เมื่อแมวเปี่อย

  ห่างหายจาก blog ไปนาน กลับมาจะเขียนเรื่องเหมียวกุ้ยช่าย  ให้ฟัง เลยต้องใช้เวลาในการฟื้นความรู้เรื่องเขียน blog
อยู่หลายตลบ (จะบร้าตาย) ตอนนี้เหมียวช่าย กลายเปงหมู  
ไปแร๊ว ที่บ้าน (เรานี่แหละ) เลยเรียกสั้นๆ ว่าอ้วน อ่ะแน่อย่านึกว่า
คุณนายจะไม่หันนะ เรียกปุ๊บหันปั๊บ ไม่เหมือนเรียกกุ้ยช่ายเรยย
she จะเฉยเมยไม่รุไม่ชี้  แต่เมื่อวันจันทร์อ้วนป่วยค่ะ คือ
ตาขวาบวมจนหนังตาที่สามขึ้นมาปิดจนไม่เห็นตาดำเลย เล่นเอา
เราตกใจ ที่แรกนึกว่าไม่เป็นไร เพราะเห็นเล่นบทเจ้าน้ำตามา 2 วัน
(น้ำตาไหลเยอะมาก เพื่อนๆที่เลี้ยงเจ้ามิ๊ววว ควรสังเกตนะคะนี่เปง
สัญญาณว่ามีความผิดปกติกับเจ้ามิ๊ววของเพื่อนๆแล้ว) ก็เราเพิ่งจะ
เอาแมวเด็กเข้าบ้านมา แล้วเจ้าเด็กแสบนี่ก็เพิ่งหายป่วย
เหมือนกัน ไอ่เราก็ดันนึกว่าอ้วนเรียกร้องความสนใจมั่ง
(แหะๆ พูดเล่นค่ะ )
แต่ดันป่วยจริง แม่มานเรยต้องรีบหอบหิ้วกันมาที่โรงซ่อมแมวแถวรพ.ศิริราช  คุณหมอคาดว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แล้วก็ให้ยามาทั้งยากิน
ยาป้ายเสร็จสรรพ ให้รอดูอาการ 1 อาทิตย์ ค่อยว่ากันใหม่
เราก็เลยลองหารายละเอียดเกี่ยวกับโรคก็ได้ความรู้จากตรงนี้เลยค่ะ
//www.petgang.com/healthy/index.php?Group=16&Id=61
 เผื่อจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่หัดเลี้ยงแมวแบบเรามั่งเน๊าะ

โรคหวัดแมว

  " โรคหวัดแมว "   หลายๆ ท่าน
คงเคยเห็นเจ้าแมวตัวน้อย ตาปิดมิดจนกระทั่งคิดไปว่ามันโดนทำร้าย
มาจนตาบอด หรือว่าพบเห็นแมวมีน้ำลายไหลยืดๆ จนอดสงสัยไม่ได้
ว่ามันกินสารพิษเข้าไปรึเปล่า อาการเบื้องต้นที่ว่านี้คงอาจนึกไม่ถึงว่า
คือ โรคที่แสนจะธรรมดาๆ อย่างนี้เอง   

   สาเหตุของโรคหวัดแมว  โรคนี้มีสาเหตุแห่งทุกข์ คือ เชื้อไวรัสและเชื้อ
แบคทีเรียบางชนิด แต่ผู้ร้ายของเรื่องนี้
จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าไวรัส 
ซึ่งก็เหมือนหวัดคนนะครับที่เกิดจากเชื้อไวรัสเช่นกัน  อาจมีคำถามเด็ดๆ ตามมา เช่น " ผมจะติดหวัดจากแมวไหมเนี่ย"  "ตอนนี้ดิฉัน
เป็นหวัดอยู่ แล้วอย่างนี้มันติดมาจากดิฉันหรือเปล่า"  จึงขอให้
ความกระจ่างดังนี้คือ
   โรคหวัดแมว เป็นเชื้อไวรัส
แต่แทนที่จะมีชนิดเดียวกลับมีตั้งสองชนิดแน่ะ  และที่แปลก
กว่านั้นก็คือ มันทำอันตรายต่ออวัยวะแต่ละส่วนที่แตกต่างกัน
คือ เชื้อชนิดหนึ่งชอบรุกรานเยื่อบุช่องปาก โดยจะพบแผลที่ลิ้น
และช่องปาก แมวก็น้ำลายไหลยืด เพราะเจ็บปาก กินน้ำไม่ได้
กินข้าวไม่ลง  แต่อีกชนิดมันปรากฏผลที่ตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ
บวม บางทีก็เป็นแผลที่กระจกตา นัยน์ตาเหมือนมีเยื่อพิเศษ
สังเกตเห็นได้ว่า แมวหรี่ตา เจ็บปวดมาก นึกถึงเวลาขนแยงตา
ของเราสิครับ แหมนึกแล้วก็ยังเคืองตาอยู่ปริบๆ   แต่เชื้อชนิด
นี้ทำให้ตาอักเสบไม่พอ
ยังทำให้เกิดแผลอีกด้วย   ที่นี้ก็
จะมีขี้ตาออกมาเยอะเชียว  จนแมวบางตัวตาปิดและมีขี้ตาเกรอะ
กรัง  ถ้าปรากฏในลูกแมวนั้นเจ้าของที่นำแมวมารักษาบอกว่า
มันตาบอดไปเลยก็มี   เอาเป็นว่าถ้าเขาซึม ตาอักเสบ
หรือน้ำลายไหลยืดๆ  หรือสังเกตเห็นแผลในช่องปากล่ะก็ 
ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า  มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคหวัดแมว 
เจ้าของควรพาไปหาหมอโดยเร็วพลัน  เพราะถ้าปล่อยไว้แล้ว
แมวเกิดแผลในช่องปากแล้วไม่ยอมกินอาหาร ร่างกายก็จะทรุดโทรม
เดี๋ยวจะแย่ลงไปอีก  บางตัวถึงตายนะครับ ส่วนตัวที่เป็นแผลที่ตา
ก็อย่านิ่งนอนใจไปเชียว บางคนคิดว่าเป็นได้หายเอง ก็ถูกต้องบ้างเหมือนกัน  แต่ไม่รู้หายไปไหนนะครับ เพราะบางตัวเป็นแผลกระจกตา
จนทะลุตาบอดไปเลย สุดท้ายต้องผ่าตัดเอาลูกตาออก 
คราวนี้หายไปจริง ๆ  แต่เป็นลูกนัยน์ตาที่หายไป
         
โรคหวัดแมวนอกจากจะมีเชื้อไวรัสเป็นผู้ร้ายแล้ว  ยังมีพวก
แบคทีเรียเป็นผู้ช่วยผู้ร้ายร่วมด้วยนะครับ สรุปว่าอย่านิ่ง
นอนใจไป แค่หวัดบางทีก็ตาย หรือ เสียลูกตาได้นะครับ 
          วิธีการรักษา  โรคนี้รักษาได้ไม่ยาก
แล้วก็ป้องกันได้ไม่ยากอีกเช่นกัน เพราะว่ามีวัคซีนที่ใช้ป้อง
กันโรคนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ  
แต่การป้องกันก็ช่วยได้พอควร  ที่สำคัญโรคนี้หลังจากหายป่วยแล้ว
แมวตัวนั้นจะยังแพร่เชื้อต่อไปได้ตั้งแต่ 3 สัปดาห์ จนถึงหลาย
เดือน ดังนั้น ถ้ามีแม่แมวที่ป่วยเป็นโรคนี้ ให้ระวังลูกแมวมีโอกาส
จะติดโรคนี้ได้ไม่ยาก  และไม่ควรเลี้ยงแมวรวมๆ กันมากๆ  
โอกาสแพร่เชื้อจากตัวหนึ่งไปสู่อีกตัวหนึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ  
            การติดโรค  
โรคนี้แพร่กระจายได้ง่ายครับ เพราะติดต่อจากการสัมผัสน้ำตาน้ำมูก
การจามใส่ หรือจากการใช้ชามข้าว ชามน้ำร่วมกับตัวที่ป่วยก็
มีโอกาสพาเชื้อไปยังตัวอื่นๆ ด้วย   การฆ่าเชื้อทำได้ง่ายๆ
ด้วยการใช้น้ำยาซักผ้าขาวผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 ต่อ 32 ส่วน  
ล้างทำความสะอาดพร้อมทั้งควรตากแดดและผึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ให้แห้งสนิท  เพราะว่าเชื้ออยู่ได้นานในที่ชื้น   รวมทั้งแยกกรงและล้าง
กรงของแมวตัวที่ป่วย  เห็นด้วยไหมครับว่า ไม่ยากเลย  ลองปฏิบัติดูนะครับ  มีข้อสงสัยอะไรสอบถามมาได้นะครับ


หมายเหตุ แบบวิชาการ     เชื้อผู้ร้าย (ไวรัส ) Feline herpes virus และ  Feline calici virus เชื้อผู้ช่วยผู้ร้าย (แบคทีเรีย) Bordetellabronchiseptica และ Chlamydia psitaci ( var.felis)
           การป้องกัน   วัคซีนหวัดแมว
เริ่มทำในลูกแมวตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์   หลีกเลี่ยงการเลี้ยง
แมวรวมกันหนาแน่น  และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแมวป่วยและ
ควรทำความสะอาดหลังจากสัมผัสแมวป่วยก่อนสัมผัสแมวตัวอื่น
           การติดต่อ  สัมผัส
เชื้อทางการหายใจ การสัมผัสน้ำมูกน้าตาน้ำลายตัวที่ป่วย และ
เฉลยไม่ติดต่อสู่คนนะครับ...........

Create Date : 16 กันยายน 2551		2 comments
Last Update : 18 ธันวาคม 2551 18:38:18 น.
Counter : 3215 Pageviews.
Share Tweet