ลิเกทรงเครื่อง เรื่องแก้วหน้าม้า ตอนถวายลูก
การแสดงลิเกออกภาษาในส่วนที่เป็นสวดแขกกลายเป็น การออกแขก มีผู้แสดงแต่งกายเลียนแบบชาวมลายูออกมาร้องเพลงอำนวยพร มีตัวตลกถือขันน้ำตามออกมาให้ผู้แสดงเป็นแขกประพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นสิริมงคล ส่วนที่เป็นชุดออกภาษา กลายเป็นละครเต็มรูปแบบ ซึ่งวงรำมะนายังคงใช้บรรเลงตอนออกแขก แต่ใช้ปี่พาทย์บรรเลงในช่วงละคร เครื่องแต่งกายหรูหราเลียนแบบข้าราชสำนักในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงเรียกว่า ลิเกทรงเครื่อง ลิเกทรงเครื่องแสดงในโรง (วิก) และเก็บค่าเข้าชม เกิดขึ้นโดยคณะของพระยาเพชรปาณี ข้าราชการกระทรวงวัง ซึ่งนำแสดงโดยภรรยา ของตน วิกพระยาเพชรปาณีตั้งอยู่นอกกำแพง เมือง หน้าวัดราชนัดดาราม ประมาณ พ.ศ. ๒๔๔๐ ลิเกทรงเครื่องแพร่หลายไปทั่วภาคกลางอย่างรวดเร็ว มีวิกลิเกเกิดขึ้นมากมาย ต่อมามีการนำเนื้อเรื่องและขนบธรรมเนียมของละครรำมาใช้ จนถึงขั้นแสดงเรื่องอิเหนา ตามบทพระราชนิพนธ์ เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๘๔ ลิเกทรงเครื่อง ก็ประสบปัญหาการขาดแคลนวัสดุเครื่อง แต่งกายซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ผ้าและเพชรเทียม จนในที่สุดการแต่งกายชุดลิเกทรงเครื่องก็หมดไป วงรำมะนาที่ใช้กับการออกแขกก็เปลี่ยนไปใช้วงปี่พาทย์แทนเพื่อเป็นการประหยัด เพลงรานิเกลิงหรือเพลงลิเก เกิดขึ้นโดย นายดอกดิน เสือสง่า ในยุคลิเกทรงเครื่องนี้เอง และต่อมา นายหอมหวล นาคศิริ ได้นำเพลงรานิเกลิงไปร้องด้นกลอนสดอย่างยาวหลายคำกลอน ทำให้มีชื่อเสียงและมีลูกศิษย์มากมาย ช่วงปลายยุคนี้เริ่มมีการออกอากาศลิเกทางวิทยุ เนื้อเรื่องโดยย่อ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกสิ้นหวังแต่ก็มีจิตใจแน่แน่วที่จะแก้เผ็ดเจ้าชายให้จงได้เพื่อรับคำท้าของเจ้านาย นางจึงออกจากเมืองและไปยังเมืองโรมวิถีโดยอาศัยเรือเหาะของตนหลังจากถอดหน้ากากหน้าม้าออกแล้ว นางแก้วหน้าม้าก็ไปอาศัยอยู่กับตายายใกล้แม่น้ำนอกเมืองวันหนึ่งในขณะอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ เจ้าชายปิ่นทองก็ได้มาพบนางเข้าและหลงใหลในความงามของนางในขณะที่ชายาใหม่ของพระองค์กำลังบรรทมอยู่นั้นเจ้าชายก็แอบออกมาจากวังและแต่งกายเป็นชาวบ้านมาเกี้ยวพาราสีแก้ว ผู้ซึ่งก็พร้อมจะเป็นชายาของพระองค์อยู่แล้วเพราะต้องการมีลูกกับพระองค์ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจนกระทั่งแก้วตั้งครรภ์ ก่อนที่จะจากไปเจ้าชาย ได้มอบแหวนให้นางไว้แล้วเสด็จกลับเมืองมิถิลาโดยไม่ได้นำเจ้าหญิงทัศมาลีไปด้วยหลังจากคลอดบุตรชายแล้วแก้วก็ผูกแหวนไว้กับแขนของลูกน้อยแล้วส่งไปอยู่กับพระฤๅษีซึ่งเคยช่วยเหลือตน พระฤๅษีเข้าฌานดูก็รู้ว่าเจ้าชายปิ่นทองกำลังอยู่ในอันตรายเพราะว่าถูกล้อมโดยกองทัพยักษ์นำ โดยพญายักษ์ชื่อว่า พาละราช แล้วพระฤๅษีก็แปลงแก้วให้เป็นชายและสั่งให้นางไปช่วยเจ้าชายในทันที แก้วสามารถฆ่ายักษ์ได้สำเร็จแล้วยึดเมืองไว้ได้พระมเหสีของพญายักษ์จึงยกธิดาผู้เลอโฉมทั้งสองพระองค์ นามว่า สร้อยสุวรรณและจันทร์สุดาตามลำดับให้กับเจ้าชายปิ่นทองแต่เจ้าชายปฏิเสธที่จะรับเพราะตนไม่ใช่ผู้ ที่ชนะศึก ดังนั้นองค์หญิงทั้งสองจึงตกควรเป็นของแก้วซึ่งรับไว้โดยไม่รีรอ แล้วแก้วก็บอกให้เจ้าชายปิ่นทองอยู่ในเมืองยักษ์ไปสักระยะหนึ่งก่อนในขณะที่นางนำธิดาของยักษ์ ไปยังกระท่อมชองพระฤๅษี และบอกเรื่องราวทั้งหมดให้ทั้งสองฟังหลังจากบอกเจ้าหญิงทั้งสองว่าตนเป็นใครแล้ว แก้วก็นำเจ้าหญิงทั้งสองไปพบเจ้าชายปิ่นทองและมอบให้เป็นชายาของเจ้าชายและแล้วแก้วก็กลับมาหาลูกที่ศาลาพระฤๅษี
หลังจากอยู่ในเมืองยักษ์มาระยะหนึ่ง เจ้าชายก็พาชายาทั้งสองกลับไปยังเมืองของพระองค์และต้องประหลาดพระทัยที่ต้องเผชิญหน้ากับแก้ว ผู้ซึ่งนำพระโอรสของพระองค์มาถวาย แรกทีเดียวก็ไม่ทรงเชื่อแต่แหวนที่ข้อมือของกุมารทำให้พระองค์ต้องเชื่อและรับกุมารเป็นโอรสของพระองค์ แล้วเจ้าชายก็ตั้งชื่อพระโอรสว่า “ ปิ่นแก้ว ”
VIDEO
Create Date : 20 เมษายน 2555
Last Update : 20 เมษายน 2555 6:52:28 น.
40 comments
Counter : 6951 Pageviews.
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
สวัสดีตอนเช้าพร้อมส่งกำลังใจค่ะครูเกศ