่คุณเข้าไปเยี่ยมชมไปจนถึงชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน นอกเหนือจากการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว สปายแวร์ยังอาจทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณมีประสิทธิภาพลดลงอีกด้วย
คิดสิ่งให้ สมปราถนานะค่ะ
มีสุขภาพ แข็งแรง
ตลอดไปนะค่ะ
หวัดดีค่ะ แวะมาเยี่ยมเยียน
ขอบคุณค่ะรู้ขึ้นอีกเยอะๆเลยค่ะ - -* แบบว่าใช้อย่างเดียวค่ะทำไรไม่เป็นขอบคุณนะค่ะ