|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดิเกฮูลู
มีผู้ให้ที่มาของดิเกฮูลูเอาไว้หลายสำนวน ในที่นี้จะขอหยิบยกออกมา ๒ สำนวน กล่าวคือ หนึ่ง ตามสำนวนที่รับรู้กันโดยทั่วไป มีผู้รู้บางท่านได้ศึกษาไว้ว่าดิเก(Dikir) มีรากศัพท์มาจากคำว่าซี เกร์ ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ หมายถึงการอ่านทำนองเสนาะ ส่วนคำว่าฮูลู แปลว่าใต้หรือทิศใต้ รวมความแล้วหมายถึงการขับบทกลอนเป็นทำนองเสนาะจากทางใต้๑ ท่านผู้รู้ยังได้กล่าวไว้อีกว่า ดิเกฮูลูน่าจะเกิดขึ้นเริ่มแรกที่อำเภอรามัน ซึ่งไม่ทราบแน่ว่าผู้ริเริ่มนี้คือใคร ข้อสนับสนุนก็คือชาวปัตตานีเรียกคนในอำเภอรามันว่าคนฮูลู ในขณะที่คนมาเลเซียเรียกศิลปะนี้ว่า "ดิเกปารัต" ซึ่งปารัต แปลว่าเหนือ จึงเป็นที่ยืนยันได้ว่า ดิเกฮูลู หรือดิเกปารัตนี้มาจากทางเหนือของมาเลเซียและทางใต้ของปัตตานี๒ ซึ่งก็คือบริเวณอำเภอรามัน จังหวัดยะลา
และสำนวนที่สอง จากการศึกษาของประพนธ์ เรืองณรงค์ ในหนังสือ "บุหงาปัตตานี คติชนไทยมุสลิมชายแดนภาคใต้"๓ คำว่าดิเก หรือลิเก ในพจนานุกรม Kamus Dewan พิมพ์โดยสมาคมภาษาและหนังสือประเทศมาเลเซียเรียกลิเกเป็นดิเกร์เป็นศัพท์ เปอร์เซีย มีสองความหมายคือ เพลงสวดสรรเสริญพระเจ้า ปกติเป็นการขับร้องเนื่องในเทศกาลวันกำเนิดพระนะบี ชาวมุสลิมเรียกงานเมาลิด เรียกการสวดดังกล่าวนี้ว่า "ดิเกเมาลิด"
นอกจากนี้ดิเกยังหมายถึงกลอนเพลงโต้ตอบ นิยมเล่ากันเป็นกลุ่มหรือเป็นคณะ โดยมีไม้ไผ่มาตัดท่อนสั้นแล้วหุ้มกาบไม้ข้างหนึ่งทำให้เกิดเสียงดัง แล้วร้องรำทำเพลงขับแก้กันตามประสาชาวป่า (ว่ากันว่าไม้ไผ่หุ้มกาบไม้นี้ได้กลายเป็นบานอ หรือรือปานา หรือรำมะนาที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้)
ประพนธ์ เรืองณรงค์ ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ดิเกน่าจะมาจากความหมายที่สอง คือกลอนเพลงโต้ตอบ นิยมเล่นกันเป็นหมู่คณะ ซึ่งเป็นการร้องเพลงลำตัดภาษาอาหรับ ที่เรียกว่า "ซีเกร์มีรฮาแบ" การร้องเป็นภาษาอาหรับ ถึงแม้จะไพเราะแต่คนไม่เข้าใจ จึงนำเอาเนื้อเพลงภาษาพื้นเมือง ซึ่งก็คือภาษายาวีตีเข้ากับรำมะนา จึงกลายเป็นดิเกฮูลูมาตราบเท่าปัจจุบัน
และการแสดงประเภทนี้น่าจะมีขึ้นครั้งแรก ณ ท้องที่เหนือลำน้ำอันเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำปัตตานี ซึ่งชาวบ้านเรียกฮูลู หรือทิศฮูลู (ฝ่ายใต้ลำน้ำเรียกฮิเล) ตรงทิศฮูลูเป็นแหล่งกำเนิดฮูลูนั้น เข้าใจว่าคือท้องที่อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี และอำเภอบันนังสตา อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ดิเกฮูลูคณะหนึ่งๆ จะมีสมาชิกประมาณ ๑๐ กว่าคน เป็นชายล้วน เป็นผู้ขับร้องต้นเสียง ๑-๓ คน ที่เหลือจะเป็นลูกคู่ และอาจมีนักร้องภายนอกวงมาสมทบร่วมสนุกอีกก็ได้
บทกลอนที่ใช้ขับร้องนั้น เรียกเป็นภาษามลายูท้องถิ่นว่าปันตน หรือปาตง เวลาแสดงใช้ขับกลอนโต้ตอบ ไม่ได้แสดงเป็นเรื่องราวดังเช่นการละเล่นพื้นบ้านอย่างอื่น เช่น มะโย่ง หรือมโนห์รา (ที่มา/วิกิพีเดีย)
Create Date : 21 มิถุนายน 2553 |
|
46 comments |
Last Update : 24 มิถุนายน 2553 0:14:23 น. |
Counter : 3104 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: cd2lucky 23 มิถุนายน 2553 15:00:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 23 มิถุนายน 2553 15:12:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 23 มิถุนายน 2553 16:36:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดรสา 23 มิถุนายน 2553 20:10:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 23 มิถุนายน 2553 20:58:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 23 มิถุนายน 2553 21:54:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณย่า 23 มิถุนายน 2553 22:14:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: บี๋ (Yushi ) 23 มิถุนายน 2553 23:40:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินทิวา 24 มิถุนายน 2553 7:41:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: สอระ 24 มิถุนายน 2553 8:02:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: เมต (SingleMate ) 24 มิถุนายน 2553 8:22:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดรสา 24 มิถุนายน 2553 9:30:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 24 มิถุนายน 2553 9:39:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: panwat 24 มิถุนายน 2553 13:40:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: kobnon 24 มิถุนายน 2553 15:07:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: Shaz 24 มิถุนายน 2553 17:20:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: มนุษย์กินเห็ด... (เป็ดสวรรค์ ) 24 มิถุนายน 2553 23:21:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: cd2lucky 25 มิถุนายน 2553 1:16:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 25 มิถุนายน 2553 5:34:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: หอมกร 25 มิถุนายน 2553 6:48:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: dolores 25 มิถุนายน 2553 10:04:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: YUCCA 26 มิถุนายน 2553 0:38:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 26 มิถุนายน 2553 7:27:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: OFFBASS 26 มิถุนายน 2553 21:44:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 27 มิถุนายน 2553 7:30:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: nootikky 27 มิถุนายน 2553 23:42:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: ต้าโก่ว 11 กรกฎาคม 2554 13:06:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|