1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
The Pianist... บทบรรเลง เพลงชีวิต !!!
ผมห่างเหินจากการอัพบล็อกมาเกือบ 1 เดือนเต็ม ไม่ได้เป็นเพราะความขี้เกียจ แต่เป็นเหตมาจากการที่ไม่มีเวลาเอาเสียเลย ไหนจะเจ็บนู่น ปวดนี่ ร้อนๆ หนาวๆ ไปตามเรื่องของคนจอมสำออย สรุปแล้วจะพยายามหาข้ออ้างมาให้หนีห่างจากคำครหา ว่า...” ดองบล็อกเพื่อเรียกเรตติ้ง “ เพราะ ทุกวันนี้บล็อกนี้ก็แทบจะไม่มีใครเขาอยากจะเข้ามา ปัดกวาดหยักใย่เก็บฝุ่นให้กับผมแล้ว บ่นโน่นบ่นนี่ไปตามประสาของคนไม่เต็มเต็งไปแล้ว มาเข้าเรื่องหนังของเราในบล็อกนี้ดีกว่าเนอะ.... ในปีค.ศ. 2002 โลกของภาพยนตร์ได้ต้อนรับผลงานใหม่ ของผู้กำกับยอดฝีมือเชื้อสายยิวโปลฯผู้อื้อฉาว นาม โรมัน โปลันสกี้ กันอีกครั้ง หลังจากสร้างผลงานคลาสสิคให้กับโลกภาพยนตร์ในยุค 70 เช่นหนังเขย่าขวัญสั่นประสาท แบบไม่เห็นผีอย่าง Rosemary’s Baby ( 1968 ) และหนังสไตล์ฟิล์มนัวร์เรื่องเยี่ยม The China Town ( 1974 ) ซึ่งหลังจากภาพยนตร์สยองขวัญโดยบรรยากาศ ที่มีจอห์นนี่ เดป เป็นนักแสดงนำ อย่าง The Ninth Gate ในปี 1999 แล้ว [ ผู้กำกับโรมัน โปลันสกี้ ] ปี 2002 โปลันสกี้ ก็หันไปหาอดีตของตัวเอง เมื่อครั้งต้องผจญกับการล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในโปแลนด์ ของนาซีเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเขามีประสบการณ์ตรงฝังอยู่ในจิตใจมาโดยตลอด หลังจากที่มารดาของเขาเสียชีวิตในค่ายแรงงานคาสเคา โปลันสกี้ก็ได้หลบหนีออกมาจากค่ายนรกนั้น และใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ อยู่ในวอร์ซอจนกระทั่งสงครามสงบลง [ วลาดิสลอว์ สปิลแมน และงานเขียนของเขา The Pianist ] ดังนั้น เมื่อโปลันสกี้ได้อ่านเรื่องราวงานเขียนชีวประวัติ ของวลาดิสลอว์ สปิลแมน ( 1911 – 2000 ) นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวยิวเชื้อสายโปลฯ ที่เขียนเรื่องราวชีวิตของเขาอยู่ในหนังสือชื่อ The Pianist บรรยายถึงการเอาชีวิตรอดอยู่ในกรุงวอร์ซอที่ปรักหักพัง ท่ามกลางไฟสงครามและการตามล่าสังหารชาวยิวทุกคน เมื่อครั้งนาซีเยอรมันยาตราทัพ เข้าไปในประเทศโปแลนด์ปี 1939 – 45 [ วลาดิสลอว์ สปิลแมน เล่นเปียนโนออกอากาศทางวิทยุโปแลนด์ ] โรมัน โปลันสกี้ ได้นำเอาเรื่องราวชีวิตของวลาดิสลอว์ สปิลแมน มาดัดแปลงเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 2002 เพื่อเป็นการระลึกถึงเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจของชาวยิวในโปแลนด์ และอดีตที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจของเขาตลอดมา...... หลังจากที่กองทัพนาซีเยอรมันยาตราทัพ บุกข้ามพรมแดนมายึดครองประเทศโปแลนด์ในปีค.ศ 1939 วิถีชีวิตของชาวยิวในประเทศนี้ก็เลวร้ายลงไปทุกที สิทธิในการทำมาค้าขายก็ถูกลิดรอนลงไปเรื่อยๆ สิทธิในเรื่องของการทำงานก็โดนบีบให้แคบลง ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของชาวยิวกำลังเดินทางเข้าไปสู่ ชะตากรรมที่โดนกำหนดเอาไว้แล้ว [ เยอรมันบุกโปแลนด์ในปีค.ศ. 1939 ] วลาดิสลอว์ สปิลแมน นักดนตรีชื่อดังยังคงแสดงเดี่ยวเปียนโน ให้กับการออกอากาศสดของสถานีวิทยุแห่งโปแลนด์ ถึงแม้ว่าสงครามกำลังคืบคลานเข้ามาสู่ชีวิตของเขาทุกทีแล้ว แต่ความหวังที่ว่าสงครามอาจจะยุติในอีกไม่นาน หากว่าอังกฤษและฝรั่งเศสสามารถที่จะเอาชนะเยอรมันได้ โปแลนด์คงจะถูกปลดปล่อยจากการยึดครอง แต่เหตการณ์ไม่เป็นไปดังนั้น ชะตากรรมของชาวยิวในโปแลนด์ได้ถูกพิพากษาเอาไว้แล้ว เมื่อสิทธิในการทำงานโดนลิดรอน สถานะทางการเงินของครอบครัวใหญ่อย่างสปิลแมนก็เริ่มมีปัญหา สถานีวิทยุที่วลาดิสลอว์เล่นดนตรีอยู่ ก็ถูกระเบิดลงจนต้องยุติการออกอากาศ แต่เรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้น ในปลายปี 1940 กองทัพนาซีเยอรมันออกกฎใหม่ ในการจำกัดเขตพักอาศัยของชาวยิวในวอร์ซอให้แคบลง โดยสั่งให้มีการอพยพชาวยิวจำนวนกว่า 400,000 คน เข้าไปพักอาศัยอย่างแออัด ในเขตกักกันชาวยิว ( Warsaw Ghetto ) และได้มีการก่อกำแพงอิฐล้อมรอบเขตกักกันนี้ ไม่ให้ชาวยิวออกมานอกเขต ชาวยิวต้องทำธุรกิจธุรกรรม อยู่แต่ในเขตกักกันนี้เท่านั้น ชาวยิวต้องติดตรา " ดาวแห่งเดวิด " แสดงความเป็นยิว ที่แขนเสื้อทุกๆคนไม่มีข้อยกเว้น [ การกวาดต้อนชาวยิวเข้าไปอยู่ในเขตกักกัน ] ทำให้วลาดิสลอว์ สปิลแมน ต้องมาเล่นดนตรีในร้านอาหารเล็กๆ ของชาวยิวในเขตกักกันนี้แทน แต่วิถีชีวิตของชาวยิวในเขตกักกัน ก็ยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เมื่อนาซีเริ่มที่จะใช้วิธีการรุนแรงต่างๆนาๆเข้ามาจัดการกับชาวยิว เช่นการ ล้อเลียนคนแก่ , ข่มขืนผู้หญิง ฯลฯ และเริ่มที่จะฆ่าหมู่ชาวยิวแบบไม่มีเหตผล จนทำให้มีชาวยิวตายในเขตกักกันไปเรื่อยๆ เป็นจำนวนเกือบ 100,000 คน [ ชีวิตของยิวโปแลนด์ในเขขตกักกัน ] และแล้วในปีค.ศ 1942 ชะตากรรมของชาวยิวในวอร์ซอ ก็มาถึงจุดจบสุดท้าย เมื่อนโยบายกวาดล้างชาวยิวทั้งหมดออกจากเขตกักกันได้เริ่มต้นขึ้น ตามแผนนี้ ชาวยิวจำนวนกว่า 254,000 คน ในเขตกักกัน จะต้องถูกอพยพขึ้นรถไฟ เพื่อเดินทางไปสู่ค่ายกักกันแรงงานที่เมืองทรีบลิงก้า ครอบครัวของของวลาดิสลอว์ ทั้งพ่อแม่และน้องๆ ก็ถูกกวาดต้อนขึ้นรถไฟสายมรณะนี้ด้วย [ การเดินทางไปสู่ค่ายมรณะทรีบลิงก้า ] แต่วลาดิสลอว์ ได้ถูกเพื่อนเก่าที่เป็นตำรวจยิวช่วยเหลือ โดยดึงเขาออกมาจากแถวที่จะถูกส่งขึ้นรถไฟ แล้วให้หลบหนีย้อนกลับเข้ามาในเขตเมืองกักกัน ที่แทบจะเป็นเมืองร้างอยู่แล้ว เหลือเพียงแรงงานยิว ที่นาซีเหลือเอาไว้ให้ทำงานเท่านั้นเอง วลาดิสลอว์ เดินร้องไห้จนน้าตาแทบจะเป็นสายเลือด เมื่อเขาต้องลาจากครอบครัวไปตลอดกาล เพราะการขึ้นรถไฟไปยังค่ายแรงงานที่ทรีบลิงก้านั้น ก็เหมือนกับการเดินทางไปสู่ความตายนั่นเอง เพราะยิวแทบทุกคนที่ไปที่นั่น จะต้องจบชีวิตลงที่เตาเผาทั้งสิ้น !!! วลาดิสลอว์ มาหลบซ่อนตัวอยู่ในร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่ เจ้าของร้าน พาเขามาหลบปะปนอยู่กับแรงงานชาวยิวที่เหลืออยู่ แต่เบื้องหลังของแรงงานนี้นั้นก็คือ ขบวนการใต้ดินชาวยิว ที่แอบซ่องซุมอาวุธ รอวันลุกฮือขึ้นตอบโต้กับทหารนาซีในอีกไม่นาน แต่การออกมาทำงานรื้อกำแพงที่นอกเขตกักกัน ทำให้วลาดิสลอว์ ได้พบกับเพื่อนเก่าชาวโปแลนด์ของเขา ที่ช่วยเหลือให้เขาหลบหนีออกมาจากเขตกักกัน และร่วมมือกับหน่วยใต้ดินของโปแลนด์ พาเขามาหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องร้างในตึก วลาดิสลอว์ ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้อย่างเงียบกริบที่สุด เขาทำได้แต่มองออกไปยังนอกหน้าต่าง และเหมือนกับตลกร้ายที่ในห้องเล็กๆนี้ดันมีเปียนโนตั้งอยู่ แต่นักเปียนโนอย่างเขากลับเล่นมันให้เกิดเสียงไม่ได้ เขาทำได้แต่นั่งเล่นมันในจินตนาการ โดยที่ปลายนิ้วไม่ได้สัมผัสกับคีย์ของเปียนโน จากหน้าต่างห้องเล็กๆนี้ วลาดิสลอว์ ได้เห็นถึงเหตการณ์การลุกฮือ ของหน่วยใต้ดินยิวและโปแลนด์ในค่ายกักกัน(WarsawUprising) ที่รวมตัวกันลุกขึ้นสู้รบกับทหารเยอรมัน ในปีค.ศ. 1943 แต่น้าน้อยย่อมแพ้ไฟ เหตการณ์การลุกฮือนี้ สิ้นสุดลง ด้วยชัยชนะของนาซีเยอรมัน หน่วยใต้ดินต้องพลีชีพไป 13,000 คน และอีกกว่า 6,000 คนที่เหลืออยู่ ตายจากการรมแก๊ซพิษในค่ายกักกัน [ เหตการณ์การลุกขึ้นสู้ของขบวนการใต้ดินในวอร์ซอ 1943 ] หลังจากการลุกฮือต่อต้านของหน่วยใต้ดินในโปแลนด์ ทำให้อด๊อฟ ฮิตเลอร์ โกรธแค้นมาก เขาจึงสั่งการให้รื้อทำลาย อาคารทั้งหมดในบริเวณนั้นลง และให้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดเขตกักกัน จนราบพนาสูญ [ ทหารเยอรมันตรวจตราตึกต่างๆหลังเหตการณ์สงบลง ] วลาดิสลอว์ สปิลแมน จึงต้องหลบหนีออกมาจากห้องนั้น เขาซมซานไปตามตึกร้างต่างๆ เพื่อหลบซ่อนและหาอาหารประทังชีวิต เขามาหลบซ่อนตัวอยู่บนห้องใต้หลังคาของอาคารร้างแห่งหนึ่ง พร้อมกับกระป๋องแตงดองที่เก็บมาได้ ในขณะที่เขากำลังหาทางเปิดกระป๋องนั้น วลาดิสลอว์ ก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อมีนายทหารนาซีได้มาพบเจอเขาโดยบังเอิญ นายทหารคนนั้นไม่ได้ชักปืนออกมายิงเขาทิ้ง แต่กลับสอบถามว่าเขาเป็นใคร ? และมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? เมื่อได้ความว่า วลาดิสลอว์ สปิลแมน เคยเป็นนักเปียนโน นายทหารนาซีคนนั้นจึงพาเขาเดินมาที่เปียนโนเก่าๆ พร้อมกับสั่งให้วลาดิสลอว์ เล่นเพลงให้เขาฟัง วลาดิสลอว์ สปิลแมน ได้เล่นเพลงที่กลั่นออกมาจากจิตวิญญาณอันระทมทุกข์ของเขา เพลงบรรเลงของโชแปง “ Ballard in G minor ” มันลึกซึ้งเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจนายทหารนาซีผู้นั้น เมื่อการบรรเลงจบลง เขาได้นำเอาเศษขนมปังมาให้กับวลาดิสลอว์ แล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ และในวันถัดมา นายทหารคนนั้นก็กลับมาพบกับวลาดิสลอว์ อีกครั้ง พร้อมกับนำอาหารมาให้ และบอกข่าวสำคัญแก่เขาว่า กองทัพรัสเซียได้บุกใกล้เข้ามาถึงวอร์ซอแล้ว และกองทัพของเยอรมันทั้งหมด กำลังจะถอนตัวออกไปจากโปแลนด์ หลังจากวันนี้ไปเขาก็คงต้องหนีเช่นเดียวกัน ก่อนจากลานายทหารได้มอบเสื้อโค๊ตของเขา ให้แก่วลาดิสลอว์ เพื่อใช้กันหนาว และบอกให้อดทนอีกวันสองวันอิสรภาพของโปแลนด์ก็จะมาถึง นายทหารคนนั้นได้ถามชื่อของวลาดิสลอว์ และเขายังถามวลาดิสลอว์ ว่า ... “ เมื่อสงครามสงบลง เขาจะทำอะไร ? “ วลาดิสลอว์ ตอบกลับมาว่า ... ” ผมคงจะกลับไปเล่นดนตรีที่สถานีวิทยุโปแลนด์ อีกครั้ง “ นายทหารนาซีผู้นั้นจึงบอกว่า.... ” แล้วผมจะรอฟังบทเพลงที่คุณบรรเลงอีกนะวลาดิสลอว์ สปิลแมน “ อีกวันต่อมาทัพแดงของรัสเซียก็มาถึงวอร์ซอ โปแลนด์ก็ได้รับการปลดปล่อย วลาดิสลอว์ สปิลแมน ได้รับการช่วยเหลือ เขาได้กลับมาเล่นดนตรีที่สถานนีวิทยุโปแลนด์อีกครั้งหนึ่ง ต่อมาเขาได้รับข่าวนายทหารนาซีที่ช่วยเหลือเขาคนนั้น จากเพื่อนที่รอดออกมาจากค่ายกักกัน ว่า... นายทหารคนนั้นได้ฝากให้มาบอกกับวลาดิสลอว์ ว่า เขาชื่อร้อยเอกวิม โฮลเซนเฟลด และถูกกักตัวอยู่ในค่ายกักกันเชลยศึกของรัสเซีย ขอให้วลาดิสลอว์ มาช่วยเหลือเขาด้วย แต่อนิจจาเมื่อวลาดิสลอว์ สปิลแมนเดินทางไปถึงที่ตั้งค่ายนั้น กองทัพแดงได้อพยพเชลยศึก ให้เดินทางลึกเข้าไปในเขตแดนของรัสเซียแล้ว เขาจึงไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตอบแทนบุญคุณ ของร้อยเอกโฮลเซนเฟลดได้ จนสงครามสงบลง วลาดิสลอว์ สปิลแมนก็ได้สืบทราบว่า ร้อยเอกวิม โฮลเซนเฟลด ได้เสียชีวิตลงในค่ายกักกันเสียแล้วในปีค.ศ. 1952 แต่ความทรงจำถึงบุญคุณของโฮลเซนเฟลด ยังคงอยู่ในหัวใจของเขาเสมอมา และเมื่อเขาได้ถ่ายทอดมันออกมาเป็นตัวหนังสือ มันทำให้โลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม และยังทำให้ได้รับรู้ถึงมิตรภาพที่นายทหารนาซิ มีให้กับชาวยิวคนนี้อีกด้วย ความดีงามของร้อยเอกวิม โฮลเซนเฟลด ได้ส่งผลให้ ประธานาธิบดีของโปแลนด์มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ให้กับทายาทของเขาในปีค.ศ. 2007 และในปีค.ศ. 2009 อันเดรสจ สปิลแมน ลูกชายของวลาดิสลอว์ ได้ทำเรื่องร้องขอไปยังรัฐบาลอิสราเอล ให้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณ ให้แก่ร้อยเอกวิม โฮลเซนเฟลด ในฐานะที่ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวยิว โดยได้มีการมอบรางวัลนี้ ให้แก่บุตรของร้อยเอกวิม โฮลเซนเฟลด ที่เบอร์ลิน [ บุตรของร้อยเอกโฮลเซนเฟลด รับเหรียญเชิดชูเกียรติ์แทนบิดา ] วลาดิสลอว์ สปิลแมน ได้อาศัยอยู่ในกรุงวอร์ซอต่อมา พร้อมกับมีผลงานทางด้านการแต่งเพลง และงานแสดงดนตรี เขาเสียชีวิตอย่างบุคคลที่มีชื่อเสียงของโปแลนด์ เมื่อวันที่ 6 กรกฏาคม ค.ศ. 2000 รวมอายุได้ 88 ปี ...... ............................................. ผู้กำกับโรมัน โปลันสกี้ พิถีพิถันกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มาก เขาถ่ายทอดเรื่องราวชะตากรรมของวลาดิสลอว์ สปิลแมน ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นผลงานในระดับมาสเตอร์พีซของเขาเลยทีเดียว เขาใช้เมือง Potsdam ในเยอรมันเป็นโลเกชั่นแทนวอร์ซอ และย้ายมาถ่ายทำในเมือง Praga ในโปแลนด์ ที่ยังคงสภาพสถาปัตยกรรมของตัวอาคารเก่าๆ ใกล้เคียงกับกรุงวอร์ซอในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 [ การเซตฉากสำกรับถ่ายทำThe Pianist ในเมือง Potsdam ] นักแสดงที่มารับบทวลาดิสลอว์ สปิลแมน ก็คือ เอเดี่ยน โบรดี้ นักแสดงชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี่ ที่ชิงบทนี้มาได้จากโจเซฟ ฟายน์ นักแสดงชาวอังกฤษ ที่ถูกวางตัวเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก่อน The Pianist นี้โบรดี้เคยมีผลงานด้านตัวแสดงประกอบ มาบ้างจากภาพยนตร์ Summer Of Sam ของสไปร์ค ลี และ The Thin Red Line ของผู้กำกับเทอร์เร๊นซ์ มาลิค [ เอเดี่ยน โบรดี้ ผู้รับบทเป็น วลาดิสลอว์ สปิลแมน ] เอเดี่ยน โบรดี้ ได้ถ่ายทอดชีวิตของวลาดิสลอว์ สปิลแมน ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัว จนทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเวทีอคาเดมี่ อว็อด ( อ๊อสก้าร์ )ในปี 2003 [ เอเดี่ยน โบรดี้ กับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมอ๊อสก้าร์ 2003 ] ผู้ที่มารับบทร้อยเอก วิม โฮลเซนเฟลด ได้แก่ โธมัส เคียสมันส์ นักแสดงชาวเยอรมัน อดีตนักว่ายน้ำของเยอรมันตะวันออก ก่อนหน้าที่จะเล่นเรื่องนี้ เคียสมันส์ ไม่เคยเล่นภาพยนตร์ฮอลลี่วู๊ดมาก่อนเลย แต่หลังจากเรื่อง The Pianist นี้ เขาก็ได้รับบททั้งใน KingKong ( 2006 ) และภาพยนตร์เรื่อง Valkyrie ( 2008 ) [ โธมัส เคียสมันส์ ผู้รับบทเป็นร้อยเอก วิม โฮลเซนเฟลด ] ผู้ที่รับหน้าที่ดัดแปลงงานเขียนของวลาดิสลอว์ สปิลแมน มาเป็นบทภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ก็คือโรนัลด์ ฮาวู๊ดส์ ( operation Daybreak ) ต่อมายังมารับหน้าที่เดิม ให้กับโปลันสกี้อีกใน Oliver Twist ( 2005 ) ส่วนทางด้านการกำกับภาพนั้น โปลันสกี้วางใจให้พาเวล อเดลมัน (Oliver Twist , Ray ) ผู้กำกับภาพมือเยี่ยมชาวโปลฯ ที่มาถ่ายทอดงานด้านการถ่ายภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนประกอบที่เปรียบเสมือนหัวใจหลักของเรื่องนี้ ก็คืองานด้านเพลงประกอบที่โปลันสกี้ได้โวจเช็ค คิลล่าร์ ยอดนักประพันธ์สกอร์มือทองชาวโปลฯ ที่เคยมีผลงานอย่างเช่น BramStoker ‘ Dracula และ The Ninth Gate และใช้ผลงานเพลงเด่นๆ จากงานของโชแปง มาประกอบได้อย่างลงตัว โรมัน โปลันสกี้ ฉายเปิดตัวภาพยนตร์ The Pianist ครั้งแรก ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ในปีค.ศ 2002 ก่อนที่จะออกฉายทั่วโลกในเดือนมกราคม ค.ศ. 2003 ได้รับคำชื่นชมและเก็บรายได้จากการฉายทั่วทั้งโลกอย่างมหาศาล ส่วนทางด้านของรางวัลนั้น The Pianist ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 2002 จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอคาเดมี่ อว็อด 2003( ออสก้าร์ ) รวม 7 สาขาคือ สาขาการตัดต่อ , สาขาเครื่องแต่งกาย , สาขาการภ่ายภาพ , บทภาพยนตร์ดัดแปลง ,สาขา นักแสดงนำชาย , สาขาผู้กำกับภาพยนตร์ และ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ The Pianist ก็ได้รางวัลมา 3 สาขาใหญ่คือ บทภาพยนตร์ดัดแปลง , ดารานำแสดงชาย และ ผู้กำกับภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม จากงานประกวดภาพยนตร์บาฟต้า และยังกวาดมาอีก 8 รางวัลจากงาน ซีซ่าร์ อว๊อด อีกด้วย The Pianist จึงเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าอย่างแท้จริง มันคืองานที่ผู้กำกับ โรมัน โปลันสกี้ ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตวิญญาณ ถ่ายทอดเรื่องราวที่สะเทือนใจ แต่แฝงให้เห็นถึงมิตรภาพ ระหว่างผู้ที่ยืนอยู่สองขั้วของมหาสงคราม ที่ถูกดึงดูดให้มาเกื้อกูลกันด้วยความสวยงามของบทเพลง ที่เป็นความสวยงามที่อยู่เหนือความขัดแย้งใดๆ ของมนุษย์ชาติมาโดยตลอด !!! ชื่อภาพยนตร์ : The Pianist ความยาว : 150 นาที ปีที่สร้าง : 2002 สัญชาติ : ฝรั่งเศส , โปแลนด์ , เยอรมัน , อังกฤษ ผู้อำนวยการสร้าง : Roman Polanski, Robert Benmussa ผู้กำกับภาพยนตร์ : Roman Polanski นักแสดง Adrien Brody : Władysław Szpilman Thomas Kretschmann : Captain Wilm Hosenfeld Frank Finlay : Father Szpilman Maureen Lipman : Mother Szpilman Emilia Fox : Dorota Ed Stoppard : Henryk David Singer : Hansell เรตติ้ง IMDB : 8.5 / 10 RottenTomatoes : 8.2 / 10 Romancini Blog : 8.5 / 10 เครดิต : allmoviephoto
Create Date : 03 กรกฎาคม 2552
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 1:55:41 น.
99 comments
Counter : 10221 Pageviews.
โดย: Romancini วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:26:36 น.
โดย: Mermaid AI วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:09:55 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:48:06 น.
โดย: Sea Water วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:45:52 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:44:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:54:57 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:07:04 น.
โดย: Kra_tai (stardift ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2552 เวลา:23:11:56 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:28:15 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:22:47 น.
โดย: โฮเวิร์ด IP: 58.11.1.78 วันที่: 7 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:51:36 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:0:33:29 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 8 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:39:49 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:54:36 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 10 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:49:08 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:16:55 น.
โดย: Opey วันที่: 14 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:10:01 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 16 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:25:28 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:04:36 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 18 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:09:19 น.
โดย: Opey วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:6:40:56 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:08:07 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:1:28:13 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:14:03 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:20:40 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:14:48:24 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:45:59 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:09:36 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:48:03 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:49:19 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 28 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:28:13 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:18:03 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 สิงหาคม 2552 เวลา:13:32:35 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 สิงหาคม 2552 เวลา:11:27:51 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:11:59:42 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:21:15:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:10:07:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:21:17:52 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:15:58:06 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 สิงหาคม 2552 เวลา:22:21:27 น.
โดย: Opey วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:1:05:26 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 สิงหาคม 2552 เวลา:10:50:25 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:9:45:19 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 สิงหาคม 2552 เวลา:15:43:31 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:11:46:10 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 สิงหาคม 2552 เวลา:15:27:35 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 สิงหาคม 2552 เวลา:10:49:23 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:12:29:23 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 29 สิงหาคม 2552 เวลา:2:00:43 น.
โดย: Opey วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:9:28:24 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 31 สิงหาคม 2552 เวลา:15:24:34 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 กันยายน 2552 เวลา:11:01:55 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:13:33:51 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:18:17:16 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 กันยายน 2552 เวลา:22:09:01 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:19:32:46 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:14:32:13 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 11 กันยายน 2552 เวลา:9:43:09 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 12 กันยายน 2552 เวลา:10:02:58 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:14:05:46 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 15 กันยายน 2552 เวลา:11:28:28 น.
โดย: กองฟอน วันที่: 16 กันยายน 2552 เวลา:12:16:57 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 กันยายน 2552 เวลา:11:24:28 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:11:07:42 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 25 กันยายน 2552 เวลา:19:27:33 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 กันยายน 2552 เวลา:13:33:57 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 กันยายน 2552 เวลา:15:17:59 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:19:36:24 น.
โดย: ".." IP: 216.105.230.231 วันที่: 7 ตุลาคม 2552 เวลา:3:27:01 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 8 ตุลาคม 2552 เวลา:11:09:24 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 9 ตุลาคม 2552 เวลา:10:27:19 น.
โดย: พ่อระนาด วันที่: 13 ตุลาคม 2552 เวลา:20:54:08 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:14:34:16 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:18:39:55 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:12:48:38 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:16:38:00 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 ตุลาคม 2552 เวลา:11:50:41 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:11:52:56 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:12:33:19 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:09:02 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:52:11 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:52:09 น.
โดย: เจ้าหญิงที่เจ้าชายตายจาก (timeofmylove ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:58:21 น.
โดย: พรหมญาณี วันที่: 7 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:32:39 น.
โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:10:34:57 น.
โดย: Guiltywing IP: 27.130.89.151 วันที่: 5 เมษายน 2555 เวลา:5:32:37 น.
โดย: go far far วันที่: 12 สิงหาคม 2555 เวลา:5:20:07 น.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
ผู้ชายธรรมดา มีความฝันที่ยังไปไม่ถึง แต่ไม่เคยคิดท้อที่จะทำความฝันนั้น ให้เป็นจริง... " SHINE ON YOU CRAZY DIAMOND " Remember when you were young, you shone like the sun. Shine on you crazy diamond. Now there's a look in your eyes, like black holes in the sky. Shine on you crazy diamond. You were caught on the crossfire of childhood and stardom, blown on the steel breeze. Come on you target for faraway laughter, come on you stranger, you legend, you martyr, and shine! You reached for the secret too soon, you cried for the moon. Shine on you crazy diamond. Threatened by shadows at night, and exposed in the light. Shine on you crazy diamond. Well you wore out your welcome with random precision, rode on the steel breeze. Come on you raver, you seer of visions, come on you painter, you piper, you prisoner, and shine! Nobody knows where you are, how near or how far. Shine on you crazy diamond. Pile on many more layers and I'll be joining you there. Shine on you crazy diamond. And we'll bask in the shadow of yesterday's triumph, and sail on the steel breeze. Come on you boy child, you winner and loser, come on you miner for truth and delusion, and shine!
เมื่อคืนนั่งสู้กับ " เจ้าตัวขี้เกียจ "
ที่มันพยายามกีดกันไม่ให้อัพบล็อก
แต่ยังไงก็ตาม
ความดีย่อมชนะ ความเลว อยู่ดี หุ หุ
ดีใจจังอัพบล็อกใหม่ได้สำเร็จซักที ......โห่.......ฮิ๊ว !!!
~ ใครที่หลงทางผ่านมาที่บล็อกนี้ ก็ขอให้มีความสุขมากมายก่ายกองจนเหลือล้นเลยนะขอรับท่าน .......