......Romancini......
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
ย้อนตำนานอินทรีเหล็ก ร่วมฉลอง100 ปีของทีมชาติเยอรมัน ( ตอนที่4 ตะลุยอเมริกาใต้ 1962 )









จากการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ผ่านมา 4 หน
ของทีมอินทรีเหล็กนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นทัวนาเม้นท์
ที่มีการจัดการแข่งขันกันในทวีปยุโรปมาโดยตลอด
ตั้งแต่ อิตาลี่ 1934 , ฝรั่งเศส 1938 ,สวิสเซอร์แลนด์ปี 1954
และครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านพ้นมาที่สวีเดนในปี 1958
ดังนั้นเมื่อฟีฟ่าได้มีการลงมติเลือกประเทศชิลี
ให้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 1962 นั้น
จึงนับเป็นครั้งแรกที่ทีมฟุตบอลเยอรมัน
ต้องลงทำการแข่งขันในทวีปอื่นที่ไม่ใช่ผืนแผ่นดินยุโรปเป็นครั้งแรก
นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญ
ต่อกุนซือมือทองเซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์
และเหล่าพลพรรคขุนพลทีมอินทรีเหล็กเป็นอย่างยิ่ง



[ เซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์ บุนเดสเทรนเนอรของทีมเยอรมันตะวันตก ]


ทีมเยอรมันตะวันตกชุดปี1962 นั้น
เป็นทีมที่ประกอบไปด้วยนักเตะพลังหนุ่มและเสริม
ด้วยความเก๋า ซึ่ง แฮร์เบอร์เกอร์
ได้นำมาผสมผสานกันให้ลงตัว
หลังจากที่ผู้เล่นในชุดแชมป์จากปี1954
ต่างโรยราทยอยกันอำลาจากทีมไป
ฟริซต์ วอลเตอร์ ประกาศเลิกเล่นหลังจบฟุตบอลโลก58
เฮลมุต ราห์น ก็ตามไปอีกคน กองหลัง เอิกเคิ่ล แขวนสตั๊ด
เหลือเพียงฮันส์ ชาฟเฟอร์ ที่ยังคงเล่นอยู่



[ อูเว่ เซเลอร์ จอมถล่มประตูจากฮัมบรูก์ ]


ส่วนแกนหลักจากปี1958 เช่น
จอมทุ่มเทจากฮัมบรูก์ อูเว่ เซเลอร์ ก็มีการพัฒนาขึ้นมามากมาย
เฮอร์เบิร์ต เออร์ฮาร์ด กองหลังจอมแกร่ง
ก็ยังคงแข็งแกร่งไม่แปรเปลี่ยน
ฮอร์ส ซิกส์มาเนี๊ยก กองกลางพันธุ์ดุ ยังอยู่ในทีมชุดนี้



[ เฮอร์เบิร์ต เออร์ฮาร์ด ]


ทีมอินทรีเหล็กยังได้ดาวรุ่งหน้าใหม่
เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งอีกหลายคนเริ่มจาก
จอมถล่มประตูคนใหม่เฮลมุต ฮัลเลอร์ จากทีมบีซี อ็อกซ์บวก์
อัลเบิร์ต บรุนส์ มิดฟิลด์จอมเทคนิค
ของทีมโบรุสเซีย มึนเช่น กลัดบัค
เสริมกับวิลลี่ โครโลว์สกี้จอมขยันจากชาลเก้ 04
ไหนจะมี เซนเตอร์แบ็คฝีเท้าเยี่ยมจากทีมเดียวกัน
อย่าง วิลลี่ ชูลส์ อีกคน



[ เฮลมุต ฮัลเลอร์ ดาราจากทีมบีซี อ็อกซ์บวก์ ]


แต่ตำแหน่งที่สร้างความปวดหัวในการตัดสินใจ
ให้แฮร์เบอร์เกอร์จะต้องเลือกเพียงหนึ่งเดียว
ให้ลงเล่นในศึกฟุตบอลโลกชิลี 62 นั้นก็คือผู้รักษาประตู
เพราะในรอบคัดเลือกนั้นแฮร์เบอร์เกอร์ได้ใช้บริการของ
ฮานส์ ทีลค็อฟสกี้ จอมหนึบของทีมเวสต์ฟาเลีย เฮินส์
ให้ลงเล่นมาโดยตลอด



[ ฮานส์ ทีลค็อฟสกี้ ผู้รักษาประตูของทีมเวสต์ฟาเลีย เฮินส์ ]


แต่เมื่อได้เห็นฟอร์มของนายทวารดาวรุ่งพุ่งแรงวัยเพียง 21 ปี
นามวูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน จากทีมอูล์ม
ในเกมที่เยอรมันลงอุ่นเครื่องกับทีมอุรุกวัย
ก่อนที่ศึกฟุตบอลโลกที่ชิลีจะเริ่มต้นไม่นานนั้น
ฟาร์เรี่ยนได้สร้างความประทับใจให้กับบุนเดสเทรนเนอร์มาก
จนทำให้ตำแหน่งนายทวารตัวจริง
ของอินทรีเหล็กในเวิล์คัพ 62 ยังไม่ลงตัวนัก



[ วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน นายทวารดาวรุ่งของทีมอูล์ม ]


ในรอบคัดเลือกนั้นทีมเยอรมันตะวันตก
ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ไม่แข็งแกร่งนักโดยมี
ทีมไอร์แลนด์เหนือ ที่เคยพบกันมาในรอบแรก
ของฟุตบอลโลกที่สวีเดน 1958
และเจ๊ากันไปอย่างสนุก 2-2 โคจรมาอยู่ในกลุ่มคัดเลือกนี้อีกครั้ง
ร่วมกับทีมสมันน้อยแห่งยุโรปในเวลานั้นอย่างทีม
กรีซ และเหล่าพลพรรคอินทรีเหล็ก
ก็ไม่สร้างความผิดหวังให้กับเหล่ากองเชียร์
ที่หวังจะเห็นทีมรักของพวกเขาได้ไปโชว์ฝีเท้าที่ดินแดนอเมริกาใต้



[ทีมเยอรมันตะวันตก ชุดทำศึกฟุตบอลโลก 1962 ที่ประเทศชิลี ]


โดยลูกทีมของกุนซือแฮร์เบอร์เกอร์เก็บชัยชนะ4 นัดรวด
ทำได้ 11 ประตู และเสียไปเพียง 5 ลูก
โบยบินข้ามมหาสมุทรไปร่วมสงครามแข้งในศึก
เวิล์ดคัพครั้งที่ 7 ที่ประเทศชิลีในปีค.ศ.1962
ได้สำเร็จอย่างง่ายดาย


............................................................



1962 ฟุตบอลโลกที่ประเทศชิลี ( ตะลุยอเมริกาใต้ )

หลังจากที่ประเทศเล็กๆในอเมริกาใต้ อย่างชิลี
อาสารับงานใหญ่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
ในปี 1962 แล้วนั้น ก็ต้องประสพกับปัญหามาโดยตลอด
นับตั้งแต่การดำเนินการสร้างสนามที่ล่าช้า
และงบประมาณในการก่อสร้างบานปลายออกไปอย่างมหาศาล
ที่สำคัญในปีค.ศ.1960
ชาวชิลีก็ต้องประสพกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอีก
โดยเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศชิลี
ทำให้บ้านเรือนเสียหายและผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก



[ สภาพหลังจากเกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศชิลีในปีค.ศ.1960 ]


จนทางฟีฟ่าเริ่มวิตกกังวลว่าจะต้องหาประเทศอื่น
มารับหน้าที่เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกแทนชิลี เสียแล้ว
แต่จากการประสานงานและคำมั่นสัญญาที่หนักแน่น
และน่าเห็นใจของประธานจัดการแข่งขันของชิลี
นายคาร์ลอส ดิ๊ทบอน ที่ได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง
เพื่อให้ทางฟีฟ่าเห็นถึง
ความตั้งใจจริงที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก
ขึ้นในประเทศเล็กๆนี้ให้จงได้
ถึงกับมีสโลแกนของการจัดในครั้งนี้ว่า.....
“ เพราะเราไม่มีอะไรเลย.... เราจึงต้องมีฟุตบอลโลก ”



[ สัญลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1962 ที่ประเทศชิลี ]


และจากการร่วมแรงร่วมใจ
ชิลีก็สามารถที่จะจัดฟุตบอลโลกในครั้งนี้ได้ทันเวลาที่กำหนดไว้
ชนิดที่สีในสนามกีฬาแห่งชาติที่กรุงซานติอาโก
ยังไม่แห้งสนิทดีเลย
เมื่อเสียงนกหวีดแรกของนัดเปิดสนามเริ่มต้นขึ้นมา
ในวันที่ 30 พฤษภาคม 1962
แต่นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเป็นอย่างมาก
ที่ก่อนหน้าที่ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้นมาเพียง 1 เดือน
นายคาร์ลอส ดิ๊ทบอน
ประธานจัดการแข่งขันที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมด
เพื่อให้มี “ ชิลี 1962 ”
ได้เสียชีวิตลง
โดยไม่ทันที่จะได้เห็นผลงานของตัวเองกลายเป็นความจริง



[ คาร์ลอส ดิ๊ทบอน ประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1962 ]


ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
เดินทางมาข้ามทวีปจากยุโรปมายังประเทศชิลี
โดยสายการบินแห่งชาติ ลุฟท์ฮันซ่า ที่แสนสะดวกสบาย
ผิดกับเมื่อครั้งที่ทีมจากยุโรปมาแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก
ที่อุรุกวัยเมื่อปี 1930
ที่ต้องรอนแรมใช้ชีวิตอยู่ในเรือเดินสมุทรเกือบ 3 เดือนเต็มเลยทีเดียว
ในชิลีทีมเยอรมันเลือกที่จะใช้โรงเรียนเตรียมทหารของซานติอาโก
เป็นที่พักตลอดทั้งทัวนาเม้นท์นี้
โดยทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้ดัดแปลงให้โรงเรียนเตรียมฯ
แห่งนี้กลายสภาพเป็นโรงแรมห้าดาว
สร้างความสะดวกสบายให้กับเหล่าขุนพลอินทรีเหล็ก
และสต๊าฟทีมงานทุกคนเป็นอย่างมาก



[ 22 ขุนพลทีมอินทรีเหล็กที่ประเทศชิลี 1962 ]


รอบแรกของฟุตบอลโลกชิลี 1962
นี้ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2
ต้องลงทำการแข่งขันทุกนัดในสนามกีฬาแห่งชาติซานติอาโก
ที่เพิ่งเสร็จใหม่เอี่ยมอ่อง โดยมีเพื่อนร่วมกลุ่มอีกสามทีมได้แก่
ทีมเจ้าภาพชิลี ที่ได้เปรียบในเรื่องของสภาพอากาศและแรงใจ
โดยมีผู้เล่นดาราตัวความหวังของทีมคือ
ไลโอเนล ซานเชซ ศูนย์หน้าระดับพระกาฬขวัญใจของชาวชิลีทั้งประเทศ
นอกจากนี้ยังมีอิตาลี่ ยักฆ์ใหญ่จากยุโรป
เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกสองสมัย (1934 – 1938 )
ที่น่ากลัวเสมอในการแข่งขันฟุตบอลโลกมาโดยตลอด



[ วันพักผ่อนของทีมเยอรมันตะวันตก ในแคมป์เก็บตัวที่ชิลี ]


และทีมสุดท้ายในกลุ่มนี้ก็เปรียบเหมือนกับ
คนคุ้นเคยกับทีมอินทรีเหล็ก
เหตเพราะว่าพบกันบ่อยครั้งในฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
ซึ่งก็คือทีมสวิสเซอร์แลนด์
บ้านใกล้เรือนเคียงกับทีมเยอรมันตะวันตก นั่นเอง



[ ก่อนเกมดวลกับอัซซูรี่ 1962 ]


บ่ายของวันที่ 31 พฤษภาคม 1962
ท่ามกลางแฟนฟุตบอลแน่นขนัด 65,440 คน
ในสนามกีฬาแห่งชาติซานติอาโก
ที่มาเป็นสักขีพยานของเกมบิ๊กแม็ทซ์
2 ทีมยักฆ์จากยุโรปลงดวลแข้งกัน
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ และแสงแดดเจิดจ้าในแผ่นดินอเมริกาใต้
อิตาลี่ ลงเล่นนัดเปิดสนามกับทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
ทั้งสองทีมต่างใส่ผู้เล่นชุดใหญ่กันอย่างเต็มสูบ
ทีมอัซซูรี่ของกุนซือเปาโล มาซซ่า
ที่เชี่ยวชาญในการเล่นแบบแพ็คเกมรับให้รัดกุม
แล้วโต้กลับ ( คาร์เตนัคโช่ )
ก็มี ดาวรุ่งหลายคนอยู่ในทีมชุดนี้ เช่น
เจียนนี่ ริเวร่า ผู้เล่นจากทีมเอซี มิลาน ,
โอม่าร์ ซิโวลลี่อดีตผู้เล่นทีมชาติอาร์เจนติน่า
โอนสัญชาติมาเล่นให้กับทีมอัซซูรี่ในครั้งนี้
และยังมีเซนเตอร์ฮาร์ฟดาวดังจากทีมเอซี มิลานนาม
เซซาเล่ มัลดินี่ อีกด้วย
เมื่อสิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมจากกรรมการเดวิดสัน
ชาวสก็อตแลนด์แล้ว
เกมแห่งศักดิ์ศรีของสองทีมยักฆ์จากยุโรปก็เริ่มขึ้น



[11 ขุนพลอินทรีเหล็กในฟุตบอลโลก 1962 ทีชิลี ]


จากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้ง
ทำให้ผู้เล่นทั้งสองทีมต้องเล่นเกมช้าประคองเกมกันไปมา
เพราะเกรงว่าจะหมดแรงก่อน ทำให้รูปเกมดูเนือย
ลูกหวาดเสียวมีน้อยครั้ง
ลูกบอลอยู่บริเวณกลางสนามเป็นส่วนมาก
ทั้งสองทีมต่างเล่นกันแบบระมัดระวังกันจนเกินไป
ส่งผลให้เกมไม่ไหลลื่น ดูน่าอึดอัด สำหรับทีมเยอรมันตะวันตก
ซึ่งตรงกันข้ามกับทีมอิตาลี่ ที่ถนัดในการเล่นเกมอุดแบบนี้อยู่แล้ว
ก่อนที่จะจบครึ่งเวลาแรก
เยอรมันก็เกือบที่จะเสียประตูให้แก่อิตาลี่
เมื่อ อัลตาฟินี่ เปิดลูกจากด้านขวาของสนามมาที่หน้าประตูเยอรมัน
วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน ที่ได้รับโอกาสจากแฮร์เบอร์เกอร์
ให้ลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงออกมาตัดบอลพลาด
ลูกไปเข้าทางปืนของโอม่าร์ ซิโวลลี่ ซึ่งยิงสวนทันที
แต่ลูกนั้นกลับพุ่งถากเสาขวามือออกไปนิดเดียว
ทำให้ทีมอัซซูรี่ชวดออกนำไปหวุดหวิด
เยอรมันโต้คืนเมื่ออัลเบิร์ต บรุนน์ ได้จังหวะ
โยนมาให้กับอูเว่ เซเลอร์ ที่ยืนโล่งอยู่ที่หน้าประตูอิตาลี่
แต่ดาวซัลโวจากทีมฮัมบูรก์
กลับโหม่งลูกนี้เช็ดเสาออกไปอีกแบบไม่น่าเชื่อ



[ เยอรมันตะวันตกพบอิตาลี่ รอบแรกในฟุตบอลโลก 1962 ]


เกมในครึ่งเวลาหลัง
ก็ยังเป็นไปในรูปแบบเดิม
ที่ทั้งสองทีมเล่นแบบชวนให้คนดูง่วงเหงาหาวนอนเป็นอย่างมาก
และโอกาสจะๆที่น่าจะเป็นประตูก็เป็นของอูเว่ เซเลอร์ อีกครั้ง
เมื่อเขาได้โอกาสเลี้ยงบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษของทีมอิตาลี่
ลุยจิ ลาดิเช่ ไม่กล้าเสียบเพราะกลัวเป็นจุดโทษ
ทำให้เซเลอร์ หลุดไปจนถึงโลเรนโซ่ บุฟฟ่อน
ผู้รักษาประตูของอัซซูรี่ที่พุ่งออกมา
และอูเว่ เซเลอร์ ก็ล็อคบอลหนีมือของบุฟฟ่อนได้
ก่อนที่จะล้มตัวสับไกยิงประตูทันที
แต่ลูกยิงที่ควรจะเป็นประตูชัยของทีมอินทรีเหล็ก
กลับถูกเจียโคโม่ โลซี่ แบ็คของอิตาลี่สกัดออกมาจากเส้นประตู
ทำให้เมื่อครบ 90 นาทีของเกมการแข่งขัน
ทั้งสองทีมจึงทำได้เพียงการกอดคอเสมอกันไป 0-0
แบ่งกันไปทีมล่ะ 1 แต้ม
อย่างที่ทีมอินทรีเหล็กเสียดายสุดๆ
เพราะมีโอกาสมากกว่าแต่ทำไม่ได้เอง



[ ฮอร์ส ซิกส์มาเนี๊ยก กองกลางพันธุ์ดุของทีมอินทรีเหล็ก ]


ในเกมนัดที่สองของทีมอินทรีเหล็กนั้น
แข่งขันกันเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 1962
ที่สนามกีฬาแห่งชาติของเมืองซานติอาโกเมืองหลวงของชิลี เช่นเดิม
โดยทีมเยอรมันตะวันตกต้องลงดวลกับทีมจากสวิสเซอร์แลนด์
ท่ามกลางแฟนฟุตบอลกว่า 64,922 คนแน่นสนาม
โดยมี ลีโอ ฮอร์น ชาวเนเธอร์แลนด์ ลงทำหน้าที่ผู้ตัดสิน
เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น
ทีมสวิสฯ ที่เกมแรกประเดิมสนามพ่ายแพ้ให้กับชิลีเจ้าภาพมา 1 ต่อ 3
ก็เริ่มเดินหน้า
เปิดเกมบุกใส่ทีมอินทรีเหล็กอย่างไม่มีเกรงกลัวศักดิ์ศรี
แต่อย่างใด เพราะหากในเกมนี้
พวกเขาไม่มีสกอร์อีกคงต้องเตรียมแพ็คกระเป๋า
จับเครื่องบินกลับบ้านก่อนใครในสายนี้อย่างแน่นอน



[ เยอรมันตะวันตกพบสวิสเซอร์แลนด์ ฟุตบอลโลก 1962 ]


แต่สวิสฯบุกอยู่ได้ไม่นานเมื่อทีมอินทรีเหล็ก
ตั้งตัวได้เกมก็เลยเปลี่ยน
กลายกลับมาเป็นเยอรมันเดินหน้าปูพรมบุกใส่สวิสฯบ้างแล้ว
เมื่อ อัลเบิร์ต บรุนน์ กองกลางจอมเทคนิคได้โอกาส
เขาเลี้ยงบอลหลบกองหลังสวิสฯ สองคนแล้วตัดสินใจส่องทันที
ลูกพุ่งวาบผ่านมือของ ชาร์ลี เอลซีเนอร์
นายทวารของสวิสฯไปกระทบบกับคานกระดอนออกมาดังสนั่น
เป็นการเตือนทีมสวิสเซอร์แลนด์แล้วว่า
วันนี้เจอเกมหนักแน่นอน และต่อมาก็เป็นจังหวะซัดจ่อๆ
ของเฮลมุต ฮัลเลอร์แต่ลูกก็ดันไปตรงตัวของเอลซีเนอร์
อีกครั้งอย่างน่าเสียดาย


>
[ วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน ป้องกันประตูจากการบุกของทีมสวิสเซอร์แลนด์ ]


หลังจากตั้งหน้าตั้งตาแพ็คเกมรับพายุการบุกจากฝ่ายเยอรมันอยู่นาน
สวิสฯก็สวนกลับได้หวาดเสียวเมื่อ
โรเจอร์ โวลลันเต็น เปิดลูกโค้งจากกราบขวามาที่หน้าประตูของเยอรมัน
วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน ไม่กล้ารับกระโดดชกบอลออกไป
แต่กลับโดนนอร์เบิร์ต เอสมันส์ ศูนย์หน้าของสวิสฯโหม่งสวนกลับมา
ดีที่ลูกลอยสูงข้ามคานออกไปนิดเดียว
ก่อนที่เกมการแข่งขันในครึ่งแรกจะจบลง 1 นาที
แผงหลังของสวิสฯก็เปิดช่องว่างให้กับทีมอินทรีเหล็ก
และก็โดนลงโทษทันที



[ อินทรีเหล็กประทะกับสวิสเซอร์แลนด์รอบแรก ฟุตบอลโลก1962ที่ชิลี ]


เมื่อ ฮานส์ ชาฟเฟอร์จอมเก๋าได้บอลทางกราบซ้ายของสนาม
แผงหลังของสวิสฯตามมาประกบเขาทันที
จากหางตาชาฟเฟอร์ มองเห็นว่าอัลเบิร์ต บรุนน์
มีตำแหน่งที่ว่างจากการประกบที่กลางสนาม
จอมเก๋าอย่างฮานส์ ชาฟเฟอร์ จึงเปิดบอลถวายพาล
ไปให้บรุนน์ และไม่มีพลาดเขาส่องบอลเรียดเต็มแรงจากระยะไกล
พุ่งเสียบเสาทางด้านขวามือของชาร์ลี เอลซีเนอร์
นายทวารของสวิสฯไปนอนสงบนิ่งอยู่ที่ก้นตาข่าย
1-0 อินทรีเหล็กขึ้นนำไปแล้ว
และเป็นประตูแรกในทัวนาเม้นท์นี้ของทีมอีกด้วย


[ วิลลี่ โครโลว์สกี้ โชว์ฟอร์มเยี่ยมในเกมดับสวิสเซอร์แลนด์ 2-1 ]


เมื่อครึ่งเวลาหลังเริ่มต้นขึ้น
ทีมสวิสเซอร์แลนด์ ก็เล่นเหมือนกับจะถอดใจ
โดนทีมเยอรมันเปิดเกมบุกใส่อยู่ข้างเดียว
และก็เสียหายหนักขึ้นไปอีก
เมื่อนอร์เบิร์ต เอสมันส์ ตัวความหวังของทีมเกิดเจ็บเล่นต่อไม่ได้
ต้องออกจากสนามไป
เมื่อขาดหางเสือเรือก็แตก
ในนาที่ที่ 59 อูเว่ เซเลอร์ ก็โชว์ความเหนือชั้น
เลี้ยงบอลหลบกองหลังสวิสฯทั้งแผง
หลุดเข้าไปดวลเดี่ยวๆกับเอลซีเนอร์ โกล์ของทีมสวิสฯ
ไม่มีเหลือเซเลอร์บวกสกอร์ให้อินทรีเหล็ก
หนีห่างสวิสฯออกไปเป็น 2-0 แล้ว



[ อูเว่ เซเลอร์ พังประตูทีมสวิสเซอร์แลนด์ 1962 ]


เมื่อนำสองประตู ทีมเยอรมันก็เริ่มที่จะผ่อนเกมลง
สวิสฯก็มีโอกาสเปิดเกมบุกมากขึ้น
เมื่อถึงนาทีที่ 73 ของเกม
โรฟท์ วูลส์ลิทส์ เตะจุดพลุมาที่หน้าประตูเยอรมัน
ฟาร์เรี่ยนปัดออกมาไม่ดีบอลมาถึง
ไฮส์ ชไนเดอร์ กองหลังที่ดันขึ้นสูงมาเติมเกมบุก
ชไนเดอร์ยิงสวนเต็มแรงพุ่งเสียบคานเป็นประตูตีไข่แตก
ให้สวิสเซอร์แลนด์ไล่เยอรมันขึ้นมา 1-2
แต่ก็ได้แค่นั้น
เพราะเมื่อเกมจบลงทีมสวิสฯก็ไม่สามารถที่จะบวกสกอร์เพิ่มได้อีก
ทำให้ทีมเยอรมันตะวันตกสามารถเอาชนะทีมสวิสเซอร์แลนด์
ไปได้อย่างสบายๆ
ตุน 3 คะแนนก่อนที่จะไปวัดกับเจ้าภาพชิลี
ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแรกต่อไป



[ สนามกีฬาแห่งชาติซานติอาโก แทบแตกในเกมที่ชิลีพบอินทรีเหล็ก ]


เกมนัดสุดท้ายในรอบแรกทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
ต้องลงเล่นพบกับทีมชิลี ชาติเจ้าภาพเพื่อแย่งกันเป็นที่หนึ่งในสาย
เยอรมันตะวันตกมีอยู่ 3 คะแนนจากการเสมอ อิตาลี่
และชนะทีมสวิสเซอร์แลนด์มา
ส่วนทีมชิลี นั้นชนะมารวดทั้งสองนัด มีอยู่ 4 คะแนน
แต่ในนัดที่ทีมชิลีเอาชนะอิตาลี่มา 2-0 นั้น
เกมการเล่นร้อนระอุ ไม่แตกต่างไปจากสภาพอากาศแต่อย่างใด
ผู้เล่นทั้งสองทีมต่างสาดหมัด และดวลแข้งผสมกันไปตลอดทั้งเกม
กรรมการต้องไล่นักเตะของทีมอิตาลี่ออกนอกสนามไปถึงสองคน
และเมื่อเกมจบลงแบบทุลักทุเลแล้ว
ผู้เล่นรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของทั้งสองทีมยังตามเข้าไปตะลุมบอนกันต่อ
ในอุโมงค์ใต้สนามและในห้องแต่งตัว
สร้างความวุ่นวายไปทั้งสนามจนถึงกับมีการขนานนาม
เกมนัดนี้ว่าเป็น
“ สงครามแห่งซานติอาโก ” เลยทีเดียว



[ “ สงครามแห่งซานติอาโก ”เกมเดือดนัดที่ชิลีพบกับอิตาลี่ฟุตบอลโลก 1962 ]



แฟนฟุตบอลกว่า 67,224 แออัดกันเข้ามาชม
จนล้นสนามกีฬาแห่งชาติซานติอาโก
เพื่อมาเป็นสักขีพยานในบ่ายวันที่ 6 มิถุนายน 1962
ที่มีแสงแดดเจิดจ้า สร้างอุณหภูมิของเกมให้ร้อนระอุ
เพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อกรรมการเดวิดสันได้ให้สัญญาญเริ่มเกม



[ ทีมชาติชิลี เจ้าภาพฟุตบอลโลกปีค.ศ.1962 ]


ผู้เล่นของทีมเจ้าภาพชิลีก็บุกหนัก
ทักทายทีมอินทรีเหล็กทันทีแบบไม่กลัวเกรงศักดิ์ศรี
เมื่อ อาร์มันโด โทรบ้าร์ ปีกขวาจอมพลิ้วของชิลี
เลี้ยงขึ้นมาทางกราบขวาของสนามในแดนของทีมเยอรมัน
แล้วบรรจงเปิดบอล มาที่หน้าประตู
วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน กระโดดชกบอลออกมา
รามิเรซเก็บบอลได้สับไกยิงสวนทันที
แต่ยังโชคดีที่นายทวารหนุ่มของเยอรมันกลับไปรับบอลได้ทัน



[ สองกับตันทีมก่อนเกม เยอรมันตะวันตกพบเจ้าภาพชิลี 1962 ]


จากลูกเตะมุมของเยอรมัน
วิลลี่ กรีสมันส์เปิดบอลพุ่งเข้ามาที่หน้าประตูของชิลี
และเป็นฮานส์ ชาฟเฟอร์ ทะยานขึ้นโหม่งบอลคนเดียว
ลูกทำท่าว่าจะเสียบมุมซ้ายบนของประตูอยู่แล้ว
แต่โชคร้ายบอลดันแฉลบเสา ออกหลังไปแบบน่าตาเฉย
จนมาถึงในนาทีที่ 21
ราอูล ซานเชซกองหลังของชิลีไปเหนี่ยว
อูเว่ เซเลอร์ ล้มลงในเขตโทษ
กรรมการเดวิดสันชี้เป็นลูกโทษที่จุดโทษทันที
ฮอร์ส ซิกส์มาเนี๊ยก จัดการแปบอลด้วยขวาลูกพุ่งเสียบเสาขวา
ในขณะที่ มิซาเอล เอสคูติ นายทวารของชิลีไปผิดด้าน
1-0 ทีมเยอรมันขึ้นนำ เจ้าภาพไปก่อนแล้ว



[ ไลโอเนล ซานเชซ สตาร์ดังตัวความหวังของทีมชิลี ]



เมื่อโดนนำไปก่อนกองเชียร์ก็ตะโกนหนุนกระตุ้น
ให้นักเตะชิลีโหมเกมบุกเข้าใส่ทีมอินทรีเหล็ก
เพื่อทวงประตูที่เสียไปคืนมา
แต่วันนี้เหล่าแผงหลังของทีมเยอรมันถูกบุนเดสเทรนเนอร์เซปป์
แฮร์เบอร์เกอร์ติวเข้มมาเป็นอย่างดี
ถึงวิธีการที่จะรับมือทีมเจ้าภาพ
กองหลังทุกคนไม่มีเสียดายบอล
เตะทิ้งได้เป็นเตะไม่มีเล่นเสี่ยงหน้าเขตประตูตัวเองเลย
ทุกคนเล่นอย่างมีวินัยไม่มีประมาทและร้อนลน
ไปตามเสียงของกองเชียร์ชาวชิลีหลายหมื่นคนที่กดดันเลย
และในเกมนี้วูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน
ก็ได้แสดงให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า
การที่แฮร์เบอร์เกอร์ เลือกเขาให้ลงเล่นเป็นผู้รักษาประตูตัวจริง
ของทีมนั้นเป็นการกระทำที่ถูกต้อง
เพราะนายทวารหนุ่มผู้นี้ได้โชว์ฝีมือ
ป้องกันลูกยิงที่เหล่านักเตะของชิลี
ดาหน้ากันมาใส่เขาได้ตลอด ไม่มีลนลานเลย



[ วิลลี่ ชูลส์ นักเตะเด่นของทีมเยอรมันตะวันตกในฟุตบอลโลก 1962 ]


ครึ่งเวลาหลัง
ก็ยังคงเป็นชิลีที่ดาหน้ากันหาช่องทางทวงประตู
จากทีมอินทรีเหล็กให้ได้
แต่จนแล้วจนรอด
ก็ไม่สามารถที่จะพาลูกผ่านแผงหลังของทีมเยอรมัน
และวูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน นายทวารจอมหนึบไปได้เลย
จากการที่ชิลีเปิดหน้าบุกเพลินนี้
เยอรมันก็ได้จังหวะสวนกลับในนาทีที่ 82
จากด้านซ้ายของสนามในแดนชิลี วิลี่ คล็อส
ตัวสำรองของอินทรีเหล็กก็จัดการเปิดบอล
ลอยโด่งมาที่หน้าประตูของชิลี
ลูกสูงเลยผ่านเซจิโอ นาว่าโร่ มาถึงอูเว่ เซเลอร์
ที่อยู่ระหว่างราอูล ซานเชซ กับ
มิซาเอล เอสคูติ นายทวารของชิลี ลูกเกือบที่จะตกลงถึงพื้นอยู่แล้ว
แต่จอมทุ่มเทอย่างเซเลอร์ ก็พุ่งตัวลงไปโหม่งเช็ดบอล
พุ่งเข้าประตูของเจ้าภาพชิลีไป 2-0



[ อูเว่ เซเลอร์ โหม่งประตูชัยให้อินทรีเหล็กเอาชนะชิลี 2-0 ฟุตบอลโลก 1962 ]


และทีมอินทรีเหล็กก็รักษาสกอร์นี้ได้จนจบเกม
ทำให้ผ่านเข้ารอบควอเตอร์ไฟนัลโดยเป็นที่หนึ่งในสาย
มีสิทธิที่จะได้ปักหลักลงเล่นอยู่ในกรุงซานติอาโก
ต่อไปไม่ต้องเดินทางย้ายเมืองไปเล่นที่อื่นให้เสียเวลา
ปล่อยให้ชิลีต้องไปเล่นเกมหนักกับ
ทีมสหภาพโซเวียตที่พกตำแหน่งแชมป์ยุโรป1960
ที่เมืองเอริก้าแทน



[ ทีมยูโกสลาเวีย คู่ปรับสำคัญของทีมเยอรมันตะวันตกในรอบควอเตอร์ไฟนัล 1962 ]


เหมือนผีจับยัดเกมในรอบควอเตอร์ไฟนัลของฟุตบอลโลก1962
คู่แข่งที่ทีมอินทรีเหล็กได้โคจรมาพบก็เป็นทีมยูโกสลาเวีย
คนหน้าเดิมที่พกเอาความแค้นมาเต็มกระเป๋าหวังล้างอาย
ที่โดนทีมเยอรมันตะวันตกถีบตกรอบก่อนรองชนะเลิศ
นี้มาสองสมัยซ้อน
ทั้งที่สวิสเซอร์แลนด์ปี 1954
และหนล่าสุดเมื่อครั้งที่แล้วที่สวีเดนในปี 1958
และในครั้งนี้ทีมสลาฟของกุนซือสมองเพชร พรีโวลสลาฟ มิไฮโลวิช
ก็ไม่ธรรมดาเมื่อได้ทีเด็ดของคู่หูสุดอันตราย
ทั้ง มิลาน การ์ลิท ดาวยิงสุดอันตรายของทีมปาร์ติซาน เบลเกรด
และ ดาร์เซน เจอร์โควิช
จากทีมไดนาโม ซาร์เกรบ
ที่ในปี 1960 ทั้งคู่
ได้พาให้ทีมยูโกสลาเวียคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิคมาได้
และทีมเดียวกันนี้นี่เอง
ที่ประกาศศักดาเป็นรองแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
มาเมื่อสองปีก่อน



[ มิลาน การ์ลิท ดาวเตะอันตรายตัวทีเด็ดของยูโกสลาเวีย ]


และในรอบแรกฟุตบอลโลกที่ชิลีครั้งนี้
หลังจากเกมแรกที่พ่ายแพ้ให้แก่สหภาพโซเวียตแชมป์ยุโรป
ไป 2-0 แล้วนั้น
ในสองเกมต่อมาทีมสลาฟก็ปรับปรุงทีมใหม่
โดยโชว์ฟอร์มถล่มทีมอุรุกวัยมา 3-1
ก่อนที่จะมาสอนบอลให้กับโคลัมเบียไปแบบหมดทางสู้ 5 ประตูต่อ 0
โดยที่ดาวยิงทั้งคู่ของทีมสลาฟแบ่งกันยิงไปคนละ4 ประตู
ดังนั้นการเจอกันในครั้งนี้
จึงไม่ใช่งานที่ง่ายเลย
ที่ทีมอินทรีเหล็กของบุนเดสเทรนเนอร์เซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์
จะผ่านทีมสลาฟทีมนี้ไปได้


[ คาร์ล-ไฮซ์ ชเนลิงเยอร์ ดาวเตะสารพัดประโยชน์ของทีมอินทรีเหล็ก ]


วันที่ 10 มิถุนายน 1962 ท่ามกลางอุณหภูมิที่สูงมาก
เนื่องมาจากแข่งขันจัดกันในเวลาบ่ายสองโมง
แต่ก็ยังมีแฟนฟุตบอลชาวชิลีเป็นจำนวนถึง 63,324 คน
แห่แหนกันมาชมเกมในนัดนี้ในสนามกีฬาแห่งชาติซานติอาโก
หลังสิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการแข่งขันจากกรรมการยามาซากิ ชาวเปรู
เกมที่ทุกคนรอคอยก็เริ่มขึ้น
อินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตกดูมีความมุ่งมั่นมาก
แต่ก็ยังแฝงด้วยความกังวลใจในความสามารถของทีมสลาฟ อยู่ไม่น้อย เยอรมันเดินเกมบุกเข้าใส่ทีมยูโกฯก็จริง
แต่ก็เป็นไปในแบบไม่เต็มที่
เหตเพราะระแวงความน่ากลัวของคู่หูดาวยิงทีมสลาฟ
ที่โชว์ฟอร์มที่น่าหวั่นเกรงในรอบแรกมานั่นเอง


[ ลีลาของดาร์เซน เจอร์โควิช ดาราดังของทีมยูโกสลาเวียเกมพบอินทรีเหล็ก ]


ต่อมาอูเว่ เซเลอร์ ได้จังหวะที่กองหลังสลาฟประกบไม่อยู่
เขาจึงยิงไกลเกือบ 35 หลา
ลูกพุ่งไปกระแทกโคนเสาขวามือของมิลูติน ซอสคิ๊ก
นายทวารของทีมยูโกฯออกหลังไป
ต่อมาจากลูกเตะมุมลูกมาตกลงตรงหน้าปากประตูของทีมยูโกสลาเวีย
อัลเบิร์ต บรุนน์ ได้จังหวะสับไกยิงทันทีลูกที่น่าจะเข้าไปที่ก้นตาข่ายอยู่แล้ว กลับมาติดอยู่ที่ตัวของปีต้าร์ ราดาโควิช
กองหลังสลาฟ ทำให้ทีมเยอรมันชวดได้ประตูออกนำไปอีกครั้งหนึ่ง



[ ฮานส์ โนวัค ตัวทีเด็ดของทีมอินทรีเหล็ก ]


และก่อนที่จะหมดครึ่งแรกไม่นานนัก
เยอรมันก็น่าที่จะได้ประตูขึ้นนำทีมยูโกสลาเวียอย่างที่สุด
เมื่อเฮลมุต ฮัลเลอร์ เปิดบอลมาจากทางด้านซ้าย
ลูกเปิดของเขาผ่านเลยกองหลังของทีมสลาฟมาหมด
จนมาถึงอูเว่ เซเลอร์ ที่ยืนโล่งอยู่ที่หน้าปากประตู
ของทีมยูโกสลาเวียเพียงคนเดียวโดยไม่มีใครคุม
แต่ด้วยความลังเลใจ ว่าจะยิงหรือจะโหม่งดีลูกบอลก็เลยลอยหลุด
ผ่านหน้าของดาวยิงจากสโมสรฮัมบรูก์ออกหลังไป
ท่ามกลางความเสียดายของกองเชียร์เยอรมันเป็นที่สุด
ทำให้หมดครึ่งเวลาแรก
ทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
ทำได้เพียงเสมออยู่กับทีมยูโกสลาเวีย 0-0
แบบที่โชคชะตาไม่ได้อยู่กับลูกทีมของเซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์
เลยแม้เพียงนิด



[ อูเว่ เซเลอร์ ไม่มีดวงวันสลาฟดับอินทรีเหล็ก ฟุตบอลโลกชิลี 1962 ]


ครึ่งเวลาหลังทั้งสองทีมเล่นกันระวังตัวขึ้น
ไม่เปิดเกมบุกแบบบุ่มบ่ามเสี่ยงที่จะเสียประตูกันสักเท่าไหร่
แต่ก็เป็นทางด้านของทีมยูโกฯที่มีโอกาสก่อนบ้าง
เมื่อได้ลูกเตะมุมทางด้านซ้าย
วลาดิเมียร์ โควาเซวิช เปิดลูกมาที่หน้าประตูของเยอรมัน
บอลหล่นลงมาเข้าทางของมิลาน การ์ลิท
พอดิบพอดี เขาสับไกยิงทันทีลูกผ่านมือของวูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน
ที่ออกมาปิดมุมไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่ได้วิลลี่ ชูลส์
มาบล็อคลูกยิงนี้เอาไว้ได้ ทีมสลาฟส่งจดหมายเตือนทีมอินทรีเหล็กแล้ว
ทั้งสองทีมดูท่าว่าจะต้องไปเหนื่อยกันต่อ
ในช่วงของการต่อเวลาพิเศษแล้ว
และนักเตะของทั้งสองทีมก็ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องมาจากสภาพอากาศที่ร้อน
อีกทั้งเล่นกันมาเกือบ 80 นาทีแล้ว



[ ลีโอ วายเด้น อีกหนึ่งขุนพลอินทรีเหล็กในฟุตบอลโลก 1962 ]


แต่ว่าเมื่อแผงหลังของเยอรมันมีช่องว่าง
จากลูกเปิดที่ไม่ได้มีอะไรเลยทางด้านขวา
ของดาร์เซน เจอร์โควิช บอลกลับเลยแผงหลังของอินทรีเหล็กมาหมด
จนมาถึงปีต้าร์ ราดาโควิช กองหลังที่ดันขึ้นมาสูงของทีมยูโกฯ
ราดาโควิชยิงดีดๆด้วยเท้าขวา ผ่านมือของวูลฟ์กัง ฟาร์เรี่ยน
นายทวารเยอรมันเข้าประตูไปในนาทีที่ 85
ยูโกสลาเวียขึ้นนำทีมเยอรมันตะวันตกไปแล้ว
และเหลือเวลาอีกเพียง 5 นาที
ที่จะให้ทีมอินทรีเหล็กตามทวงประตูที่เสียไปคืนมา



[ วิลลี่ โครโลว์สกี้ นักเตะเด่นของทีมอินทรีเหล็ก 1962 ]


เหล่าขุนพลทีมอินทรีเหล็กวิ่งกันเหมือนผึ้งแตกรัง
ดาหน้าสาดบอลยาวเข้าไปในแดนของทีมสลาฟ
ที่ตอนนี้พรีโวลสลาฟ มิไฮโลวิช
กุนซือสั่งให้ไม่ต้องขึ้นหน้าแล้ว
นักเตะทั้ง 11 คนต่างแพ็คกันแน่นอยู่ที่หน้าปากประตูของทีมตัวเอง
ไม่ว่าลูกบอลจะมาทางไหนก็ดูเหมือนกับว่า
จะไปติดที่ตัวผู้เล่นของทีมยูโกสลาเวียหมด
เมื่อครบ 90 นาทีของเกม
ทีมยูโกสลาเวียก็ทำได้สำเร็จ
จัดการล้างแค้นเอาชนะเหนือต่อทีมอินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก
ไปได้อย่างฉิวเฉียด 1 ประตูต่อ 0
ทะยานเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศกับทีมเช็คโกสโลวาเกียต่อไป



[ บุนเดสเทรนเนอร์เซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์อำลาฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายอย่างผิดหวัง ]


ปล่อยให้เหล่าขุนพลอินทรีเหล็ก
ต้องอกหักฝันสลายเก็บของขึ้นเครื่องลุฟท์ ฮันซ่า
เดินทางกลับบ้านต่อไปและเกมนี้
ก็เป็นเกมสุดท้ายในฟุตบอลโลก
ที่สุดยอดบุนเดสเทรนเนอร์ เซปป์ แฮร์เบอร์เกอร์
ได้คุมทีมอินทรีเหล็กเพราะหลังทัวนาเม้นท์นี้จบลง
ในปีค.ศ.1964เขาก็ประกาศยุติบทบาทอำลาทีมชาติเยอรมันไป
ทิ้งตำแหน่งบุนเดสเทรนเนอร์ ให้กับผู้ช่วยของเขา
เฮลมุต เชิร์น ทำหน้าที่สร้างทีมใหม่เข้าสู้ศึกในเวิล์ดคัพครั้งหน้าปี 1966
ที่อังกฤษจะรับเป็นเจ้าภาพต่อไป !!!!




.............................................................

~ คอยพบกับย้อนตำนานอินทรีเหล็กตอนที่ 5 ( สงครามแห่งบริตเทน 1966 )
เร็วๆนี้ที่บล็อกนี้อย่างแน่นอน................................^_^




Create Date : 22 กรกฎาคม 2551
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 1:49:57 น. 25 comments
Counter : 2815 Pageviews.

 
คลานตามมาจากการ์ดเชิญบ้านป้าญาณีค่ะ


โดย: กชมนวรรณ วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:23:48 น.  

 
๐ คืนอังคารฝากคำพร่ำฝากดาว
ถึงเพื่อนชาวบล๊อกแก๊งค์ในคืนนี้
ยามที่หลับแนบสนิทจงฝันดี
ณ ราตรีหรี่ตานิทรารมณ์ ฯ

ราตรีสวัสดิ์ นะคะ



โดย: porranat วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:23:41:55 น.  

 
hola!!!!
ไม่ได้เชิญก็จะแวะ มีไรป่ะ
โห...รูปที่ส่งมาน่ะ
นั่นอ่ะนะเด็กยังไม่เคย
อ่ะ...ดูนี่
ต้องแบบนี้ super model แบบนี้


ไม่รู้จักอ่ะดิ่ เห้อ...วัยรุ่นเซ็ง...


โดย: HastaLaVista วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:32:42 น.  

 
ทุกครั้งที่เข้ามาอ่านย้อนรอย...
รู้สึกเหมือนได้นั่งชมจริง ๆ เลยค่ะ
และต้องยอมรับว่าทีมยูโกฯ เค้า..อึดสู้ฟัด..
สู้กันสมศักดิ์ศรี....

ดูภาพสนามซานติอาโกวันแข่งกับเจ้าภาพชิลีแล้ว
ทำให้ป้านึกถึงตอนที่ป้าไปดูการแข่งขันบาสเกตบอล NBA ที่ชิคาโก เมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว สนามบาสฯ เล็กกว่าสนามบอลเยอะ แต่อารมณ์ของคนมาดูมาเชียร์คงไม่ต่างกันสักเท่าไร...สุดบรรยาย จริง ๆ ...ค่ะ

ขอบคุณ..คุณ Roman ฯ ที่นำเสนอเรื่องราวดี ๆ มาให้อ่าน
ป้าจะคอยติดตามตอนต่อไป...นะคะ

สำหรับป้า..กำลังเตรียม The Memory of India ตอนที่ 7
อยู่ค่ะ เรียบร้อยเมื่อไร จะมาเชิญคุณ Roman ฯ..นะคะ

ขอให้คุณ Roman ฯ มีความสุข ทุก ๆ วัน
และอย่าลืมดูแลสุขภาพ ด้วย..นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:00:24 น.  

 
สวัสดียามเช้า
ไปก็อปมาจากหน้าเก่าอ่ะ
กลัวว่าไม่ทันเห็น

""Every night I cut out my heart. But in the morning it was full again.""
คุ้นๆๆ มั้ยพี่
เหอๆๆๆๆๆๆ
มาจากหนังเรื่องไรน๊อ....


โดย: HastaLaVista วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:03:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ..คุณ Roman ฯ

ป้ามาส่งข่าว...ว่า
The Memory of India เสร็จเรียบร้อยแล้ว..ค่ะ
ว่าง ๆ เชิญที่บ้านป้า..นะคะ

Happy day ค่ะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 24 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:39:19 น.  

 
คนเรา สะเหร่อ เน๊อะ...
ไม่ล็อคอินอีกต่างหาก
อ้อ...ประโยคนะเหรอ
ยังไม่เกิดขึ้นหรอก
ส่วนใหญ่ในชีวิตจะใช้ประโยคนี้

"The Great Power Come
Great Responsibility"

แปลงร่างแล้ววิ่งแลย
ก๊ากกกกกกกกกกก


โดย: HastaLaVista วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:46:59 น.  

 
ระวัง!!! มันกำลังจะมา
(มาบอกว่าัอัพบล็อกน่ะ เหอๆๆ)


โดย: HastaLaVista วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:3:16:20 น.  

 
จริงๆ แล้วคุณร็อกกี้ขี้งก นี่ก็เข้าข่ายนะคะ
น่าฟันไง ฟันด้วยมีด แล้วร้องว่า
"This is Spatar"
บอกว่าเนี่ยะ มีดสปาต้าร์น่คะ
ถีบหน้าอกเบาๆ แบบในหนังก็ดีนะคะ
เ่อ่อ...ใครที่ใส่กางเกง
รัดติ้ววว และดูดีแบบนี้
ช่วยพามาหาหน่อย่
อยากเจอ
แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: HastaLaVista วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:22:44 น.  

 
๐ สวัสดียามเช้ารับอรุณ
รีบวิ่งวุ่นทักทายสหายบล๊อก
ด้วยจิตใจเริงร่ายั่วเย้าหยอก
ก่อนจะออกวิ่งแจ้นแล่นทำงาน ฯ



โดย: porranat วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:09:34 น.  

 


แวะมาเที่ยวเยอรมันค่ะ อิอิ

ปอมาเสริฟกาแฟนะคะ
สบายดีหรือป่าวคะ แง่มๆๆ


โดย: Butterflyblog วันที่: 25 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:34:09 น.  

 
๐ คืนดาวเดือนเลื่อนคล้อยแลลอยหาย
ใจหม่นคลายเศร้าสร้อยพลันหงอยเหงา
ค่ำคืนนี้ไม่มีแม้แสงเงา
แสงเดือนเคล้าเคลียคลอลออตา ฯ



โดย: porranat วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:06:28 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ


โดย: กชมนวรรณ วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:20:01 น.  

 
สวัสดียามเช้า
ขอให้มีความสุขมากๆ
กับการทำงานของตัวเอง
แต่เป็นวันหยุดของคนอื่น
ก๊ากกกกกกกกกกกกกก

เอ้าปรบมือให้



ชอบจริงๆ เล้ยยยย แกล้งคนเนี่ยะ
เข้าข่ายโรคจิตแล้ววว ก๊ากกกกกก
ไม่ต้องเศร้าไปนะจ๊ะ ร็อกกี้-ขี้งก
"Why So Serious"



ยิ้มไว้ครับพี่น้อง ชีสสสสสสส

จะไปดูแล้วโว้ยยยยยย!!!เจ้าข้าเอ้ยยยย


โดย: HastaLaVista วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:27:22 น.  

 
ยัง ยัง ขำไม่พอ

เอาไปอีก



โดย: HastaLaVista วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:35:38 น.  

 
อ่ะ..เห็นว่าไม่อยู่
เดี๋ยวไม่รู้ข่าวอีก
เอาข่าวมาฝากนะ
แฟนโด้ควงสาวใหม่อีกแล้ว
มีรูปด้วย
สวยโฮกกกกกก!!!!
แต่เห็นเค้าว่าจะไปทำอึ๋มเอาใจโด้เร็วๆ นี้อ่ะนะ
ดูรูปเลย เดี๋ยวตกข่าว



เป็นไง สวยใช่มะ
โห่..บอกแล้วววว


โดย: HastaLaVista วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:01:36 น.  

 


แวะมาเสริฟกาแฟค่ะ
มีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: Butterflyblog วันที่: 27 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:01:57 น.  

 
สวัสดีชาวโลก
ยังอยู่ดีมั้ย
รายงานตัวหน่อย
ที่ว่าไปทำงานนี่ที่ซาอุฯเหรอ เพ่
หายไปเลยหรือว่าไปอิรัก เหยียบกับระเบิดตายไปซะแล้ว
ขอเสียงชาวโลกด้วยขอรับ


โดย: HastaLaVista วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:18:10 น.  

 
ป้า...เปื่อย...เสียหลายวัน
กลับมา เลยแวะมาส่งความคิดถึง
ให้คุณ Roman ฯ ..ค่ะ

มีความสุขทุก ๆ วัน..นะคะ

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

[รวมglitterเยอะมาก คลิกเลย!]


โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:54:23 น.  

 
สวัสดีบรู๊ซ เวรรรร!!!
ภารของท่านนี่ยังไม่เสร็จสิ้นอีกเหรอ
ก็การเข้าป่าไปตามหาโทนี่ จา พนมน่ะ
หรือว่าท่านคิดจะอยู่ป่าไปเลยทีเดียว
ถ้าท่านบรู๊ซ เวรรร!!! จะตัดทางโลกแล้ว
กรุณามาทำเรื่องโอนสมบัติหนังทั้งหมด
ให้กับข้า โจ๊กเกอร์ ซะก่อนไม่อย่างนั้น
ข้าก็จะตามมาป่วนบล็อคของท่านอยู่เรื่อยๆ
อย่างนี้นี่หล่ะ ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกก



Ha Ha Hi Hi Ha Hu Hu ......



โดย: HastaLaVista วันที่: 29 กรกฎาคม 2551 เวลา:4:45:00 น.  

 
สวัสดีค่ะ...คุณ Roman ฯ
ขอให้เป็นวันพุธ..ที่สุขสันต์..นะคะ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:30:24 น.  

 
สวัสดีค่ะ เจนนี่แวะมาทักทาย สบายดีน่ะคะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมเยือนทักทายเจนนี่ที่บล็อคด้วยน่ะคะ ว่างๆก็แวะไปโยนโบล์ฯกับเจนนี่กันที่บล็อคน่ะคะ วันนี้เจนนี่มีรูปไปโยนโบล์ฯกันมาให้ชมค่ะ

รักษาสุภาพด้วยน๊า แล้วเจนนี่จะแวะมาทักทายใหม่ค่ะ


โดย: สาวอิตาลี วันที่: 30 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:46:27 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณร็อค
มาส่งซะดึกเลยนะคะ ป่านนี้คงยังไม่ตื่นมั้ง อิอิ


โดย: porranat วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:7:35:27 น.  

 
เจ้าทุยอยู่ไหน เจ้าทุยอยู่ไหน
ใครเจอวานช่วยบอกหน่อย
ว่าชั้นคอยจะเตะมันด้วยความคิดถึง
(มีอะไรไปหาเรื่องกับปีเตอร์นะ
เพราะยืมเพลงเค้ามาร้องเฉยๆ)
วู้ๆๆๆๆ....
เห็นมั้ยว่าหายไปกับจาพนมจริงๆด้วย
พอพี่โทนี่จากลับมา ร็อกกี้-ขี้งกก็มาพร้อมๆ กันเลย
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แล้วจะโดนอุ้มไปแบบพี่โทนี่จาอีกมั้ยล่ะนั่น...
เอ่อ..แทนที่จะมาบอกกล่าวว่าหายไปไหน
สงสัยหลุดออกมาได้คงอยากระบายเต็มที่นะเนี่ยะ
ขอสรรเสริญพี่เป็นข้อๆ เลยนะคร้าบบบ
1.ใครกันเนี่ย ที่บังอาจเอื้อม

มากล่าวหาว่า คุณน้องเจ๊จ๋าเจ๊ของเรา

มิใช่อนงค์นางกุลสตรีแห่งีสยามประเทศ ...

ตอบ...เค้าชื่อ โรมันชะนี,ร็อกกี้-ขี้งก,ฯลฯ

2. " ขุดกรุ "

ตอบ..ชั้นไม่ใช่เสี่ยอู๊ดพระเครื่องนะเฟร้ยยย!! ขุดกรุใช้กับพระหรือคนนี่น่าเก็บเข้ากรุอย่างคนแถวนี้

3." เบญจกัลยาณี "

ตอบ..ตามข้าพเจ้าราชบัญญัติ บรรทัดฐาน

ไว้นั้น ได้ให้ความหมาย ทั้งห้าไว้ดังนี้

1.1 สวย
1.2 รักโด้
1.3 กวนประสาทชาวบ้าน
1.4 พูดความจริง พูดตรงๆ
1.5 กระโดดเตะปากคนได้ ก๊ากกกกกกกกก


จะให้สั่งเลยใช่มะว่าต้องทำยังไง
โอนหนังทั้งหมดมา แล้วไปทำฮาราคีรีตัวเองซะ ไป๊...

แบร่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......


โดย: HastaLaVista วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:26:56 น.  

 


สวัสดีค่ะ
วันนี้ปอมีเมนูมาฝาก เลือกได้ตามใจชอบเลยนะคะ งุงิ
กาแฟรสเข้ม หรือโกโก้ร้อนๆ และ ชาหอมกรุ่นค่ะ....
มีความสุขมากๆ กับทุกๆ วันนะคะ

Have a nice day....


โดย: Butterflyblog วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:47:04 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Romancini
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้ชายธรรมดา มีความฝันที่ยังไปไม่ถึง แต่ไม่เคยคิดท้อที่จะทำความฝันนั้น ให้เป็นจริง...

" SHINE ON YOU CRAZY DIAMOND "

Remember when you were young, you shone like the sun.
Shine on you crazy diamond.
Now there's a look in your eyes, like black holes in the sky.
Shine on you crazy diamond.
You were caught on the crossfire of childhood and stardom, blown on the steel breeze.
Come on you target for faraway laughter, come on you stranger, you legend, you martyr,
and shine!

You reached for the secret too soon, you cried for the moon.
Shine on you crazy diamond.
Threatened by shadows at night, and exposed in the light.
Shine on you crazy diamond.
Well you wore out your welcome with random precision, rode on the steel breeze.
Come on you raver, you seer of visions, come on you painter, you piper, you prisoner,
and shine!

Nobody knows where you are, how near or how far.
Shine on you crazy diamond.
Pile on many more layers and I'll be joining you there.
Shine on you crazy diamond.
And we'll bask in the shadow of yesterday's triumph, and sail on the steel breeze.
Come on you boy child, you winner and loser, come on you miner for truth and delusion,
and shine!

Totó and Alfredo - ENNIO MORRICONE
Friends' blogs
[Add Romancini's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.