(17 มี.ค) ร.ต.ต.พรภวิย์ สุดแสวง รอง สวป. สภ.พิมาย ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีพระสงฆ์ไม่ห่มจีวร และแต่งกายไม่เรียบร้อย เดินออกรับบิณฑบาตในช่วงสายผิดปกติจากพระสงฆ์ทั่วไป อยู่ที่บริเวณด้านหน้าเขื่อนชลประทานพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมชุดสายตรวจ 191

เมื่อไปถึงพบพระสงฆ์ดังกล่าว อยู่ในสภาพไม่ห่มผ้าจีวร และผ้าก็เป็นคนละสี เมื่อขอตรวจค้นในตัวไม่มีหลักฐานในการอุปสมบท พบแต่เอกสารบัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารใบสุทธิไม่ติดรูปถ่าย ไม่มีลายเซ็นเจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ ทราบชื่อ นายแสวง ประเสริฐนู อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 80 ม. 2 บ้านแก่งโตน ต.นาซำ อ.หลุ่มเก่า จ.เพชรบูรณ์

จากการสอบถาม พระแสวง สารภาพว่า ตนได้อุปสมบทมาแล้วกว่า 1 พรรษา โดยอุปสมบทอยู่ที่วัดศรีสว่าง ต.โนนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม แต่จำชื่อพระอุปัชฌาย์ไม่ได้ พร้อมกับบอกว่าตนไม่ชอบอยู่วัด ชอบออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ รูปเดียว แต่ไม่มีกลดที่จะกางพักนอน

จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า พระแสวง มักจะออกเดินบิณฑบาตในช่วงสายๆ บางวันก็ออกบิณฑบาตช่วงเวลา 14.00-15.00 น. . ซึ่งผิดวิสัยพระสงฆ์ทั่วไป และมักจะขอบิณฑบาตเป็นเงินแทนเพราะช่วงบ่ายไม่สามารถรับบิณฑบาตเป็นอาหารได้ นอกจากนี้ ยังชอบแต่งกายใส่สบงผืนเดียว ไม่สวมอังสะ (เสื้อ) และไม่ห่มจีวร ชาวบ้านหลายคนจึงเชื่อว่าเป็นพระปลอม เกรงว่าจะสร้างความเสื่อมศรัทธาให้กับพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันพบพระลักษณะเช่นนี้อยู่บ่อยครั้งในพื้นที่ อ.พิมาย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบในครั้งนี้

ต่อมา ร.ต.ต.พรภวิย์ สุดแสวง จึงนำตัวไปที่วัดเดิม ต.ในเมือง อ.พิมาย เพื่อจะให้เจ้าคณะอำเภอพิมายตรวจสอบว่าเป็นพระจริงหรือไม่ เมื่อจะเชิญขึ้นรถ ก็ทำท่าขัดขืนไม่ยอมไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้หิ้วแขนทั้ง 2 ข้างจูงขึ้นรถแทน เมื่อไปที่วัดเดิมก็ไม่พบกับเจ้าคณะอำเภอพิมาย เพราะติดกิจนิมนต์ชาวบ้าน จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่มีอำนาจจับสึกได้ และตัดสินใจนำพระแสวง ออกนอกพื้นที่ไม่ให้อยู่ในเขต อ.พิมาย ถ้าพบเห็นเข้ามาอีกจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที.