|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หาหมอประจำปี 13/12/2008
เสาร์ที่ 13/12/2008 แวะไปหาหมอหามันทุกหมอ
เริ่มต้นด้วย "คลินิกทางเดินอาหาร" สองคนพี่น้องเป็นเหมือนกัน ก็เลยส่งให้หุ่นเป็นตัวแทนไปหาหมอ เนื่องจากเวลาที่ถึงมื้ออาหารในบางครั้งจะรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัวจะอ้วกโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่หลัง ๆ สังเกตุเอาเองเพราะว่ามันใกล้เวลาที่จะกินข้าวแล้วนั่นเอง สาเหตุเลยสรุปได้ว่า "หิว" เลยเกิดอาหารอย่างนั้น พอได้กินก็หาย
หนุ่ยเป็นหนักกว่า คือ หลังจากกินแล้วจะอืดไม่ย่อย ต้องกินยาช่วยย่อย หรือยาขับลมเพราะถ้าได้เรอแล้วจะสบาย หมอบอกว่า - ยาช่วยย่อยกินได้ความเชื่อที่บอกว่า กินยาช่วยย่อยแล้วต่อไปกระเพาะจะย่อยเองไม่ได้ไม่เป็นความจริง หมอบอกว่า - ความเครียดที่เราไม่รู้ตัวมีผลทำให้เกิดอาการของกระเพาะอาหาร หมอบอกว่า - อยากให้มาส่องกล้องตรวจว่าในกระเพาะเป็นไงบ้าง เป็นแผลรึเปล่าจะได้รักษาให้ตรงอาการ เพราะตอนนี้เด๋วเป็นเด๋วหาย บอกหมอกไปแล้วว่าขอลองกินยาดูก่อนว่ามันจะดึขึ้นไม๊ (สอบถามมาแล้วค่าส่องกล้อง 7,500 บาท ปีนี้หมดงบแล้วค๊า) หมอบอกว่า - สิ่งที่ต้องงด คือ ชา กาแฟ น้ำอัดลม และอาหารที่มันมาก ๆ และควรจะกินข้าวให้เป็นเวลา หมอบอกว่า - อยากจะขอเจาะเลือดตรวจตับ แต่เพิ่งตรวจไปทั้งสองคน และผลออกมาปกติ เลยไม่เป็นไรแต่หนุ่ยบอกว่า หมอที่วิชัยยุทธเคยสงสัยว่า จะมีอะไรเกี่ยวกับถุงน้ำดีรึเปล่า จากอาการที่เห็น แต่หมอว่าหนุ่ยอายุยังน้อยเลยไม่น่าจะเป็น
หมอนัดอีก 2 อาทิตย์ 27/12/2008 ต้องมาพบหมอ
คลินิกต่อไป "หู คอ จมูก" ไม่ได้หาเองแต่ไปเป็นเพื่อนเล็ก เนื่องจากเล็กมีอาการแบบว่า หูอื้อ ๆ เกือบจะตลอดเวลา ช่วงนั้นไปแม่สายขึ้นเขาลงเขา แล้วก็นั่งเครื่องกลับ กทม. อาหารเลยหนัก แต่หมอตรวจแล้วบอกว่า ... เป็นเพราะแพ้อากาศ แล้วมีสะเลด ซึ่งสะเลดไปค้างอยู่ในช่องหู ทำให้หูอื้อ เนื่องจาก หู คอ จมูก ช่องมันต่อกันหมด หมอให้ยา ลดการบวม และลดน้ำมูก (แบบง่วง-เช้า , แบบไม่ง่วง-เย็น)
หมอนัดเล็กอาทิตย์หน้า 20/12/2008
ระหว่างเดินไปคลินิกผิวหนัง คิดขึ้นมาได้ว่าต้องผ่าน "สูตินารี"แล้วหมอนัด 05/01/2009 แต่วันที่ 27/12/2008 ก็ต้องมาโรงพยาบาลอยู่แล้ว เลยไปถามว่ายาต้องฉีดก่อนวันที่หมอนัดได้รึเปล่า พยาบาลบอกว่าน่าจะได้เพราะฉีดฮอร์โมน เลยออกไปนัดให้เลยเป็นวันที่ 27/12/2008
ต่อไปด้วย "คลินิกผิวหนัง" เนื่องจากช่วงนี้อากาศหนาวผิวเลยแห้งมาก โลชั่นขนานไหนก็เอาไม่อยู่ แถมแห้งมาก ๆ เป็นคันด้วย แต่เคยไปหาหมอแล้วหมอให้ยามาทาทาแล้วมันหายเลยไปหาหมออีก
หมอบอกว่า - ห้ามอาบน้ำอุ่น ไม่ต้องให้เย็นมากก็ได้แต่แบบว่าเอากลาง ๆ หมอบอกว่า - ห้ามถูสบู่ ถึงตรงนี้เราทำหน้าแบบว่า "ห้ามถูสบู่เหรอค่ะ" หมอเลยบอกว่า "งั้นให้ถูกแค่จักแร้อย่างเดียว ตอนเช้าไม่สกปรกก็ไม่ต้องถูสบู่" ด้วยความสงสัยเลยถามหมอไปอีกว่า "สบู่แบบที่เค้าบอกว่าเพิ่มความชุ่มชื่นก็ไม่ได้เหรอค่ะ"
แล้วหมอก็อธิบายเพิ่มว่า - ขึ้นชื่อว่าสบู่ยังงัยก็เป็นสบู่เพราะฉะนั้นไม่ควรจะถูสบู่ ปกติไขมันชั้นผิวหนังเรามีน้อยอยู่แล้ว ถ้าเราถูสบู่อีกก็จะทำให้ไขมันมันหายไป ส่วนโลชั่น และออยสามารถทาได้ถ้าไม่แพ้
ส่วนหน้าคุณหมอบอกว่า - ตอนเช้าไม่ต้องใช้โฟมล้างหน้าเพราะว่าไม่สกปรก แต่ตอนเย็นล้างโฟมได้ แต่ต้องน้ำเย็นเท่านั้น จะลองทำตามที่หมอบอกดูเอฟจะได้เลิกว่าหน้าเหี่ยวสักที 555
คุณหมอผิวหนังคนนี้น่ารัก... กริยามารยาทเป็นผู้ดีสุด ๆ ซึ่งหมอผิวหนังดี ๆ หายากที่เคยหา ๆ มาเพิ่งจะเจอสองคนหมอสุวินคนดี และก็คุณหมอมลเนตรนี่แหละค่ะ ที่น่ารักมาก ๆ ส่วนหมอผิวหนังอื่น ๆ ทีเคยเจอมาไม่ขอพูดถึง คนนึงเคย comment กับทางโรงพยาบาลไปแล้วด้วยแต่ก็ไม่เห็นจะมีไรตอบกลับมา สงสัย comment จะสูญเปล่า สงสารคนอื่น ๆ ที่ต้องเจอกะหมอคนนั้นกับกริยาแย่ ๆ
Create Date : 14 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2551 23:04:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 573 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|