Bloggang.com : หัวใจสีชมพู : "คิดเป็น รวยก่อน" - อ่านจบแล้วรู้สึกว่า "น่าจะหยิบมาอ่านให้เร็วกว่านี้"

"คิดเป็น รวยก่อน" - อ่านจบแล้วรู้สึกว่า "น่าจะหยิบมาอ่านให้เร็วกว่านี้"

แหมมม วันนี้ขอบ่นหน่อยเหอะนะ
ก็อากาศที่ กทม น่ะดิ แปรปรวนเหมือนอารมณ์คนวัยทอง
เด๋วร้อน เด๋วหนาว ไรก็ไม่รู้ ปรับตัวกันแทบไม่ทัน
ดูดิ เช้านี้เริ่มเย็นๆ อีกละ ไม่รู้จะเย็นได้กันซักกี่วัน
ภาคอื่นๆ ของประเทศไทยอากาศเป็นยังไงบ้างคะเนี่ย

วันนี้มาแนวมีสาระอีกซักหน่อย หยิบหนังสือที่เพิ่งอ่านจบหมาดๆ มาแนะนำกัน
หมาดๆ จริงๆ นะคะ เพิ่งอ่านจบมะวานนี้เอง อิอิ
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเหตุที่หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่าน
เพราะไอ้บรรดาฆาตกรรม สืบสวนที่มีอยู่ ดันอ่านจนหมดแล้วน่ะสิ
ก็กะไว้แล้วว่าต้องอ่านหมดก่อนงานหนังสือรอบใหม่จะมาแน่ๆ
พออ่านจบแล้วทำไงล่ะทีนี้...
ก็เลยต้องไปรื้อหนังสือที่มันอยู่ในชั้นที่ยังไม่เคยอ่าน เอาออกมาอ่านกันแก้ขัดไปก่อน
และนี่คือหนังสือแก้ขัดเล่มแรกที่หยิบออกมา
"คิดเป็น รวยก่อน" ของ คุณกรพจน์ อัศวินวิจิตร
ชื่อคนเขียนคงคุ้นหูบางคน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยค่ะ
อดีต รมต กระทรวงพาณิชย์ ที่อายุน้อย แต่ผลงานโดเด่นที่สุด
โดยทำรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านไม่ใช่เพราะชื่อของคนเขียน
หากซื้อมาอ่านเพราะติดใจผลงาน สนพ นี้ โปรวิชั่น
ที่มี พี่สมคิด ลวางกูร เป็นคนสร้างสรรค์หนังสือขึ้นมา
หลายคนอาจจะไม่รู้จักชื่อ สมคิด ลวางกูร
แต่ถ้าคนเข้าร้านหนังสือบ่อย ๆ น่าจะเคยเห็นหนังสือตระกูล "ฮาสุดขีด" กันบ้าง
นี่แหละ คือผลงานของพี่สมคิด
เหตุที่ติดใจหนังสือของพี่สมคิด เพราะเป็นหนังสือที่ให้สาระแต่ก็ไม่ขาดความบันเทิง
ถึงจะไม่ได้ฮากลิ้งกันจนตกเก้าอี้ แต่มันก็ทำให้เราอ่านเรื่องมีสาระได้แบบไม่เบื่อ
เพราะเหตุนี้เรากะคุณแฟนเลยกลายเป็นแฟนหนังสือของพี่สมคิดไปเลย
ไว้วันหลังจะมาแนะนำเล่มอื่นๆ ของพี่สมคิดกันอีกที

คิดเป็น รวยก่อน น่าจะจัดเป็นหนังสือออกแนวฮาว ทูล่ะมั้ง
เพราะเป็นหนังสือที่เขียนจากประสบการณ์การทำงานของคุณกรพจน์
การเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ จนกระทั่งเป็น รมต ที่สร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล
คุณกรพจน์เขียนแล้วเข้าใจง่าย ไม่เป็นวิชาการจนปวดหัว
ถึงแม้ว่าอ่านแล้วจะไม่ขำ ไม่ฮา แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ
โดยปกติหนังสือแนวนี้จะอ่านแล้วชวนมึน เพราะมีแต่ศัพท์แสงวิชาการ
ไม่ชวนให้ติดตามสักเท่าไหร่ อ่านและจะพลอยหลับคาหนังสือ
หรือบางทีก็เขียนแล้วชวน งง เข้าใจยาก
จนบางทีรู้สึกว่า นี่กรูโง่ หรือมันไม่ได้เขียนภาษาคนฟะ 555
แต่ตรงข้ามกับหนังสือของคุณกรพจน์ ที่อ่านเพลินจนไม่เบื่อ
อาจเป็นเพราะคุณกรพจน์ไม่ใส่วิชาการจนล้น กลายเป็นตำราเรียน
หากเขียนแค่คอนเซ็ปต์หลักๆ ของแนวคิดการทำธุรกิจ
พร้อมกับยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
เราเลยอ่านหนังสือเล่มนี้จบแบบรวดเร็ว
อ่านจบแล้วก็รู้สึกโดนๆ กับข้อความบางตอนในหนังสือ
ถ้าไงเราขอยกตัวอย่างตอนที่โดนๆ มาให้อ่านพอเป็นกระศัย

"เมื่อ 15 ปีก่อน
ผมไปเจรจาการค้าที่ประเทศมาเลเซีย
ผมประเมินด้วยสายตา
มาเลเซียล้าหลังกว่าเรา 20 ปี เป็นอย่างน้อย
ปัจจุบัน
ผมไปมาเลเซียอีกครั้งผมตกใจ
มาเลเซียทำท่าจะก้าวแซงหน้าเราซะแล้ว...

ผมได้พูดคุยกับนักธุรกิจชาวมาเลย์
ก็พูดจายกย่องชมเชยเขาว่า
คนมาเลย์เป็นคนฉลาด คิดเก่ง
ถึงสามาระพัฒนาประเทศให้เจริญได้อย่างรวดเร็ว
เขาบอกว่าไม่จริง
คนไทยฉลาด และคิดเก่งกว่าคนมาเลย์เยอะ
ผมก็ งง ไม่เข้าใจ
คนไทยฉลาดกว่า คิดเก่งกว่าคนมาเลย์
แล้วทำไมประเทศไทยถึงทำท่าจะเจริญช้ากว่ามาเลย์ล่ะ

เขาหัวเราะและอธิบายว่า
เขายอมรับว่าคนไทยเป็นคนฉลาด เป็นคนที่มีความคิดดี
ประเทศไทยมีคนคิดโครงการดี ๆ เยอะแยะมากมาย
แต่ประเทศไทยค่อนข้างโชคร้าย
ที่มีฝ่ายค้าน และสื่อมวลชน ที่เก่งเกินไป และขยันเกินไป

เขาอธิบายว่า
เวลามีโครงการดีๆ เป็นประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล เสนอเข้ามา
ฝ่ายค้าน นักวิชาการ NGO ประชาชนนักประท้วง สื่อมววลชนจะร่วมกันคัดค้าน
ถกเถียงกันไป ถกเถียงกันมา ทะเลาะเบาะแวะกัน ไม่มีใครยอมใคร เก่งหมดทุกคน
กว่าจะหาข้อสรุปได้ ก็ใช้เวลา 20 ปี
คนมาเลย์เนี่ย เป็นคนโง่
คิดอะไรไม่ค่อยเป็น
แต่เรารู้ตัวว่าเราโง่ เราจึงร่วมมือกันทำงาน ร่วมมือกันวางแผน
มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่ประชุมสรุปยังไง เราทำยังงั้น

ที่ประชุมสรปุว่า เมื่อเราโง่ เราไม่ต้องคิด เสียเวลา
ให้ใช้วิธีคอยชะเง้อมองประเทศไทย
ดูว่าประเทศไทยกำลังคิดอะไร
ใครเสนอความคิดอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ
เป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ
คนมาเลย์จะเอาโครงการนั้นมาทำทันที

มาเลย์ทำจนเสร็จ ใช้งานได้แล้ว
ประเทศไทยยังทะเลาะกัน ยังถกเถียงกันไม่เสร็จเลย
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมมาเลเซียถึงเจริญเร็วกว่า..."

โดนมั้ยล่ะคะ พี่น้อง 5555
อ้อ ขอต่ออีกนิดนะ อันนี้ก็โดนไม่แพ้กัน

"เพื่อนนักธุรกิจชาวมาเลย์ บอกผมว่า
ประเทศของยู มีมาตรฐานที่แปลกกว่าประเทศอื่นๆ อยู่อย่างหนึ่ง
ประเทศของยู เอาคนโง่ มาตัดสินความคิดของคนฉลาด
เวลาคนฉลาดๆ แสดงความคิด แสดงโครงการอะไรทีเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
พวกยูจะไปเอา คนที่มีความรู้น้อยกว่า ประสบการณ์น้อยกว่า วิสัยทัศน์แคบกว่า
มานั่งโต้แย้งหักล้างโครงการดีๆ ออกทีวี
เสร็จแล้ว โครงการดีๆ หลายโครงการก็ไม่ได้ทำ

ผมบอกว่า ไม่จริงหรอก
คนที่นำมาโต้แย้งออกทีวีน่ะ ระดับดอกเตอร์ทั้งนั้น
ยูบอกว่า เอาคนโง่มาหักล้างคนฉลาดได้ยังไง

ไอถึงบอกยูไงว่า มาตรฐานของประเทศยู แตกต่างจากมาตรฐานของประเทศอื่น
ในประเทศของไอเนี่ย
คนฉลาด เขาหมายถึง คนที่คิดทำประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมือง
คนโง่ หมายถึง ไอ้พวกที่ค้านเก่ง ใครจะทำอะไรดีๆ มันค้านหมด ค้านแบบไม่สร้างสรรค์
นอกจากค้านแล้ว ทำอย่างอื่นไม่เป็น
ไอ้พวกนี้ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เป็นคนไร้ค่า

ยูต้องปรับวิธีคิดใหม่
ถ้ายูไม่ปกป้อง พวกที่ฉลาด พวกที่คิดดีๆ คิดเก่งๆ ต่อไปคนพวกนี้จะเลิกคิด
แต่ไอ้พวกที่ชอบค้าน ชอบประท้วง มันค้านแล้วสำเร็จ มันก็ดีใจ
เด่น ดัง มีชื่อเสียง ได้รับผลประโยชน์
ต่อไปมันจะคิดมากขึ้น คิดไม่หยุด คิดว่าจะค้านอะไรอีก จะประท้วงอะไรอีก
จะล้มโครงการดีๆ อะไรอีก
ยูลองคิดดูก็แล้วกันว่า
อนาคตอีก 20 ปี้ข้างหน้า ประเทศของยูจะเป็นยังไง"

เป็นไงบ้างคะ พี่น้อง โดนกันอย่างจังไม่คะ
อ่านแล้วก็ได้แต่สะอึก เออ จริงอย่างที่เค้าว่าเลยว่ะ 5555

สรุปว่า หนังสือเล่มนี้น่าอ่านค่ะ
ไม่ต้องคิดว่าเราจะทำงานระดับชาติถึงจะอ่านได้
แต่เราสามารถเก็บแนวคิดดีๆ มุมมองดีๆ มาปรับใช้กับชีวิตของเราได้
ที่สำคัญเราจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ
และได้รู้ว่าคนประสบความสำเร็จเค้าคิดยังไง
ได้เรียนรู้ความคิดของคนที่สำเร็จในธุรกิจก็ดีไม่น้อยหรอก จริงมั้ยคะ
..
..
..
..
..
ปล.ทั้งหมดคือความชอบ ความคิดและรสนิยมส่วนตัวของ จขบ นะจ๊ะ

Create Date : 18 มกราคม 2551

Last Update : 10 มีนาคม 2554 15:45:52 น.

18 comments

Counter : 1832 Pageviews.

อืมมม น่าอ่านค่ะ --- เอาไว้ไปหาอ่านบ้าง ขอบคุณค่ะ ^^

โดย: ~ Rain Or Shine ~

วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:9:29:31 น.

เถ้าแก่เนี้ย รวยอยู่แล้วนี่จ๊ะ คิดจะขยายร้าน เข็นเข้าตลาดหุ้นในเร็ววันอะเปล่าจ๊ะเนี่ย

โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso

) วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:9:58:01 น.

เหอ ๆ จริงของเค้า

น่าอ่านๆๆๆ

โดย: ป้าจะอิ๊บ (jipnaja

) วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:11:34:53 น.

โดนจายยย อย่างแรงเลยค่ะคุณขา...น่าซื้อหามาอ่านนะเนี่ย..

...

ว่าแต่จะมีใครร้อนตัวกับหนังสือเล่มนี้มั้ยเนี่ย 5 5 5

โดย: ShoesMonster

วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:13:25:43 น.

อ่านแล้วเจ็บๆค่ะ แต่ก้อนะเห็นด้วยเลยนะค่ะกับชาวมาเลย์

โดย: bagarbu

วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:17:39:15 น.

ถูกใจจังเลยหัวใจ
ทำให้รู้ ว่าคนอื่นเขามองประเทศเราอย่างไร

....

อากาศตอนนี้ เย็นสบายค่ะ
ก็หนี่ฯ เปิดแอร์ แล้วก็อยุ่ กทม
ไม่ได้อยู่ส่วนไหนของประเทศไทย
น่าจะ คือ ๆ กับหัวใจใช่ปะล่ะ
เย้ ๆ ๆ ๆ

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ

) วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:21:09:26 น.

มีสายใหม่ด้วย
ขอบใจปลาด้วยน๊า
จุ๊บ จุ๊บ

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ

) วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:21:11:13 น.

โดนอย่างแรงเลยค่ะ emo

โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง

วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:22:45:15 น.

พี่จะไปหาอ่านได้ที่ไหนค่ะ เพราะพี่อยู่ไกล

พี่กับสามีกลับจากไทยแล้วค่ะ พร้อมเก็บภาพกลับจากไทยมาฝาก ถ้าว่างไปดูน่ะค่ะ น้องจะได้เห็นโฉมพี่แล้วล่ะค่ะ อายจัง หุ หุ

โดย: jiney6 (สวยตลอดกาล

) วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:10:21:31 น.

น้องปลา น้องชายพี่ก็ชอบซื้อหนังสือแนวๆนี้มาอ่านอะ ให้พี่อ่าน พี่อ่านแล้วท่าจะหลับ 555 ขอผ่านไปเลย อิอิ

โดย: eeh (คิตตี้น้อยสีชมพู

) วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:10:28:02 น.

แวะมาอีกรอบ ... มาบอกว่า ตอบแทกให้แล้วนะคะ คุณลูกปลา อย่าลืมไปตรวจการบ้านล่ะ...

มีความสุขสุดสัปดาห์นะคะ

โดย: ShoesMonster

วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:12:55:16 น.

เห็นด้วยกับที่เค้าว่าจริงๆค่ะ บ้านเราเอะอะอะไรก็ค้านไว้ก่อน จะดีไม่ดีก็ขอค้านไว้ก่อน จนเพื่อนบ้านเค้าแซงกันไปหมดแล้ว

โดย: Beebie

วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:16:05:32 น.

อ่านแล้วโดนหลายอันเลยค่ะ

เราว่าเรื่องหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยเจริญตามหลังเค้าก็คือ คอร์รัปชั่น ด้วยแหละค่ะ

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ

วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:17:24:26 น.

โดนค่ะโดน โดนเต็มๆ เลยแหละ
และก็เหมือนที่เค้าพูดเอาไว้นั่นล่ะคะ
จะปฏิเสธไม่ได้เลย...

คนไทยเรานี่ขาดความสามัคคีค่ะ
ถ้ามีตัวนี้นะ พี่ว่าอะไรมันคงดี
อีกอย่างก็คือ มีแล้วก็ต้องแบ่งปัน
คิดถึงสังคมส่วนรวม .. ทำให้เหมือนที่อื่น
ที่เค้าคิดว่าบ้านเมืองเป็นของเราทุกคน
ไม่ได้เป็นของใครคนหนึ่ง ถ้าหากว่า
คิดได้แบบนี้ เมืองไทยเจริญก้าวหน้า
ไปไกลแล้วอ่ะค่ะ emo